ทั้งๆ ที่คิดว่าจะหลบหนีไปจากตรงนั้น แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆขาทั้งสองข้างของเฟรญ่ามันกลับก้าวเดินไม่ออก เธอกำไม้เท้าเอาไว้ในมือแน่น เมื่อเขาเดินมาประชิดตัวด้วยท่าทีหอบเหนื่อย
“เฟรญ่า..จะ..เจ้าหายไปไหนมา!! แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างเรากัน ก่อนการตกลงหมั้นหมายเจ้ากับข้าเราสองคนยังรักกันอยู่ดีๆ อยู่เลย แล้วทำไม..” “ท่านแกรนด์ดยุค สำหรับข้าแล้ว เรื่องของเรามันเป็นเพียงเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายลงนามบนหนังสือถอนหมั้นเรียบร้อย ข้าและท่านในยามนี้เปรียบเสมือนคนแปลกหน้า ข้ามาเที่ยวที่นี่เพื่อต้องการมองดูบรรยากาศที่แสนสนุกสนานของงานเทศกาล เราต่างคนต่างไปเถอะนะคะ..” แอชตันเอื้อมมือมาจับข้อมือของเฟรญ่าเอาไว้แน่น สีหน้าของเขามันเต็มไปด้วยความวิงวอนและขอร้อง ดวงตาของแอชตันแดงก่ำราวกับว่าเขากำลังจะร้องไห้ออกมา จนถึงตอนนี้การแสดงของเขา..ยังคงนับว่ายอดเยี่ยมเหมือนเดิมเลยสินะ เขาทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน แสดงออกมาราวกับว่ารักเธอจริงๆ .. “เฟรญ่า..ข้าไม่เคยลืมเจ้าได้เลยแม้แต่วันเดียว ท่านแม่และแครอลลีนอยากเจอเจ้ามากนะ ครอบครัวของข้าทุกคนเลยอยากจะพบเจอเจ้าอีกครั้ง กลับไปที่จามินกับข้าได้ไหม แค่ไปเยี่ยมท่านแม่ก็ได้..ท่านบ่นว่าท่านคิดถึงและเป็นห่วงเจ้ามากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะ” เขาพูดเสียงอ่อนพร้อมกับมองเข้าไปในดวงตาของเธอ ทว่าสิ่งที่เขากล่าวออกมานั้นมันทำให้เรื่องราวต่างๆ ที่เธอเคยหลงลืมไปแล้ววนกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง แม่ของเขาคิดถึงและเป็นห่วงเธองั้นเหรอ ไหนยังจะน้องสาวของเขาอีก แค่คิดก็อยากจะแค่นหัวเราะออกมาแล้ว “ไสหัวไปให้พ้นสายตาของข้าซะแอชตัน!!” เธอพูดเสียงต่ำก่อนจะกำไม้เท้าแน่นด้วยความโกรธเคือง เฟรญ่าหมุนตัวเพื่อเดินออกมาจากตรงนั้น เดินออกมาจากใบหน้าของชายที่เธอเกลียดชังมากที่สุดในชีวิต ในคราแรกเธอมุ่งมั่นว่าจะแก้แค้นพวกเขา แต่สภาพความเป็นอยู่ในยามนี้ของจามินมันเลวร้ายมากพอแล้ว เธอก็เลยยินยอมปล่อยผ่านและคอยมองดูความพินาศของคนพวกนั้นอย่างใจเย็น แต่ในครั้งนี้เธอต้องคิดทบทวนใหม่เรื่องการแก้แค้นอีกรอบซะแล้วสิ.. ความเจ็บปวดครอบครัวของเขาที่ส่งมอบให้เธอมันไม่ได้มีแค่ความเจ็บปวดทางร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่มันบาดลึกเข้าไปจนถึงชั้นกระดูก..เกียรติของเธอ ชื่อเสียงของเธอป่นปี้ไม่มีชิ้นดี.. เฟรญ่าเดินเข้ามาในร้านเหล้า ร้านนี้เป็นร้านเหล้าของพี่สาวดีน่าพนักงานที่โรงแรมของเธอ เพราะอย่างนั้นหากเป็นที่นี่เธอจะสามารถเมาเท่าไหร่ก็ได้ “ห้องส่วนตัวว่างรึเปล่าเดนนี่” “ว่างค่ะนายหญิง ขึ้นไปรอที่ชั้นบนได้เลยเดี๋ยวข้าจะยกสุราที่ดีที่สุดในร้านไปให้ท่านเอง” ร้านเหล้าของเดนนี่คนเยอะมากพอสมควร เพราะว่าวันนี้เป็นวันเทศกาลสินะ เฟรญ่านั่งลงที่ริมหน้าต่างของห้องส่วนตัว ร้านเหล้าแห่งนี้เป็นร้านขนาดกลาง แต่เธอชอบที่นี่มากโดยเฉพาะห้องส่วนตัวที่มีระเบียงยื่นออกไปในทะเลสาบ แต่จะเรียกว่าห้องส่วนตัว มันก็ไม่ได้ส่วนตัวอะไรขนาดนั้น เพราะเป็นห้องที่มีฉากกั้นทำจากผ้าลูกไม้ที่ถูกถักทอขึ้นมา แต่เพราะจะมีการเก็บค่าห้องในราคาที่แพงมากพอสมควร ทำให้ชั้นบนไม่ค่อยมีแขกมานั่งสักเท่าไหร่ เดนนี่ให้เหตุผลในการเก็บค่าห้องชั้นบนว่านางอยากจะให้บรรยากาศชั้นบนเหมือนกับร้านสุราที่แพงๆ ลูกค้าจะได้มีช่วงเวลาดื่มด่ำกับรสสุราและความเงียบของทะเลสาบที่ทอดยาวออกไป “วันนี้ตั้งใจจะเมาใช่ไหมคะนายหญิง” เฟรญ่าหัวเราะออกมาเบาๆ “หากข้าเมาก็ฝากเจ้าไปส่งข้าที่โรงแรมด้วยนะ” เดนนี่ขยิบตา “ด้วยความยินดีค่ะ” เดนนี่ไม่รู้ว่าสตรีแสนงดงามผู้นี้มีเรื่องอะไรที่ทุกข์ใจมากมายนัก นายหญิงในช่วงแรกที่มาอยู่ที่เดียลอร์ลมักจะใช้สุราในการกล่อมนอนแทบทุกคืน นางจะนั่งดื่มเงียบๆ จนหลับไป เป็นเช่นนั้นทุกวัน แต่ในปีที่ผ่านมา นายหญิงมาที่นี่น้อยลงจากเดิมมากพอสมควร เธอคิดว่าความเจ็บปวดในใจของนายหญิงจะจางหายไปแล้วซะอีก.. เฟรญ่ามองเหล้ารัมในแก้วที่ทำจากไม้ เธอยกมันขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้วก่อนจะปรายตามองไปยังทะเลสาบที่แสนกว้างใหญ่.. จักรวรรดิกว้างใหญ่ถึงเพียงนั้น แต่เธอกลับพบเจอคนที่ไม่อยากเจอที่สุดซะได้ ในช่วงนี้เฟรญ่าตั้งใจว่าเธอจะไม่ออกไปข้างนอกสักพักนึ่งจนกว่างานเทศกาลจะจบลง เธอไม่อยากเจอหน้าเขาอีกแล้ว.. แล้วทำไมคนที่จะต้องหลบหน้าต้องเป็นเธอด้วยวะเนี่ย..ทั้งที่คิดว่าตัวเองจะมีความกล้ามากขึ้น แต่เธอก็คือยัยคนขี้ขลาดคนเดิมงั้นเหรอ? “ดูเหมือนว่าพี่สาวต้องการเพื่อนในการดื่มนะครับ หากต้องการขนาดนั้นแล้วละก็ข้ายินดีนั่งดื่มเป็นเพื่อนของพี่นะ” มาร์เซลไม่พูดเปล่า เขานั่งลงตรงข้ามของเฟรญ่าในทันที พร้อมกับตักเหล้ารัมในถังใส่แก้วไม้ “ข้ายังไม่ทันได้อนุญาตให้ท่านนั่ง..” “เรื่องนั้นข้าอนุญาตตัวเองได้ครับ เชื่อข้าเถอะว่าแววตาเช่นนั้นของพี่..มันเหมือนกับว่าพี่กำลังแบกเรื่องบางอย่างเอาไว้คนเดียว หากไม่ระบายออกมาบ้าง พี่สาวจะแตกสลายเอานะครับ” ดวงตาของเฟรญ่าเบิกกว้างออกมาเล็กน้อย ริมฝีปากของเธอขบเม้มเข้าหากันในทันทีราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นมันถูกต้องทุกอย่าง ดวงตาสีทับทิมของมาร์เซลหรี่ลงเล็กน้อยในขณะที่เขายกแก้วไม้ขึ้นมาดื่ม เขาเห็นแกรนด์ดยุคจามินวิ่งเข้าไปหานางด้วยท่าทีรีบร้อน ทั้งสองคนมีเรื่องอะไรกันนะ แล้วเจ้าของโรงแรมธรรมดาๆ รู้จักแกรนด์ดยุคได้อย่างไรกัน ดูท่าทางว่าตัวตนของเจ้าของโรงแรมคนสวยผู้นี้ ท่าทางจะไม่ธรรมดาอย่างที่เขาคิดเอาไว้ซะแล้วสิ “ที่นี่สวยมากเลยนะครับ เป็นทะเลสาบที่เงียบสงบมากๆ เลย” เฟรญ่าไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มอีกแก้ว อีกแก้ว และอีกแล้ว “นี่พี่..จะรีบเมาไปไหนกันครับ ปกติแล้วในยามที่ข้านั่งอยู่หน้าสตรีพวกนางจะไม่ดื่มสุรา..ท่านรู้ไหมว่าทำไม” แล้วเธอจะไปรู้ได้ยังไงกัน ในเมื่อเธอพึ่งพบเจอเขาเป็นครั้งแรก..แต่อันที่จริงเมื่อเขาได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ ชายเบื้องหน้าของเธอดูดีมากทีเดียว ผมสีแดงของเขามันทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ใบหน้าที่หล่อเหลานั่นคงจะล่อลวงหัวใจของสตรีมาไม่น้อยเลยละสิ “เพราะว่าพวกนางกลัวว่าหากพวกนางเมาแล้วข้าจะลักพาตัวพวกนางไปนะสิครับ” “งานอดิเรกของเจ้าคือการลักพาตัวคนอื่นรึไง” มาร์เซลยกยิ้มขึ้นมาจางๆ จะว่าไปแล้วทหารรับจ้างก็มีงานเกี่ยวกับการลักพาตัวอยู่เหมือนกัน “..ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ” “เช่นนั้นก็ลักพาตัวของข้าไปทีสิ ไปให้ไกลจากที่นี่จนกว่างานเทศกาลจะจบลง..” เธออยากหนีออกไปจากที่นี่เป็นการชั่วคราว จนมั่นใจว่าแอชตันออกไปจากที่นี่แล้วค่อยกลับมา เธอเกลียดชังเขา เกลียดชังจนไม่อยากเห็นหน้า!! เมื่อเฟรญ่ากล่าวจบริมฝีปากของมาร์เซลก็แสยะยิ้มออกมา “ท่านพูดออกมาเองนะพี่สาวคนสวย”มาร์เซลพึ่งรู้ว่าการนั่งเรือสำเภามันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยแม้แต่นิดเดียว เขาออกเดินทางมายังเมืองทางใต้พร้อมกันกับเฟรญ่า นี่คือการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของเราก่อนที่เขาจะกลับไปทำงานในตำแหน่งดยุคอย่างเป็นทางการ เราทั้งคู่เคยพูดเอาไว้ว่าอยากจะล่องเรือมาเที่ยวที่เมืองทางใต้มาชมทะเลที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน และในยามนี้เราก็กำลังอยู่กลางทะเลบนเรือสำเภาที่ค่อนข้างจะเป็นพื้นที่ส่วนตัว เพราะว่าเขาเหมาเรือลำนี้เอาไว้ เพื่อมากับเฟรญ่าเพียงแค่สองคนเท่านั้นแต่เขาอาเจียนไปสิบรอบแล้วเห็นจะได้ เพราะเขาไม่เคยนั่งเรือมาก่อน“ออกมานั่งมองทะเลดูไหม เผื่ออาการของเจ้าจะดีขึ้น”อันที่จริงแค่ได้มองหน้าสวยๆ ของเธอก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นแบบมากๆ แล้ว เขาจับมือของเฟรญ่าเอาไว้ก่อนจะซบใบหน้าลงไปบนไหล่ของเธอ“รักนะครับ..รักที่สุดเลย”เฟรญ่าไม่รู้ว่าเพราะอายุที่เขาเด็กกว่ามันเกี่ยวข้องด้วยรึเปล่า แต่เขาทำให้เธอรู้สึกราวกับมีลูกสุนัขตัวใหญ่ที่กำลังออดอ้อนเธอตลอดเวลา มาร์เซลติดการสัมผัสมากๆ เขาจะต้องจับมือหรือไม่ก็กอดและหอมแก้มเธอตลอดเวลา และเธอเองก็ชื่นชอบการแสดงความรักเช่นนั้นมากทีเดียว เฟรญ่าจึงไม่เคยผลักไสหรือว่าดุเขาในเร
บอกตามตรงว่านี่คงจะเป็นงานแต่งที่เจ้าสาวสบายมากที่สุดในจักรวรรดิแห่งนี้ เฟรญ่าแทบไม่ต้องจัดเตรียมอะไรเลยเพราะว่าพี่เจนนีสและลิเวียจัดเตรียมเอาไว้ให้อย่างเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว เธอเพียงสวมชุดเจ้าสาวที่แสนงดงามและเข้าร่วมงานแต่งเท่านั้นเองเฟรญ่าหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อมาร์เซลพาเธอออกมาจากงานแต่งที่แสนยิ่งใหญ่ เขาพาเธอมาที่คฤหาสน์ฮอร์ตันที่เราพึ่งได้รับมาเป็นของขวัญแต่งงาน และในห้องนอนก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ มันทั้งหอมหวานและเย้ายวนมากทีเดียว“เจ้ากำลังข้ามขั้นพิธีแต่งงานอยู่นะมาร์เซล เราไม่ควรด่วนชิงเข้าหอก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่ม..”เขาส่งยิ้มให้เธอในขณะที่กำลังถอดกระดุมเสื้อของตัวเองออกมา เขาอดทนมานานมากพอสมควร อดทนแล้วอดทนอีกเพราะว่าเฟรญ่าพึ่งจะฟื้นขึ้นมาจากอาการบาดเจ็บ เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่ได้แตะต้องเธอเลย แต่วันนี้เขาอดทนไม่ไหวอีกแล้ว“ไม่เห็นจะต้องสนใจแขกที่เข้ามาร่วมงานเลยนี่ นี่คืองานแต่งของเราและข้าอยากอยู่กับท่าน..เข้าหอเร็วหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกครับ หรือว่าพี่กังวล"เฟรญ่าดึงผ้าคลุมหน้าของเธอออกไป เธอไม่ได้ยืนมองมาร์เซลถอดชุดอยู่เฉยๆ แต่เธอเองก็ถอดชุดเดรสแต่งงานออกเช่
บัตรเชิญของงานแต่งเลดี้ทีเซียส วีรสตรีที่ร่วมการกอบกู้เดียลอร์ลนั้นถูกส่งให้แก่ขุนนางมากมายในจักรวรรดิ บอกตามตรงว่าในตอนที่เฟรญ่าเห็นชื่อและรูปวาดของตัวเองเด่นหราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์เธอค่อนข้างตกใจมากพอสมควร เพราะเธอไม่คิดว่าเรื่องที่มาร์เซลกล่าวออกมานั้นมันจะเป็นเรื่องจริง“ให้ตายเถอะ ข้ารับมือกับคำว่าวีรสตรีอะไรพวกนั้นไม่ไหวจริงๆ”ลิเวียหัวเราะออกมา“เจ้าคู่ควรกับมันนะเฟร เรื่องความรักที่แสนอบอุ่นนี้ก็ด้วย มาร์เซลคือบุรุษที่ดีมากทีเดียว”ลิเวียกล่าวพร้อมกับสวมสร้อยคอที่มีสีเดียวกับดวงตาของเฟรญ่าลงไปบนลำคอยาวระหง เพื่อนเพียงคนเดียวของเธอแต่งงานแล้ว เฟรญ่าคือสตรีที่งดงามมากๆ ในสายตาของลิเวีย เราพบเจอกันเพราะพี่เจนนีสมาทำงานที่ทีเซียสและพี่สาวก็ร้องขอให้เธอมาเป็นเพื่อนกับเฟรญ่า เพราะสงสารที่เฟรญ่าอยู่คนเดียวในคฤหาสน์ที่แสนกว้างใหญ่ และนั่นทำให้ลิเวียได้มาพบเจอกับคาร์เตอร์ จนได้แต่งงานและเป็นจักรพรรดินีทุกวันนี้เพราะความสามารถของเฟรญ่าเลยเธอถึงได้มีความสุขมากๆ ในช่วงเวลาที่เฟรญ่ากำลังจะได้แต่งงาน เพราะมันเหมือนกับว่าครั้งนี้เป็นเธอแล้วนะที่ได้ส่งเฟรญ่าไปให้ถึงฝั่งฝันกับความรักที่ดีงา
มาทอสพาเฟรญ่าและเจนนีสเดินทางกลับมาที่เมืองหลวงพร้อมกันในอีกสองสัปดาห์ต่อมา คาร์เตอร์ตั้งขบวนเพื่อรอรับการกลับมาของเฟรญ่า ทันทีที่เธอเดินลงมาจากรถม้า คาร์เตอร์ก็พุ่งตัวเข้าไปกอดเฟรญ่าเอาไว้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นมา และหนึ่งในเรื่องราวเหล่านั้นมันกำลังสั่นคลอนพี่ชายที่แสนกล้าหาญของเธออย่างหนักเลยสินะเฟรญ่าพบเจอคาร์เตอร์ในครั้งแรกตอนที่เธออายุสิบสี่ปี เขาคือองค์รัชทายาท ตามสายเลือดแล้วท่านพี่มาทอสคือน้องชายขององค์จักรพรรดิผู้เป็นพ่อของคาร์เตอร์ เราทั้งคู่จึงถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันและสนิทสนมกันมากทีเดียว เพราะแผลในใจที่เคยได้รับจากแม่เลี้ยงทำให้เฟรญ่านั้นหวาดกลัวผู้คนเป็นอย่างมาก อีกทั้งท่านพี่มาทอสก็งานยุ่งมากเพราะในช่วงเวลานั้นท่านพี่มาทอสรับตำแหน่งดยุคมาจากท่านพ่อแล้ว ทำให้เขาไม่มีเวลามาคอยดูแลน้องสาวต่างแม่สักเท่าไหร่นัก ผู้ที่ดูแลและสนิทสนมกับเฟรญ่ามากที่สุดคือคาร์เตอร์ ลูกพี่ลูกน้องของเธอ เขาพยายามเข้าหาเธอในทุกวัน ชวนเธอออกไปข้างนอก และเป็นผู้ที่พาเธอก้าวเดินไปยังงานเลี้ยงในแวดวงสังคม“ฟังนะเฟร จะไม่มีใครหน้าไหนกล้าดูถูกเจ้าทั้งนั้น พี่จะปกป้องเจ้าเองเพราะอย่างนั้นไม่ต้องกังวลหรื
เมื่อเฟรญ่าทำท่าไม่เชื่อ มาร์เซลก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เขาจับมือเธอพร้อมกับพาเธอวิ่งไปยังงานเทศกาลของเดียลอร์ลที่ในยามนี้มีชาวบ้านมากมายกำลังเต้นรำอยู่ตามท้องถนน บนใบหน้าหล่อเหลานั้นมีรอยยิ้มฉายชัดอยู่ มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ดวงตาของเฟรญ่านั้นพร่ามัวไปในทันทีราวกับว่ารอยยิ้มของเขามันแฝงไปด้วยเวทมนตร์แค่เขายิ้มก็ทำให้หัวใจของเธออ่อนลงยวบยาบ ฝ่ามือของเราเกาะกุมกันไว้โดยไร้คำพูด มาร์เซลหยุดเดินพร้อมกับหมุนตัวมาหาเธอ เขายกมือขึ้นมาจับเอวของเธอเอาไว้ ก่อนจะยกขึ้นเล็กน้อยแล้วพาเธอหมุนตัวตามจังหวะของเครื่องดนตรีพื้นเมือง เฟรญ่าหยักยิ้มขึ้นมาในทันที หัวใจของเธอมันเต้นผิดจังหวะในทุกครั้งที่อยู่กับเขา มันคือความรักที่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายเช่นไร แต่ในยามที่เธอมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา มันทำให้เธอมีความสุขได้โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย บางทีความหวังของเธอก็เป็นเรื่องง่ายๆอย่างเช่นการคาดหวังให้มาร์เซลมีความสุขตลอดไป..“เวลาที่ท่านยิ้มออกมามันสวยมากเลยนะครับ..”ในวันที่พบเจอกันครั้งแรก เขาก็เชื่อมั่นในพรหมลิขิตในทันทีว่าคนรักของเขาจะต้องเป็นเธอเท่านั้น บางสิ่งในอกค่อยๆ แผ่ซ่านออกมา หัวใจที่เย็นย
งานเทศกาลในครั้งนี้จัดขึ้นมาในฤดูที่กำลังปลูกพืชผล เมืองเดียลอร์ลนั้นได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างเพราะอย่างนั้น บารอนดีแลนจึงหารือกับชาวบ้านจัดงานนี้ขึ้นมา เพื่อให้บรรยากาศในเดียลอร์ลนั้นดีขึ้นมา ก่อนหน้านั้นกับบางคนที่เผชิญหน้ากับความสูญเสีย พวกเขาไม่อยากแม้แต่จะหายใจต่อไปดีแลนรู้สึกผิดกับชาวเมืองมากทีเดียว กับการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขา เพราะอย่างนั้นเขาจึงพยายามที่จะฟื้นฟูเดียลอร์ลขึ้นมาใหม่เพื่อให้ที่นี่กลับมามีบรรยากาศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขเช่นเดิมเฟรญ่าเดินไปบนถนนหนทางที่เต็มไปด้วยนักเดินทาง ไม่ว่าจะถามเธอสักกี่ครั้ง เฟรญ่าก็ยังคงตอบได้ในทันทีว่าเดียลอร์ลคือเมืองที่เธอชอบมากที่สุด ความธรรมดาของที่แสนพิเศษ“ไม่เจอกันนานเลยนะเฟร..”ดีแลนเดินเข้ามาทักทายเฟรญ่าด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม“อื้ม ที่นี่เหมือนเดิมเลยนะคะ เหมือนเดียลอร์ลที่ข้ารู้จัก”เฟรญ่าจุดยิ้มที่แสนงดงามบนใบหน้าของเธอ เธอคิดว่าดีแลนเองก็คงจะได้รับผลกระทบทางจิตใจเช่นเดียวกัน“ขาของเจ้า..มันหายดีเป็นปกติแล้วสินะ”เฟรญ่าก้มมองเท้าของตัวเอง เธอพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ถึงแม้จะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้างในยามที่ไ