“มีคนลืมเอาไว้ เจ้าอย่าได้ซักไซ้ข้าเลย เอาไปเก็บเถิดแล้วเอาเสื้อคลุมของข้ามาให้ที” นางตอบพลางปลดเสื้อคลุมให้สาวใช้
“เจ้าค่ะ” แม้จะอยากถามต่อว่าเสื้อเป็นของใครแต่พอเห็นสายตาดุของคุณหนู เจียวลู่จึงไม่กล้าเอ่ยถามออกไป
“ซีเยว่ วันนี้เจ้าสนใจจะไปหาของกินเลิศรสกับพี่หรือไม่” เสียงของพี่รองดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัว
“ไปเจ้าค่ะ” อาหารเลิศรสนางจะพลาดได้อย่างไร
“เช่นนั้นก็รีบผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ ประเดี๋ยวไปรับมื้อเช้ากับแม่ใหญ่แล้วค่อยไป รอประเดี๋ยว...นั่นเสื้อคลุมของใคร” อวี้ลู่เสียนกล่าวพลางสาวเท้าเข้าไปใกล้บ่าวรับใช้คนสนิทของน้องสาว แล้วจับผ้าคลุมขึ้นมากางดู
“ของพี่ใหญ่เจ้าค่ะ”
“ของพี่ใหญ่จริงๆ หรือ เจ้ารู้หรือไม่ขนที่ประดับอยู่ตรงบริเวณนี้คือขนจิ้งจอกสีเงิน”
“จิ้งจอกสีเงินหรือเจ้าคะ”
“อืม จิ้งจอกสีเงินเป็นสัตว์หายาก จึงทำให้เสื้อคลุมที่ทำจากขนของมันราคาสูงมาก ขนาดในวังหลังยังมีเพียงฮ่องเต้ ไทเฮา ฮองเฮาและรัชทายาทเท่านั้นที่จะมีไว้ในครอบครอง”
“ล้ำค่าเช่นนั้นเชียวหรือเจ้าคะ”
“อืม แต่แม้จะราคาสูงเพียงใดคนก็ยังอยากหามาครอบครอง ว่ากันว่าขนของมันอ่อนนุ่มและอบอุ่นกว่าขนจิ้งจอกธรรมดา ยามที่ขนมันต้องแสงอาทิตย์จะเปล่งประกายระยิบระยับ”
“เช่นนั้นข้าคงต้องให้เจียวลู่รีบนำไปเก็บแล้วเจ้าค่ะ” เกิดเสื้อคลุมของเขาเสียหาย นางมิต้องชดใช้ตำลึงจนหมดจวนหรือ
“เจ้าจะไม่บอกพี่จริงๆ หรือว่าเสื้อคลุมตัวนี้เป็นของใคร” แน่นอนว่าไม่ใช่ของพี่ใหญ่อย่างที่อีกฝ่ายบอกแน่นอน แม้ตระกูลอวี้จะไม่ได้ขัดสน แต่ก็ใช่ว่าจะร่ำรวยถึงขั้นซื้อเสื้อคลุมราคาหลายพันตำลึงทองเช่นนี้ได้
“ก็แค่บุรุษผู้หนึ่งที่หลงทางมาเจ้าค่ะ พี่รองอย่าบอกท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่นะเจ้าคะ”
“บุรุษ? ใครหรือ”
“พี่รองอย่าถามสิเจ้าคะ ข้าไม่อยากตอบ” อวี้ซีเยว่ทำแก้มพองแลดูน่าเอ็นดู จนคนเป็นพี่ใจอ่อนไม่ซักไซ้
“เอาล่ะพี่ไม่ถามก็ได้ว่าเขาเป็นใคร แต่เขามาบ่อยหรือไม่เจ้าเป็นสตรีหากเขาปีนเข้าห้องเจ้า...”
“เขาหลงทางเพียงครั้งเดียวเจ้าค่ะ และไม่มีเรื่องราวใดๆ เกิดขึ้นทั้งนั้น ข้าเพียงนั่งจิบชาพูดคุยเพื่อทบทวนเส้นทางกับเขาเพียงครู่เดียว เขาก็กลับไปเจ้าค่ะ” หากพี่รองผู้นี้รู้ว่าคนที่ปีนหน้าต่างเรือนนางคือหยางเฟยฉี มิแคล้วว่าคงกลายเป็นเรื่องใหญ่ นางไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นหรอก
“หากหลงทางมาเพียงครั้งเดียว เช่นนั้นก็แล้วไป พี่เพียงกลัวเจ้าจะเสื่อมเสียชื่อเสียง”
“แต่หากเขามาอีกล่ะเจ้าคะ” นางกล่าวพลางส่งยิ้มหวานให้พี่สาว แต่คำตอบของอีกฝ่ายกลับทำให้นางยิ้มค้าง
“ก็แสดงว่าเขามีใจให้เจ้าน่ะสิ”
ไม่...ไม่น่าจะเป็นไปได้
‘แม้ข้าจะงดงามไม่น้อย แต่นั่นพระเอกนะพี่รอง เขาจะมีใจให้ตัวประกอบอย่างข้าได้อย่างไร เขาถูกกำหนดให้ต้องครองคู่กับนางเอก’
“ดูเหมือนเจ้าอยากให้เขามาอีก เขารูปงามใช่หรือไม่”
“ข้าแค่กำลังคิดว่าหากเขามาอีก คงเป็นเพราะข้างดงาม”
“เยินยอตนเอง ไปรีบไปเปลี่ยนอาภรณ์ เราต้องไปรับมื้อเช้ากับทุกคนก่อนจะออกไป”
“เจ้าค่ะ” กินให้น้อยๆ จะได้กินอาหารเลิศรสจากนอกจวนได้มากๆ
อวี้ลู่เสียนพานางมานั่งจิบชาในห้องส่วนตัวซึ่งอยู่บริเวณชั้นสองของเหลาซูเม่ย แต่นั่งก้นยังไม่ทันอุ่น ก็มีบุรุษผู้หนึ่งเข้ามาทักทาย
“บังเอิญจริงๆ ที่พวกเจ้าก็มานั่งจิบชาที่นี่”
“บังเอิญจริงหรือเจ้าคะ มิใช่ว่าแท้จริงแล้วพวกท่านนัดกันไว้”
“พี่ไม่ได้นัดเขานะซีเยว่” พี่รองรีบเอ่ยปฏิเสธกับนาง
“พี่ไม่ได้นัดนางจริงๆ ซีเยว่ เมื่อครู่พี่เห็นพวกเจ้าเดินเข้ามาที่เหลาแห่งนี้จึงตามเข้ามา” โจวเลี่ยงรุ่ยตอบพลางลอบสังเกตสตรีที่ตนพึงใจ
“หากท่านไม่มีธุระอันใดต้องไปทำ เช่นนั่งจิบชาด้วยกันก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นพี่ต้องรบกวนด้วย” ผู้ตรวจการโจวตอบพลางสาวเท้าก้าวเดินไปที่เก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างๆ อวี้ลู่เสียน
“เลี่ยงรุ่ย เหตุใดเจ้าถึงเดินไม่รอข้า” บุรุษผู้หนึ่งเปิดประตูแล้วก้าวเข้ามาในห้องก่อนจะเอ่ยถาม
“ขออภัย พอดีข้าอยากมาทักทายพวกนางจึงรีบร้อนไปหน่อย”
“พวกนาง?” รองเจ้ากรมยุติธรรมผู้เก่งกาจทำหน้างง
“ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก นี่คือคุณหนูรองอวี้ อวี้ลู่เสียน ส่วนนั่นคือคุณหนูเล็กอวี้ อวี้ซีเยว่ ส่วนบุรุษผู้นี้คือสหายของข้ามีนามว่าซ่างกวนป๋อ เป็นรองเจ้ากรมยุติธรรม”
“อ๋อ...ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นหากข้าขอร่วมโต๊ะด้วยอีกคน คุณหนูทั้งสองจะรังเกียจหรือไม่” เมื่อได้ยินชื่อแซ่ ซ่างกวนป๋อเข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใดสหายของตนถึงรีบร้อนเข้ามาทักทายคุณหนูทั้งสอง
“เชิญเจ้าค่ะ ท่านมานั่งตรงนี้ก็ได้” สตรีที่ยังไม่ได้ปักปิ่นกล่าวพลางตบมือลงบนเก้าอี้ข้างตัว
“ขอบคุณคุณหนูเล็กอวี้” เขาตอบรับพลางส่งยิ้มบางให้กับสตรีตัวน้อย
“ท่านรองเจ้ากรมยุติธรรมเรียกข้าว่าซีเยว่ก็ได้เจ้าค่ะ” นางกล่าวพลางยิ้มสดใส รอยยิ้มที่เป็นดั่งหยาดน้ำทิพย์ชโลมจิตใจที่เคยแห้งผากของรองเจ้ากรมหนุ่มให้ดีขึ้น
15 พี่เปลี่ยนใจแล้ว อวี้ซีเยว่ได้แต่ชอกช้ำระกำใจเมื่อนางขอไปนอนที่ห้องของพี่สาวแล้วถูกปฏิเสธ เพราะอีกฝ่ายเห็นบุรุษสำคัญกว่า เพียงแค่คล้อยหลังนางไปอาบน้ำแค่ชั่วครู่พี่รองก็เปลี่ยนไป เอาแต่เฝ้าดูแลเหล่าบุรุษที่ร่ำสุราจนเมามาย ทิ้งให้น้องเล็กอย่างนางเดินคอ
“หากเปลี่ยนจากลู่เสียนเป็นซีเยว่เล่า เจ้าจะยินยอมง่ายดายถึงเพียงนี้หรือไม่” คำถามของสหายพี่ชายทำให้อวี้ซีเยว่ที่กำลังยกน้ำชาขึ้นจิบแทบสำลัก “ก็ต้องดูว่าน้องเขยข้าเป็นใคร มีนิสัยเช่นไร เขาดีต่อน้องสาวข้าหรือไม่ และสามารถแต่งเข้าตระกูลข้าได้หรือไม่” การรับปากว่าจะแต่งสตรีเพียงคนเดียวเป็นฮูหยินสำหรับเขาเป็นเรื่องเพ้อฝัน “หากเป็นข้าคุณชายหยางผู้นี้เล่า” “แค่กๆ” คราวนี้อวี้ซีเยว่สำลักน้ำชาจริงๆ “ใจเย็นๆ ซีเยว่” อวี้ลู่เสียนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ช่วยลูบหลังให้น้องน้อย “ขอบ...คุณ เจ้าค่ะ” “ดูเหมือนเป็นซีเยว่เอ
“เหตุใดเจ้าถึงถีบพี่ตกเตียงเช่นนี้” ใบหน้าไร้ที่ตินั่นยุ่งเหยิงราวกับกำลังไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกเช่นใดดีระหว่างมึนงงกับไม่พอใจ จะให้เขาพอใจได้อย่างไร ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกสตรีถีบตกเตียงเช่นนี้ พระจันทร์แสนซุกซนของเขาช่างไม่เหมือนใครจริงๆ แต่เพราะนางเป็นเช่นนี้ เขาถึงได้หลงใหลมิใช่หรือ “ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าเพียงตกใจ ก็ใครใช้ให้ท่านขึ้นมานอนเตียงสตรีที่ยังไม่ได้ปักปิ่นล่ะเจ้าคะ ข้านั้นเป็นเพียงแม่นางน้อยที่ไร้เดียงสาจึงตกใจอยู่บ้างที่มีบุรุษมาอยู่บนเตียง” อวี้ซีเยว่หลุบตาลงเล็กน้อย ริมฝีปากเม้มเข้าหากันราวกับกำลังไม่ได้รับความเป็นธรรม “พี่ขอโทษ ที่ทำเจ้าตกใจ” เขากล่าวพลางลุกยืนขึ้น มือใหญ่ปัดอาภรณ์อย่างลวกๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้นาง “ข้าก็ต้องขอโทษ
“ตามแต่ท่านต้องการเจ้าค่ะ แต่ขอยกเว้นชีวิตและเงินทองเจ้าค่ะ ข้าค่อนข้างยากจน ทุกวันนี้อยู่ดีกินดีเพราะบิดามารดา” นางกล่าวจบก็กลับมานั่งตัวตรงพร้อมกับหลุบตาลงเล็กน้อยให้ดูน่าเอ็นดูกึ่งน่าสงสาร “ท่านผู้ตรวจการโจว เย็นนี้ท่านพอจะมีเวลาว่างหรือไม่ขอรับ” เมื่อมีคนเสนอค่าตอบแทนให้ คุณชายหยางเช่นเขามีหรือจะไม่รับไว้ ในเมื่อค่าตอบแทนที่เขาต้องการมันช่างหอมหวานยิ่ง... “ข้าไม่ได้มีงานสำคัญใด ท่านมีอันใดหรือไม่” ขุนนางหนุ่มเอ่ยถามบุรุษผู้ที่มีอายุน้อยกว่า “เย็นนี้ข้าอยากจะเชิญท่านมารับมื้อเย็นที่จวนที่พวกข้าพักอาศัย อาจจะมีการจิบสุราบ้างเล็กน้อยเพื่อสร้างความคุ้นเคยกัน” หยางเฟยฉีกล่าวจบก็เหลือบมองสหายตน&nb
“ใช่ เขากล่าวว่าอย่างไรก็ไม่แต่ง เพราะตัวเขานั้นรักฮูหยินมาก สุดท้ายคนแบกความอับอายจึงเป็นคุณหนูเฟินที่บุรุษหลายคนในงานได้เห็นนางในสภาพเช่นนั้น ทั้งยังถูกบุรุษปฏิเสธไม่รับผิดชอบอีก” “ข้าเพิ่งรู้ว่ามีเรื่องเช่นนี้ด้วย แล้วการที่นางตกน้ำเป็นฝีมือใครหรือเจ้าคะ” เหตุใดนางถึงได้รู้สึกเหมือนว่าเวรกรรมกำลังตามทันสตรีผู้นั้น “ไม่ทราบ คุณหนูเฟินก็บอกไม่ได้ว่าเป็นฝีมือใคร เพราะบริเวณนั้นไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว” ‘ก็คงไปสร้างศัตรูเอาไว้มาก เลยมีคนมาเอาคืน’ “เจ้าอยากกินอะไรเพิ่มหรือไม่ พี่จะสั่งให้” สิ้นเสียงของรองเจ้ากรมยุติธรรม ก็มีบุรุษสองคนเปิดประตูห้องส่วนตัวเข้ามา “มิรบกวนท่านรอ
14 ว่าที่น้องเขยของอวี้ลู่หมิง ด้านบนของหอขายข่าวมีบุรุษสองคนนั่งมองกลุ่มคนด้านล่างด้วยสายตาเรียบเฉย นิ้วแกร่งหยิบถั่วในจานก่อนจะโยนเข้าปาก หากไม่ได้มาหนานโจวด้วยในคราวนี้ ตนก็คงไม่รู้ว่าแท้จริงนายท่านเฟยเจ้าของหอขายข่าวที่ยิ่งใหญ่และหอประมูลแห่งนั้นคือสหายผู้นี้ แม้จะรับรู้