LOGINบทที่ 6
ทะเลภูเก็ตช่างร้อนแรง
“มีอะไรจะพูดก็พูดมา” อิทธิกรเอ่ยเสียงเรียบ นั่งกอดอกไขว้ห้างมองลูกสาวเพียงคนเดียวที่ตนตามใจมาตลอด ดูแลมาอย่างดีด้วยสายตากดดัน
“คือ...” เชอเอมอึกอัก พลางส่งสายตาไปทางผู้เป็นอาและเพื่อนอย่างขอความช่วยเหลือ
“ไม่ต้องให้อากับหนูนิดช่วย เรื่องนี้เป็นเรื่องของเราคนเดียว พูดมา” ผู้เป็นพ่อเอ่ยเสียงเรียบ ดักคอลูกสาวที่ส่งสายตาไปให้น้องชายและน้องสะใภ้ช่วย
“คือ...เอมก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี คือเอมกับเขารู้จักกันผ่านซิกก้าแบบความบังเอิญ จะคิดแบบนี้ก็ได้นะคะ” เชอเอมพูดออกไปในที่สุดแม้จะลำบากใจที่จะพูด ด้วยเพราะไม่อยากให้ผู้เป็นพ่อรับรู้เรื่องราวลึกไปกว่านี้ที่มันข้ามขั้นไปไกลเสียเหลือเกิน
“ซิกก้าไปรู้จักเขาได้ยังไง” อิทธิกรถามออกไปด้วยความไม่รู้ เพราะตนก็ไม่ได้ใส่ใจมากกับคู่ค้าในปัจจุบัน เนื่องจากตอนนี้ตนปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอัฐพลเต็มตัวแล้ว
ไม่เชิงว่าไม่รู้จัก เพียงแต่รู้ผิวเผินว่าเป็นใคร ทำธุรกิจอะไรก็เท่านั้น แม้แต่นามสกุลหรือครอบครัวก็ไม่รู้เท่าน้องชาย จะมีบ้างที่เข้าร่วมหารือและทำการตกลงกับสัญญาฉบับใหม่เพื่อรับรู้และให้คำแนะนำถึงจะได้เจอกับ
เซนนิก้า“พี่ไม่รู้หรือครับ ซิกก้าเป็นน้องชายแท้ ๆ ของคุณเซน” ครานี้เป็น
อัฐพลที่ขมวดคิ้วถามพี่ชายไป“ก็ไม่รู้น่ะสิ รู้แค่ว่าเป็นใคร ทำอะไรก็เท่านั้น” คนเป็นพี่พูดออกไปตามตรง
“เขาเป็นพี่ชายซิกก้า แล้วก็เป็นญาติห่าง ๆ ของนิดด้วยค่ะ ถ้าให้พูดถึงความไว้ใจก็ถือว่าเป็นคนที่ไว้ใจได้คนหนึ่งเลยค่ะ” ขนิษฐาพูดขึ้นบ้างเมื่อพบว่าพ่อของเพื่อนยังไม่รู้จักกับเซนนิก้ามากกว่าที่รู้
“งั้นเหรอ...แล้วคบกันมากี่เดือนแล้ว” อิทธิกรตอบรับคนทั้งสองก่อนจะหันไปถามลูกสาวเสียงเข้ม
“สองเดือนค่ะ แต่ที่เอมไม่ยอมบอกใครก็เพราะไม่รู้ว่าจะไปได้ดีแค่ไหน เอมเบื่อจะฟังอากับคุณพ่อบ่นเรื่องผู้ชายแล้วค่ะ ตอนนี้เอมก็โตพอที่จะคิดมองหาความรักที่มันเป็นผู้ใหญ่แล้วนะคะ” เชอเอมตอบผู้เป็นพ่อออกไปตามตรงอย่างที่ใจคิด
“ดูผู้ชายแต่ล่ะคนของแกที่คบ ไม่เลวก็ชั่วไปเลย ดีเท่าไรที่แกรู้จักรักนวลสงวนตัว” ไม่วายบ่นลูกสาว
“พี่ครับ ผมคิดว่าครั้งนี้ให้เอมจัดการและตัดสินใจเองดีกว่า เอมก็โตมากแล้ว คงจะคิดได้ไม่น้อย” เมื่อเห็นพี่ชายเริ่มมีน้ำโหจึงรีบพูดออกไปเพื่อช่วยหลานสาว
“ใช่ค่ะ อาอัฐพูดถูก คุณพ่อต้องปล่อยวางจากเอมได้แล้วนะคะ เอมโตแล้ว โตพอที่จะคิดได้ค่ะ” เชอเอมรีบเสริมทัพผู้เป็นอาไปทันที
“ไม่ต้องให้ท้ายกันมาก พ่อไม่ได้จะห้ามไม่ให้คบกัน แค่โกรธที่ไม่มีใครบอกอะไรจนไปได้ยินพวกพนักงานมันพูดกัน...เห้อ เอาเถอะ เอมโตแล้ว พ่อจะไม่เข้าไปยุ่ง” อิทธิกรแหวใส่คนทั้งสามที่รวมหัวกันต่อต้านเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วอย่างหน่ายใจ
“อาอัฐคะ ถ้าไม่ติดว่าเย็นนี้เอมจะไปภูเก็ต เอมจะพาไปเลี้ยงมื้อค่ำค่ะ แต่ติดไว้ก่อนนะคะคุณพ่อ กลับจากภูเก็ตเอมจะพาไปกินข้าวข้างนอก เอมเป็นเจ้ามือเอง” สาวเจ้าพูดพลางลุกขึ้นยื่นเมื่อใกล้ถึงเวลานัดหมายกับเซนนิก้าแล้ว ไม่วายโน้มตัวลงไปหอมแก้มผู้เป็นพ่อ ซึ่งในที่สุดก็ยอมให้เธอได้ตัดสินใจอะไรตัวเองเสียที
ไม่ใช่แค่เชอเอมที่ดีใจกับความคิดที่เปลี่ยนไปของอิทธิกร ยังมีอัฐพลและขนิษฐาที่ดีใจไปกับสาวเจ้าด้วยที่ไม่ถูกผู้เป็นพ่อบังคับให้ทำนั่นทำนี่เหมือนคราวของอัฐพล ทั้งสามมองเชอเอมที่รีบเดินกลับขึ้นห้องไปทันทีด้วยความดีใจและมีความสุข หลังหลงคิดว่าจะถูกสั่งห้ามและกีดกันไม่ให้คบกับเซนนิก้า ไม่วายหันกลับมาเริ่มบทสนทนาต่อเมื่อคนเป็นพ่อเอ่ยถามผู้เป็นอาทันทีเมื่อรู้ว่าลูกสาวกำลังจะไปภูเก็ต แต่ไม่รู้รายละเอียดจึงเลือกที่จะถามคนที่สนิทและให้ท้ายลูกสาวตัวเองมาตลอด ครั้นจะรั้งถามเจ้าตัวก็อดสงสารไม่ได้ที่วันนี้ทั้งวันออกไปทำงานจนเหนื่อยมากแล้ว
“ยายเอมไปภูเก็ตกับใคร” ถามทันทีที่ลูกสาวหายลับสายตา
“กับคุณเซนครับ คงพากันไปเที่ยว ไม่ต้องห่วงครับ ผมไว้ใจทั้งสองคน” อัฐพลตอบได้ทันทีเพราะเซนนิก้ามาขออนุญาตกับตนเป็นที่เรียบร้อย
“นิดรับประกันให้พี่เซนได้ค่ะ เชื่อใจและไว้ใจได้เลยค่ะ ยิ่งเอมเราไม่ต้องห่วงเลยนคะ” แม้แต่ขนิษฐาก็ไม่วายช่วยสามีรับประกันญาติผู้พี่คนนี้
“ถึงจะยังงั้นก็เถอะ มันก็อดห่วงไม่ได้ จริงสิ ฟ้าครามไง อัฐโทร. หาฟ้าครามให้ช่วยจับตาดูที ยังไงที่ภูเก็ตก็ไม่ได้กว้าง คงหากันเจอไม่ยาก” แม้ทั้งน้องชายและน้องสะใภ้จะรับประกันเซนนิก้า แต่ตนก็ไม่วางใจที่ลูกสาวและชายหนุ่มไปเที่ยวด้วยกันสองต่อสองเช่นนี้อยู่ดี ไม่ใช่ไม่ไว้ใจลูกสาวตัวเอง เพียงแต่ตนยังไม่รู้จักเซนนิก้าดี ต่อให้จะมีคนมารับประกันก็ตาม
ลูกสาวทั้งคน จะไม่ให้ห่วงได้อย่างไร
“พี่กร ฟ้าครามก็มีงานของตัวเองนะครับ”
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็ห่วงอยู่ดี ฉันคงต้องหาโครงการสักโครงการให้ยายเอมร่วมหุ้นทำโรงแรมด้วยแล้ว จะได้ไหว้วานสะดวกใจหน่อย”
นิสัยที่ไม่ยอมฟังใครเมื่อเกิดอาการห่วงลูกสาวขึ้นมาฉับพลัน ทำให้ทั้งอัฐพลและขนิษฐาหันมามองหน้ากันอย่างช่วยอะไรเชอเอมไม่ได้ ก่อนจะพรูลมหายใจกับความขี้ห่วงลูกสาวของอิทธิกรที่ออกจะเกินไปหน่อย แม้ปากจะบอกว่ายอมปล่อยให้เชอเอมได้ตัดสินใจเอง แต่ยังมาตามห่วงเช่นนี้จึงทำให้สองสามีภรรยาอดที่จะหน่ายใจไม่ได้เช่นกัน
อิทธิกรไม่ใช่จะไม่เห็นด้วยไปเสียทุกอย่าง เพราะเป็นห่วง ถึงได้ตามจ้ำจี้ไปซะทุกเรื่อง ตนมีลูกสาวเพียงคนเดียว ก็อยากจะให้พบเจอกับเรื่องและคนดี ๆ ก็เท่านั้น แม้บางทีคนที่เลือกมาให้จะไม่ได้เรื่องและไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษแม้แต่น้อยก็ตาม หากไม่ใช่เป็นเพราะรู้สึกผิดที่เคยแนะนำผู้ชายที่ไม่ดีกับลูกสาวก็คงไม่ยอมให้กับความรักครั้งนี้ของลูกสาวเป็นแน่ อย่างไรเสียเขาก็ยังห่วง พ่อแม่ทุกคนก็มองลูกเป็นเด็กเสมอ แม้ว่าจะโตจนถึงวัยทำงานสร้างครอบครัวแล้วก็ตาม
มีหรือเธอจะยอมอยู่เฉย แค่ยอมให้เขาป้อนด้วยช้อนของเขายังไม่พอหรอก คิดได้แล้วมือเล็กก็ใช้ช้อนตัวเองตักเนื้อปลากะพงยื่นไปตรงหน้าเขาทันที เขามองสาวเจ้าด้วยรอยยิ้มอย่างไม่คิดอะไร อ้าปากรับเนื้อปลากินทันที ทั้งสองผลัดกันป้อนบ้าง กินข้าวกันเองบ้าง จนอาหารที่สั่งมาหมดเกลี้ยงและพากันออกมาจากร้านอาหารก็เกือบบ่ายโมงแล้วแดดจ้ากำลังพอดี แต่ไอความร้อนก็ทำให้คนที่กำลังเดินไปตามทางถนนเหงื่อตกจนกระทั่งเดินไปเจอกับร้านเล็ก ๆ ของชาวบ้านซึ่งตั้งขายน้ำแข็งใส แต่ทว่าด้านหน้าร้านตั้งป้ายว่า ‘โอ้เอ๋ว’ คิ้วทรงสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ไม่วายคว้าแขนของชายหนุ่มให้เดินตรงไปยังร้านที่เป็นเป้าหมายทันที ก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึงร้าน“โอ้เอ๋วคืออะไรเหรอคะ ไม่ใช่น้ำแข็งใสเหรอคะ” ถามออกไปด้วยความสงสัยเต็มประดา“หม้ายช่าย โอ้เอ๋วคือวุ่น หรอยแรง ลองกินม้าย” คนขายพูดภาษาใต้ตอบกลับมา“ขอสองถ้วยค่ะ” สาวเจ้าตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแม้จะไม่ค่อยรู้ว่ามันคืออะไร แต่ค่อยกลับไปหาข้อมูลก็ไม่สาย แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้เรื่องก็เห็นจะเป็นภาษาใต้ที
หลังจากกินไอศกรีมกันจนอิ่มท้อง ทั้งคู่ก็พากันออกไปเดินเล่นตามถนนย่านเมืองเก่า พลางหามุมถ่ายรูป ผลัดกันถ่ายรูปบ้างเซลฟีบ้าง และมันทำให้เขารู้สึกถึงความสุขที่แท้จริงในฐานะของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เดินไปทางไหนก็ไม่มีคนรู้จัก มองเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าหรือไม่ก็นักท่องเที่ยว แตกต่างจากที่อิตาลี ที่ไปไหนจะต้องมีลูกน้องเป็นสิบคนเดินตามไปด้วยทุกที่ แม้แต่เข้าห้องน้ำก็ต้องเข้าคนเดียว มีลูกน้องกันเอาไว้ข้างนอก ความเป็นส่วนตัวและการได้เดินเล่นอย่างไม่กังวลเช่นนี้น่ะหรือ...ไม่มีหรอกและยิ่งได้เดินกับคนที่ทำให้หัวใจสั่นไหวด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้สักนิด การได้พบและได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเชอเอมทำให้เซนนิก้าต้องเปลี่ยนแผนชีวิตใหม่ทั้งหมดในความตั้งใจของชายหนุ่ม เพราะหญิงสาวได้กลายมาเป็นคนสำคัญในชีวิตของเขาไปเสียแล้ว และคงมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีกไม่นาน เขาจะต้องวางแผนรับมือให้ดีที่สุด หากเขาจะรั้นคำสั่งของผู้เป็นปู่ก็คงไม่มีอะไรราบรื่นเป็นแน่ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาอีกต่อไปยามที่ได้กลับอิตาลีใช่ อีกไม่นานเขาจะต้องกลับอิตาลี กลับไปเคล
สายฝนที่กระหน่ำตกลงมาในวันที่สองของการมาเที่ยวภูเก็ตทำให้เชอเอมและเซนนิก้าไม่สามารถออกไปเที่ยวไหนได้เลย กระทั่งในวันที่สาย ฝนที่เคยตกก็หายไปราวกับว่าไม่มีมาก่อน ท้องฟ้าแจ่มใสจนคิดว่าเป็นหน้าร้อน แต่สำหรับหญิงสาวแล้ว ถือเป็นวันดีที่ทำให้ไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้อง และเธอเองก็อยากออกมาเที่ยวในเมืองภูเก็ตมากกว่าจะนั่งมองคลื่นทะเลกระทบโขดหินที่วิวห้อง และสถานที่แรกที่เธอกับเซนนิก้ามาตามแพลนที่ฟ้าครามให้ไว้ก็ไม่พ้นร้านของกิน“อร่อยใช่มั้ยคะ” เชอเอมเอ่ยถามเซนนิก้าเมื่อได้กินไอศกรีมเจ้าดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยจนมีแต่คนนำไปขึ้นเว็บไซต์รีวิวอย่างร้าน Torry's Ice Cream ที่ตั้งอยู่บนถนนถลางแห่งย่านเมืองเก่าจังหวัดภูเก็ต หลังจากรอให้ฝนหยุดตกมาหนึ่งวันเต็ม ๆ และมันก็เป็นวันที่ดีสำหรับเธอกับเขากับท้องฟ้าแจ่มใสแดดจ้า ราวเป็นใจให้หญิงสาวและชายหนุ่มได้ออกมาท่องเที่ยวและสำรวจพื้นที่ภูเก็ตไปด้วย“อืม อร่อย”“เอมมาครั้งนี้ก็ครั้งที่สอง ครั้งแรกที่มาก็ตอนแวะเพราะหิว หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย” เชอเอมยิ้มกว้าง ภูมิใจกับสิ่งที่
บทที่ 9รอยยิ้มกับแสงตะวันเสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นระลอกในยามสายของวันให้บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายหลังฝนเทกระหน่ำลงมาเมื่อคืน เซนนิก้าก้าวเดินออกมาในระยะห่างที่มากพอจะไม่ให้คนในวิลลาออกมาได้ยิน เมื่อสายทางไกลติดต่อมาในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะสมเสียเท่าไรสำหรับชายหนุ่ม แม้เขาจะรู้ว่าไม่นานเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นรวดเร็วแบบนี้ หากเมื่อก่อนยังไม่พบกับเชอเอม ก็คงมองว่ามันก็ช้าไปอยู่ดีกับเรื่องที่สักวันหนึ่งเขาจะต้องกลับไปจัดการในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวตระกูลปาเนสบากาเรซแววตาคมกริบมองชื่อของบุคคลที่ต่อสายเข้ามาด้วยเบอร์ต่างประเทศอย่างชั่งใจชั่วครู่ ก่อนจะกดรับสายในที่สุด ทว่ายังไม่ยอมกรอกเสียงออกไป จนคนปลายสายต้องเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอยู่ในที“แกจะกลับเมื่อไร”น้ำเสียงแหบพร่าไปตามวัยที่ชราขึ้นส่งเสียงเข้มถาม เมื่อคนที่เป็นหลานชายคนโตดื้อดึงที่จะไม่ยอมกลับไปรับช่วงต่อกิจการครอบครัว นับตั้งแต่เลิกรากับเอเรียน่า หลานชายคนนี้ก็หนีหายไปจากครอบครัวตามน้องของต
เพื่อให้ได้เธอกลับไป ให้เธอตายใจก็เป็นได้“พี่โอนเงินยี่สิบล้านยูโรเข้าบัญชีโรงแรมที่นี่เพื่อให้ได้เป็นหุ้นส่วนและที่บาร์ของเอมอีกห้าล้านยูโรกับซิกไปแล้ว...ก็เพราะพี่หวงเอม” เขาตอบกลับหน้าตาเฉยอย่างไม่ยี่หระทว่าคนฟังคำตอบไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างที่เขาใช้น้ำเสียงโทนปกติ อุทานออกไปด้วยความตกใจอย่างที่สุด“อะไรนะคะ! พี่ต้องได้รับความกระทบกระเทือนที่หัวแน่ ๆ เลย” เธอพูดออกไปพร้อมกับดึงทิชชูออกจากจมูก“ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น พี่แค่อยากให้เอมอยู่ในสายตาพี่ตลอด เวลาเอมจะไปไหน ทำอะไร พี่จะได้รู้ว่ามีใครมาเกาะแกะเอมไหม” เขายังคงตอบกลับมาเสียงเรียบเรื่อยอย่างปกติแต่ทว่าไม่ใช่เรื่องปกติของเชอเอมน่ะสิ“นี่พี่...” เธอพูดไม่ออกจริง ๆ กับความใจป๋าของชายหนุ่ม“พี่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความรู้สึก ความต้องการเหมือนซิกก้าที่อยากเลือกความรักเอง แค่เพิ่งรู้ตัวว่าหวั่นไหวกับเอมก็เท่านั้น แปลกตรงไหนที่พี่จะหึงจะหวง” เขายังคนตอบด้วยน้ำเสียงโทนเดิมจนเชอเอมทนไม่ไหว“พี่จะมา
ยกเว้นคราวนี้นะ เธอแค่อยากใช้เวลากับเซนนิก้าเพื่อค้นหาคำตอบให้กับหัวใจตัวเองมากขึ้น ให้มันชัดเจนมากกว่านี้จนแน่ใจว่าตัวเองจะไม่ปฏิเสธและก่อกำแพงขึ้นมาอีก ทว่าเท้าที่กำลังก้าวเดินพ้นเขตวิลลาของตัวเองก็ต้องชะงักเมื่อเสียงของฟ้าครามตะโกนเรียกเอาไว้เสียก่อน สาวเจ้าจึงหันกลับไปมองแล้วส่งยิ้มไปให้“จะไปเอามื้อเช้าเหรอ”“ค่ะ กินมื้อเช้าก็ว่าจะออกไปเที่ยว จริงสิคะ พี่ครามช่วยลิสต์มาให้เอมได้ไหมคะว่ามีที่ไหนแนะนำบ้าง เอมขี้เกียจเสิร์ชดูอ่ะ”เชอเอมพูดออกไปตามตรงพร้อมสีหน้าหยีเมื่อพูดถึงความขี้เกียจของตัวเองให้ฟ้าครามได้หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูกับนิสัยของรุ่นน้องคนนี้ที่เป็นลูกคุณหนูตัวจริง แต่ยังดีที่มีจิตใจดี ไม่เห็นแก่ตัว“ได้สิ เดี๋ยวจะสงเคราะห์ แต่ขอแกล้งเขาอีกสักหน่อยก็แล้วกัน” ฟ้าครามยิ้มหัวเราะตอบออกไป พลางชำเลืองมองเซนนิก้าที่กำลังยืนมองออกมาจากหน้าต่างวิลลาด้วยสายตาข่มขู่ไม่เป็นมิตร ราวกับว่าเขาเป็นศัตรูของเจ้าตัวมานาน“แค้นฝังหุ่นจังเลยนะคะ”“แน่นอน แฟนทั้งคนนะ มาขัดขวางความรักคนอื่นหน้าตา







