ความเคยชินตั้งแต่รับช่วงต่อลักษิกาเจ็มหัสวีร์มักตื่นเช้าเสมอไม่ว่าจะนอนดึกแค่ไหนก็ตาม ทั้งที่บ้านไม่ได้หลังใหญ่ขนาดนั้นแต่ทำไมมันรู้สึกเงียบเหงาขนาดนี้กันนะมีแค่เขาคนเดียวที่นั่งทานอาหารเช้า ชีวิตที่แล้วไม่เคยรู้สึกถึงความอ้างว้างสักนิดแค่สรัลไปดีลงานที่ฮ่องกงเดี๋ยวก็กลับมาส่วนงานตัวเองก็ยุ่งมาก ยิ่งกับมนัสวีด้วยแล้วหลังความสัมพันธ์แย่เลยห่างกันต่างคนต่างอยู่
ตอนนั้นเขาคิดอะไรอยู่นะที่ไม่เคยฉุกใจเลย แม้แต่ภาพในอดีตแสนอบอุ่นสี่คนในครอบครัวไม่เคยลอยเข้ามาในหัวตอนที่พูดจาทำร้ายความรู้สึกคนน้องแรงขนาดนั้น
“นัทเห็นพี่รันถือแบบเครื่องเพชรออกมาจากห้องทำงานวิน”
“คิดมากน่าใช่ที่ไหนล่ะพี่รันไปเอาเอกสารสัญญา”
“ไม่จริง นัทเห็นกับตาแถมยังรีบออกจากบ้านไปกับใครก็ไม่รู้
“หลายรอบแล้วนะ อิจฉาหรือไงที่แบบของตัวเองไม่ถูกเลือกน่ะ”
“พวกเราเป็นพี่น้องกันนะนัทจะอิจฉาวินไปเพื่ออะไร
“เหอะ ก็แค่น้องนอกไส้ทำไมจะทำไม่ได้ แถมชอบยุ่งทุกเรื่องสร้างปัญหาตลอด รอบก่อนก็ทะเลาะกับรินเรื่องตลาด ต่อไปไม่ต้องเข้ามาที่บริษัทแล้วนะ
“เออ! จะไม่มาเหยียบอีกไม่ว่าที่นี่หรือลักษิกาเจ็ม”
“จะไปไหนก็ไปเลย!”
ดวงตาสีสวยกระพริบถี่ไล่ไม่ให้น้ำตาไหลออกมาพอหวนระลึกถึงตอนที่ทั้งสองกระทบกระทั่งกันอย่างรุนแรงก่อนหยิบสมาร์ทโฟนโทรหาเลขาคู่ใจ
“วันนี้ผมเข้าบริษัทช่วงบ่ายถ้ามีคนที่ชื่อชัชชัยมาติดต่อฝากคุณมิตรานัดหมายที่เลอฌาพรุ่งนี้บ่ายโมงทีนะครับ”
“ได้ค่ะบอส”
“ขอบคุณครับ”
WAM Gallery
โรงเรียนสอนศิลปะขนาดกลางที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงภายใต้การดูแลของมนัสวี วัชรอมรเมฆ ในวัย 26 ปี ที่นี่มีการสอนหลายแขนงไม่ว่าจะเป็นดินเผา วาดรูป งานปั้น แกะสลัก เครื่องประดับมุก และลายรดน้ำ โดยจะสอนตั้งแต่ปูพื้นฐานทำไม่เป็นก็เรียนได้ขอแค่สนใจโดยครูสอนจะชำนาญการแขนงนั้นโดยตรง
แกร่ก
จากตอนแรกตั้งใจว่าจะเข้ามานั่งวางแผนงานเสียหน่อยแต่ต้องเปลี่ยนใจกระทันหันแค่เดินมาที่โต๊ะทำงานเพื่อหยิบของและมองผ่านแขกที่กำลังยืนดูรูปครอบครัวในมือราวอากาศธาตุ
“นัด วินขอโทษ”
“...”
หัสวีร์กำลังเจ็บกับความโง่เขลาของตัวเองไม่เคยแม้สักครั้งที่น้องสาวเมินกันแบบนี้
ส่วนคนที่กำลังหยิบของนั้นยิ่งรีบยิ่งลนอยากออกไปให้ไวเพราะกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนถ้าหันไปมองคนที่กำลังทำหน้าเศร้ากับแววตาสำนึกผิด
หญิงสาวไม่เคยโกรธพี่ชายต่างสายเลือดแต่มนัสวีเสียใจจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก ทั้งที่เติบโตมาด้วยกันแต่ทำไมถึงมองว่าเธอขี้อิจฉาคนที่รู้จักนิสัยใจคอกันดีก็คืออีกฝ่ายไม่ใช่เหรอ
เพราะความหวังดีเหตุการณ์นี้เลยไม่ใช่ครั้งแรกที่ทะเลาะกันเธอหนื่อยแล้วไม่อยากไปถกเถียงกับใครอีก ขอถอยออกมาเฝ้ามองอยู่ห่างๆแล้วกันในเมื่อครอบครัวเพียงคนเดียวที่เคยเป็นเซฟโซนนั้นเปลี่ยนไป
หมับ
ร่างสูงคว้าข้อมือผู้เป็นน้องสาวจากด้านหลังที่กำลังรีบเร่งเดินไปที่ประตูไม่มีแม้คำพูดระหว่างกันแต่มนัสวีรู้สึกว่ามือที่จับเธอไว้นั้นกำลังสั่นเทาและเย็นเยียบ ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเกาะฉายย้อนกลับมาในหัวของหัสวีร์ทันที มันหนักอึ้งเกินที่จะรับไหว ฝืนทำตัวเข้มแข็งต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
น้องสาวที่ปกป้องเขาด้วยชีวิตอยู่ตรงนี้ความรู้สึกผิดที่ประเดประดังเข้ามามันกัดกินใจจนให้อภัยตัวเองไม่ได้เลย ไม่มีสักครั้งที่จะนอนหลับสนิทโดยที่ไม่ฝันร้าย
“ฮึก”
จากที่พยายามกระชากให้หลุดการเกาะกุมหันหลังขวับทันที คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอกำลังสะอื้นไห้เงียบๆราวเด็กชายตัวน้อยที่กำลังแตกสลาย
“นัทไม่ได้โกรธวินอย่าร้องนะ”
คนที่เสียน้ำตายากเวลาร้องไห้มักดูเปราะบางคำนี้ไม่เกินจริงพี่ชายต่างสายเลือดที่เธอคุ้นเคยเป็นคนเข้มเเข็งมากไม่ชอบแสดงมุมอ่อนแอให้ใครเห็น หลังการจากไปของพ่อกับแม่ก็ไม่เคยมีน้ำตาอีกเลย
“วิน ฮึก วินผิดเอง”
ยิ่งเช็ดน้ำตายิ่งไหลดวงตาสีเฮเซลที่เคยมีประกายสดใสยามนี้กลับหม่นแสดงเจ็บปวดร้าวราน โหยหา รู้สึกผิด และอ่อนแอราวคนสูญสิ้นทุกอย่างจนมนัสวีใจหาย
“เกิดอะไรขึ้นวิน”
“ขอโทษนะ”
มีเพียงการพร่ำขอโทษซ้ำเป็นคำตอบกลับมา สองมือโอบกอดลูบหลังคนที่สูงกว่าตนไม่มากนักอย่างร้อนใจจูงมือไปนั่งที่โซฟาแม้หัสวีร์จะสูงถึง 180 เซนติเมตร แต่เธอก็สูงน้อยกว่าอีกฝ่ายเพียง 5 เซนติเมตรเท่านั้น ทำให้หน้าของชายหนุ่มซบบนลาดไหล่พอดิบพอดี ไม่มีแม้ไม่ได้ยินเสียงสะอื้นแต่ความชื้นด้านหลังยืนยังคำตอบว่าอีกฝ่ายกำลังร้องไห้อยู่
พอเป็นแบบนี้มนัสวีเลยคิดว่าเธอใจร้ายกับอีกฝ่ายเกินไปไหมนะหรือเกิดอะไรขึ้น น้ำตาก็พาลไหลออกมาอาบแก้มนวลตามชายหนุ่มทันที
หัสวีร์รู้ว่าไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งเสียใจแต่เขาแค่ฝืนไม่ไหวแล้วจริงๆ การสูญเสียแสนสาหัสที่เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน พอได้เห็นคนตรงหน้ายังมีชีวิตอยู่ความรู้สึกผิดที่แบกไว้มันทำให้เส้นความเข้มแข็งพังครืนลงทันที
แต่เขาสัญญานะว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่อ่อนแอ เพราะจะจัดการทวงคืนและปกป้องสิ่งที่รักด้วยชีวิตให้มันทุกคนต้องชดใช้
“นัทไม่โกรธวินจริงๆนะ”
ทั้งสองพูดคุยกันหลังจากชายหนุ่มสงบสติอารมณ์ได้แล้ว
“อื้อ ไม่เคยโกรธเลยแค่เสียใจแต่วินอย่าทำแบบนั้นอีก”
“จริงนะ วินสัญญาจะไม่ทำตัวไม่น่ารักอีกแล้ว”
“ร้องอีกทำไมเนี่ย”
มือเล็กเช็ดน้ำตาที่เริ่มปริ่มลงมาจากดวงตาคู่สวยช้ำอีกรอบทั้งที่ตัวเองก็จะร้องตามเหมือนกัน
“ก็วินทำนัทเสียใจ”
“พอๆสภาพดูไม่ได้ทั้งคู่ไปล้างหน้าล้างตาลุกเลย หัวเราะอะไรคะคุณหัสวีร์”
“นัทเหมือนแม่เลย”
ว่าแล้วก็เอาหัวถูไถไหล่หญิงสาวหัวเราะคิกคัก
เจ้าแมวขี้อ้อนของบ้านตัวนั้นกลับมาแล้วสินะ
นี่คือความคิดแรกที่แวบมาในหัวมนัสวีหลังพากันไปล้างหน้าในห้องน้ำซึ่งต่างฝ่ายต่างมองกระจกพากันขำกันทันทีเพราะตาที่บวมช้ำที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
เฉพาะคนในครอบครัวหัสวีร์และที่สนิทใจเท่านั้นถึงจะรู้ว่าชายหนุ่มขี้อ้อนติดสกินชิพแค่ไหนนิสัยถอดแบบแมวดำมาเป๊ะ ฉลาด มั่นใจ เป็นมิตร แต่ไว้ตัว มีไม่กี่คนจะได้เห็นมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เธอที่มีศักดิ์เป็นน้องแต่นิสัยตรงข้ามสุดขั้วมักมองว่าอีกฝ่ายน่ารักน่าบีบมาตั้งแต่เด็กๆ แม้ตอนนี้คนโตกว่าจะอายุปาไป 27 ปีแล้วก็เถอะ
ทาสแมวก็ยังคงเป็นทาสแมวอยู่วันยังค่ำแม้เจ้านายจะเปรตไปบ้างแต่พอเข้ามาออดอ้อนใครจะไม่น้วยจริงไหมล่ะ
สองพี่น้องพูดคุยกันในห้องกันสักพักก่อนจะพากันออกไปหาอะไรรองท้อง กว่าสองเดือนที่ชายหนุ่มไม่ได้แวะมาที่นี่
ภาพนี้สร้างความปลื้มปริ่มดีใจให้กับเพื่อนร่วมงานและผู้เรียนทั้งชายหญิงเป็นอย่างมากเพราะความโดดเด่นของทั้งคู่นั้นเป็นอาหารตาชั้นดี
“ใครน่ะแก”
“พี่นัทเจ้าของที่นี่กับพี่ชายเขา”
“โห ทำไมเพิ่งชวนฉันมาเรียนเนี่ย”
“กรุณาเช็ดน้ำหมากด้วยค่ะเพื่อนอีกอย่างพี่วินแต่งงานแล้วจ้ะ”
“ใครบอกว่าฉันมองพี่วินเล่า!”
“ว้า แต่งงานไปแล้วเหรอเนี่ย”
หญิงสาวทั้งสองที่กำลังถกเถียงกันหันไปมองชายหนุ่มที่เป็นครูสอนงานปั้นเจ้าของเรือนผมสีควันบุหรี่
“พี่เธียรว่าไงนะคะ”
“บอกว่าตรงนี้ปรับอีกหน่อยก็สวยแล้วครับ”
“ได้เลยค่ะ”
ใบหน้าหล่อตี๋แบบพิมพ์นิยมยิ้มอย่างใจดีหลังตอบคำถามนักเรียนเสร็จก่อนท้าวคางมองตามคนนอกห้องจนลับสายตา
หนึ่งหนุ่มหล่อผู้มีเรือนผมสีดำทรงทูบล็อคดวงตาสีเฮเซลยามต้องแสงเป็นประกายสีทองไม่เหมือนใคร สวมเชิ้ตดำปลดกระดุมเม็ดบนกับกางสแล็คสีดำตัดกับสูทสีน้ำเงิน ใบหูซ้ายประดับเพทายเม็ดจิ๋วคู่ตรงตำแหน่งเฮลิกซ์ (Helix)
หนึ่งสาวสวยผู้มีดวงตาและเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนลอนเล็กยาวถึงกลางหลังสวมเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนทรงบอยพอดีตัวคลุมทับด้วยเบลเซอร์สีครีม ใบหูทั้งซ้ายขวาใส่จิวเล็กสีนิลข้างละสามอันเรียงกันในตำแหน่งโลบ (Lobe)
ทั้งคู่เลือกร้านประจำที่มาบ่อยเป็นอาหารง่ายๆแต่อร่อยมากก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ใจจริงหัสวีร์อยากชวนมนัสวีมาอยู่ที่บ้านเหมือนเดิมแต่เจ้าตัวอยากสะสางเรื่องหย่ากับสรัลให้เสร็จก่อนถึงจะสบายใจได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้บอกเล่าให้หญิงสาวฟังเพราะอีกฝ่ายก็ยุ่งกับการเตรียมงานแสดงแกลอรี่เหมือนกันเลยนอนที่คอนโดเป็นหลักแต่ขอแบบเครื่องเพชรของมนัสวีที่ไม่ได้รับเลือกมาแทน
เมื่อกลับไปถึงบริษัทมินตรามาแจ้งว่าได้ทำการนัดหมายกับนายชัชชัยที่เข้ามาขอพบเรียบร้อยแล้ว
“หึ พี่จิ๋นซีนี่คาดการณ์เก่งนะเนี่ย”
“ปล่อยกู!”เซฟเฮ้าส์ส่วนตัวย่านชานเมืองไม่ไกลจากสนามแข่งรถ Steed King มากนัก ห้องใต้ดินที่ถูกซ่อนตัวปรากฏเงาร่างกำยำเปลือยเปล่าของมาเฟียต่างวัยถึงสองคนถูกพันธนาการด้วยโซ่ล่ามทั้งแขนขากำลังถูกมดแดงหลายรังที่จิตรกรสั่งให้มาโปรยที่พื้นไต่ขึ้นตัวและกัดจนจุดแดงขึ้นเป็นจ้ำโดยที่ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งส่วนอ่อนไหวกลางกลายด้วยแล้วกรีดร้องแทบจะทุกครั้งที่ปากเล็กเจาะผิวเนื้อจนน้ำตาเล็ดและคนที่โดนเยอะสุดคงหนีไม่พ้นมู่ตงเฉิงที่ตอนนี้มีสภาพราวกับศพ ลมหายใจแผ่วเบาใกล้ตายเต็มที เพราะแผลจากคมกระสุนที่ไม่ได้รับการรักษาห้ามเลือดแล้วระหว่างที่รอนายน้อยตระกูลมู่ตามล่าจางเฟิงก็ผ่านไปหลายชั่วโมงอวัยวะเพศบวมเป่ง เลือดไหลอาบย้อมแดงฉานมีทั้งจุดที่แห้งกรังและเป็นลิ่ม“แค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้วเหรอจางเฟิง”จิตรกรเดินเข้ามาในห้องนั่งลงไขว่ห้างมองใบหน้าคับแค้นใจของมาเฟียใหญ่ที่ถูกเอาตัวกลับมาจัดการในไทยมีเพียงกระจกกั้นเท่านั้นด้วยแววตาเย็นชา“ไอ้จิตรกร แน่จริงก็ฆ่ากูเลยสิวะ”ความรู้สึกของการพ่ายแพ้ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเป็นสิ่งที่เจ้าของดวงตาสีขี้เถ้ายอมรับไม่ได้ว่าตัวเองจะตกต่ำจากผู้ล่ากลายเป็นเหยื่อน่าสมเพศเสียเอง เคียดแค้
จำเลยหมายหัว คนที่ 0 และ 4จางเฟิง/วิคเตอร์สถานะ : มาเฟียหนึ่งในสามผู้ทรงอิทธิพลเจ้าของธันเดอร์เลค คาสิโน ผู้ค้าอาวุธเถื่อนและสร้างองค์กรค้ามนุษย์ในฮ่องกงมู่ตงเฉิงสถานะ : บอสมาเฟียสายรองตระกูลมู่ความผิด : ร่วมมือกันฆ่าและกวาดล้างตระกูลมู่สายหลักเพื่อจะได้รวบอำนาจเข้ตระกูลจาง (คดีเก่า), ร่วมมือกันจับจิตรกรเพื่อกำจัดกับหัสวีถูกฉีดสารเสพติดเพื่อกระตุ้นความต้องการก่อนลงมือข่มขืน (คดีใหม่)จางเฟิงเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของผู้นำมาเฟียตระกูลจางอย่างจางเฟยหลงเจ้าของดวงตาสีขี้เถ้าซึ่งถอดนิสัยความโหดเหี้ยม ไร้มนุษยธรรมจากผู้เป็นพ่อทั้งหมดและดูเหมือนว่าจะมีมากกว่าด้วยซ้ำฆ่าคนครั้งแรกในวัย 8 ปี ด้วยด้ามปากกาแหลมแทงหัวใจเพื่อนร่วมชั้นเพียงเพราะอีกฝ่ายไม่แบ่งของเล่นให้แถมยังหัวเราะชอบใจมองดูการกระตุกเกร็งจนแน่นิ่งพี่เลี้ยงที่ดูแลล้วนเปลี่ยนรายวันเพราะหายสาบสูญทันทีโดยไม่ต้องมีเหตุผลเพียงแค่หายใจก็กลายเป็นคนผิดได้วัย 11 ปี วางยาอาจารย์ประจำชั้นเพราะถูกตักเตือนเรื่องที่เอาเท้ามาวางพาดไว้บนโต๊ะในขณะที่สอนอยู่วัย 14 ปี สั่งให้ลูกน้องไปฉุดรุ่นพี่เดือนโรงเรียนมาข่มขืนและส่งต่อให้ลูกน้องรุมโทรมจนขา
ทันทีที่จิตรกรมาถึงหน้าประตูธันเดอร์เลคคาสิโนก็พบกับเหล่าลูกน้องมาเฟียร่วมร้อยคนพร้อมอาวุธครบมือประจัญหน้าต้อนรับเขาอย่างดีใบหน้าคมมองอย่างเย็นชาครั้งนี้ชายหนุ่มก็พาคนมากฝีมือมาไม่น้อยเช่นกันทั้งของตัวเองและตระกูลมู่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นทันทีที่นายน้อยตระกูลมู่ยิงแสกเข้ากลางหน้าผากคนที่คาดว่าเป็นระดับหัวหน้าตายคาที่เมื่อมีการปะทะก็ย่อมมีการสูญเสียและฝ่ายจิตรกรนั้นล้วนเต็มใจเพราะที่ตามมาแทบทั้งสิ้นมีความแค้นฝังหุ่นกับจางเฟิง เมื่อไม่มีกำลังย่อมบุกมาทวงคืนไม่ได้แต่ตอนนี้มีโอกาสก็ลุยทันที คงจะเป็นฝั่งคาสิโนมากกว่าที่เสียเปรียบเพราะสายที่แทรกซึมอยู่ในกลุ่มมาเฟียเกือบครึ่งในนี้จากปลายกระบอกปืนและคมมีดที่หันมายังคนนอกที่บุกรุก อยู่ๆก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ลำคอเพราะเพื่อนข้างกายเจอหน้ากินดื่มอยู่ทุกวันแทงลึกหมุนบิดจนคอเกือบขาดอย่างไร้ความปราณีกระสุนที่ออกจากรังเพลิงทุกลูกล้วนเข้าเป้าพลั่กขายาวถีบชายฉกรรจ์ที่ถูกคมมีดปักตัดขั้วหัวใจดวงตาเบิกโพลงร่างกระตุกเกร็งให้พ้นทางโดยไม่ได้ให้ความสนใจอีกก่อนเดินเข้าลิฟท์ไป“เกะกะ”ระหว่างทางที่ขึ้นกบด้านก็มีพวกลูกสมุนมาเฟียเข้ามาขัดขวางอยู่เรื่อยๆแต่ก็ถูก
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว“หาตำแหน่งเจอหรือยัง”น้ำเสียงเคร่งขรึมพร้อมกับทำแผลที่ถูกคมกระสุนไปด้วยถามชยุตลูกน้องคนสนิททันทีหลังจากออกคำสั่งนำตัวมู่ตงเฉิงไปขังไว้แล้วรีบไปช่วยหัสวีร์“ตอนนี้คุณวินอยู่ใกล้กับสมุทรปราการเป็นพื้นที่ส่วนตัวขนาดใหญ่ครับห่างจากที่นี่เกือบหนึ่งชั่วโมงครับ”“ฉันให้เวลาครึ่งชั่วโมงต้องไปถึงที่นั่น”“ครับ”จิตรกรรอไม่ได้แล้วเขาเสียเวลาที่นี่มามากพอแม้คนของมาร์ติโนจะนำไปก่อนหน้านั้นก็ตามชยุตค้นหาเส้นทางลัดจากดาวเทียมทันทีที่สิ้นสุดคำสั่งหากว่าเขาทำไม่ได้คงหลุดออกจากตำแหน่งแน่นอนรถยนต์แล่นด้วยความเร็วมิดไมล์ประหนึ่งติดปีกบินแต่ถึงยังไงก็ไม่ทันใจเจ้าของดวงตาสีรัตติกาลอยู่ดีตอนที่มาถึงลูกน้องของมาร์ติโนได้เคลียร์ทางไว้หมดแล้วซึ่งเป็นการซุ่มโจมตีโดยที่ไม่ให้คนข้างในรู้ตัวเพราะกลัวนายน้อยตระกูลเฉินจะเป็นอันตรายแม้จะอยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคลจำนวน 50 ไร่ที่ไม่มีคนหาเจอแต่ก็สมเป็นจางเฟิงที่ยังรอบคอบ ลูกน้องที่เฝ้ากะจากสายตาไม่ต่ำกว่า 50 คนแน่นอนส่วนมาร์ติโนมาถึงทีหลังจิตรกรไม่กี่นาทีมาถึงตัวบ้านมีคนเฝ้าอยู่สองคนด้านหน้าจิตรกรพร้อมกับชยุตตรงเข้าไปจัดการโดยไม่ให้
เย็น?ชื้น?รำคาญจังไปให้พ้นนะเจ็บเฮือกความเจ็บจี๊ดที่ลำคอทำให้หัสวีร์สะดุ้งตื่นขึ้นมาเปลือกตาสีอ่อนกระพริบถี่เพื่อปรับโฟกัส กลุ่มผมสีดำของใครบางคนกำลังสัมผัสกับแก้มขวาคือสิ่งแรกที่เห็นลิ้นร้อนที่ไล้อยู่ตรงคอขาวพร้อมขบกัดเนื้ออ่อนจนเจ็บแปลบคือสิ่งสองที่รู้สึก ไอ้บ้าเอ้ยใครวะเนี่ยจำได้ว่าพอไปถึงท่าเรือเฉลิมกิจแล้วชายคนรักขอแยกตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อนเพราะสนามแข่งมีปัญหา หัสวีร์เดินมาถึงเรือขนส่งสินค้าของตัวเองซึ่งมีลูกน้องคอยเช็คอยู่หน้างานอยู่แล้วแต่สิ่งที่แปลกใจคือไม่คุ้นหน้าแถมยังทำท่าทางมีพิรุธราวกับไม่คาดคิดว่าเขาจะมาแล้วจริงดั่งคาดเพราะสายตาเหลือบไปเห็นอีกฝั่งที่ไม่ไกลกันนักกำลังถ่ายสินค้าแต่บรรจุภัณฑ์ที่ตีลังป้องกันความเสียหายไม่ใช่ของลักษิกาเจ็ม ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำขึ้นเองล้วนจดจำง่ายเพราะบทเรียนจากชีวิตที่แล้วพอรู้ว่าถูกจับได้ฝ่ายนั้นจึงละทิ้งงานไม่ได้มาเผชิญกับเขาโดยตรงแต่กลับวิ่งหนีไปทางตู้คอนเทนเนอร์เปล่าด้วยความคิดที่ว่าหากจับได้หนึ่งคนแล้วมาเค้นหาความจริงจะได้รู้ว่าใครเป็นคนสั่งการโดยขาดการไตร่ตรองถึงอันตรายข้างหน้าจึงวิ่งไล่ตามไป ทันทีที่เข้าไปในดงตู้เปล่าชายคน
ท่าเรือเฉลิมกิจ เป็นท่าขนส่งทางน้ำที่มีสำคัญในภาคตะวันออกซึ่งธุรกิจหลายประเภทเลือกใช้บริการเพื่อจัดส่งสินค้าไปยังต่างประเทศเพราะหากมีสินค้าในปริมาณที่มากการขนส่งทางน้ำย่อมมีค่าใช้จ่ายถูกลงกว่าขนส่งทางอากาศถ้าไม่ใช่สิ่งที่บูดเสียง่ายแทบทุกเจ้าย่อมเลือกการขนส่งทางเรือตอนนี้หัสวีร์และจิตรกรเดินทางมาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงพากันเดินเข้าไปทันทีแต่ในระหว่างนั้นมีสายเรียกเข้าจากทีมช่างที่ Steed King คนพี่จึงปลีกตัวออกมาคุยด้านนอกพอเสร็จเรียบร้อยจึงตามเข้าไปแต่กลับหาคนรักไม่เจอ โทรหาแล้วไม่รับสายจนร้อนใจเพราะหากไม่ได้พกโทรศัพท์มือถือมาก็ยังมีสมาร์ทวอทช์ติดตัวซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่ที่จะไม่ได้ยินเห็นพนักงานที่กำลังขนของอยู่แถวนั้นจึงเข้าไปสอบถาม“คุณครับเห็นผู้ชายใส่สูทสูงประมาณนี้ดวงตาสีทองไหมครับ”“เอ คนที่ใส่ชุดสีกรมท่าไหมครับ”“ใช่ครับ”“ผมเห็นเขาเดินไปทางนั้นนะ”ชายหนุ่มเดินมาเรื่อยๆแต่กลับไม่พบใครมีแค่ตู้คอนเทนเนอร์วางเรียงอยู่เต็มไปหมดรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลและเป็นห่วงคนน้องมากอย่างนึกเจ็บใจตัวเองว่าประมาทเกินไปวินน้องอยู่ไหนนะ นิ้วเรียวกดโทรหามาร์ติโนเพื่อค้นหาตำแหน่งของหัสวีร์แต่ย