บทที่ 5 น่าเห็นใจ
ราตรีมาเยือนเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าจิวหลินทำได้เพียงกังวลใจเป็นห่วงท่านป้าเพราะไม่รู้จะเป็นเช่นไรบ้าง จนซือเล่อต้องมาปลอบประโลม
"พระชายาเพคะตอนนี้ถึงเวลามื้อค่ำแล้วอีกสักประเดี๋ยวก็คงมีนางกำนัลนำสำรับมาให้เพคะ"
"ข้าจะมีอารมณ์กินได้อย่างไรในเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปเช่นนี้ เจ้าก็หยุดพูดจากับข้าเช่นนี้เถิดนะ"
"ไม่ได้หรอกเพคะ หากผู้อื่นมาได้ยินหม่อมฉันเกรงว่าหัวไม่อยู่บนบ่าอีกต่อไปเพคะ" ซือเล่อยืนอยู่ข้าง ๆ ได้บอกแก่จิวหลิน
"แล้วเมื่อไหร่ท่านพ่อจะหาตัวท่านพี่พบนะ โชคดีหน่อยที่องค์ชายห้าไม่สนใจที่จะร่วมหอไม่เช่นนั้นคืนนี้ข้าคงต้องทำหน้าที่แทนท่านพี่ จริงสิข้าจะมั่วแต่มานั่งวิตกกังวลไม่ได้ข้าจะต้องเอาตัวรอดให้ได้จนกว่าจะหาท่านพี่พบ เจ้ารู้ประวัติองค์ชายห้าหรือไม่ช่วยเล่าให้ข้าฟังที" ซือเล่อทำหน้าหวาดกลัวเล็กน้อยก่อนจะเล่าเรื่องราวขององค์ชายห้าให้แก่จิวหลินฟัง
องค์ชายห้านามว่าเสี่ยวหลงเป็นโอรสของฝ่าบาทที่มีกับนางสนมคนโปรดไม่ว่าจะเป็นท่องตำราหรือการเรียนฟันดาบฝีมือขององค์ชายเสี่ยวหลงนั้นก็โดดเด่นเป็นที่น่าชื่นชมของฝ่าบาท แต่เป็นเรื่องที่ไม่น่าพอใจกับฮองเฮาเพราะเกรงกลัวว่าวันหนึ่งเสี่ยวหลงจะเข้ามาเป็นองค์รัชทายาทแทนบุตรชายของตนที่มักเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่บ่อยครั้ง นางจึงหาทางทำเช่นไรก็ได้ให้องค์ชายเสี่ยวหลงหมดหนทางที่มาแทนที่บุตรชายของตน จนมีวันหนึ่งนางได้ส่งคนสอนฟันดาบที่เป็นคนของตนเองมิใช่อาจารย์ท่านเดิมที่เคยสอน เมื่อเขาสอนฟันดาบอยู่นั้นได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อปลายดาบได้ไปเฉือนเอาใบหน้าข้างขวาขององค์ชายเสี่ยวหลงจนเกิดบาดแผลเลือดไหลเต็มหน้า ตั้งแต่ครั้งนั้นองค์ชายเสี่ยวหลงก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในตำหนักไม่ร่าเริงเหมือนที่ผ่านมาแถมยังเอาแต่ใจตนเองเป็นอย่างมากเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้ แต่ฝ่าบาทเองก็ยังทรงเอ็นดูและรักองค์ชายเสี่ยวหลงอยู่ไม่จางหาย จนเมื่อถึงอายุที่ต้องแต่งงานฝ่าบาทจึงมองเห็นว่าเรือนใต้เท้าจิวมีบุตรสาวที่เพรียบพร้อมจึงได้ทำการหารือกับใต้เท้าจิวเรื่องงานแต่งครั้งนี้
"เป็นอย่างนี้เอง ว่าแต่องค์ชายเสี่ยวหลงนั้นก็น่าสงสารเช่นกันนะ ไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาจะโดดเดี่ยวเพียงใด แม้ข้าจะไม่ได้อยู่กับท่านพ่อท่านแม่แต่ไม่เคยโดดเดี่ยวหัวใจเลยสักครา ไม่แปลกที่เจอกันครั้งแรกองค์ชายเสี่ยวหลงจะโหดร้ายใส่ข้า แต่ก็เป็นเรื่องดีเสียจริง "
สักพักก็มีนางกำนัลยกสำรับมาจัดวางที่ห้องโถงพร้อมเดินมาตามจิวหลินให้ไปที่ห้องโถงเพื่อกินอาหาร
"ทูลพระชายาตอนนี้หม่อมฉันได้จัดเตรียมโต๊ะอาหารเสร็จแล้ว พระชายาเสด็จไปที่ห้องโถงเถอะเพคะตอนนี้องค์ชายเสี่ยวหลงได้รออยู่ที่นั้นแล้วเพคะ" จิวหลินได้ยินหัวใจก็สั่นรัวนางคิดว่าจะได้นั่งกินอาหารผู้เดียวอย่างสบายใจแต่นี่นางต้องนั่งกินอาหารกับองค์ชายเสี่ยวหลงอาหารมื้อนี้คงทำให้นางท้องอืดแน่ ๆ แต่นางก็ยอมเดินตามนางกำนัลไปที่ห้องโถง โดยมีซือเล่อเดินตาม
เมื่อมาถึงก็พบองค์ชายเสี่ยวหลงนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารด้วยใบหน้าบึงตึงจนจิวหลินแอบสงสัยว่าเขามีใบหน้าเช่นอื่นบ้างหรือไม่ แต่เมื่อได้ยินเรื่องที่ซือเล่อเล่าให้ฟังนางก็พลอยเห็นใจนางนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเขา ในห้องโถงเต็มไปด้วยความอึดอัดจนกระทั่งกินอาหารเสร็จองค์ชายเสี่ยวหลงก็ได้เดินออกไปโดยไม่เอ่ยอะไรสักอย่าง จิวหลินเมื่อกินเสร็จนางก็อยากอกมาด้านนอกตำหนักเพื่อยืดเส้นยืดสายเพราะตอนนี้นางรู้สึกอืดท้องเป็นอย่างมากที่ต้องนั่งร่วมโต๊ะกับเขา
"เฮ้อ! ข้าคิดว่าตนเองจะพะอืดพะอมอาหารจนจะตายที่โต๊ะอาหารนั้นเสียอีก นี่ข้าต้องทนถึงเมื่อไหร่ซือเล่อรุ่งเช้าเจ้ากลับไปที่เรือนเพื่อไปสืบถามเรื่องท่านพี่ให้ข้าที หากเป็นเช่นนี้ต่อไปข้าคงจะได้ตายก่อนที่จะพบท่านพี่เสียอีก"
"ได้เพคะ เมื่อรุ่งสางหม่อมฉันจะมาช่วยจัดเตรียมแต่งกายให้พระชายาก่อนจะกลับเรือนท่านใต้เท้าจิวนะเพคะ " เมื่อหายอาการพะอืดพะอมแล้วรู้สึกสบายท้องจิวหลินก็จะกลับห้องของตนเองเพื่อพักผ่อนวันนี้เป็นวันที่นางเหนื่อยมากเลยก็ว่าได้แต่แล้วจู่ ๆ นางก็เห็นชายร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ฝั่งห้องนอนขององค์ชายเสี่ยวหลง ห้องของนางนั้นอยู่ฝั่งซ้ายส่วนของขององค์ชายเสี่ยวหลงอยู่ฝั่งขวาโดยมีทางเดินเป็นทางขว้างกั้นเท่านั้น นางจึงห่วงความปลอดภัยของเขาทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของตนเอง
"ซือเล่อ เจ้าไปรอขาที่ห้องก่อนเดี๋ยวข้ามา"
"จะไปที่ใดหรือเพคะ"
"ข้าขอเดินต่ออีกสักหน่อย"
"ได้เพคะ " ซือเล่อเข้าใจหัวอกของจิวหลินที่จู่ ๆ ก็ได้เข้ามาอยู่ในวังหลวงแทนที่พี่สาวจึงปล่อยให้จิวหลินอยู่เพียงลำพัง เมื่อซือเล่อเดินไปพ้นจึงไม่เห็นหลังนางแล้ว จิวหลินจึงค่อย ๆ ย่องไปอีกฝั่งเพื่อดูให้เห็นกับตาว่าชายที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้นเป็นผู้ใด แถมยังแต่งกายน่าสงสัย
"นี่เจ้าเป็นใคร ผู้ใดส่งเจ้ามาเจ้าคงจะเข้ามาลอบทำร้ายองค์ชายเสี่ยวหลงหรือ หากเจ้าไม่อยากถูกจับได้รีบหนีไปซะไม่เช่นนั้นข้าจะร้องเรียกให้ทหารมาจับเจ้า" จิวหลินตะโกนออกไปโดยไร้ความกลัวเมื่อเขาหันมามองนางก็แสยะยิ้มกว้างแล้วก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้
"เจ้าคิดว่าข้ากลัวหรือ สตรีร่างเล็กอย่างเจ้าแค่ข้าผลักเล็กน้อยเจ้าก็ล้มลงกับพื้นแล้ว" จิวหลินไม่ได้เกรงกลัวจึงรีบส่งสายตามองหาสิ่งของที่มาเป็นอาวุธใช้ป้องกันแต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่พบเจอจึงคิดได้ว่าปิ่นปักผมที่อยู่บนหัวสามารถนำมาเป็นอาวุธได้นางจึงดึงปิ่นปักผมนั้นลงมาทำให้ผมของนางสยายยาวจนชายตรงหน้าต้องตกตะลึงในความงาม
"อย่าเข้ามานะ คิดว่าข้าเป็นเพียงสตรีแต่ข้าก็ไม่ได้หวาดกลัวเช่นกัน " จิวหลินจับปิ่นหันไปทางด้านหน้าชายผู้นั้นแต่เขากลับหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ก่อนจะคว้าตัวของจิวหลินและนำปิ่นออกจากมือโดยง่าย จนตอนนี้นางอยู่ในอ้อมแขนของเขาเสียแล้ว
บทที่ 6 เสียจูบจิวหลินตกใจที่จู่ ๆ ชายร่างใหญ่ก็ได้จับปิ่นปักผมออกจากมือของนางไปโดยง่ายแถมตอนนี้นางยังตกอยู่ในอ้อมแขนเขาอีกต่างหาก"ปล่อยข้านะ นี่เจ้าเป็นใครกันแน่ไม่รู้หรือไงว่าข้าเป็นผู้ใดการถูกเนื้อต้องตัวข้าเจ้ามีโทษถึงแก่ชีวิตได้" จิวหลินได้ขู่ชายตรงหน้าเพื่อให้เขาปล่อยนางออกจากการถูกเขาโอบนางไว้"หึ ข้าไม่กลัวสักนิดเจ้าก็แค่ชายาขององค์ชายอัปลักษณ์ ในวังหลวงแห่งนี้ไม่มีผู้ใดหวาดกลัวหรอกนะ เพราะองค์ชายอัปลักษณ์ไม่มีอำนาจในมือ ขนาดนางกำนัลขันทียังไม่มีผู้ใดเกรงกลัวเลย ""เจ้ารู้แล้วก็ปล่อยข้าสิ ถึงอย่างไรข้าก็มีฐานะเป็นถึงพระชายาขององค์ชายห้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะมาแตะต้องข้าเช่นนี้มิเช่นนั้นข้าจะตะโกนเรียกให้ทหารมาช่วยและครั้งนี้ข้าไม่ได้ขู่จริง ๆ ด้วย" จิวหลินกำลังจะอ้าปากตะโกนเรียกทหารแต่ทว่าต้องถูกชายแปลกหน้าผู้นี้ประกบจูบเพื่อปิดปากนางไว้ จิวหลินตกใจเบิกตาโพลงโตเมื่อจู่ ๆ ริมฝีปากหนามาประกบปิดปากของนางจนไม่มีทางให้นางได้กรี๊ดออกมา เขาค่อย ๆ ใช้ลิ้นชุ่มกวาดเข้าไปในปากบางของนาง นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกบุรุษแตะเนื้อต้องตัวมีหรือที่นางจะมีเรี่ยวแรงตอบโต้แต่กลับอ่อนระทวยกับรสจูบที่
บทที่ 7 ข้ารับใช้ประจำตัวรุ่งสางมาเยือน แสงสว่างสาดส่องลอดเล็ดเข้ามาผ่านทางหน้าต่างที่ถูกเปิดโดยซือเล่อที่จัดเตรียมทุกอย่างให้จิวหลินเจ้านายคนใหม่ของนางด้วยความเต็มใจ ก่อนที่จะไปปลุกจิวหลินที่นอนยังไม่ตื่นเพราะเอาแต่คิดโมโหชายแปลกหน้าผู้นั้นจนผล็อยหลับไปจวบจนใกล้แจ้ง"พระชายาเพคะ ตื่นได้แล้วเพคะหม่อมฉันจะออกไปที่เรือนของใต้เท้าจิวตามที่พระชายาสั่งแล้วนะเพคะ" จิวหลินที่นอนอย่างสบายก็ต้องลืมตาขึ้นมาเพราะเสียงเล็กแหลมที่ดังอยู่ข้างหู"อือ... เจ้าจะไปแล้วรึ " จิวหลินลุกขึ้นขยี้ตาของตนเองก่อนจะยืดแขนชูขึ้นเพื่อบิดขี้เกียจ"เพคะ หม่อมฉันจะรีบไปรีบกลับนะเพคะ ไม่รู้เลยว่าในวังหลังแห่งนี้จะมีผู้ใดที่ใจดีกับพระชายาบ้าง หม่อมฉันพอได้ยินมาว่าในวังหลังนั้นล้วนแต่แก่งแย่งริษยากันเพคะ " ซือเล่อเล่าด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล"เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า รีบไปทำตามที่ข้าสั่งเถิด ขนาดงานมงคลยังไม่มีผู้ใดมาแสดงความยินดี เจ้าไม่ต้องกลัวว่าผู้ใดจะมาทำอันใดข้า ข้าว่าการเป็นพระชายาขององค์ชายห้าก็ดีเช่นกันไม่มีผู้ใดสนใจดี ""เพคะ งั้นหม่อมฉันจะไปแล้วนะเพคะ"ซือเล่อโค้งคำนับตามขนบธรรมเนียมเมื่อสตรีที่อยู่ตรงหน
บทที่ 8 ท่านป้ามาหาตลอดทางที่เดินมาจิวหลินก็ได้มองรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น วังหลวงช่างกว้างใหญ่นัก ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ตำหนักของฮ่องเต้ยิ่งงดงาม จนจิวหลินยิ้มเล็กยิ้มใหญ่เมื่อมีวาสนาได้เข้ามาในวังหลวงแห่งนี้ แต่แล้วจู่ ๆ องค์ชายเสี่ยวหลงก็ได้หยุดเดินทำให้จิวหลินที่เอาแต่มองไปทางอื่นไม่ทันสังเกตว่าเสี่ยวหลงหยุดเดินทำให้นางสะดุดหน้าชนเข้ากับแผ่นหลังของเขาอย่างจัง "โอ๊ย ! " เสี่ยวหลงหันกลับมามองสตรีร่างเล็กที่ใช้มือจับหัวตนเอง"นี่เจ้าเม่อลอยอันใด มีเรื่องอันใดให้เจ้าคิดนักหนา ""แล้วผู้ใดบอกให้องค์ชายหยุดเดินเช่นนี้เพคะ " จิวหลินเงยหน้าตำหนิองค์ชายเสี่ยวหลงที่จู่ ๆ เขาเองที่เป็นผู้หยุดเดิน"ต้องหยุดสิในเมื่อตอนนี้ถึงหน้าตำหนักของท่านพ่อแล้ว เจ้าต่างหากที่เอาแต่เม่อลอย""ชิ หม่อมฉันผิดก็ได้เพคะ " เขาแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะพาจิวหลินเดินต่อเข้าไปด้านในตำหนักของฮ่องเต้ "องค์ชายห้าเสี่ยวหลงเสด็จพะย่ะค่ะ" ขันทีหน้าห้องของฝ่าบาทได้ตะโกนเข้าไปด้านในเพื่อแจ้งให้ได้รู้ "เข้ามาได้" น้ำเสียงเข็มขรึมน่าเกรงขามเปล่งออกมาจากด้านในทำให้จิวหลินเริ่มกังวลเกรงว่าตนเองจะทำตัวไม่ดีจนสั่นเทาไปทั้งตัว ทำให้เสี่ยวหล
บทที่ 9 เจ้ามันเสแสร้ง"นี่เจ้าองค์ชายเสี่ยวหลงอยู่ในห้องหรือไม่ ? เข้าไปบอกองค์ชายให้ข้าทีว่าข้าขอพบ" "พะย่ะค่ะพระชายา" ขันทีขององค์ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าห้องได้ตอบรับคำสั่งของพระชายาพร้อมเดินเข้าไปในห้องเพื่อกราบทูลเรื่องที่พระชายาขอเข้าพบ ไม่นานนักขันทีก็ได้เดินออกมา"องค์ชายให้พระชายาเข้าไปพบได้พะย่ะค่ะ แต่ทว่าองค์ชายให้พระชายาเข้าไปในตำหนักเพียงลำพังโดยไม่มีสาวใช้หรือนางกำนัลตามเข้าไปพะย่ะค่ะ" จิวหลินคิ้วขมวดชนกันอย่างไม่เข้าใจ ทำไมองค์ชายเสี่ยวหลงต้องทำตัวเช่นนี้หรือเขาไม่ชอบอยู่กับผู้คนมาก ๆ กันนะ จิวหลินจึงหันกลับไปสั่งนางกำนัลพร้อมกับซือเล่อให้รออยู่ด้านนอก"เช่นนั้นพวกเจ้ารอข้าอยู่ด้านนอกแล้วกัน""เพคะ /พะย่ะค่ะ" จิวหลินย่ำเท้าเดินเข้าไปเหยียบในตำหนักของเสี่ยวหลง ด้านในห้องของเขาเต็มไปด้วยตำรามากมายแทบจะเป็นห้องอ่านตำรามากกว่าเป็นตำหนักขององค์ชายเสียมากกว่า นางเดินเข้ามาเรื่อย ๆ ก็ต้องชะงักเมื่อจู่ ๆ เขาก็เอ่ยดังขึ้น "มีเรื่องอันใดเจ้าถึงมาหาข้าถึงที่นี่ คงไม่มาโวยวายเรื่องที่ข้าไม่ยอมร่วมหอกับเจ้าหรอกนะ เพราะสักครู่ข้าเห็นคนของตระกูลจิวมาคงจะมาถามเรื่องความมั่นคงของตระกู
บทที่ 10 องครักษ์ ภายในห้องที่เต็มไปด้วยตำราบุรุษที่เอาแต่โมโหตนเองที่ทำให้สตรีร่างบางอย่างนางบาดเจ็บได้ เขาไม่ไว้ใจผู้ใดเพราะเคยถูกหักหลังและโดนทำร้าย ทำให้ความคิดหวาดระแวงทุกคนที่เข้ามาหาเป็นมาตั้งแต่ที่ได้รับบาดเจ็บเขาก็ไม่อยากเชื่อใจผู้ใดอีกเลยนอกจากองครักษ์ประจำกาย "นี่ข้าเป็นอะไรไป เหตุใดถึงไม่มีเหตุผลเช่นนี้ได้นะ " เขาบ่นพึมพำนั่งตัวทรุดลงกับพื้นพลางคิดถึงใบหน้าเจ็บปวดของจิวซินพระชายาที่ท่านพ่อประทานให้ เขารู้ดีว่าครั้งนี้เขาทำเกินกว่าเหตุนางอาจจะไม่ได้เป็นคนของฮองเฮาก็ได้ ยามค่ำมาเยือนหลังจากที่กินอาหารเสร็จแล้วจิวหลินก็ได้เข้าพักผ่อนโดยได้ให้ซือเล่อกลับไปพักที่ห้องของนางที่ขันทีจางหาไว้ให้ จิวหลินนอนไม่หลับนางรู้สึกเจ็บร้าวที่แขนที่กำลังบวมแดง นางจึงได้เดินออกไปรับลมด้านนอก คืนนี้พระจันทร์ช่างงดงามยิ่งนัก ลมพัดเย็นสบายทำให้ผมที่ถูกปล่อยของนางพริ้วสยาย "คิดถึงท่านป้าจัง ท่านป้าปานนี้จะกินได้นอนหลับหรือไม่นะ" จิวหลินเงยหน้ามองดวงจันทร์พร้อมเอ่ยถาม "คิดถึงผู้ใดหรือ" เสียงทุ่มดังขึ้นจากด้านหลังทำให้จิวหลินรีบหันไปมองก็ต้องพบกับชายแปลกหน้าที่ขโมยจูบนางไปครั้งนั้น "นี่เจ้า
บทที่ 11 แอบหนีเที่ยวนางกำนัลสองนางได้นำพัดมาพัดให้จิวหลินคนละฝั่งส่วนซือเล่อก็คอยรินน้ำชาให้จิวหลิน จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมาจิวหลินได้ยินทำให้นางสนใจบทสนทนาของนางกำนัลที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน"นี่เจ้ารู้หรือไม่ว่าคืนนี้ที่นอกวังจะมีงานเทศกาล ""จริงหรือ ข้าอยากไปจังเจ้าไปหรือไม่" "แน่นอนอยู่แล้วเพราะองค์หญิงสามชอบเที่ยวเล่นเป็นผลพลอยได้ที่ข้าจะได้ตามเสด็จออกไปด้วย""ข้าล่ะอิจฉาเจ้าเสียจริง ""เจ้าไม่ต้องอิจฉาเดี๋ยวข้าจะซื้อขนมอร่อย ๆ มาให้เจ้าเอง" จิวหลินคิดภาพงานเทศกาล ตั้งแต่เด็กจนโตนางไม่เคยเที่ยวงานเช่นนี้สักครั้ง ช่างน่าตื่นเต้นอะไรเช่นนี้แววตาเป็นประกายรอยยิ้มเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้า "ขันทีจาง เจ้าได้รู้หรือไม่ว่างานเทศกาลที่นางกำนัลพวกนั้นพูดถึงคือที่ใด ""อยู่ด้านหน้าวังหลวงไม่ไกลนักพะย่ะค่ะ""ข้าอยากไป ไปได้หรือไม่ ""หากพระชายาอยากออกไปนอกวังต้องมีป้ายชื่อของพระองค์ก่อนพะย่ะค่ะถึงจะออกไปได้""แล้วป้ายชื่อของข้าอยู่ที่ใด " จิวหลินยิ้มกว้างตาเป็นประกาย "ป้ายชื่อตำแหน่งของพระชายาอยู่กับองค์ชายเสี่ยวหลงพะย่ะค่ะ " เมื่อได้ยินว่าอยู่กับผู้ใดสีหน้าของจิวหลิน
บทที่ 12 ไม่คาดคิด"พระชายาเพคะหากป้ายชื่อขององค์ชายตกไปอยู่ในมือของคนไม่ดีอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้นี่คือส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถให้ป้ายชื่อแก่พระชายาได้เพคะ" ซือเล่อกระซิบข้างหูของจิวหลินเกรงว่านางจะเผลอตัวพูดออกไปว่าตนเองไม่รู้กฎของวังหลวง "เช่นนั้นหม่อมฉันก็คงต้องขอบพระทัยที่องค์ชายห้าเสี่ยวหลงได้พานางกำนัลอย่างหม่อมฉันออกมาเที่ยวนะเพคะ"จิวหลินกัดริมฝีปากขอบน้ำใจแม้ไม่เต็มใจสักเท่าไหร่นัก "นี่พระชายาเจ้าจะยอกย้อนข้าอีกถึงเพียงใดกันช่างไม่เหมาะกับเป็นสตรีที่ท่านพ่ออยากให้แต่งเลยแม้แต่น้อย""หากหม่อมฉันรบกวนจิตใจของพระองค์ก็ทรงเฝ้ารอหม่อมฉันที่หน้าวังหลวงนี้เถิดเพคะ หม่อมฉันจะไปเที่ยวเล่นกับซือเล่อเพียงลำพัง " จิวหลินไม่อยากต่อคารมจึงได้คว้ามือของซือเล่อให้เดินหนีเสี่ยวหลงแต่ทว่ากลับถูกเขาจับมืออีกข้างของนางไว้ "ผู้ใดจะให้เจ้าไปเที่ยวเล่นตามลำพังหากเกิดอะไรขึ้นผู้ใดจะช่วยเจ้าได้ อย่าลืมฐานะตนเองสิตอนนี้เจ้ามิใช่แค่บุตรสาวของใต้เท้าชั้นผู้น้อยแต่เจ้าเป็นถึงพระชายาของข้า เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะพาเจ้าเดินเล่นเอง " เขาใช้แรงดึงมือของจนนางเซใส่อกแกร่งของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้ซือเล่อรี
บทที่ 13 ใจเต้นแรงเมื่อเที่ยวเล่นอย่างพอใจเสี่ยวหลินก็พาจิวหลินกลับตำหนัก นางมีความสุขมาก ๆ แถมยังสนุกสนานอีกด้วย มาถึงหน้าห้องนางก็ได้เอ่ยขอบคุณที่เขาพานางออกไป หากไม่ได้เขานางก็ไม่ได้ไปเห็นเทศกาลที่งดงามเช่นนั้น "องค์ชายขอบพระทัยนะเพคะที่พาหม่อมฉันออกไปเที่ยวคืนนี้ หม่อมฉันมีความสุขมากเพคะ""หากเจ้ามีความสุขก็ดีจงเข้าไปพักผ่อนเถิดตอนนี้น้ำค้างก็เริ่มลงแล้วเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้" เสี่ยวหลงตอบนางพร้อมเดินหนี ทำให้จิวหลินไม่เข้าใจเขาสักนิด "อะไรกันทำไมถึงเย็นชาขนาดนี้นะ แต่ก็ช่างเถิดซือเล่อเจ้าเองก็ไปพักเถิดเดี๋ยวข้าจะดับเทียนเองเจ้าไม่ต้องห่วง" "เพคะ พระชายา" ซือเล่อก้มโค้งลงและเดินกลับห้องของตนเอง ส่วนจิวหลินนางกินขนมมามากทำให้ท้องแน่นมิอาจจะเข้านอนได้ นางจึงเดินรับลมเพื่อให้ท้องย่อยก่อนจะเข้านอน นางเดินไปเดินมามองดูดวงจันทร์จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินเข้ามาใกล้ ๆ นางรู้ทันทีว่าคงเป็นองครักษ์ขององค์ชายเสี่ยงหลงแน่ ๆ "เจ้าหายตัวไปที่ใดมาช่วงนี้ข้าไม่เห็นเจ้าเลย จริงสิวันนี้องค์ชายของเจ้าออกไปนอกวังเหตุใดเจ้าไม่ตามไปคอยอารักขาล่ะ ""ท่านนี่รู้ดีเสียจริง แค่ฝีเท้าของข้าก็รู้
บทที่ 34 พ่ายรักพระชายาตัวแทนหลายวันต่อมาจิวหลินกลับมาอยู่วังหลวงอยางมีความสุข เสี่ยวหลงก็ไม่ยอมอยู่ห่างนางเลยแม้แต่น้อยแม้กระทั่งห้องนอนยังต้องย้ายมานอนในห้องเดียวกัน"จิวหลินตอนนี้เจ้าเก็บของเสร็จหรือยัง? ""เสร็จแล้วเพคะ หม่อมฉันตื่นเต้นเหลือเกินเพคะไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ""ให้ข้าบอกเจ้ามั้ยล่ะ ชีวิตของเจ้าต่อจากนี้คือเจ้าต้องตั้งครรภ์บุตรของข้าโดยมีซือเล่อคอยช่วยเหลือ ข้าวางแผนจะมีบุตรสักสามคนกำลังดี พอเจ้าคลอดข้าก็จะให้เจ้าท้องอีกคนดีหรือไม่ความคิดของข้า""ฮึ! ไม่เพคะ หม่อมฉันจะปลูกผักปลูกข้าวทำทุกอย่าง และนำข้าวของที่ได้มาส่งขายที่ตลาดเพคะ หม่อมฉันจะยังไม่มีบุตรจนกว่าเราจะมีทุกอย่างมั่นคงเพคะ ""แต่ว่าทุกวันนี้ข้ากับเจ้าก็มีจนไม่ต้องชาตินี้ทั้งชาติก็ใช้ไม่หมดแล้วนะ อย่าลืมสิว่าข้าคือองค์ชายของฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่""หม่อมฉันรู้ไม่เคยลืมเพคะ แต่หม่อมฉันอยากวางแผนชีวิตให้เป็นอย่างดี หากมีบุตรชายก็ดีแต่หากมีบุตรสาวหม่อมฉันไม่อยากบังคับให้นางแต่งเข้าเรือนของบุตรชายของใต้เท้าหรือแต่งงานกับท่านอ๋อง ชีวิตของนางถึงได้อยู่อย่างสุขสบาย แต่ข้าอยากให้นางได้เลือกเส้นทางของนางเอ
บทที่ 33 ตามพระชายากลับวังสายลมพัดผ่านร่างบางที่ยืนรับลมยามนี้เริ่มเข้าฤดูหนาวชาวบ้านเริ่มพากันเก็บเกี่ยวเมล็ดข้าว จิวหลินข่มตานอนในแต่ละคืนช่างยากนัก จิตใจของนางเฝ้าแต่คิดถึงเสี่ยงหลงไม่จางหาย นี่นานเท่าไหร่แล้ว นางยังคงไม่ลืมจิวหลินเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า "ปานนี้ท่านพี่คงจะมีความสุขกับพระชายาตัวจริงมากสินะ แค่คิดว่าท่านมีความสุขข้าเองก็สุขใจแม้ในใจของข้าจะเจ็บปวดมากก็ตาม" "ข้าจะมีความสุขได้อย่างไรในเมื่อพระชายาตัวจริงของข้าไม่ได้อยู่ข้างกายของข้า " จิวหลินแสยะยิ้มสมเพชตนเองที่จู่ ๆได้ยินเสียงของเสี่ยวหลง"ข้าคงคิดถึงท่านจนหูฝาดไปแล้ว เอาล่ะต่อจากนี้ข้าจะเลิกคิดถึงท่านเสียที ข้าจะใช้ชีวิตของตนเองอย่างมีความสุข เป็นสาวบ้านนอกอีกไม่นานอายุของข้าก็ใกล้ออกเรือนท่านป้าก็หาบุตรชายบ้านขุนนางมาดูตัว ตอนนั้นข้าคงจะลืมท่านได้สักทีองค์ชายเสี่ยวหลง""ไม่ข้าไม่ยอม เจ้าเป็นพระชายาของข้า หากชายใดกล้ามาแตะต้องตัวเจ้าข้าจะจับไปประหารให้หมด" จิวหลินคิดว่าตนเองหูฝาดนางจึงมองหาเสียงก็พบว่านางไม่ได้หูฝาดแต่น้ำเสียงที่พูดคุยกับนางอยู่นั้นคือเสี่ยวหลงตัวจริง หัวใจของจิวหลินเ
บทที่ 32 จิวซินยอมแพ้แต่โดยดีเมื่อแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ลับท้องฟ้าปกคุมด้วยความมืดมน จิวซินที่แช่น้ำดอกกุหลาบจนร่างกายของกรุ่น นางแต่งกายด้วยเนื้อผ้าที่บางแนบเนื้อเผยให้เห็นผิวเนียนขาวด้านในจนเห็นได้ชัดก่อนจะสวมเสื้อคุมด้านนอกอีกชั้นเพื่อไม่ให้ขันทีกับนางกำนัลได้เห็น เมื่อนางเข้าไปที่ห้องของเสี่ยวหลงเมื่อนั้นนางจะปลดเสื้อตัวนอกออกเพื่อยั่วยวนเสี่ยวหลง "ซือเล่อตอนนี้ข้าพร้อมแล้ว เมื่อเจ้าไปส่งข้าที่ห้องขององค์ชายจากนั้นเจ้าก็กลับไปพักผ่อนเถิดข้าจะอยู่ปรนนิบัติองค์ชายตลอดทั้งคืน คงไม่กลับมานอนที่ห้องนี้รุ่งสางเจ้าค่อยไปรับตัวข้า หรือไม่แน่ข้าอาจจะลุกก็ไม่ขึ้นก็ได้ แต่เอาเถอะให้คืนนี้ผ่านพ้นไปเสียก่อน" ซือเล่อไม่เอ่ยอันใดพานางเดินไปส่งที่ห้องของเสี่ยวหลงอย่างเป็นห่วงกลัวว่าองค์ชายเสี่ยวหลงจะนอนกับจิวซินจริง ๆ เมื่อจิวซินย่างเท้าก้าวเข้ามาในห้องของเสี่ยวหลงประตูก็ถูกปิดหัวใจของนางสั่นระรัวเดินเข้าไปเรื่อย ๆ ภายในห้องช่างเงียบสงัดแสงสว่างในห้องมีเพียงแสงเทียนที่จุดอยู่ในห้องนอนเท่านั้น นางจึงเดินไปในห้องนอนก็พบว่าเสี่ยวหลงนั่งอยู่บนเตียงรอนางด้วยรอยยิ้ม "มาแล้วหรือ มานั่งลงข้าง ๆ ข้านี่
บทที่ 31 ข้าจะทำให้องค์ชายลุ่มหลงส่วนจิวหลินหลังจากที่นางออกมาจากวังหลวงก็เอาแต่เก็บตัวเงียบครุ่นคิดหาทางกับเข้าวังหลวงแต่ทว่าทำอย่างไรนางก็คิดไม่ออกเสียที ท่านป้าเห็นหลานสาวของนางเอาแต่เหม่อลอยจึงเดินเข้าไปหาอย่างเป็นห่วง "จิวหลินเจ้าคงคิดถึงองค์ชายเสี่ยวหลงสินะ แต่จะทำอย่างไรได้หากเจ้าเข้าไปปรากฎตัวเจ้าเองก็อาจจะต้องโทษได้ ข้าล่ะเห็นใจเจ้าเสียจริง""ท่านป้าข้าคิดจนหัวของข้าแทบระเบิด ข้าคงหมดหนทางแล้วเจ้าค่ะ ข้าคงไม่มีวาสนาเคียงคู่กับองค์ชายเสี่ยวหลง สวรรค์เหตุใดต้องเล่นตลกกับชีวิตของข้าด้วยล่ะเจ้าคะ หากไม่ให้ข้าได้เคียงคู่กับองค์ชายเสี่ยวหลงแล้วทำไมต้องลิขิตให้ข้าเข้าไปพัวพันจนข้าเกิดความรู้สึกดี ๆ กับองค์ชายด้วย ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ"จิวหลินมิอาจกักเก็บความเงียบเหงาภายในหัวใจนางเอ่ยออกมาพร้อมน้ำตาอย่างเจ็บปวด ท่านป้าโอบกอดนางแน่นใช้มือลูบหลังเบา ๆ ปลอบประโลม"หากเจ้ากับองค์ชายเป็นคู่เคียงวาสนาต่อกัน ไม่ช้าไม่นานทั้งสองก็ต้องกลับมาครองรักกันเช่นเดิม " จิวหลินมิได้เอ่ยอันใดมีเพียงเสียงสะอึกไห้ดังระงม หลายวันต่อมาเสี่ยวหลงได้ไปหาจิวซินตอนนี้นางกำลังนั่งจิบน้ำชาที่ห้องโถง ทันทีที่จิวซ
บทที่ 30 ซือเล่อมิอาจทนท่านป้าจับตัวจิวหลินหมุนไปมาเพื่อดูให้แน่ใจว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บ "ท่านป้าข้าไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าไหร่นัก เรารีบเข้าเรือนกันเถอะเจ้าค่ะ""ได้สิ ว่าแต่เจ้าได้กินอะไรมาหรือยัง ""ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์มากินอะไรหรอกนะเจ้าคะ ""เช่นนั้นเรารีบไปที่ห้องของเจ้าเถิดข้าอยากรู้เต็มอกแล้วว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเจ้า " ทั้งสองพากันเดินไปยังห้องนอนห้องจิวหลินเมื่อมาถึงห้องนางก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ท่านป้าฟัง นางรู้สึกสงสารจิวหลินยิ่งนัก "โธ่! จิวหลินของข้า เหตุใดต้องเกิดเรื่องเช่นนี้กับเจ้าด้วยนะ ท่านพ่อของเจ้าก็ช่างเลวร้าย ทำไมทำกับเจ้าได้ลงคอไหนจะจิวซินนั้นอีกไม่เห็นว่าเจ้าเป็นสายเลือดเลยแม้แต่น้อย แล้วอย่างนี้เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป " สายตาที่อ่อนโยนพร้อมคำพูดที่อ่อนหวานทำให้จิวหลินรู้สึกสบายใจนางโผล่เข้ากอดท่านป้าแน่น "ตอนนี้ข้าคิดอะไรไม่ออกเลยเจ้าค่ะ ขอกอดท่านป้าเยี่ยงนี้นาน ๆ ก่อนได้มั้ยเจ้าคะ" ท่านป้ากอดนางกลับเพื่อปลอบโยน"ไม่ว่าเจ้าจะทำเช่นไร ป้าผู้นี้ก็อยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ หากเจ้าไม่สบายใจวันนี้ข้าจะนอนกับเจ้าที่นี่ดีหรือไม่ สมัยก่อนตอนที่เจ้าไม่สบายใ
บทที่ 29 พระชายาเปลี่ยนไปเมื่อเกี้ยวเคลื่อนขบวนจิวซินก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจในที่สุดนางก็จะได้ครอบครองทุกอย่างที่เคยเป็นของนางมาก่อน ฝั่งด้านเสี่ยวหลงที่กลับมาจากเขาซกมู เขาก็รีบร้อนมาหาจิวหลินที่ห้องของนางแต่กลับไม่พบแม้แต่เงา ขันทีจางที่เดินเข้ามาเห็นองค์ชายเสี่ยวหลงก็ได้เข้ามาบอก "องค์ชายตามหาพระชายาหรือพ่ะย่ะค่ะ""ใช่แล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าพระชายาอยู่ที่ใด""ช่วงสาย ๆ มีสาวใช้จากสกุลจิวมาเข้าเฝ้าพระชายาไม่นานนักพระชายาก็ให้กระหม่อมเตรียมเกี้ยวออกไปที่เรือนสกุลจิวอย่างรีบร้อนพ่ะย่ะค่ะใบหน้าของพระชายาเป็นกังวลยิ่งนักคงมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นเป็นแน่""อย่างนั้นหรือ นี่ก็ใกล้ตะวันลับฟ้าแล้วปานนี้คงจะเดินทางกลับแล้ว ข้าจะรออยู่ที่นี่เจ้าให้นางกำนัลไปจัดเตรียมอาหารมาเถิดนางกลับมาจะได้กินพอดี " "พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย" ขันทีจางโค้งคำนับรับคำสั่งพร้อมเดินหันหลังจากไป เสี่ยวหลงจ้องมองไปด้านนอกสายตาของเขาก็เหลียวไปเห็นเกี้ยวของจิวหลินได้เคลื่อนเข้ามาหยุดอยู่หน้าตำหนักเขารีบออกไปหานางทันทีด้วยความคิดถึง จิวซินลงจากเกี้ยวกวาดตามองดูตำหนักที่นางจะต้องมาอยู่ต่อจากนี้นางตื่นเต้นเป็นอย่างมาก "พระชายาเ
บทที่ 28 สลับตัวจิวหลินนั่งมองท่านแม่อย่างน่าสงสาร สักพักเสียงประตูก็ได้เปิดเข้ามานางคิดว่าเป็นซือเล่อที่กลับมาจากไปต้มข้าวจึงรีบเดินออกไปนอกห้องนอนเพราะไม่อยากให้ท่านแม่ตื่น "เหตุใดเจ้าถึงกลับมาเร็วเช่นนี้เล่า เสร็จแล้วหรือข้าวต้มที่ข้าสั่งให้เจ้าไปทำมา" จิวหลินหันไปมองแต่ทว่ามิใช่ซือเล่อที่เดินเข้ามาประตูถูกปิดลงใบหน้าของนางเริ่มวิตกกังวลเล็กน้อย "ท่านพี่จิวซิน... ""ใช่ข้าเอง ทำไมต้องทำสีหน้าราวกับเห็นผีด้วยเล่า ""เปล่าเจ้าค่ะ หากท่านพี่มาหาท่านแม่ข้าเองก็จะออกไปด้านนอกนะเพคะ " จิวหลินไม่อยากอยู่กับจิวซินที่ไม่เคยมองว่านางเห็นน้องสาวเลย ทำให้นางรู้สึกอึดอัดหากอยู่ด้วยกันตามลำพัง จิวหลินกำลังเดินย่างเท้าจะเดินออกจากห้องก็ต้องถูกจิวซินดึงกระชากแขนของนางไว้ก่อน "เจ้าจะไปที่ใดไม่ได้ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า""แต่ข้าไม่มีเจ้าค่ะ ปล่อยนะหากท่านไม่ปล่อยข้าเองก็จะไม่ไว้หน้านะเจ้าคะ" จิวหลินดวงตาแข็งกร้าวตอบกลับจิวซิน "เฮอะดูสายตาเจ้าสิ คิดว่าข้ากลัวหรือไงก็ได้ข้าปล่อยเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องคุยกับข้าเสียก่อน" จิวซินปล่อยมือตนออกจากแขนของจิวหลิน "เรื่องอันใดเจ้าคะ" "ก็เรื่องตำแหน่งพระช
บทที่ 27 ท่านแม่ล้มป่วย หลายวันต่อมา ระหว่างที่รอเรือนที่ฝ่าบาทสั่งการให้ทหารไปสร้างให้ จิวหลินมีความสุขมากจริง ๆ นางได้รับการดูแลเอาใจใส่ของเสี่ยวหลงเป็นอย่างดี จนนางกำนัลในตำหนักพากันเบิกบานหัวใจ สาย ๆ ของวันอากาศเย็นสบายจิวหลินได้ออกมาเดินรับลมด้านนอกเรือนมองดูเหล่าผีเสื้อที่บินดอมดมเกสรดอกไม้ส่วนเสี่ยวหลงนั้นวันนี้ได้เดินทางไปดูเรือนว่าเสร็จไปถึงขั้นไหนแล้ว"วันนี้ช่างอากาศดีเสียจริงว่ามั้ยซือเล่อ" จิวหลินยืนมองทอดสายตาไปด้านหน้าพร้อมเอ่ยถามซือเล่อที่เดินตามหลังมาติด ๆ"เพคะ คงเป็นเพราะะทุกอย่างกำลังลงตัว หม่อมฉันเห็นพระชายามีความสุข หม่อมฉันเองก็พลอยมีความสุขเช่นกัน อย่าให้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นอีกเลยนะเพคะ ""เหตุใดเจ้าถึงเอ่ยเช่นนั้นเล่า ""ก็หม่อมฉันอดคิดไม่ได้นี่เพคะ ในเมื่อตอนนี้องค์ชายเสี่ยวหลงเปิดใบหน้าที่แท้จริงให้ทุกคนได้เห็นหม่อมฉันคิดว่าถ้าหากคุณหนูจิวซินรับรู้คงคิดหาทางทวงคืนแน่ ๆ ""เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่มีทางให้เกิดเรื่องนั้นขึ้นแน่ ในเมื่อท่านพี่ไม่ได้ต้องการมันตั้งแต่แรกแถมยังผลักไสไล่ส่งข้าเข้ามาแทน มีหรือที่ข้าจะยอมให้ข้ามิใช่จิวหลินคนเดิม" ดวงตาจริงจังน้ำเสี
บทที่ 26 ข้าจะทวงคืนฝั่งด้านจิวซินเมื่อท่านป้ากลับนางโมโหอย่างมากที่ถูกท่านป้าตบที่ใบหน้า นางเข้าห้องมาโวยวายโยนข้าวของพร้อมกรี๊ดร้อง"กรี๊ด!!! ทำไม ...ทำไมทุกคนต้องรักนาง ทำไมนางต้องได้ดีทำไมไม่เป็นข้า ที่ข้าถูกท่านป้าตบก็เพราะนาง ข้าเกลียดเจ้าจิวหลิน" "หยุดเถอะนะเจ้าคะ คุณหนูข้าวของเสียหายแล้วเจ้าคะ" แม่นมพยายามร้องขอให้คุณหนูของตนหยุดโยนของและโวยวาย"ไม่! ข้าไม่หยุด ! " ใต้เท้าจิวที่พาฮูหยินไปพักที่ห้องเพราะจู่ ๆ นางเกิดเป็นลมเมื่อท่านป้าเดินออกจากเรือน ช่วงนี้ร่างกายของฮูหยินไม่ค่อยมีแรงเสมือนนางตรอมใจเสียใจรับไม่ได้ที่เขาได้ทำร้ายบุตรสาวคนรอง เขาเองก็ครุ่นคิดเช่นกันเพราะเรื่องทั้งหมดนี่เด็กคนนั้นไม่ควรมารับรู้ เขานอนไม่หลับจึงได้ออกมาเดินรับลมก็ได้ยินเสียงโวยวายของจิวซินจึงได้เดินไปหานางที่ห้องของนาง"เกิดอะไรขึ้น ""ท่านพ่อ ท่านพ่อต้องช่วยข้านะเจ้าคะ ทำไมทุกคนต้องรักแต่จิวหลินท่านป้าก็รักนางจนลงไม้ลงมือกับข้า ไหนจะเรื่ององค์ชายที่ไม่ได้มีอัปลักษณ์นั้นอีกด้วย ข้าเห็นแววตาที่องค์ชายมองไปทางจิวหลินแววตานั้นสื่อให้ข้าเห็นว่าเขานั้นรักและเอ็นดูจิวหลินมากเพียงใด หากผู้ที่ยืนอยู่ตร