เข้าสู่ระบบ2
พี่น้องข้าต้องอยู่ให้ห่างไกลจากตัวหายนะ
ผ่านไปยังไม่ถึงชั่วจิบชาด้วยซ้ำ หายนะที่นางพยายามดึงพี่รองให้หลบหนีก็ตามมาถึงที่ ไวกว่าความคิดอวี้ซีเยว่ได้ดึงตัวพี่รองของตนไปหลบซ่อนที่หลังต้นไม้ใหญ่ด้วยกัน
“รอข้าประเดี๋ยวเจ้าค่ะท่านพี่เฟยฉี”
“มีอันใด” บุรุษหน้านิ่งเอ่ยถามพลางสอดส่องสายตามองหาอะไรบางอย่าง
“ได้ยินท่านพ่อบอกว่า ท่านลุงท่านป้าและท่านพี่เฟยฉีย้ายกลับมาอยู่เมืองหลวงเป็นการถาวรแล้วหรือเจ้าคะ”
“อืม”
“เช่นนั้นข้าไปเยือนจวนหยางเพื่อฝึกยิงธนูกับท่านได้หรือไม่เจ้าคะ” คำกล่าวของสตรีที่เคยพบเจอกันบ้างเมื่อยามบิดาต้องไปตรวจตราค่ายทหารตามรับสั่งของฮ่องเต้ ทำให้เขาหันกลับมามองแล้วคำกล่าวเตือนพี่ชายของสตรีผู้หนึ่งก็ดังขึ้นในหัว
‘สตรีชุดขาว กิริยามารยาทอ่อนหวาน แท้จริงมารยายิ่งกว่าสตรีในหอนางโลม’ ตรงตามที่นางกล่าวไม่ผิดเพี้ยน
คุณชายหยางก้าวถอยออกห่างสตรีในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แม่นางเจ้าเป็นสตรีที่ผ่านการปักปิ่นแล้ว หากอยากเรียนยิงธนูควรจะให้บิดาของท่านจ้างอาจารย์มาสอน”
“แต่คนที่ยิงธนูเก่งกว่าท่านเกรงว่าจะหาได้ยาก”
“เช่นนั้นเจ้าที่ยิงธนูเป็นแล้วจะเรียนไปอีกทำไม แค่ฝึกฝนให้มากเจ้าก็จะเชี่ยวชาญเอง เจอกันครั้งหน้าได้โปรดเรียกข้าว่าคุณชายหยาง” เขากล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินกลับไปหาสหายที่กำลังสนทนาอยู่กับผู้คุ้มกันของจวนอวี้
“ดีจริง ท่านพี่เฟยฉีจำได้ว่าข้ายิงธนูเป็น” หากไม่มีใจ เหตุใดถึงได้จำเรื่องราวของคนที่พบเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเช่นนี้เล่า
เพียงคิดได้เท่านั้นรอยยิ้มอ่อนหวานก็เบ่งบานอยู่บนใบหน้าของเฟินฮุ่ยเหมย บุตรีของแม่ทัพอุดร
เมื่อไม่มีงิ้วให้ดูแล้ว สตรีสองคนที่ลอบมองอยู่หลังต้นไม้ก็ออกมา
‘ที่แท้ก็เป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่นี่เอง’ โถ่...นางก็นึกว่าจะได้เห็นฉากตกหลุมรักยามแรกพบสบตา ที่ไหนได้รู้จักกันมานานแล้ว ไม่เห็นจะเหมือนที่เคยอ่านมา
“นี่เฟินฮุ่ยเหมยชอบพี่เฟยฉีเช่นนั้นหรือ”
“เท่าที่ข้าแอบฟัง ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
“เป็นเวรกรรมของพี่เฟยฉีแล้ว” อวี้ลู่เสียนทอดถอนใจแทนสหายของพี่ชาย
“ว่าแต่ท่านพี่เถิดเจ้าค่ะ หากท่านพี่ไม่มีคนรักของตนเองสักที เฟินฮุ่ยเหอก็ไม่เลิกพยายามเกี้ยวท่านนะเจ้าคะ”
“แล้วจะให้พี่ทำอย่างไร ในเมื่อพี่ยังไม่มีบุรุษในดวงใจ” อวี้ลู่เสียนทำสีหน้าไม่พอใจทันทีเมื่อเอ่ยถึงบุรุษหน้าไม่อายผู้นั้นที่ชอบส่งข้าวของมาให้นาง แม้ทุกชิ้นนางจะส่งกลับคืนจวนเฟิน แต่เฟินฮุ่ยเหมยผู้นั้นก็ยังไม่วายเอ่ยวาจายั่วยุเสียดสีทุกครั้งที่เจอหน้า ทำให้นางทนไม่ไหวต้องลงมือตบตีอีกฝ่ายอยู่ร่ำไป
“เช่นนั้นข้าจะเป็นคนมองหาบุรุษให้พี่รองเองเจ้าค่ะ เชื่อมือน้องสาวผู้นี้เถิดเจ้าค่ะ” แค่เชื่อมวาสนาด้ายแดงจะยากอันใดกัน
หากพี่สาวนางลงเอยกับบุรุษสักคน พี่รองก็จะหลุดพ้นจากการเป็นนางร้ายและไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับพระเอกผู้นั้น พี่ชายก็จะไม่คับแค้นใจที่สหายทำร้ายจิตใจน้องสาวจนเลือกข้างผิด ตระกูลนางก็จะรอดพ้นจากการถูกประหาร
หากไม่ยุ่งเกี่ยวกับตัวหายนะอย่างพระเอกนางเอก ตระกูลอวี้ก็จะอยู่รอดปลอดภัย
รถม้าของตระกูลอวี้วิ่งไปตามทางเพื่อกลับจวนโดยมีผู้คุ้มกันทั้งที่เปิดเผยตัวและไม่เปิดเผยตัวคุ้มครองอยู่ไม่ห่าง ส่วนคุณชายใหญ่และสหายก็ควบม้าอยู่ด้านข้าง
“ข้าขอไปคุยกับผู้คุ้มกันก่อน” อวี้ลู่หมิงเอ่ยพร้อมกับหยุดม้าเพื่อรั้งรอผู้คุ้มกันที่ควบม้าอยู่ด้านหลัง
“อืม”
‘ซีเยว่ เจ้านั่งให้ดีๆ หน่อยได้หรือไม่’ เสียงของอวี้ลู่เสียนกำลังดุน้องสาวที่น่าจะนั่งไม่เรียบร้อย
‘ข้าง่วงนี่เจ้าคะ’
‘ทนอีกนิด ประเดี๋ยวถึงบ้านค่อยนอน’
‘พี่รองใจร้าย บังคับไม่ให้เด็กน้อยอย่างข้านอนหลับพักผ่อน’
‘เด็กน้อยอันใดกัน เจ้าน่ะปีหน้าก็ออกเรือนได้แล้ว’
‘ข้าไม่ออกเรือนหรอกเจ้าค่ะ จวนตระกูลใดจะอยู่สบายเท่าจวนตน’ คำกล่าวของสตรีในรถม้าทำให้บุรุษผู้หนึ่งขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ
‘พี่เห็นด้วยนะที่เจ้าไม่ออกเรือน เพราะพี่คิดว่าคงไม่มีฮูหยินจวนใดอยากได้สะใภ้ซุกซนและดื้อรั้นราวกับเด็กน้อย’
‘พี่รองเห็นด้วยกับข้าเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าข้ามีพรรคพวกเพิ่มอีกหนึ่งคนแล้ว เหลือเพียงแค่ท่านแม่เท่านั้นที่ไม่เห็นด้วยที่ข้ากล่าวว่าจะไม่แต่งงาน’
‘เจ้าคงต้องใช้เวลากล่อมหลายปีหน่อย’
‘ข้าไม่คุยกับท่านแล้ว ข้าขออ่านนิยายก่อนนะเจ้าคะ พี่รองสนใจอยากอ่านสักเล่มหรือไม่’
‘เชิญเจ้าตามสบาย’ สิ้นประโยคนั้นภายในรถม้าก็เงียบกริบมีเพียงเสียงหน้าหนังสือที่ถูกเปิดอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะค่อยๆ ช้าลงเรื่อยๆ
พอด้านในรถม้าเงียบเสียงไป คนที่อยู่นอกรถม้าเริ่มเกิดความสงสัย
โป๊ก เสียงอะไรบางอย่างกระทบเข้ากับผนังรถม้าดังลั่น
‘โอ๊ย...เจ็บ’
‘คิกคิก เจ้าเด็กซุกซน ง่วงนอนจนเอาหัวโขกผนังรถม้า’
‘พี่รองใจร้าย หัวเราะข้า’ เสียงกระเง้ากระงอดของสตรีวัยสิบสี่ทำให้ใครอีกคนที่ลอบฟังอยู่ยิ้มตาม รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าเพียงครู่เดียวก่อนจะเลือนหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน
‘ก็สิ่งที่เจ้าทำมันน่าหัวเราะ ไหนพี่ขอดูสิหน้าผากแดงมากหรือไม่’
‘แตะเบาๆ หน่อยสิเจ้าคะ ข้าเจ็บ’
เคร้ง เคร้ง เสียงดาบฟันกันดึงความสนใจของสตรีที่กำลังจะสัปหงกให้ตื่นขึ้น
“ครั้งต่อไปค่อยไปต่อที่เตียงเจ้าค่ะ” กล่าวจบนางที่ถูไถจุดสงวนกับแท่งหยกร้อนที่แข็งขึงจนมีน้ำหวานลื่นใสก็จัดแจงขยับตัวเพื่อให้แท่งหยกสามารถบุกรุกเข้าโพรงนุ่มอย่างง่ายดาย “อ่า...” “เจ้ายังคับแน่นเช่นนี้ พี่จะทนไม่ไหวเอา” แม้จะผ่านการคลอดลูกมาแล้วแต่โพรงนุ่มของนางยังรัดรึงแท่งหยกของเขาแน่น “ทนไม่ไหวก็ปลดปล่อยออกมาสิเจ้าคะ ข้าพร้อมรับ” “อ่า...มันดีมาก ฮูหยินพี่ช่างเก่งกาจ” เขาถึงกับร้องครวญครางออกมายามที่นางโยกตัวขยับขึ้นลง อกอวบอิ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าทำให้เขาทนไม่ได้จึงอ้าปากงับยอดอกนาง ก่อนจะใช้ลิ้นร้อนปัดป่ายไปมาสลับกับดูดกลืนเพื่อกระตุ้น “ข้าก็เป็นเช่นนี้เพียงกับท่า
ล่อลวงสามีเพื่อบุตรคนที่สอง หลังจากที่เลี่ยงไม่ยอมร่วมหลับนอนกับฮูหยินจนนางร้องไห้น้ำตานองเพราะเข้าใจว่าเขาเบื่อหน่ายนางแล้ว หยางเฟยฉีจึงเปลี่ยนเป็นการให้นางกินยาห้ามครรภ์ที่มาในรูปลักษณ์ใหม่ไม่เหมือนเดิมอย่างชารสดี กลิ่นหอม “ท่านพี่เจ้าขาวันนี้ข้าเลี้ยงลูก เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเหลือเกิน ตอนอาบน้ำท่านช่วยนวดให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ” กล่าวจบโฉมสะคราญก็รั้งอาภรณ์ลงเผยให้เห็นไหล่ลาดขาวเนียน “อึก...ได้” หยางเฟยฉีลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นความเย้ายวนของฮูหยิน เพราะลูกเกาะติดนางหลายวันเขาจึงไม่มีโอกาสไ
ตอนพิเศษ ว่าด้วยเรื่องราวของต้นหอม หลังจากเสร็จสิ้นพิธีกราบไหว้ฟ้าดินของบุตรชายได้สองเดือนหยางกั๋วกงและฮูหยินก็เตรียมตัวจะออกเดินทางกลับปราสาทโอสถ “ท่านแม่เจ้าขา ท่านว่างอยู่หรือไม่เจ้าคะ คือข้ามีเรื่องที่อยากจะรบกวนท่านเจ้าค่ะ” ท่าทางออดอ้อนน่ารักข
“ขอบคุณขอรับท่านหมอ” หยางเฟยฉีแสดงความเคารพท่านหมอหญิงอย่างนอบน้อม ก่อนจะหันไปดูแลฮูหยินของตนต่อ หลายวันผ่านไปร่างกายของอวี้ซีเยว่ฟื้นตัวดีขึ้น แม้จะทำงานเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แต่หากยามค่ำคืนนางต้องตื่นขึ้นมาดูลูกน้อย สามีก็จะตื่นขึ้นมาช่วยด้วย เขาไม่เคยปริปากบ่นและยังคงดูแลนางเช่นเดิม “ท่านพี่มีอันใดจะบอกข้าหรือไม่เจ้าคะ” ในยามที่นางเผลอนางมักจะเห็นเขาทำสีหน้าไม่สบายใจ “ไม่มี เจ้าอย่าได้คิดมาก” “ข้าไม่ได้คิดมากเจ้าค่ะ แต่ข้ารู้สึกว่าท่านเปลี่ยนไปตั้งแต่ข้าคลอดลูก หรือว่าเป็นเพราะข้าไม่งดงามเหมือนแต่ก่อน ท่านจึงคิดหมางเมินข้า” 
คุณชายหยางที่ออกไปทำงานถูกตามกลับจวนในทันที หยางกั๋วกงและหยางฮูหยินที่บังเอิญทราบข่าวก็รีบตรงมาที่จวนของบุตรชายทันที ‘ข้าเจ็บเหลือเกินเจ้าค่ะ’ “ซีเยว่” พอได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดของฮูหยินตน หยางเฟยฉีแทบจะรีบเข้าไปหานางทันที หากไม่ถูกบิดารั้งตัวไว้ “ใจเย็นๆ เฟยฉี สตรีคลอดลูกก็ต้องเจ็บปวดเช่นนี้อยู่แล้ว” หยางกั๋วกงผู้เคยผ่านเหตุการณ์นี้มาก่อนเอ่ยปากบอก “เพราะเหตุนี้อย่างไรเล่า พ่อกับแม่ถึงมีเจ้าเป็นบุตรเพียงคนเดียว บิดาเจ้าไม่อยากให้แม่เจ็บปวดยามที่ต้องคลอดบุตรเช่นนี้” ‘ฮูหยินน้อยใจเย็นๆ เจ้าค่ะ’ ‘ข้าเ
22 สัญญาที่มอบให้เจ้า อวี้ซีเยวนั่งมองหน้าสามีด้วยสายตากรุ่นโกรธและไม่ยอมเข้าใกล้ เพราะเมื่อวานเขาบอกจะให้นางได้นอนหลับพักผ่อนหนึ่งคืน แต่ยังไม่ทันพ้นยามห้าย (21.00-22.59) โจรบุปผาที่พอแต่งงานก็กลายร่างเป็นปีศาจราคะจับนางกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่าจนนางหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้&nbs







