หลังจากกลับมาจากงานวันเกิดของวรานนท์แล้ว พอถึงบ้านทุกคนก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องนอน นิลกาฬกับพีรฉัตรก็ตามลูกชายคนโตเข้ามาในห้องนอนด้วย
“น้องพู่กันลูก ปะป๊ากับมาม๊าขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ” นิลกาฬบอกกับลูกชาย พอเห็นลูกรักเศร้าหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็อดที่จะสงสารไม่ได้ “ได้ครับ เชิญปะป๊ากับมาม๊าเข้ามานั่งที่เตียงน้องก่อนครับ” เวลาอยู่กับครอบครัวถ้าไม่มีพะแพงน้องสาวอยู่ด้วยพนัชกรมักจะแทนชื่อตัวเองด้วยคำว่าน้องแทนเหมือนตอนเด็กๆ พอบิดามารดาเข้ามานั่งบนเตียงของลูกรักโดยพนัชกรนั่งตรงกลางขนาบข้างด้วยคนเป็นพ่อและแม่ที่ต่างคนต่างโอบไหล่ลูกรัก “ปะป๊ากับมาม๊ามีอะไรอยากจะบอกกับน้องหรือเปล่าครับ” นิลกาฬเลยพยักหน้าให้ภรรยาเป็นคนพูด เพราะน่าจะดูซอฟต์ว่าตัวเอง “ปะป๊ากับมาม๊าอยากจะถามน้องว่า น้องพู่กันรักพี่เนมมากไหมลูก ถ้ารักแล้วไม่สมหวังพู่กันจะยอมรับได้ไหม พู่กันจะเสียใจไหมลูก” พีรฉัตรถามลูกน้อยที่เป็นดังแก้วตาดวงใจด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน คนโดนถามไม่ทันตั้งตัวว่าถ้าเกิดรักแล้วไม่สมหวังตัวเองจะทำใจได้มากน้อยแค่ไหนเลยต้องใช้เวลาหยุดคิดก่อน ก่อนจะถอนหายใจด้วยความหนักหน่วง “น้องคิดว่ารักพี่เนมจนถึงขั้นอยากเป็นคู่ชีวิตแต่ถ้าหากพี่เนมไม่รักตอบ น้องก็คงเสียใจแต่น้องคิดว่าน้องคงต้องหันมารักตัวเองให้มากขึ้น เพราะยังมีมาม๊ากับปะป๊าที่ต้องเสียใจไปกับน้องถ้าน้องต้องอยู่กับความเสียใจนั้นนาน” “เก่งมากลูก ปะป๊าอยากให้น้องตั้งใจเรียน ในโอกาสข้างหน้าพู่กันของปะป๊าต้องเจอผู้คนอีกมากมาย พี่เนมอาจจะแค่เหมือนคนที่ผูกพันกันมาตั้งแต่เด็กแต่พอน้องเจอคู่แท้ของน้อง น้องอาจจะรักได้มากกว่าพี่เนมอีกแต่ปะป๊ากับมาม๊าก็เป็นกำลังใจให้นะครับ ขอให้พู่กันของปะป๊ากับมาม๊าสมหวังนะครับ” “น้องจะขอตื้ออีกแค่ช่วงระยะเวลาก่อนที่พี่เนมจะไปเรียนต่อได้ไหมถ้าพี่เนมพูดตัดเยื่อใยน้องอีก น้องคิดว่าน้องจะเลิกตามไปตอแยแล้วปล่อยพี่เนมไปแล้วครับปะป๊า” “ครับลูก ปะป๊ากับมาม๊าดีใจที่น้องจะเข้มแข็ง นอนเถอะลูกดึกแล้ว ฝันดีนะครับลูกรักของมาม๊า ฟอดดดด” “ฝันดีครับลูกรักของปะป๊า ฟอดดด” “ฝันดีเช่นกันครับที่รักของน้อง ฟอดดดด ฟอดดดด” สามคนพ่อแม่ลูกหอมแก้มราตรีสวัสด์กันก่อนที่ผู้เป็นพ่อกับแม่จะเดินออกจากห้องของลูกชายไป เห็นลูกเข้มแข็งพ่อแม่ก็คลายกังวล อาทิตย์กว่าแล้วที่พนัชกรทั้งโทรทั้งส่งไลน์หาวรานนท์แล้วอีกฝ่ายไม่รับสาย ส่วนไลน์ขึ้นว่าอ่านแล้ว แต่ไม่มีการตอบสนองไม่มีข้อความใดๆ แม้แต่สติกเกอร์สักตัวส่งตอบกลับมา ทำให้คนส่งไปทั้งรู้สึกนอยด์ทั้งต้องการเอาชนะคนใจแข็ง วันนี้เลยโทรหาเพื่อนสาวชวนกันไปที่บริษัทตอนเย็นหลังเลิกเรียน เพราะกะจะชวนเด็กฝึกงานไปทานอาหารเย็น นัดหมายกันแล้วก็ให้เพื่อนสาวขับรถมารับที่คณะและไปที่บริษัทของแด็ดดี้เวทานนท์กันส่วนรถของพนัชกรให้คนขับรถที่บ้านมาขับกลับไปให้ พอพากันมาถึงที่บริษัท ทั้งคู่สองเพื่อนซี้ก็พากันขึ้นไปชั้นผู้บริหารซึ่งตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาลิกงานของวรานนท์เลยพากันไปหาแด็ดดี้กับมามี้ก่อน “สวัสดีค่ะคุณหนูเนย สวัสดีค่ะคุณหนูพู่กันมาหาท่านประธานเหรอคะ” เลขาหน้าห้องถาม ส่วนเลขาส่วนตัวอย่างนวพรรษภรรยาคนสวยของเวทานนท์อยูในห้องเดียวกันกับท่านประธาน เนตรนภาคุ้นเคยกับคุณหนูทั้งสองมาตั้งแต่ยังเด็กเพราะตอนเด็กๆพากันมาที่บริษัทกันบ่อยๆ “ค่ะ ป้าเนตร ตอนนี้แด็ดดี้มีแขกไหมคะ เนยกับพู่กันเข้าไปได้เลยไหมคะ” วราภรณ์ถามเลขาหน้าห้องอย่างมีมารยาทก่อนเข้าไป “ไม่มีค่ะใกล้จะเลิกงานแล้วมีแต่ท่านประธานกับคุณนิวค่ะ เชิญคุณหนูทั้งสองเข้าไปได้เลยค่ะ” ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำเอาคนที่นั่งกอดภรรยาคนสวยอยู่ที่เก้าอี้ทำหน้าไม่สบอารมณ์ทันที ก่อนที่จะได้ยินเสียงลูกสาวตัวแสบขออนุญาตเข้ามาผู้เป็นเจ้าของห้องเลยจำใจต้องปล่อยวงแขนที่โอบกอดเมียรักไว้ให้อีกฝ่ายลุกขึ้นก่อนที่ลูกจะเข้ามาเห็น “ทำอะไรกันอยู่คะแด็ดดี้มามี้” “สวัสดีครับแด็ดดี้ สวัสดีครับมามี้” “หวัดดีลูก เลิกเรียนเร็วจัง พากันโดดเรียนหรือเปล่าเนี่ย” เวทานนท์แซวเด็กๆ “แล้วโน้ตไม่ได้มาด้วยเหรอลูก” นวพรรษถามอีกเมื่อไม่เห็นลูกชายอีกคนมาด้วยปกติจะตัวติดกันสามคนไปไหนไปด้วยกัน “ไม่ได้มาด้วยค่ะ เห็นบอกติดธุระ” “มาถึงนี่มีอะไรหรือเปล่าลูก จะพากันมาซนอะไรหรือเปล่า”เวทานนท์ถามลูกสาว กับหลานชายลูกชายเพื่อนรัก “ไม่ใช่ซะหน่อย แค่เนยกับพู่กันอยากจะมาชวนแด็ดดี้กับมามี้และเฮียเนมไปทานอาหารเย็นที่ร้านเปิดใหม่แค่นั้นแหละ แล้วนี่เด็กฝึกงานยังไม่เลิกงานเหรอคะ เดี๋ยวเนยโทรตามดีกว่า” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้โทรตามพี่ชายคนโต เสียงเคาะประตูจากด้านนอกก็ดังขึ้น ก่อนที่จะได้ยินเสียงขออนุญาตจากเสียงทุ้มน่าฟัง วราภรณ์เลยเป็นคนวิ่งไปเปิดประตูให้พี่ชาย ทำเอาอีกคนที่กำลังจะก้าวเข้าห้องทำหน้างงเมื่อเห็นน้องสาวคนสวยมาเปิดประตูให้ พอเข้ามาในห้องเห็นพนัชกรอยู่ด้วยยิ่งงงอีกสงสัยจะพากันหาเรื่องหงุดหงิดใจให้เขาอีกเป็นแน่ “มาได้ไง” ถึงแม้จะทำเหมือนกับถามน้องสาว แต่หลังจากนั้นก็ปลายตาทางพนัชกรเป็นนัยว่าถามร่างบาง “ก็นั่งแท็กซี่มาค่ะ” วราภรณ์ตั้งใจตอบยั่วโมโหคนหน้านิ่ง “น้องๆพากันมาชวนไปทานอาหารเย็นที่ร้านเปิดใหม่ เนมพาน้องไปหน่อย พอดีแด็ดดี้กับมามี้มีนัดกับลูกค้าเลยพาไปไม่ได้” เวทานนท์เกริ่นนำเชิงบังคับกรายๆว่าต้องพาน้องๆทั้งสองคนไปทานอาหารเย็นแทนตัวเองกับภรรยา “เฮ้อ แต่….” “ไม่มีแต่ค่ะเฮียเนม ไม่ได้ยินที่แด็ดดี้บอกเหรอคะ ว่ามามี้กับแด็ดดี้ไม่ว่าง ให้เฮียพาน้องๆไปแทน” วรานนท์พูดยังไม่จบก็โดนน้องสาวตัวแสบเจ้ากี้เจ้าการเอาคำพูดผู้เป็นพ่อมาขู่ ทำให้วรานนท์ต้องจำใจพาเด็กไปกินข้าวซึ่งคนสองคนยิ้มกริ่มที่ปฏิบัติภารกิจบรรลุวัตถุประสงค์ “ป่ะเฮียไปกันเถอะเนยกับพู่กันหิ้วววหิว” “ไปพาน้องไปเถอะลูกทานเผื่อมามี้กับแด็ดดี้ด้วยนะ” นวพรรษบอกกับเด็กๆอีกที ทั้งสามคนเลยพากันออกจากห้องไปร้านอาหารที่น้องสาวเล็งไว้ว่าอยากกิน ระหว่างทางเวทานนท์ก็ทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถน้องสาวแทนส่วนผู้โดยสารกิตติมศักดิ์ที่ได้นั่งข้างหน้าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพนัชกร เพราะวราภรณ์บอกกับพี่ชายว่าอยากนั่งข้างหลัง ตั้งแต่เจอหน้ากันกับร่างสูงของวรานนท์ พนัชกรยังไม่ได้ยินเสียงทักทายจากอีกคนเลยจนทนไม่ไหวเลยอดที่จะถามไม่ได้ “พี่เนมฝึกงานหนักเหรอครับช่วงนี้” “อือ”คนตัวโตได้แค่ทำเสียวตอบรับในลำคอเหมือนไม่อยากคุย ดูแลเหมือนต้องการสมาธิในการขับรถเป็นอันมาก ”มิน่า ไม่เห็นไม่เห็นรับโทรศัพท์พู่กันเลย ไลน์ไปแล้วก็อ่านแต่ไม่ยอมตอบน้อง น้อยใจนะเนี่ยสติกเกอร์สักตัวก็ไม่ยอมส่ง” พนัชกรพูดทำเสียงงอแงน้อยใจอย่างน่ารักเหมือนงอนคนรักในสายตาของเพื่อนสาวที่นั่งสังเกตการณ์อยู่เบาะหลังเงียบๆ แต่สำหรับคนขับรถกลับคิดว่ามันน่ารำคาญ “พี่ไม่ได้มีเวลามาทำเรื่องไร้สาระมากขนาดนั้นหรอกนะ พี่ต้องต้องใจฝึกงานเรียนรู้งานหลายอย่าง” “พี่เนมคิดว่าการที่คนเราห่วงอีกคนด้วยความจริงใจด้วยความคิดถึงอยากรู้ความเป็นไปในชีวิตประจำวันว่าอยู่สุขสบายดีไหมในแต่ละวันมันเป็นเรื่องไร้สาระไปแล้วเหรอครับ” คนพูดพูดด้วยเสียงสั่นๆอุตส่าห์คิดถึงอยากรู้ความเป็นไปของอีกคนแต่ดูอีกคนรอบซิหาว่าเขาไร้สาระมันน่าน้อยใจไหม ขนาดเราไม่ค่อยว่างเรายังพยายามส่งข้อความหา เฮ้อ พนัชกรถอนหายใจใส่ หลังจากนั้นทั้งรถก็เงียบกริบ จนคนด้านหลังทนไม่ไหวเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันตึงเครียดไปกว่านี้วราภรณ์จึงต้องทำหน้าที่ชวนพี่ชายคุยบ้างเพื่อนซี้คุยบ้างจนถึงร้านอาหารที่ตั้งใจอยากทาน “อ้าวเนม นึกว่าหนุ่มหล่อที่ไหนมาทานอาหารที่นี่ ดีใจจังที่เจอตั้งแต่แยกย้ายกันฝึกงานไม่เจอกันเลยสบายดีนะ” จู่ๆก็มีสาวสวยหน้าตาดีเข้ามาทักวรานนท์ที่โต๊ะขณะที่พากันทานอาหารอยู่ พนัชกรได้แต่มองคนมาใหม่เธอสวยหุ่นดีมากแต่ไม่รู้ความสัมพันธ์กับร่างสูงถึงขั้นไหนเลยนั่งประเมินคู่แข่งก่อน “อ้าว หวัดดี มะนาว ไม่เจอกันนานก็ยังสวยเหมือนเดิมเลย เราก็เรื่อยๆ แล้วมะนาวล่ะฝึกงานเป็นยังไงบ้างครับสนุกไหม” วรานนท์ถามปิยวดีเพื่อนร่วมสาขาคนสวยหญิงสาวเคยวันไนท์สแตนด์กันมาแล้วแต่ตามข้อตกลงครั้งเดียวไม่ผูกมัด หญิงสาวก็พยายามที่จะขอคบกับวรานนท์แต่โดนฝ่ายชายบ่ายเบี่ยงด้วยเหตุผลต้องการทุ่มเทกับการเรียนก่อนอย่างอื่น “ก็สนุกอยู่เสียดายที่ไม่ได้ไปฝึกที่เดียวกับเนม แล้วนี่เนมมากับใครคะมะนาวขอนั่งด้วยได้ไหมคะระหว่างรอเพื่อนเข้าห้องน้ำ” “ได้ๆเชิญนั่งก่อนซิ จะกลับแล้วเหรอ เรามากับน้องๆ นี่เนยน้องสาวเรา ส่วนนี่พู่กันลูกของเพื่อนพ่อเรา เด็กๆนี่พี่มะนาวเพื่อนพ่ี” คนถูกแนะตัวจำใจต้องยกมือไหว้ทักทายหญิงสาวเพื่อนของวรานนท์อย่างมีมารยาท คงเป็นได้แค่ลูกของเพื่อนพ่อซินะร่างบางแอบคิดน้อยใจ “สวัสดีดีค่ะน้องๆ พี่มะนาว ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ดูซิอีกคนก็สวย อีกคนก็ทั้งหล่อน่ารัก ดีจังครอบครัวเนมมีแต่คนหน้าตาดีๆนะคะเนี่ย” “พี่มะนาวเป็นเพื่อนสนิทกับเฮียเนมใช่ไหมคะ” วราภรณ์อดถามถามขึ้นไม่ได้ดูเหมือนหญิงสาวคนนี้ไม่จริงใจ “เอ่อก็ระดับนึงค่ะ ถือว่ารู้ใจ แชร์กันได้ทุกเรื่อง” ปิยวดีอึกอักตอบถึงแม้อยากจะบอกเคนเป็นคู่นอนแต่เพราะข้อตกลงที่เคยให้ไว้กับวรานนท์ทำให้พูดต่อหน้าชายหนุ่มไม่ได้ “มะนาว กูมาแล้ว อ้าวอยู่กับผัวนี่เองมิน่าโทรมาไม่รับโทรศัพท์” เพื่อนของปิยวดีออกจากห้องน้ำมาถึงพอดีก็เรียกเพื่อนสาวด้วยความรู้ไส้รูพุงกันหมด รู้แม้กระทั่งว่าเพื่อนสาวชอบวรานนท์จนขั้นเข้าไปขอนอนกับเขาเผื่อเขาติดใจขอคบเป็นแฟนแต่เป็นไงล่ะ พอน้ำแตกก็แยกทางตามคอนเซ็ปคนหล่อ “เอ่อ เนมงั้นมะนาวขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวมะนาวโทรหานะคะ พี่ไปนะคะน้องๆสวัสดีค่ะ” “ครับค่อยคุยกันหวัดดีครับ” อีกคนจากไปทิ้งให้คนที่อยู่ช็อคคำคำพูดของเพื่อนสาวสวย คำว่าอยู่กับผัวนี่จะเป็นใครไปได้นอกจากพี่เนมกับสาวสวยคนที่ชื่อมะนาว แล้วค่อยคุยกันหมายความว่ายังไง ทีเขาโทรไปไม่รับบอกว่าไร้สาระทุกคนในกลุ่มคณะแพทย์ที่ไปดื่มฉลองกันไม่มีใครไม่รู้จักวรานนท์ เดือนมหาลัยปี 4 พี่ชายคนสนิทของพนัชกร พอวรานนท์ขอเอาตัวคนเมากลับบ้านกับตัวเองเลยไม่มีใครกล้าทัดทาน และพอดีกับที่พนัชกรไม่ได้ขับรถมาเพราะบอกที่บ้านไว้ว่าจะมาเลี้ยงวันเกิดเพื่อนและอาจจะนอนที่บ้านเพื่อน เห็นจะมีแต่ไอ้เดือนแพทย์ที่คัดค้านบอกว่าจะดูแลคนเมาเอง มองจากดาวอังคารก็รู้ว่ามันคิดไม่ซื่อกับคนเมา“ไม่เป็นไรครับพี่ เดี๋ยวเพื่อนผมผมดูแลเองก็ได้ครับ” กิตติภพบอกรุ่นพี่ที่ตัวโตกว่าเหมือนเกรงใจหนักหนา“คงไม่รบกวนพวกรุ่นน้องหรอกเดี๋ยวพี่พาพู่กันกลับบ้านเอง เดี๋ยวลุงหมอพ่อของพู่กันดุเอาถ้าเห็นว่าน้องพู่กันเมาขนาดนี้” อีกคนก็ไม่ยอมเช่นต้องยกลุงหมอมาอ้างเพื่อให้รุ่นน้องรู้ว่าเขาสนิทกับครอบครัวของพนัชกรมากกว่า“แต่ผมขออนุญาตคุณปู่อาทิตย์แล้วครับ คุณปู่อนุญาตให้พู่กันนอนบ้านผมได้” กิตติภพแย้งอย่างไม่ยอมอีก“โอเค นั่นเป็นเรื่องของคุณปู่กับเธอ แล้วพี่ก็คิดว่าน้องคงไม่ได้บอกคุณปู่อาทิตย์ด้วยหรอกใช่ไหมว่าจะให้พู่กันกินเหล้าจนเมาขนาดนี้ เพราะปกติถ้าไม่อยู่กับคนที่บ้านพู่กันจะไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่ม แต่เดี๋ยวพี่จะพาน้องพี่กลับไปกับพี่ก่อนแค่
“คุณปู่ ปะป๊ามาม๊า สวัสดีครับ น้องพะแพงหวัดดี ยายบัวหวัดดีครับ”พนัชกรลงมาทานข้าวกับครอบครัวในตอนเช้ากล่าวทักทายทุกคนด้วยใบหน้าแจ่มใส ก่อนที่จะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ประจำของตัวเอง เพื่อที่จะทานอาหารเช้า“วันนี้เอารถไปไหมลูก” นิลกาฬถามลูกชายหัวแก้วหัวแหวน พนัชกรหันมายิ้มให้ผู้เป็นพ่อ“น้องง่วงอ่ะครับปะป๊า ว่าจะให้คนขับรถไปส่งได้ไหมครับ”“เดี๋ยวปู่จะไปหาคุณตาของหลาน งั้นไปคันเดียวกับปู่ก็ได้เดี๋ยวปู่ไปส่งพู่กันก่อน จะได้ไปนั่งดูชีวิตเด็กในมหาลัยหน่อยซิว่าวัยรุ่นยุคนี้เค้าใช้ชีวิตยังไงกันแล้วตอนนี้” คุณปู่่อาทิตย์บอกหลานชาย“ก็ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับคุณปู่”ทุกคนพากันทานอาหารเช้าเสร็จก็แยกย้ายกันไปขึ้นรถ โดยมีพนัชกรแยกไปนั่งรถกับคุณปู่อาทิตย์สองคน พอคุณปู่มาส่งถึงหน้าคณะก็มีเพื่อนอย่างกิตติภพมานั่งรอรับที่ม้าหินใกล้กับที่จอดรถของพนัชกร“ขอบคุณนะครับคุณปู่ เพื่อนของพู่กันมารอแล้ว พู่กันไปเรียนก่อนนะครับ สวัสดีครับ ขอบคุณนะครับลุงปาน”พนัชกรกล่าวลาคุณปู่ และขอบคุณคนขับรถที่มาเปิดประตูให้“มาเดี๋ยวปู่เดินไปส่งที่เพื่อนด้วยดีกว่า ปู่อยากรู้จักเพื่อนของหลานด้วย” ปู่อาทิตย์บอกหลานชาย“เอ่อ ได้คร
พอทานข้าวเสร็จก็เตรียมตัวกลับบ้านกัน พอเดินไปถึงรถโทรศัพท์ของวราภรณ์ก็มีสายเข้า“ว่าไงเอิงเอย อ้าวเหรอ ได้ๆเดี๋ยวไป รอแปล๊บนึงนะเดี๋ยวเราขอบอกพี่ชายก่อน” หลังจากที่วางสายจากเพื่อนในคณะวราภรณ์ก็หันมาหาพี่ชายคนหล่อทันที“เฮียเนม เนยมีธุระจะไปหาเพื่อนงานกลุ่มมีปัญหา ฝากเฮียขับรถของเนยไปส่งพู่กันที่บ้านหน่อยนะ เดี๋ยวเนยนั่งแท็กซี่ไปเอว ไปล่ะ ไปนะพู่กันขอโทษทีที่ไม่ได้ไปส่งที่บ้าน แล้วเจอกันนะเพื่อนรัก”“แล้วจะกลับเนยยังไง” พี่ชายถามด้วยความเป็นห่วง“เดี๋ยวโทรให้ที่บ้านมารับก็ได้ค่ะ ไปล่ะบ๊ายบาย”พูดเสร็จวราภรณ์รีบวิ่งไปเรียกแท็กซี่ที่มาพอดีและหนีขึ้นรถไปทิ้งให้คนสองคนยืนอยู่ด้วยกันหันมามองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย“ป่ะจะยืนอยู่อีกนานไหมขึ้นรถพี่จะได้ไปส่ง” วรานนท์บอกร่างบางที่ยืนนิ่งอยู่เฉยๆ ไม่ยอมขยับไปไหน“พี่เนม ถ้าพี่เนมลำบากใจที่จะไปส่งเดี๋ยวพู่กันกลับเองก็ได้นะครับ” พนัชกรเริ่มเสียงแข็งบ้าง ถ้าไม่อยากไปส่งนักหาทางกลับเองก็ได้“อย่าพูดเยอะบอกว่าจะไปส่งก็คือไปส่งมาเร็วอย่าเสียเวลา”คนตัวสูงส่งเสียงเข้มกลับมาให้ พนัชกรเลยต้องก้าวขึ้นไปนั่งตำแหน่งข้างคนขับ ที่มีคนขับขึ้นไปนั่งหน้าตึงอยู
หลังจากกลับมาจากงานวันเกิดของวรานนท์แล้ว พอถึงบ้านทุกคนก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องนอน นิลกาฬกับพีรฉัตรก็ตามลูกชายคนโตเข้ามาในห้องนอนด้วย“น้องพู่กันลูก ปะป๊ากับมาม๊าขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ” นิลกาฬบอกกับลูกชาย พอเห็นลูกรักเศร้าหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็อดที่จะสงสารไม่ได้“ได้ครับ เชิญปะป๊ากับมาม๊าเข้ามานั่งที่เตียงน้องก่อนครับ” เวลาอยู่กับครอบครัวถ้าไม่มีพะแพงน้องสาวอยู่ด้วยพนัชกรมักจะแทนชื่อตัวเองด้วยคำว่าน้องแทนเหมือนตอนเด็กๆ พอบิดามารดาเข้ามานั่งบนเตียงของลูกรักโดยพนัชกรนั่งตรงกลางขนาบข้างด้วยคนเป็นพ่อและแม่ที่ต่างคนต่างโอบไหล่ลูกรัก“ปะป๊ากับมาม๊ามีอะไรอยากจะบอกกับน้องหรือเปล่าครับ”นิลกาฬเลยพยักหน้าให้ภรรยาเป็นคนพูด เพราะน่าจะดูซอฟต์ว่าตัวเอง“ปะป๊ากับมาม๊าอยากจะถามน้องว่า น้องพู่กันรักพี่เนมมากไหมลูก ถ้ารักแล้วไม่สมหวังพู่กันจะยอมรับได้ไหม พู่กันจะเสียใจไหมลูก”พีรฉัตรถามลูกน้อยที่เป็นดังแก้วตาดวงใจด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน คนโดนถามไม่ทันตั้งตัวว่าถ้าเกิดรักแล้วไม่สมหวังตัวเองจะทำใจได้มากน้อยแค่ไหนเลยต้องใช้เวลาหยุดคิดก่อน ก่อนจะถอนหายใจด้วยความหนักหน่วง“น้องคิดว่ารักพี่เนมจนถึงขั้นอยาก
“แฮบปี้เบิร์ด เดย์ ทู ยู แฮบปี้เบิร์ด เดย์ ทู ยู แฮบปี้เบิร์ด เดย์ แฮบปี้เบิร์ด เดย์ แฮบปี้เบิร์ด เดย์ ทู ยู ”เสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิดดังประสานกันชวนฟังและหยุดลงก่อนที่เจ้าของวันเกิดจะได้อธิฐานแล้วเป่าเทียนให้ดับลง พอเทียนดับทุกคนก็ปรบมือเพื่อให้วรานนท์เจ้าของวันเกิดได้รับคำอวยพรและของขวัญวันเกิดจากทุกๆคน งานนี้จัดเฉพาะครอบครัวเชิญเฉพาะญาติสนิทเหมือนทุกปีซึ่งบ้านธีรวัฒนาวัฒน์ก็ได้รับเชิญมาทุกปีตั้งแต่หลานยังน้อยยังเด็กจนตอนนี้โตเป็นหนุ่มหล่อ ลุงหมอก็จะพาภรรยาคนสวยและลูกๆนำของขวัญมาให้วรานนท์เสมอ ปีนี้ก็เช่นกัน ทุกคนทยอยเข้าไปอวยพรวันเกิดและมอบของขวัญวันให้วรานนท์ จนถึงคิวของพนัชกรร่างบางเดินเข้าไปทันทีที่ถึงคิวของตัวเองด้วยใบหน้าระรื่นดีใจพร้อมกับยื่นของขวัญที่เพิ่งไปเลือกซื้อมากับสองแฝดให้ชายหนุ่มที่เป็นรักแรกของตัวเองทันที ปีนี้เขาเลือกซื้อเนคไทด์ให้เพราะร่างสูงฝึกงานที่บริษัทของลุงเวย์ บิดาของวรานนท์เองซึ่งต้องใช้เน็คไทด์ทุกวัน“สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่เนม พู่กันขอให้พี่เนมมีความสุขมากๆ นี่ของขวัญจากพู่กัน อย่าลืมใช้นะครับ ถ้าจะให้ดีตอบรับรักพู่กันเร็วๆ นะครับ” ร่างบางเข้าไปอวยพ
พนัชกรตื่นเช้ามาด้วยความงัวเงีย เมื่อคืนกว่าจะนอนหลับได้ก็เกือบเที่ยงคืน เพราะมัวแต่เสียใจกับคำพูดของพี่เนมที่พูดทำร้ายจิตใจกันไหนจะคิดหาวิธีที่จะทำยังไงให้วรานนท์ตอบรับรักตัวเอง คิดหลากหลายวิธีก็ยังไม่ได้วิธีที่ดีที่สุดที่จะเป็นไปได้สักที ทำให้เช้านี้กว่าจะดีดตัวจากที่นอนลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวได้เลยค่อนข้างนาน “อรุณสวัสดีครับทุกคน ขอโทษนะครับที่พู่กันลงมาช้า” พนัชกรนั่งลงข้างๆ พะแพงผู้เป็นน้องสาว“เมื่อคืนนอนดึกเหรอลูก ทำไมวันนี้ดูเพลียๆ”คุณปู่อาทิตย์ถามหลานชายด้วยความเป็นห่วงพอเห็นใบหน้าอิดโรยของพูู่กันหลานรัก“พอดีเมื่อคืนพู่กันดูซีรี่ย์ติดพันน่ะครับคุณปู่เลยดึกไปหน่อย” ร่างบางแอบโกหกคุณปู่ สาธุอย่าให้หลานบาปเลยนะครับคุณปู่ พนัชกรขอโทษคุณปู่ในใจ“งั้นเช้านี้ไม่ต้องขับรถไปเองนะลูกปู่ว่าให้คนขับรถไปส่งเถอะ หนูจะได้หลับไปในรถ” คุณปู่อาทิตย์หาทางออกให้หลานชายได้พักอย่างน้อยระหว่างเดินทางไปมหาวิทยาลัยก็ยังดีและสำคัญที่สุดป้องกันร่างบางหลับในเดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุอีก“ดีเลยครับคุณปู่ ขอบคุณนะครับ”“จำเนียนไปบอกให้ปานหรือใครก็ได้สักคนเตรียมรถไปส่งคุณพู่กันที่มหาวิทยาลัยหน่อย”“ค่ะคุณท่าน
ร่างบางของพนัชกรขับรถกลับบ้านด้วยความเสียใจ น้ำตาที่กล้ันไว้ตั้งแต่อยู่ที่คอนโดของคนตัวโตค่อยๆไหลออกมาอย่างสุดจะกลั้นด้วยความน้อยใจในคำพูดของพี่เนมคนที่เขาแอบรักมาตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กๆ วรานนท์ใจดีกับเขาคอยเอาใจเขามาตลอดทำให้พนัชกรทั้งรักและชื่นชมพี่ชายคนนี้มาก แต่พอโตขึ้นมาเมื่อเห็นมีสาวๆมาอยู่ใกล้พี่ชายทำให้พนัชกรรู้สึกไม่ชอบใจ รู้สึกหวงไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ พอใจไปรึกษาเพื่อนรักอย่างโน้ตกับเนยและพร้ิมทุกคนลงความเห็นว่าเขานั้นรักวรานนท์เกินกว่าพี่น้อง ทุกคนเลยแนะนำให้เขาลองไปสารภาพรักกับวรานนท์เพราะในบรรดาเหล่าเพื่อนที่โตมาด้วยกันคนตัวสูงจะเอาใจพนัชกรมากกว่าพี่น้องคลานตามกันมาอย่างวรงกรณ์และวราภรณ์เสียอีก แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนกลับมา กลับเป็นคำปฏิเสธแบบไม่ใยดีเพราะวรานนท์นั้นบอกว่าไม่ได้ชอบเขาและเห็นร่างบางเป็นน้องมาตลอด แต่พนัชกรซะอย่างเขาได้ประกาศก้องต่อหน้าวรานนท์ไว้ว่าเขาจะทำทุกอย่างให้วรานนท์รักเขาให้ได้ หลังจากนั้นเขาก็ตามตื้อร่างสูงมาตลอดแม้จะถูกอีกฝ่ายปฏิเสธแบบไม่ใยดีก็ตามแต่วันนี้มันหนักเกินไปสำหรับใจบางๆของพนัชกรเกินกว่าจะรับไหว ปกติเมื่อก่อนทุกวันเกิดมาม๊าพรีนคนสวยจะทำเค้กวันเ
“นี่พี่บอกกี่ครั้งแล้วพู่กันทำไมไม่ฟังกันบ้าง ถ้าพี่ไม่อนุญาตหรือถ้าพี่ไม่อยู่ที่ห้องห้ามแอบเข้ามาที่ห้องพี่เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่คุยด้วยอีกแล้วนะ อย่ามาหาว่าพี่ใจร้ายด้วยนะ” เสียงตวาดของวรานนท์เจ้าของคอนโดหรูดังลั่นห้องด้วยความโมโห ทำเอาตอนน้ีพู่กัน หรือนายพนัชกร ธีรวัฒนาวัฒน์ รู้สึกตกใจกลัวขึ้นมาทันที เพราะปกติพี่เนมจะใจดีกับตัวเองตลอด สาเหตุที่แอบเข้ามาในพื้นที่หวงห้ามของหนุ่มหล่อร่างสูงอย่างวรานนท์ โชติกุลวัฒนา หรือพี่เนมของน้องพู่กัน ก็เพราะวันพรุ่งนี้จะเป็นวันเกิดของพี่เนมเจ้าชายในดวงใจของพู่กัน ร่างโปร่งบางก็เลยตั้งใจที่จะมาฉลองวันเกิดให้ล่วงหน้า แต่พอโดนตวาดเลยทำให้ร่างบางหน้าเสียไม่นึกว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียขนาดนี้“พู่กันขอโทษนะครับพี่เนม ก็พู่กัันแค่อยากมาเซอร์ไพรส์วันเกิดพี่เนมล่วงหน้าและอยากจะมาเป่าเทียนวันเกิดกับพี่เนมเป็นการส่วนตัวแค่สองคนเราก่อนเฉยๆ พี่เนมอย่าโกรธพู่กันเลยนะครับ น๊าาาา”คนตัวเล็กกว่าอ้อนเจ้าของห้องเสียงหวานที่เมื่อก่อนเคยใช้ได้ผลดีมาตลอดเผื่ออีกคนจะใจดีหายโกรธตัวเองลงบ้าง แต่วรานนท์ก็ได้แต่ถอนหายใจทำท่าเบื่อหน่ายออกมาให้ร่างบางได