“แม่ว่ามันแปลก ๆ แล้วนะดิน พังประตูเลยดีกว่า” วงเดือนพูดอย่างใจคอไม่ดี เมื่อวานหัวค่ำก็เงียบแบบนี้ แต่ดีที่ปิ่นแก้วไม่ได้ลงกลอนด้านใน เธอจึงได้รับการช่วยเหลือได้ทันจนรอดชีวิตออกมาได้ แต่เช้านี้นี่สิ นอกจากบ้านจะเงียบฉี่ผิดปกติแล้ว ด้านในยังลงกลอนไว้อย่างแน่นหนาอีก
หลังจากวงเดือนตื่นขึ้นมาในยามเช้าของวันนี้ เธอก็ลุกขึ้นหุงหาอาหารให้กับสมาชิกของครอบครัวตามปกติของทุกวัน จนล่วงเข้ายามสายก็รู้สึกถึงความผิดปกติของบ้านที่อยู่ติดกัน
แต่ละหมู่บ้านตามชนบทนั้นมีผู้คนอาศัยอยู่ไม่หนาแน่นนัก อย่างมากไม่เกินสามร้อยคนในแต่ละชุมชน และบ้านเรือนที่ปลูกอาศัยก็จะอยู่ละแวกเดียวกันเป็นหลัก เพื่อที่จะสามารถดูแลช่วยเหลือกันได้ และที่สำคัญรั้วบ้านที่แบ่งเขตของแต่ละบ้านก็แทบจะไม่มี เว้นแต่บ้านที่มีฐานะดีเท่านั้นที่จะสร้างรั้วกั้นอาณาเขตของตนได้
บ้านของคำปันปลูกติดกับบ้านของปิ่นแก้ว มีเพียงต้นมะม่วงและต้นมะขามกั้นอาณาเขตระหว่างสองบ้านเท่านั้น หากบ้านหนึ่งมีการเคลื่อนไหวอะไร อีกบ้านมักจะรับรู้ได้อยู่เสมอ
หลังจากทำงานบ้านเสร็จในช่วงสาย วงเดือนก็จับสังเกตได้ว่าบ้านของปิ่นแก้วไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลยตั้งแต่หัวรุ่ง ไม่มีกลิ่นของควันเตาไฟที่จุดเพื่อหุงหาอาหาร ไม่มีกลิ่นของอาหารปรุงสุกลอยมาให้ได้กลิ่น บานหน้าต่างทุกบานก็ยังปิดสนิท ไม่มีการเปิดรับลมอย่างที่เคยเห็น เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหัวค่ำของวานนี้ วงเดือนจึงเกิดอาการจิตตก เธอเดินไปปลุกแดนดินเพื่อเดินไปบ้านปิ่นแก้วด้วยกัน
“เคาะเรียกอีกครั้งดีกว่า เผื่อแก้วหลับลึก” แดนดินไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของแม่ ชายหนุ่มตบประตูเรียกปิ่นแก้วด้วยเสียงที่ดังมากขึ้นกว่าเดิม แม้จะเริ่มรู้สึกตื่นตระหนกตามแม่ไปบ้างแล้ว แต่ในอารมณ์ตื่นตระหนกก็ยังมีอารมณ์ไม่พอใจแฝงอยู่จาง ๆ ด้วย เขาเริ่มรู้สึกเล็ก ๆ ว่าน้องสาวข้างบ้านที่เคยหัวอ่อนและขี้อายคนนี้สร้างความวุ่นวายให้ครอบครัวเขาไม่มีหยุด
เขาเข้าใจถึงอารมณ์คนที่เผชิญความสูญเสียมาอย่างหนักว่าอาจรู้สึกทดท้อและมืดมนในชีวิตอย่างยิ่ง แต่ถึงกับพยายามฆ่าตัวตายเพื่อหนีความจริงของชีวิต เขารู้สึกว่าไร้เหตุผลไปหน่อย แม้จะต้องเผชิญกับปัญหาหนักจนแทบประคองตัวไหว แต่เขาเชื่ออย่างหนึ่งว่าจะไม่มีทางตันของชีวิตหากเราลุกขึ้นสู้ เขายอมรับว่ารู้สึกผิดหวังกับผู้หญิงที่เขาเห็นเหมือนน้องสาวมาโดยตลอดคนนี้นัก เธอถึงกับยอมแพ้ปัญหาโดยการฆ่าตัวตาย ทำไมปิ่นแก้วไม่นึกถึงวิญญาณพ่อกับแม่ของเธอบ้างว่าพวกเขาจะรู้สึกเสียใจแค่ไหนที่ลูกสาวคนเดียวไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้กับปัญหาขนาดนี้
“แม่...เดี๋ยวผมไปหาชะแลงมางัดประตูดีกว่า” แม้จะยังรู้สึกไม่พอใจหญิงสาว แต่แดนดินก็ไม่อยากเห็นเธอในสภาพหมดลมหายใจอีกเหมือนกัน เขาบอกมารดาเสร็จก็เตรียมจะวิ่งลงบันไดบ้านไป
แอ้ด...
แต่แล้วเสียงเปิดประตูบ้านก็หยุดฝ่าเท้าของเขาที่เตรียมจะก้าวลงบันไดได้อย่างชะงัก ชายหนุ่มเหลียวมองที่ประตูก็ได้เห็นภาพที่พูดอะไรไม่ออก ได้เพียงแต่กะพริบตาปริบ ๆ มองเท่านั้น
พิริยาโผล่หน้าออกมาจากประตูด้วยสภาพที่หัวยุ่งยิ่งกว่ารังนก ตาปรืออยู่ในสภาพที่ลืมแทบไม่ขึ้น ถ้าสังเกตใกล้ ๆ ก็จะเห็นขี้ตาที่ยังค้างคาอยู่เต็มหัวตา ส่วนใบหน้าไม่ต้องพูดถึงทั้งยับย่นและมันแผล็บจนสามารถทอดไข่ได้เป็นจานเลยทีเดียว
“โอ๊ย..แก้ว ป้ากับดินเรียกเราตั้งนาน ทำไมไม่ขานรับ ทำเอาป้าใจหายหมด”
เอ่อ..เธอเองก็ใจหายไม่แพ้กัน พิริยาบ่นพึมพำในใจ เมื่อคืน เธอมัวแต่ดูคลิปเพลินจนเช้า ได้นอนยังไม่ถึงสองชั่วโมง ระหว่างหลับสนิทแบบไร้ฝัน จู่ ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงดังตึง ตึง แบบหนัก ๆ และถี่ ๆ ปนกับเสียงของชายและหญิงกำลังเรียกชื่อของปิ่นแก้ว
พิริยาสะลึมสะลือขึ้นมาอย่างมึนงง ก่อนจะยกฝ่ามือซ้ายขึ้นมามอง ก็เห็นวงเดือนกับแดนดินกำลังทุบประตูหน้าบ้านอย่างหนักหน่วงพร้อมกับเรียกชื่อเธอเป็นระยะจึงรู้ในทันทีว่าเธอได้ก่อเรื่องยุ่งขึ้นมาอีกแล้ว
“แก้วหลับลึกไปหน่อยค่ะป้า สงสัยเพลียเมื่อวาน เลยไม่ได้ยินเสียง แก้วขอโทษป้าเดือนกับพี่ดินด้วยนะคะที่ทำให้ตกใจ”
“ไม่เป็นไรลูก ตื่นมาก็ดีแล้ว ไม่เป็นอะไรก็ดีมาก ๆ แล้วลูก” วงเดือนเอ่ยขึ้นมาอย่างเบาใจ “นี่เกือบเก้าโมงแล้ว แก้วหิวรึยัง ป้าตั้งใจจะชวนเราไปนั่งกินมื้อเช้าที่บ้าน หรือถ้าไม่อยากออกไปไหน เดี๋ยวให้ดินยกมาให้ก็ได้ลูก”
ใจคิดจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นความตั้งใจจริงของวงเดือนเธอก็เอ่ยปากออกมาไม่ได้ การพบมิตรที่ดีในสถานที่ที่ไม่คุ้นชินแบบนี้ถือเป็นพรอันประเสริฐ
“แก้วขอล้างหน้าและแต่งตัวก่อนนะคะ แล้วจะไปหาที่บ้าน แต่ป้าไม่ต้องรอแก้วนะคะ กินกันก่อนได้เลย แก้วจะตามไปโดยเร็ว” แล้วก็เอ่ยปากตอบรับโดยง่าย
“แม่ว่ามันแปลก ๆ แล้วนะดิน พังประตูเลยดีกว่า” วงเดือนพูดอย่างใจคอไม่ดี เมื่อวานหัวค่ำก็เงียบแบบนี้ แต่ดีที่ปิ่นแก้วไม่ได้ลงกลอนด้านใน เธอจึงได้รับการช่วยเหลือได้ทันจนรอดชีวิตออกมาได้ แต่เช้านี้นี่สิ นอกจากบ้านจะเงียบฉี่ผิดปกติแล้ว ด้านในยังลงกลอนไว้อย่างแน่นหนาอีกหลังจากวงเดือนตื่นขึ้นมาในยามเช้าของวันนี้ เธอก็ลุกขึ้นหุงหาอาหารให้กับสมาชิกของครอบครัวตามปกติของทุกวัน จนล่วงเข้ายามสายก็รู้สึกถึงความผิดปกติของบ้านที่อยู่ติดกันแต่ละหมู่บ้านตามชนบทนั้นมีผู้คนอาศัยอยู่ไม่หนาแน่นนัก อย่างมากไม่เกินสามร้อยคนในแต่ละชุมชน และบ้านเรือนที่ปลูกอาศัยก็จะอยู่ละแวกเดียวกันเป็นหลัก เพื่อที่จะสามารถดูแลช่วยเหลือกันได้ และที่สำคัญรั้วบ้านที่แบ่งเขตของแต่ละบ้านก็แทบจะไม่มี เว้นแต่บ้านที่มีฐานะดีเท่านั้นที่จะสร้างรั้วกั้นอาณาเขตของตนได้บ้านของคำปันปลูกติดกับบ้านของปิ่นแก้ว มีเพียงต้นมะม่วงและต้นมะขามกั้นอาณาเขตระหว่างสองบ้านเท่านั้น หากบ้านหนึ่งมีการเคลื่อนไหวอะไร อีกบ้านมักจะรับรู้ได้อยู่เสมอหลังจากทำงานบ้านเสร็จในช่วงสาย วงเดือนก็จับสังเกตได้ว่าบ้านของปิ่นแก้วไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลยตั้งแต่หัวรุ่ง
ระหว่างวิ่งวนรถจักรยานเพื่อสำรวจข้าวของ ก็พลันได้เจอประตูหนึ่งบานตั้งอยู่ฝั่งขวามือของทางเข้าพื้นที่ว่าง ตอนเข้ามามัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับข้าวของที่อยู่ตามชั้นต่าง ๆ จนไม่ได้สังเกตประตูบานนี้เธอเอื้อมมือไปเปิดประตูอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ และภาพที่เห็นอยู่ข้างในก็ทำให้หญิงสาวเผยอรอยยิ้มเจิดจ้าออกมาพื้นที่ด้านหลังประตูเหมือนห้องในคอนโดห้องหนึ่ง มีห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว และมีเฟอร์นิเจอร์ประดับตกแต่งอย่างครบครัน แม้แต่เรื่องปรับอากาศก็ยังมีให้ เรียกได้ว่าคนคนหนึ่งสามารถดำรงชีวิตอยู่ในห้องนี้ได้อย่างสบาย เธอมองเครื่องปรับอากาศอย่างชั่งใจก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบรีโมทและกดเปิดเครื่องติ๊ด!สิ้นเสียงสัญญาณเปิดของเครื่องปรับอากาศ เธอก็รู้สึกถึงความแรงของลมที่กำลังพุ่งใส่หน้าเธอ“ในพื้นที่สามารถใช้ไฟฟ้าได้”เธอรอดตายแล้ว! เธอสามารถใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ไปจนตายได้ พระเจ้ายังไม่โหดร้ายกับเธอนักเมื่อเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบคอนโดส่วนตัว พิริยาก็ได้พบเคาน์เตอร์สี่เหลี่ยมจัตุรัสสีขาวกว้างยาวประมาณหนึ่งเมตรตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่น เคาน์เตอร์นี้ประหลาดตรงที่มีประกายแสงเรืองรองสีขาวโผล่ออกมาเป็นระยะ บนเคาน์เตอร์ไม
เธอหันรีหันขวางเพื่อหาที่หลบที่ปลอดภัย ระหว่างนี้ก็ได้ใช้นิ้วสะกิดเกากลางฝ่ามือซ้ายที่บังเอิญคันยิบขึ้นมาอย่างกะทันหันไปด้วย ทันใดนั้นเองก็รู้สึกถึงแรงดูดที่ดูดร่างกายเธอเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว หญิงสาวรีบหลับตาปี๋อย่างตกใจ หลังจากนั้นคล้ายกับมีแสงจ้ากำลังตกกระทบที่ผิวเปลือกตา พิริยาจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆเธอยืนมองภาพเบื้องหน้าด้วยสีหน้าตกตะลึง“พื้นที่!” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น ในที่สุดเธอก็มีพื้นที่ว่างเหมือนนางเอกนิยายคนอื่น ๆ!โชคชะตายังคงไม่ใจร้ายกับเธอนัก! พิริยาน้ำตาไหลอย่างปลาบปลื้มพร้อมกับใช้มืออีกข้างตีลงโทษนิ้วกลางที่นิสัยไม่ดีไปด้วยภาพพื้นที่ที่อยู่เบื้องหน้าสร้างความตื่นตะลึงให้เธอเป็นอันมาก ลักษณะของมันคล้ายกับห้างค้าส่งแอคโคร่ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศไม่มีผิด แต่พื้นที่พกพาของเธอใหญ่โตกว่าเยอะ เหมือนเอาห้างแอคโคร่มาเรียงต่อกันสิบห้าง!หญิงสาวค่อย ๆ ไล่สายตาดูสิ่งของในพื้นที่ไปทีละแถวโซนแรกเป็นโซนของแห้งและของใช้ซึ่งจัดเรียงอยู่บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ มีทั้งขนม เครื่องปรุง เครื่องครัว เครื่องสำอาง สบู่ ผงซักฟอก อุปกรณ์ทำความสะอาด มีให้อย่างครบครันแล
พิริยาเป่าปากอย่างไม่สบอารมณ์ โจทย์ชีวิตของเจ้าของร่างเดิมถือว่ายากมาก ถ้าเปรียบเป็นระดับการศึกษา ถือเป็นระดับโพสต์ดอกเตอร์ได้เลย“น่าผิดหวังอย่างแรง มันเกินไปแล้วจริง ๆ” พิริยาเงยหน้าขึ้นพูดพร้อมกับชูนิ้วกลางขึ้นไปบนฟ้า‘อะแฮ่ม!!’หญิงสาวสะดุ้งโหยง กลอกตาเลิ่กลั่กก่อนจะค่อย ๆ หุบนิ้วกลางลง แล้วนำมือข้างนั้นไปเกาที่ศีรษะและหัวเราะเบา ๆ ให้คนที่กำลังเดินขึ้นบันไดมาเพื่อแก้เขิน“แก้ว เป็นอะไรรึเปล่า”ทำไมถึงยืนชูนิ้วกลางขึ้นไปบนฟ้าแบบนั้น แดนดินมองท่าทางประหลาดของหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความแปลกใจ“ไอ้ท่านั้นหมายถึงอะไร” และอดไม่ได้ที่จะถามพิริยายิ้มเจื่อน “อ่า..ออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายน่ะพี่” จะบอกความหมายของมันได้อย่างไรเล่า“พี่ดินมีอะไรเหรอ”“แม่ให้เอากับข้าวมาให้ คิดว่าแก้วน่าจะหิวแล้ว”“ฝากขอบคุณป้าเดือนด้วยนะคะ” หญิงสาวมองกับข้าวที่ตั้งอยู่ตรงหน้าด้วยความซาบซึ้งใจ อย่างน้อยการย้อนกลับมาครั้งนี้ของเธอก็ดูเหมือนไม่ขาดมิตรนักแดนดินพยักหน้ารับและเตรียมเดินลงจากเรือนไปโดยไม่พูดอะไรต่ออีก“เดี๋ยวค่ะ พี่ดิน”ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองเชิงถามเมื่อได้ยินเสียงเรียก“พี่ทำให้แสงตะเกียงสว่างข
“แก้วเอ๊ย ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้” เสียงผู้หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นอย่างมาอย่างเวทนา“ยังอายุน้อยอยู่แท้ ๆ” เสียงชายวัยกลางคนกล่าวเสริมขึ้นมา“เฮ้อ...ไม่รู้บ้านนี้มีอาถรรพณ์อะไร มีงานขาวดำไม่หยุดหย่อน แล้วใครจะเป็นเจ้าภาพงานศพล่ะทีนี้ แก้วก็ไม่เหลือญาติพี่น้องที่ไหนแล้ว”“แม่เดือน ฉันว่าเรามารับเป็นเจ้าภาพเพื่อทำบุญให้แก้วเป็นครั้งสุดท้ายกันเถอะ ค่างานศพคงไม่กี่บาทหรอก”“ก็ดีเหมือนกันนะพี่ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก้วมัน ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเจอแต่ความทุกข์แบบนี้” วงเดือนเห็นด้วยกับสามี“เฮือก!”เสียงสูดหายใจเข้าลึกของหญิงสาวที่ตอนแรกนอนหมดลมหายใจไปแล้ว ทำเอาวงเดือน คำปัน และชายหนุ่มร่างสูงวัยยี่สิบเอ็ดปี รวมไปถึงชาวบ้านอีกสองสามคนที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ต่างอยู่สะดุ้งโหยงไปตาม ๆกัน วงเดือนถึงกับตัวสั่นและขยับตัวเข้าไปชิดสามีและลูกชายด้วยความตกใจ“ก..ก..แก้ว!” วงเดือนเอ่ยเรียกหญิงสาวปากคอสั่นหลังจากสูดหายใจเข้าไปอีกเฮือกใหญ่ พิริยาจึงค่อย ๆ ฝืนลืมตาขึ้น ภาพที่ตกกระทบสายตาภาพแรกคือหลังคาใบจากและขื่อไม้สีน้ำตาลที่ดูเก่าและทรุดโทรม ตรงขื่อมีผ้าฝ้ายเส้นหนาสีหมองผูกเป็นรูปบ่วงเอาไว้นี่เธออยู่ที่ไหนก