LOGINเชอเอมเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยท่าทางอ่อนแรงกับการถ่ายงานในวันนี้ กระเป๋าสะพายที่เคยสะพายถูกถือไว้อย่างลวก ๆ เธอเดินพาร่างกายที่เหนื่อยล้าเขามาภายในบ้าน ก่อนจะหยุดยืนอยู่ที่ขั้นบันไดขั้นแรก หันไปตามเสียงเรียกของผู้เป็นพ่อที่เดินออกมาจากห้องนั่งเล่น มองมาด้วยสายตาเฉยชาจนสาวเจ้าตื่นตัวทันทีเมื่อสัมผัสได้ว่าเรื่องระหว่างเธอกับ
เซนนิก้าคงมาถึงหูผู้เป็นพ่อแล้วเป็นแน่ ก็ไหนเขาว่าคุยกับอัฐพลแค่คนเดียว“มาคุยกันหน่อยเอม”
“ขอเป็นหลังกลับจากภูเก็ตได้มั้ยคะคุณพ่อ” เชอเอมตอบกลับพร้อมรอยยิ้มบางให้กับผู้เป็นพ่อ แต่ยังไม่คิดจะก้าวเท้าเข้าไปหาด้วยความกลัวอยู่ลึก ๆ ในใจ แม้ปากจะยิ้มก็ตาม คราวก่อนเรื่องของผู้เป็นอา เธอก็ดื้อหัวชนฝาจนเพื่อนกับอาของตนได้แต่งงานกันไปแล้ว ส่วนเรื่องของเธอ ถ้าพ่อไม่พอใจและไม่ถูกใจเซนนิก้า มีหวังเป็นเรื่องยากที่ใครก็ช่วยไม่ได้เป็นแน่
ก็เธอน่ะดันมีชนักติดหลังเสียขนาดนั้น
“ไม่ได้! มานี่ มาคุยกับพ่อให้รู้เรื่อง ถ้ายังดื้ออีกพ่อจะส่ง...”
“โอเค ๆ ค่ะ ขอเอมไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ เอม...”
“พ่อให้เวลาหนึ่งนาทีในการเดินมาหาพ่อที่ห้องนั่งเล่น”
สายตาที่เหนื่อยล้าจากการทำงานต้องตื่นตัวเมื่อได้ยินเสียงผู้เป็นพ่อ เธอผันเปลี่ยนเป็นหวั่นใจเมื่อน้ำเสียงของพ่อเข้มขึ้นอย่างจริงจัง เขาหันกลับเดินเข้าห้องนั่งเล่นไป เชอเอมคอตก พรูลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกกลัวเล็กน้อยกับชนักที่สองของตัวเองในครานี้ แต่ที่เธอกลัวมากที่สุดคือการถูกสั่งให้เลิกกับเซนนิก้า ใช่ ที่เธอยังไม่อยากให้ใครรู้ก็เพราะผู้เป็นพ่อ หญิงสาวไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไรหากเธอมาพูดตามตรง แค่เพียงตอนนี้ยังมึนตึงใส่เธอจนจะเย็นชาอยู่แล้ว หากบอกไปว่าคบหาอยู่กับใคร มีหวังโดนส่งไปอยู่กับญาติทางตอนเหนือเป็นแน่ แค่ส่งไปไม่เท่าไร แต่ดันจะจับเธอแต่งงานกับเจ้าของไร่ส้ม แบบนี้แหละที่เธอกลัวที่สุด
เชอเอมสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งเพื่อรวบรวมความกล้าและดึงความเป็นตัวเองกลับมาให้เร็วที่สุด ทำเหมือนครั้งที่เธอช่วยผู้เป็นอากับเพื่อน ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางการเดินไปที่ห้องนั่งเล่น ทว่าเหมือนฟ้ามาโปรด เมื่อเสียงของคนที่กำลังนึกถึงและเฝ้าภาวนาให้มาช่วยดังขึ้นด้วยน้ำเสียงฉงน
“เป็นอะไรเอม”
“อาอัฐ หนูนิด...เทวดานางฟ้าชัด ๆ เลย”
ซิกก้าเดินเข้ามาภายในห้องทำงานในไนต์คลับของพี่ชายด้วยสีหน้าสบายอารมณ์ แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นกระเป๋าเดินทางขนาดกลางของพี่ชายวางอยู่ไม่ไกลจากโซฟา รีบเอ่ยถามกลับไปทันทีด้วยความสงสัยใคร่รู้
“พี่จะไปไหน อย่าบอกนะว่า...”
“ภูเก็ต” เซนนิก้าชำเลืองตาไปมองน้องชายอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะตอบให้อีกฝ่ายได้รู้ ทั้งยังไม่เข้าใจว่าทำไมซิกก้ายังคงวนเวียนอยู่ที่นี่
“ไปฮันนีมูนเหรอ เฮ้ย!” ซิกก้าแซวพี่ชายก่อนจะกระโดดหลบแฟ้มเอกสารแทบไม่ทัน อุทานออกมาด้วยความตกใจ
“วนเวียนอยู่แถวนี้ไม่มีที่ให้สิงสถิตหรือไง” เซนนิก้าเอ่ยเสียงเรียบอย่างไม่สบอารมณ์
“เป็นอะไร มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ซิกก้าก้มลงเก็บแฟ้มเอกสารขึ้นมา แล้วถามเมื่อจับสังเกตความผิดปกติของพี่ชายได้ พลางเดินเข้าไปหา
“...”
“หรือเป็นเรื่องของเอเรียน่า” เมื่อเห็นพี่ชายเงียบไม่ยอมตอบก็โพล่งออกไปอย่างไม่ได้คิดหน้าคิดหลังให้ดีจนถูกมองค้อนกลับมา
เหมือนจะเดาถูก...ซิกก้าคิดกับตัวเองภายในใจถึงสีหน้าและอากัปกิริยาของเซนนิก้า จนอดคิดไม่ได้ว่าพี่ชายยังลืมผู้หญิงที่เห็นแก่เงินคนนั้นยังไม่ได้ ไวเท่าความคิดก็คือความเป็นห่วงเพื่อนของตัวเองที่จะต้องมานั่งเสียใจหากพี่ชายของตนกลับไปคบหากับอดีตคนรักที่คบกันมาเจ็ดปี ไม่ได้ ยังไงเขาก็ไม่ยอมให้พี่ชายกลับไปคบกับผู้หญิงคนนั้นเป็นแน่ ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ยังจะกลับมาให้คนอื่นเขาเจ็บอีก ไม่มีทาง ซิกก้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเพื่อนของตัวเอง
“พี่เซน ผมถามจริง ๆ รู้สึกยังไงกับเอม” เมื่อเห็นพี่ชายยังคงเงียบจึงถามออกไป พลางสังเกตสีหน้าที่เฉยชาจนยากจะมองออก
“…” เซนนิก้านิ่งเงียบเพราะไม่รู้จะพูดออกไปเช่นไร เพราะเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกันแน่ เพียงแค่มีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็เท่านั้น เซนนิก้าอาจลองเปิดใจอย่างที่หลานสาวและน้องชายบอก แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าจะพูดออกไปได้หรือไม่ว่าชอบหรือรักเชอเอม
มันยังคงเป็นคำที่ยากสำหรับเขา ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาเขารับรู้ได้ถึงความสุขที่ไม่ได้มีมานาน มีบางเวลาที่ทะเลาะกับสาวเจ้าจนงอนกันอยู่หลายวัน ห่างเหินกันเป็นธรรมดาเมื่อทุกอย่างมันเยอะเกินไป แต่ท้ายที่สุดก็กลับมาเป็นเช่นเดิม หากถามว่ารู้สึกหึงห่วงเธอหรือไม่ ตอบได้เลยว่ารู้สึก เพียงแต่เขาไม่สามารถพูดคำคำนั้นออกมาได้ในตอนนี้ ไม่รู้เพราะว่ากำลังสนุกกับความแปลกใหม่หรือไม่ ใช่ เขายังไม่รู้ว่าความรู้สึกในตอนนี้เป็นอย่างไรกันแน่ ไม่รู้ว่าที่คอยตามหวง ตามห่วง แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเช่นนี้เป็นเพราะตนเองเป็นคนแรกของสาวเจ้าหรือไม่ หรือเพราะแค่กำลังสนุกไปกับเธอกันแน่
“ว่ายังไง” ซิกก้าเร่งถามด้วยความอยากรู้ เพราะพี่ชายของเขาช่างเป็นคนเก็บความรู้สึกได้ดีเสียจริง เขาครุ่นคิดอีกครั้งกับความรู้สึกของตัวเอง ก่อนจะตอบออกไปในที่สุดด้วยท่าทีและสีหน้าปกติจนคนฟังตกใจแกมโกรธพี่ชายขึ้นมา ราวกับว่าเชอเอมเป็นญาติพี่น้องของตนมากกว่าเซนนิก้า เพราะเขาโกรธพี่ชายของตัวเองขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้ว
“…ฉันไม่รู้”
มีหรือเธอจะยอมอยู่เฉย แค่ยอมให้เขาป้อนด้วยช้อนของเขายังไม่พอหรอก คิดได้แล้วมือเล็กก็ใช้ช้อนตัวเองตักเนื้อปลากะพงยื่นไปตรงหน้าเขาทันที เขามองสาวเจ้าด้วยรอยยิ้มอย่างไม่คิดอะไร อ้าปากรับเนื้อปลากินทันที ทั้งสองผลัดกันป้อนบ้าง กินข้าวกันเองบ้าง จนอาหารที่สั่งมาหมดเกลี้ยงและพากันออกมาจากร้านอาหารก็เกือบบ่ายโมงแล้วแดดจ้ากำลังพอดี แต่ไอความร้อนก็ทำให้คนที่กำลังเดินไปตามทางถนนเหงื่อตกจนกระทั่งเดินไปเจอกับร้านเล็ก ๆ ของชาวบ้านซึ่งตั้งขายน้ำแข็งใส แต่ทว่าด้านหน้าร้านตั้งป้ายว่า ‘โอ้เอ๋ว’ คิ้วทรงสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ไม่วายคว้าแขนของชายหนุ่มให้เดินตรงไปยังร้านที่เป็นเป้าหมายทันที ก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึงร้าน“โอ้เอ๋วคืออะไรเหรอคะ ไม่ใช่น้ำแข็งใสเหรอคะ” ถามออกไปด้วยความสงสัยเต็มประดา“หม้ายช่าย โอ้เอ๋วคือวุ่น หรอยแรง ลองกินม้าย” คนขายพูดภาษาใต้ตอบกลับมา“ขอสองถ้วยค่ะ” สาวเจ้าตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแม้จะไม่ค่อยรู้ว่ามันคืออะไร แต่ค่อยกลับไปหาข้อมูลก็ไม่สาย แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้เรื่องก็เห็นจะเป็นภาษาใต้ที
หลังจากกินไอศกรีมกันจนอิ่มท้อง ทั้งคู่ก็พากันออกไปเดินเล่นตามถนนย่านเมืองเก่า พลางหามุมถ่ายรูป ผลัดกันถ่ายรูปบ้างเซลฟีบ้าง และมันทำให้เขารู้สึกถึงความสุขที่แท้จริงในฐานะของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เดินไปทางไหนก็ไม่มีคนรู้จัก มองเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าหรือไม่ก็นักท่องเที่ยว แตกต่างจากที่อิตาลี ที่ไปไหนจะต้องมีลูกน้องเป็นสิบคนเดินตามไปด้วยทุกที่ แม้แต่เข้าห้องน้ำก็ต้องเข้าคนเดียว มีลูกน้องกันเอาไว้ข้างนอก ความเป็นส่วนตัวและการได้เดินเล่นอย่างไม่กังวลเช่นนี้น่ะหรือ...ไม่มีหรอกและยิ่งได้เดินกับคนที่ทำให้หัวใจสั่นไหวด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้สักนิด การได้พบและได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเชอเอมทำให้เซนนิก้าต้องเปลี่ยนแผนชีวิตใหม่ทั้งหมดในความตั้งใจของชายหนุ่ม เพราะหญิงสาวได้กลายมาเป็นคนสำคัญในชีวิตของเขาไปเสียแล้ว และคงมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีกไม่นาน เขาจะต้องวางแผนรับมือให้ดีที่สุด หากเขาจะรั้นคำสั่งของผู้เป็นปู่ก็คงไม่มีอะไรราบรื่นเป็นแน่ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาอีกต่อไปยามที่ได้กลับอิตาลีใช่ อีกไม่นานเขาจะต้องกลับอิตาลี กลับไปเคล
สายฝนที่กระหน่ำตกลงมาในวันที่สองของการมาเที่ยวภูเก็ตทำให้เชอเอมและเซนนิก้าไม่สามารถออกไปเที่ยวไหนได้เลย กระทั่งในวันที่สาย ฝนที่เคยตกก็หายไปราวกับว่าไม่มีมาก่อน ท้องฟ้าแจ่มใสจนคิดว่าเป็นหน้าร้อน แต่สำหรับหญิงสาวแล้ว ถือเป็นวันดีที่ทำให้ไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้อง และเธอเองก็อยากออกมาเที่ยวในเมืองภูเก็ตมากกว่าจะนั่งมองคลื่นทะเลกระทบโขดหินที่วิวห้อง และสถานที่แรกที่เธอกับเซนนิก้ามาตามแพลนที่ฟ้าครามให้ไว้ก็ไม่พ้นร้านของกิน“อร่อยใช่มั้ยคะ” เชอเอมเอ่ยถามเซนนิก้าเมื่อได้กินไอศกรีมเจ้าดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยจนมีแต่คนนำไปขึ้นเว็บไซต์รีวิวอย่างร้าน Torry's Ice Cream ที่ตั้งอยู่บนถนนถลางแห่งย่านเมืองเก่าจังหวัดภูเก็ต หลังจากรอให้ฝนหยุดตกมาหนึ่งวันเต็ม ๆ และมันก็เป็นวันที่ดีสำหรับเธอกับเขากับท้องฟ้าแจ่มใสแดดจ้า ราวเป็นใจให้หญิงสาวและชายหนุ่มได้ออกมาท่องเที่ยวและสำรวจพื้นที่ภูเก็ตไปด้วย“อืม อร่อย”“เอมมาครั้งนี้ก็ครั้งที่สอง ครั้งแรกที่มาก็ตอนแวะเพราะหิว หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย” เชอเอมยิ้มกว้าง ภูมิใจกับสิ่งที่
บทที่ 9รอยยิ้มกับแสงตะวันเสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นระลอกในยามสายของวันให้บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายหลังฝนเทกระหน่ำลงมาเมื่อคืน เซนนิก้าก้าวเดินออกมาในระยะห่างที่มากพอจะไม่ให้คนในวิลลาออกมาได้ยิน เมื่อสายทางไกลติดต่อมาในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะสมเสียเท่าไรสำหรับชายหนุ่ม แม้เขาจะรู้ว่าไม่นานเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นรวดเร็วแบบนี้ หากเมื่อก่อนยังไม่พบกับเชอเอม ก็คงมองว่ามันก็ช้าไปอยู่ดีกับเรื่องที่สักวันหนึ่งเขาจะต้องกลับไปจัดการในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวตระกูลปาเนสบากาเรซแววตาคมกริบมองชื่อของบุคคลที่ต่อสายเข้ามาด้วยเบอร์ต่างประเทศอย่างชั่งใจชั่วครู่ ก่อนจะกดรับสายในที่สุด ทว่ายังไม่ยอมกรอกเสียงออกไป จนคนปลายสายต้องเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอยู่ในที“แกจะกลับเมื่อไร”น้ำเสียงแหบพร่าไปตามวัยที่ชราขึ้นส่งเสียงเข้มถาม เมื่อคนที่เป็นหลานชายคนโตดื้อดึงที่จะไม่ยอมกลับไปรับช่วงต่อกิจการครอบครัว นับตั้งแต่เลิกรากับเอเรียน่า หลานชายคนนี้ก็หนีหายไปจากครอบครัวตามน้องของต
เพื่อให้ได้เธอกลับไป ให้เธอตายใจก็เป็นได้“พี่โอนเงินยี่สิบล้านยูโรเข้าบัญชีโรงแรมที่นี่เพื่อให้ได้เป็นหุ้นส่วนและที่บาร์ของเอมอีกห้าล้านยูโรกับซิกไปแล้ว...ก็เพราะพี่หวงเอม” เขาตอบกลับหน้าตาเฉยอย่างไม่ยี่หระทว่าคนฟังคำตอบไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างที่เขาใช้น้ำเสียงโทนปกติ อุทานออกไปด้วยความตกใจอย่างที่สุด“อะไรนะคะ! พี่ต้องได้รับความกระทบกระเทือนที่หัวแน่ ๆ เลย” เธอพูดออกไปพร้อมกับดึงทิชชูออกจากจมูก“ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น พี่แค่อยากให้เอมอยู่ในสายตาพี่ตลอด เวลาเอมจะไปไหน ทำอะไร พี่จะได้รู้ว่ามีใครมาเกาะแกะเอมไหม” เขายังคงตอบกลับมาเสียงเรียบเรื่อยอย่างปกติแต่ทว่าไม่ใช่เรื่องปกติของเชอเอมน่ะสิ“นี่พี่...” เธอพูดไม่ออกจริง ๆ กับความใจป๋าของชายหนุ่ม“พี่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความรู้สึก ความต้องการเหมือนซิกก้าที่อยากเลือกความรักเอง แค่เพิ่งรู้ตัวว่าหวั่นไหวกับเอมก็เท่านั้น แปลกตรงไหนที่พี่จะหึงจะหวง” เขายังคนตอบด้วยน้ำเสียงโทนเดิมจนเชอเอมทนไม่ไหว“พี่จะมา
ยกเว้นคราวนี้นะ เธอแค่อยากใช้เวลากับเซนนิก้าเพื่อค้นหาคำตอบให้กับหัวใจตัวเองมากขึ้น ให้มันชัดเจนมากกว่านี้จนแน่ใจว่าตัวเองจะไม่ปฏิเสธและก่อกำแพงขึ้นมาอีก ทว่าเท้าที่กำลังก้าวเดินพ้นเขตวิลลาของตัวเองก็ต้องชะงักเมื่อเสียงของฟ้าครามตะโกนเรียกเอาไว้เสียก่อน สาวเจ้าจึงหันกลับไปมองแล้วส่งยิ้มไปให้“จะไปเอามื้อเช้าเหรอ”“ค่ะ กินมื้อเช้าก็ว่าจะออกไปเที่ยว จริงสิคะ พี่ครามช่วยลิสต์มาให้เอมได้ไหมคะว่ามีที่ไหนแนะนำบ้าง เอมขี้เกียจเสิร์ชดูอ่ะ”เชอเอมพูดออกไปตามตรงพร้อมสีหน้าหยีเมื่อพูดถึงความขี้เกียจของตัวเองให้ฟ้าครามได้หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูกับนิสัยของรุ่นน้องคนนี้ที่เป็นลูกคุณหนูตัวจริง แต่ยังดีที่มีจิตใจดี ไม่เห็นแก่ตัว“ได้สิ เดี๋ยวจะสงเคราะห์ แต่ขอแกล้งเขาอีกสักหน่อยก็แล้วกัน” ฟ้าครามยิ้มหัวเราะตอบออกไป พลางชำเลืองมองเซนนิก้าที่กำลังยืนมองออกมาจากหน้าต่างวิลลาด้วยสายตาข่มขู่ไม่เป็นมิตร ราวกับว่าเขาเป็นศัตรูของเจ้าตัวมานาน“แค้นฝังหุ่นจังเลยนะคะ”“แน่นอน แฟนทั้งคนนะ มาขัดขวางความรักคนอื่นหน้าตา







