Share

บทที่ 3

last update Last Updated: 2025-04-03 11:28:58

คำพูดทั้งหมดของหลินเฮงฉวนนั้นถูกส่งต่ออย่างครบถ้วน แต่คนฟังนั้นไม่ใช่ซูเจินจู แต่เป็นนายท่านซูเป่า

“มันขู่ข้า มันขู่จะเอาร้านผ้ามาเปิดแข่งกับข้า เจ็บใจนักเพราะนังลูกอัปรีย์ ทำให้พวกมันขึ้นมาเหยียบบนหัวข้าแล้ว” เสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความโกรธทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ

“ท่านพี่ อย่าโกรธขนาดนี้เลยเจ้าค่ะ รักษาสุขภาพด้วย เจ้าเองก็เหมือนกันหนี่ย์เอ๋อร์ เรื่องพวกนี้บอกพ่อเจ้าได้เหรอ จะให้พ่อเจ้าโกรธตายรึยังไง” ฮูหยินซูเข้าไปปลอบสามีด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยเห็นนายท่านซูโกรธขนาดนี้

“เจ้าสิตาย ปากเจ้าใหญ่แค่ไหนถึงกล้ามาแช่งข้า เพราะหนี่ย์เอ๋อรู้ความถึงได้บอกข้า ไม่บอกแล้วข้าจะรู้เหรอว่าไอ้จวนนายอำเภอมันตั้งใจจะเหยียบหัวข้า ทำการค้ามาตั้งกี่ปี จ่ายให้พวกมันไปตั้งเท่าไหร่ หนังเสือยังไม่ทันส่งเข้าเมืองหลวงก็ต้องส่งเข้าจวนนายอำเภอก่อนมันยังกล้าขู่ข้าขนาดนี้ อัปรีย์ ไอ้พวกอัปรีย์!! ไป ไปตามอาจูมา ข้าต้องถามนางให้รู้เรื่อง” ทำการค้ามาหลายปีจะมายอมขาดทุนแบบนี้ไม่ได้ กว่าจะเลี้ยงซูเจินจูมาหมดเงินไปตั้งเท่าไหร่ แต่งงานมีหน้ามีตาไม่ได้ ก็ต้องแต่งได้เส้นสาย แต่งเงินแต่งทองไม่ได้ก็ต้องแต่งได้ช่องทางการค้า นี่เป็นแค่สาวใช้อุ่นเตียงอย่างไรก็ต้องได้สัญญาจากจวนนายอำเภอ ไม่ว่านายอำเภอจะย้ายไปไหน ร้านผ้าซูเตี้ยนจะต้องตามไปด้วยให้ได้ ต่อให้ย้ายเข้าเมืองหลวง ร้านผ้าซูเตี้ยนก็ต้องได้ตามไป!!!!

“เจินจูเออร์ คารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ” เมื่อซูเจินจูเข้ามาในโถงกลางก็พบนายท่านซู บุรุษวัยกลางคนรูปร่างท้วม ผิวขาว หน้าตาดี คิ้วบาง หางตาเฉียงขึ้นเล็กน้อย ใส่ชุดผ้าไหมชั้นดีสีน้ำเงินดูภูมิฐาน ในความทรงจำของนางปีนี้นายท่านซูอายุสามสิบเจ็ดปี ฮูหยินซู สตรีวัยกลางคนวัยสามสิบสามปี รูปร่างสมส่วน ผิวคล้ำ สวมผ้าแพรชั้นดีสีขาวปักลายนกกางเขน ฮูหยินซูเดิมแซ่หลี เป็นตระกูลค้าขายผ้าเช่นกัน เมื่อมาถึงรุ่นของนางมีนางเป็นเพียงทายาทเพียงคนเดียว เมื่อสิ้นบิดามารดา สมบัติร้านค้าของนางจึงถูกรวมเข้ากับตระกูลซูทั้งหมด

คุณหนูใหญ่ซูหนี่ย์ เป็นสตรีที่ดูอ่อนโยน คิ้วโค้งรับตากลมโต ปากนิด จมูกหน่อย ผิวขาวเนียนราวหยกใบหน้าไม่ถือว่างามล่มเมืองแต่กริยาท่าทางอ่อนหวาน รวมกับความรักสวยรักงาม และปีนี้อายุสิบหกปี ถึงวัยออกเรือนยังทำให้ชายหนุ่มต่างอำเภอส่งแม่สื่อมาไม่ขาดสาย

 คุณหนูรองซูเม่ย หน้าตากริยามารยาทความอ่อนโยนเหนือกว่าซูหนี่ย์อยู่มาก เสียดายที่ผิวคล้ำเหมือนมารดา ทำให้ความงามลดลงไปหลายส่วน วาจาอ่อนหวานแต่ประหยัดถ้อยประหยัดคำ อีกทั้งไม่ชอบออกจากบ้าน ทำให้ไม่ได้พบเจอผู้คนมากนัก นางอายุสิบห้าแล้ว แต่ไม่มีแม่สื่อมาทาบทามสักคนเดียว

 นายน้อยสามซูเหวิน อายุสิบสามปีเท่าซูเจินจู เด็กชายผิวคล้ำเช่นมารดา รูปหน้าหล่อเหลาเหมือนบิดา หากเอาดีด้านทหารเห็นที่ว่าเมื่อโตขึ้นมีรูปร่างกำยำสมชายชาตรี คงถูกสาวหมายปองไปทั่วเมือง

 ดูจากที่หลินเฮงฉวนมาหาเมื่อเช้า ตกเย็นนั่งล้อมวงครบบ้านใหญ่แบบนี้ท่าทางคงกำลังวางแผนจัดการอนาคตของนางแน่

“พรุ่งนี้ยามเฉิน เจ้าไปคุกเข่าหน้าจวนนายอำเภอ ป่าวประกาศไปให้ทั่วว่าเจ้าเข้าไปส่งผ้าในจวนแต่กลับถูกหลินเฮงฉวนรังแก ไม่ให้ตบแต่งเป็นเมียเอก ตระกูลซูของเราก็ยอมถอย ขอเพียงจวนนายอำเภอส่งเกี้ยวเมียรองแปดคนหาบ ตระกูซูจะส่งเจ้าด้วยสินสอดสิบหกหีบ แต่จวนนายอำเภอกลับเล่นลิ้นคิดอุ้มเจ้าเข้าจวนไปเป็นสาวใช้อุ่นเตียง หากตระกูลซูไม่ยอมก็จะปล่อยให้เจ้าเสื่อมเสีย เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่อาจู” นายท่านซูพูดขึ้นทันทีที่ซูเจินจูเดินเข้ามา

“เจินจูเอ๋อร์เข้าใจเจ้าค่ะ เพียงแต่อยากให้ท่านพ่อทบทวนวิธีการนี้อีกสักหน่อย หากลูกเข้าจวนนายอำเภอ ดีชั่วก็หวังเพียงความก้าวหน้าของคุณชายหลิน หากรีบร้อนทำลายชื่อเสียงตั้งแต่รากฐานยังไม่มั่นคง ต่อไปภายภาคหน้าจะหวังบารมีคุณชายหลินมาช่วยตระกูลซูก็คงลำบาก” ไอหย๋า จะให้ข้าไปแหกปากหน้าตลาด เรื่องอับอายไม่เท่าไหร่ แต่ทั้งร้อนทั้งเหนื่อยแถมยังไม่รู้ต้องตะโกนไปถึงยามใด ไม่ใช่ว่าร้องตะโกนสามวันไม่มีคนเปิดประตูจวนก็ต้องเดินกลับเรือนตัวเองหรอกหรือ แบบนั้นข้าไม่เอาด้วยหรอก

“ที่นางพูดก็มีเหตุผลนะเจ้าคะท่านพี่ หากทำลายอนาคตคุณชายหลินด้วยวิธีนี้แล้ว ต่อจะทำอะไรผ่านนายอำเภอหลินก็คงลำบาก” ฮูหยินซูมีหรือจะเห็นแก่ซูเจินจู เพียงแต่นางอยากให้ซูหนี่ย์แต่งเป็นภรรยาเอกให้คุณชายหลิน นางจะให้ใครมาทำลายคุณชายหลิน ว่าที่ลูกเขยของนางไม่ได้เด็ดขาด

“ใช่ขอรับท่านพ่อ ท่านพี่เฮงฉวนเองก็ดีกับลูก ตอนอยู่ที่สถานศึกษาก็ช่วยเหลือลูกไว้ไม่น้อย ตอนนี้ท่านพี่เฮงฉวนก็สอบจวี่เหรินผ่านแล้ว อีกไม่นานก็สอบก่งเซิน หากเราบุ่มบ่ามทำอะไรไปอาจจะได้ไม่คุ้มเสียนะขอรับ” ท่านพ่อช่างโง่เขลานัก เจินจูเป็นเพียงลูกที่เกิดจากเมียรอง ต่อให้ยกนางให้คุณชายหลินฟรีๆ สำหรับซูเหวินยังถือว่าคุ้มเสียด้วยซ้ำ ทำให้คุณชายหลินเป็นหนี้บุญคุณเขาไว้เสียตั้งแต่ตอนนี้ ให้อนาคตหากเขาอยากเป็นขุนนางก็จำเป็นต้องอาศัยเส้นสายขุนนางเก่าสนับสนุน ไม่อย่างนั้นด้วยฐานะของลูกพ่อค้าคงต้องเกิดใหม่เท่านั้นถึงจะเข้าเป็นขุนนางได้

“หากท่านพ่อไม่วางใจ พรุ่งนี้ลูกกับอาเหวินจะไป....” ซูหนี่ย์ยังพูดไม่ทันจบประโยคนายท่านซูก็ขัดขึ้น

“ไม่ได้ เกิดเข้าไปหนึ่งคนรังแกหนึ่งคน ส่งเจ้าเข้าไป ข้าไม่ขาดทุนย่อยยับรึไง”

“ข้ายอมขาดทุนขอเพียงขาดทุนให้คุณชายหลินข้ายอมสิ้นเนื้อประดาตัว” ซูหนี่ย์พูดขึ้นอย่างอัดอั้น ควรเป็นนางที่ได้ครองรักกับคุณชายหลิน ไม่ใช่นางจิ้งจอกเจินจูที่วางอุบายเหยียบหัวนางเช่นนี้ คนอย่างซูหนี่ย์ อยากได้อะไรต้องได้ ในเมื่อเจินจูให้วิธีหน้าไม่อาย ทำไมนางจะทำบ้างไม่ได้ ขอแค่ได้แต่งให้คุณชายหลิน ชื่อเสียงอะไรนางก็ไม่สนใจทั้งนั้น

“หุบปาก!!!!!” เสียงตะโกนดั่งลั่นของนายท่านซูทำให้ทำให้ซูหนี่ย์หุบปากลง ประโยคที่อยากเอ่ยก็ทำได้เพียงกลืนลงไปเงียบๆ

“ท่านพ่อเจ้าคะ เรื่องนี้ข้าคิดว่าท่านพ่อควรเป็นคนออกหน้าเจ้าค่ะ” เหอะ! ล้อเล่นกับข้าแน่แล้ว เห็นอยู่ชัดๆว่ายัยเด็กซูหนี่ย์อยากได้ไอ้ตี๋เฮงฉวนใจจะขาด ไยต้องมาเปลืองแรงใช้นางไต่เต้าเล่า

“พูดต่อ!”

“ที่ท่านพ่อต้องการตอนนี้คือสัญญายืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่าข้าจะเข้าจวนนายอำเภอเมื่ออายุเลยวัยปักปิ่นเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรตอนนี้คุณชายหลินก็ยังไม่ได้สอบขุนนาง แต่สัญญานั้นจะใช้เป็นหลักฐานได้ทันทีว่าคุณชายหลินได้ทำลายชื่อเสียงข้าไปแล้ว ในเมื่อคุณชายหลินยังไม่มีอำนาจให้มือให้ท่านยืมใช้ ไม่สู้เก็บหลักฐานไว้ต่อรองกับจวนนายอำเภอ รออีกไม่ถึงสองปี ไม่แน่ว่าคุณชายหลินต้องแต่งภรรยาเอก ยังใช้สัญญานี้ต่อรองกับบ้านฝั่งภรรยาแลกระหว่างข้าไม่เข้าจวนกับช่องทางการค้าของตระกูลซูละเจ้าคะ”

 ...

วันต่อมานายท่านซูกลับบ้านพร้อมสัญญาที่เขียนโดยนายอำเภอหลินอู่หนึ่งฉบับพร้อมกำชับให้ซูเจินจูกลับไปทำงานที่ร้าน ‘อย่างน้อยซูเจินจูก็เป็นแรงงานที่ต้องจ่ายเงินให้อย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว หากอยู่เฉยๆก็ขาดทุนเปล่า ผู้หญิงใกล้ออกเรือน แถมออกไปเป็นแค่สาวใช้อุ่นเตียง ต้องรีบใช้งานให้คุ้มไว้ตั้งแต่วันนี้’

ณ จวนนายอำเภอ

“ท่านพ่อเขียนหลักฐานยืมยันแบบนี้ เรามิเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรือขอรับ”

“ไม่มีทาง สัญญาฉบับนั้นช่องโหว่มากมาย ทั้งเรื่องที่นางตั้งใจนำผ้ามาให้แม่เจ้าเลือกทั้งๆที่ไม่มีใครสั่งซื้อ ทั้งเรื่องที่เจ้าอยู่กับเหล่าบัณฑิตมากมาย การอยู่ต่อหน้าคนมากมายแต่ยังเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น ใครมองก็รู้ว่าเป็นอุบายของสตรี ทั้งเจ้ายังรับผิดชอบด้วยการเปิดจวนรับนาง ถึงแม้จะไม่ได้ตำแหน่งภรรยาเอก แต่ทุกคนก็รู้ว่าสตรีที่เกิดจากอนุเป็นฮูหยินขุนนางไม่ได้ เรื่องนี้ไม่มีอะไรให้เจ้าต้องกังวล อย่าเสียเวลาอ่านหนังสือด้วยเรื่องพวกนี้เลย”

“ขอบคุณท่านพ่อ” หลินเฮงฉวนคุกเข่ากล่าวขอบคุณอย่างยินดีที่สุด นี่เป็นคำขอบคุณจากใจจริงของเขา เขากลัวเหลือเกินว่าจะถูกผู้หญิงคนใดทำเสื่อมเสียจนไม่อาจสอบขุนนางได้ เขาเป็นลูกคนเดียว หากเกิดอะไรขึ้นคงไม่อาจมองหน้าบรรพบุรุษได้อีก วันนั้นเขาเห็นซูเจินจูยืนเหม่ออยู่จึงตั้งใจเพียงเย้าแหย่นางเพียงเล็กน้อย ใครจะรู้ว่าซูเจินจูกลับกล้าวางอุบายใส่เขา ทำให้เค้านึกเสียใจที่เคยนึกเอ็นดูนาง และถึงแม้ว่าเหล่าบุรุษจะสามารถมีได้หลายภรรยา แต่เขาก็ตั้งใจว่าจะแต่งผู้หญิงเพียงคนเดียวเหมือนนายอำเภอหลินบิดาของเขา ครอบครัวร่มเย็น ไม่ต้องกังวลเรื่องในบ้าน ไม่ร้อนเหมือนจวนของเหล่าสหายหลายๆคนของเขาที่มีสามภรรยาสี่อนุ ความตั้งใจเหล่านั้นถูกซูเจินจูลำลายลงหมดสิ้นแล้ว

เช้าวันถัดมาขณะที่ซูเจินจูกินข้าวเช้าอยู่ในเรือนของนาง มีซิ่นก็เดินเข้ามาพร้อมบ่าวรับใช้หนึ่งคน

“คุกเข่า”

“  ”

“ข้าบอกให้เจ้าคุกเข่า”

“  ”

“โอ้ย!!!” ทันทีที่มี่ซิ่นยกมือขึ้นเตรียมจะตบหน้าซูเจินจู ยังไม่ทันได้ตบลงบนหน้าก็มีของหนักๆกระแทกเข้ามาที่ขานาง

“เจ้า! เจ้า!! กล้าถีบเก้าอี้ใส่ข้า นังลูกอกตัญญู ” เห็นนางมี่ซิ่นเงื้อมือขึ้นหมายจะตบนางอีกครั้ง นางเบี่ยงตัวหลบทำให้นางมีซิ่งล้มลงกับพื้นก่อนที่เจินจูจะเดินหลบไปที่สวน

“เจ้ามันโง่เหมือนใครนะ เตียงคุณชายหลินอยู่ตรงหน้าให้เจ้าปีน เจ้าไม่ปีน” เสียงกร่นด่าทั้งฟังได้บ้าง ฟังไม่ได้บ้างลอยตามหลังนางมาเป็นระยะ ให้ตายเถอะ แม่ที่ไหนเหมือนนางบ้าง จากความทรงนี้ทุกครั้งที่นางไม่ได้ดั่งใจหรือถูกฮูหยินรังแก นางจะมาระบายโทสะกับซูเจินจูอยู่เป็นประจำ มีครั้งนึงที่สั่งให้ซูเจินจูคุกเข่าอยู่หนึ่งวันเต็มๆ เพียงเพราะนางถูกฮูหยินให้คุกเข้าพียงหนึ่งก้านธูป แถมยังพยายามหาบ้านขุนนางเพื่อจะส่งนางไปเป็นอนุอยู่ตลอดเวลา มีแม่แบบนี้นางคร้านจะใส่ใจ

มี่ซิ่นเป็นลูกของนายพรานที่นำหนังสัตว์มาขายให้นายท่านผู้เฒ่าซู อยู่ๆวันนึงเกิดลมเพลมพัดนายท่านผู้เฒ่าซูพานายท่านซูที่ขณะนั้นอายุยี่สิบสี่ปีไปศึกษาเส้นทางการค้า ประจวบเหมาะกับนายพรานพาลูกสาวซึ่งก็คือมีซิ่นในวัยสิบสี่ปีติดตามไปด้วย วันนั้นนอกจากขายหนังกวางแล้วยังขายลูกสาวได้อีกยี่สิบตำลึง นับจากนั้นมีซิ่นก็เหมือนไร้ญาติขาดมิตร จะอยู่หรือตายล้วนขึ้นอยู่กับความเมตตาของนายท่านซู ในวัยสิบห้า มีซิ่นคลอดซูเจินจู แต่ด้วยอายุยังน้อยและก่อนหน้านั้นร่างกายก็ขาดสารอาหารทำให้มีซิ่นตกเลือดมาก หมอบอกว่าไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก นับจากนั้นนางก็ตั้งมั่นไว้ว่าจะต้องให้เจินจูแต่งเข้าจวนขุนนาง หากเจินจูได้รับความเมตตาจากขุนนางชั้นสูง ความดีความชอบนี้ก็ต้องตกมาถึงนาง ฐานะนางในบ้านจะได้สูงขึ้น ดังนั้นเมื่อสามปีก่อนที่นายอำเภอหลินย้ายมาใหม่ๆนางแทบอย่างจะส่งเจินจูเป็นไปอนุนายอำเภอหลิน ติดตรงที่ตอนนั้นเจินจูอายุเพียงสิบขวบเท่านั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   51

    นายน้อยหงพาซูเจินจูเดินชมสินค้าภายในร้าน สินค้าหลากหลายแต่เต็มไปด้วยของชั้นดี สินค้ามากมายที่ได้มาจากต่างแคว้น สินค้าหลายอย่างเป็นของที่ได้มาจากชนเผ่าต่างๆ หนังสัตว์ที่ผ่านการฟอกหนังมาอย่างดี ขนสัตว์หายากอย่างพวกจิ้งจอกแดงหรือขนหมาป่าสีขาวก็สามารถหาซื้อได้ที่นี่ หนังเสือ หนังหมี หรือแม้แต่เขากวาง เขี้ยวเสื้อ ก็ถูกนำมาตั้งแสดงสินค้า ยิ่งเห็นว่าร้านฟู่หงเทียนมีสินค้าชั้นดีเท่าใดซูเจินจูก็ยิ่งตระหนักได้ถึงอิทธิพลของเจ้ากรมอาภรณ์ ร้านค้าขนาดสี่ห้องกว้างขวางเกินกว่าจะดูได้อย่างละเอียดทั้งหมด แม้ซูเจินจูจะพยายามเดินดูจนทั่ว แต่ด้วยประกอบกับนายน้อยหงที่คอยอธิบายสิ่งต่างๆภายในร้านอย่างใส่ใจทำให้กินเวลายาวนานเกือบสามชั่วยาม“อีกสองวันถึงจะเป็นงานเปิดรับศิษย์ของสำนักต่อสู้ พรุ่งนี้คุณหนูซูอยากไปที่ใดหรือไม่ ข้าจะพาท่านไปเอง”“ไม่รบกวนนายน้อยเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะพาคนของข้าไปเดินเล่นในเมือง เพียงเดินเล่นไปเรื่อยๆมีจุดหมายใด”“เช่นนั้นข้าจะให้คนคุ้มกันของข้ามาดูแล”“ข้าคงต้องเสียมารยาทปฏิเสธเสียแล้ว หลิวหยาง จางหมิ่นของข้าคงเพียงพอจะปกป้องข้าได้ อย่าให้ข้าทำให้นายน้อยหงต้องเป็นกังวลเลยเจ้าค่ะ”“เช

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   50

    วันถัดมาในยามเฉิน เฟยอวี่เข้ามาหาซูเจินจูเพื่อรายงาน“คุณหนู บ่าวสืบข่าวมาได้เล็กน้อยเจ้าค่ะ พ่อค้าต่างแคว้นหลายคนเร่งเดินทางเข้าเมืองหลวง ของมีค่าหลายอย่างถูกขนเข้าเมืองหลวงผ่านขบวนขนสินค้า จุดหมายคือตรอกถงยู่ ที่เป็นแหล่งจัดงานประมูลของตลาดมืด นี่เป็นของรายการของส่วนหนึ่งที่บ่าวได้มาจากบัญชีส่งสินค้าเจ้าค่ะ”“งานประมูลของตลาดมือหรือ น่าสนใจ เจ้ารู้เรื่องงานนี้ดีแค่ไหน”“บ่าวเคยได้ยินว่าเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อประมูลของหายาก มีทั้งโสมพันปี อาวุธต่างๆ หยกม่วง หินแร่ รวมถึงหัวของผู้ครองแคว้นก็เคยถูกนำมาประมูลเจ้าค่ะ การจะเข้าร่วมประมูลได้ต้องจ่ายเงินค่าเข้าคนละหนึ่งพันตำลึง และหากมีของที่ต้องการนำเข้าประมูลก็นำของไปประเมิณได้เช่นกันเจ้าค่ะ”“เจ้าทำงานได้ดีมาก พักสักหน่อยแล้วออกเดินทางไปรอข้าที่เมืองหลวง สืบข่าวเรื่องการประมูลให้ข้า และจองโรงเตี๊ยมที่ปลอดภัยที่สุดเอาไว้ให้เพียงพอกับคนของเรา ข้าจะพาสี่เสวี่ย เฟยหลัน เฟยหรง เฟยเมี่ยว หลิวหยาง จางหมิ่นไป”“บ่าวรับคำสั่งคุณหนูเจ้าค่ะ” เฟยอวี่รับตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงจากซูเจินจูก่อนจะออกจากห้องไป คล้อยหลังเฟยอวี่ออกไปไม่ถึงหนึ่งเค่อซูเจินจูก็ตรง

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   49

    “เฟยอวี่ การเข้าเมืองหลวงต้องใช้ป้ายผ่านเข้าเมืองด้วยหรือ”“จริงๆแล้วไม่ต้องใช้เจ้าค่ะคุณหนู แต่ชาวบ้านทั่วไปหากต้องการผ่านเข้าเมืองหลวงจะต้องเสียอีแปะเป็นค่าผ่านทางให้กับทหารเฝ้าประตู เสียเยอะหรือเสียน้อยแล้วแต่ว่าผู้เฝ้าประตูเป็นใคร ส่วนป้ายผ่านเข้าเมืองเป็นเพียงชื่อเรียกเท่านั้นเจ้าค่ะ ในความเป็นจริงแล้วป้ายพวกนี้มีขึ้นเพื่อให้คนมีเส้นสายสามารถผ่านเข้าออกเมืองโดยไม่ต้องเสียอีแปะ ไม่ต้องต่อแถว ไม่ต้องตรวจค้นสัมภาระอย่างละเอียดและได้รับความเคารพจากทหารเฝ้าประตู รวมถึงป้องกันไม่ให้พวกทหารสร้างปัญหากับพวกคนรวยและขุนนางด้วยเจ้าค่ะ”“อ่อ แค่ยื่นป้ายออกไปก็ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วยแล้วสินะ ช่างดีจริงๆ”“นายน้อยหงคงเหลือเส้นสายอยู่ไม่น้อยถึงขนาดใจกว้างทำป้ายให้คุณหนูได้ง่ายๆ”“เขาเห็นข้าเป็นโอกาสที่จะช่วยร้านผ้าฟู่หงเทียนกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งต่างหาก เจ้าไปเตรียมตัวเถอะ ออกไปสืบข่าวดูสักหน่อยก็ได้ ไปเมืองหลวงครั้งนี้ข้าจะพาเจ้า สี่เสวี่ย หลิวหยาง จางหมิ่น เฟยหรง เฟยเมี่ยว และเฟยหลันไปด้วย บอกเพ่ยเพ่ยกับเยว่ชิงเสียแต่เนิ่นๆให้นางได้เตรียมตัวจัดการงานและดูแลเรื่องต่างๆทั้งหมดที่นี่ตอนที่พวกเรา

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   48

    “พ่อหนุ่มเจิ้งผู้นี้ดูมีลับลมคมในเหลือเกินนะเจ้าคะ จะว่าไปพ่อหนุ่มเจิ้งเองก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องของตน แม่แต่แซ่ก็ไม่บอก ชื่อเจิ้งก็ไม่รู้ว่าใช่ชื่อจริงหรือไม่”“นั่นสิเจ้าคะคุณหนู คุณหนูเองก็แปลกนัก แค่พ่อหนุ่มเจิ้งบอกจะมาด้วยก็ปล่อยให้มา บอกจะไปก็ไม่ถามไถ่สิ่งใดสักคำ”“ช่างเขาเถอะ เพียงแค่ไม่มีพิษภัยกับพวกเราก็พอแล้ว เรื่องอื่นๆรู้มากไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี”“เจ้าค่ะคุณหนู”ซูเจินจูพาเจียงไป๋ไปยังห้องที่เจียงชิงนอนอยู่และให้ซินเซียงยกที่นอนอีกหนึ่งอันมาวางข้างเตียงเพื่อให้พี่น้องได้นอนห้องด้วยกัน“เจ้านอนห้องเดียวกันไปก่อน ช่วงนี้ก็คอยดูแลนาง ข้างๆห้องเจ้าคือห้องของชิงหยุน มีอะไรก็ไปหานางได้ สี่เสวี่ยเจ้าไปบอกให้ซินเซียงหาอะไรให้เด็กนี่กินเสียหน่อยเถอะ”“เจ้าค่ะคุณหนู”เจียงไป๋มองคนทั้งหมดทยอยออกจากห้องไปก่อนจะหันกลับมานั่งข้างเตียงของเจียงชิง“พี่สาว ท่านรีบตื่นขึ้นมานะ…”... เช้าวันต่อมาซูเจินจูเดินทางเข้าร้านหว่างลี่เซียงพร้อมเฟยหลันตั้งแต่ยามเฉิน กิจการของร้านหว่านลี่เซียงเป็นไปด้วยดี คนที่ดูเหมือนจะทะเลาะกับผู้อื่นได้ง่ายๆอย่างเพ่ยเพ่ยกลับทำงานได้อย่างสงบเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นก

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   47

    “มองอะไร พวกเจ้ามองอะไร ไอ้พวกไม่รู้เรื่องรู้ราว เด็กมันมีวาสนาได้ช่วยเหลือสกุล เลี้ยงมันต่อไปก็ไม่ใช่ว่ามันจะหาเงินให้ข้าได้ถึงยี่สิบตำลึงเสียเมื่อไหร่ ต้องมากินข้าวบ้านข้านอนบ้านข้าไม่สู้ไปกินบ้านอื่นนอนบ้านอื่นแล้วยังได้เงินรึ แล้วเงินที่มันถืออยู่ไม่ใช่ว่าขโมยของข้าไม่หรือไงเด็กอย่างพวกมันจะเอาปัญญาหาเงินมากมายขนาดนี้ได้ที่ไหน เอาเงินข้าคืนมานะไอ้พวกเด็กตัวเหม็น”“ท่านย่านี่เป็นเงินที่พี่สาวหามาได้ ไม่ได้ขโมยเงินของท่าน”“นั่นมันเงินโชคดีที่แม่หนูเจินจูแจกไม่ใช่หรือ บ้านข้าก็ได้มาสองพวง ไหมถักแบบนั้นรูปทรงแบบนั้น ข้าจำไม่ผิดหรอก” ชาวบ้านที่มุงดูอยู่พูดขึ้น“ใช่ ข้าเองก็จำได้ นั่นมันพวงเงินที่แม่หนูเจินจูแจกเมื่อวันเกิด” หัวหน้าหมู่บ้านหวังสำทับขึ้น ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ต่างเคยได้รับพวงเงินโชคนี้ทุกคนล้วนเป็นพยายานให้เด็กน้อยว่าเขาไม่ได้ขโมยเงินของแม่เฒ่าเจียง“เหอะ เอาเข้าบ้านข้าก็ต้องเป็นของข้านั่นแหละ อาไป๋ เข้าบ้าน เหม่ยเหมย เสี่ยวเจี๋ยลากนังเด็กชิงเข้าบ้าน”“แม่เฒ่าเจียง รอเดี๋ยวก่อนเถอะ ข้าขอเจรจาเรื่องเด็กสองคนนี้สักประโยคหนึ่งได้หรือไม่” ซูเจินจูพูดยังไม่ทันจบ เฟยหลันก็เอาตัว

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   46

    การค้าของร้านหว่านลี่เซียงเต็มไปด้วยความราบลื่น ที่ควรขายได้ขาย ที่ควรสงบก็สงบ กว่าลูกค้าคนสุดท้ายจะออกจากร้านก็เป็นยามโหย่ว หลังจากปิดร้าน เหล่าคนงานที่หมดแรงมานั่งรวมกันอยู่ที่กลางร้าน ซูเจินจูลากเก้าอี้มานั่งก่อนจะขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการเปิดร้านวันแรกจนทุกอย่างผ่านไปด้วยดี วันนี้ถุงหอมขายได้หกร้อยหกใบ เป็นเงินหนึ่งหมื่นสองพันหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง การขายได้จำนวนมากตั้งแต่วันแรกนับเป็นเรื่องดีแต่ซูเจินจูกังวลว่าหากขายดีเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆคงไม่สามารถผลิตมาขายได้ทันสี่เสวี่ยรับหน้าที่สอนเยว่ชิงวาดลายผ้าและผสมสีผ้าไหมหอมหมื่นลี้ เมื่อเชี่ยวชาญแล้วเยว่ชิงจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลผ้าไหมหอมหมื่นลี้พวกนี้แทนสี่เสวี่ย อีกทั้งสี่เสวี่ยยังต้องคุมคนงานเย็บปัก และติดป้ายรับสมัครหญิงสาวที่เชี่ยวชาญงานเย็บปักมาปักถุงหอมหมื่นลี้ที่ร้านหว่านลี่เซี่ยงด้วยเฟยหรงและเฟยเมี่ยวที่เพิ่งได้ข่าวพรรคพวกอีกหนึ่งคนด้วยเห็นว่าพรรคพวกที่เจอนั้นถูกซื้อตัวไปด้วยชายชราที่อยู่กับหลานชายหนึ่งคนบนกระท่อมบนเขา นางไม่ได้ลำบากหรือโดนทำร้ายจึงพักการติดต่อแล้วหันมาช่วยซูเจินจูดูแลร้านหว่านลี่เซียงไปก่อน“เอาล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status