Share

บทที่ 2

last update Huling Na-update: 2025-04-03 11:28:42

โอ้ย.. เจ็บหัว เจ็บหน้าผาก ทำไมเจ็บที่หน้าผากล่ะ??? อ่า จำได้ว่าตอนที่ขับเครื่องบินชมวิวอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย ระหว่างข้ามน้ำตกไนแองการ่าฉันถูกตีที่ท้ายทอย ผู้ชายคนนั้น อดีตนายตำรวจใหญ่บิดาของจางเหว่ยซ่อนตัวอยู่บนเครื่องบิน กลับมาล้างแค้นสินะ หึหึ สุดท้ายก็ต้องตายด้วยน้ำมือฉันอยู่ดี สิบกว่าปีก็ยังคงรอคอยเพื่อแก้แค้นฉัน ทำอะไรฉันตอนอยู่ในประเทศจีนไม่ได้ก็ลอบติดตามมาทำร้ายฉันถึงแคนนาดา ยอมแลกชีวิตเพื่อแก้แค้นให้ลูกสาวเพียงคนเดียวที่ถูกฉันเฉือนเนื้อเถือกระดูกคนนั้น..

ฮ่าๆ ฉันรอดชีวิต ตกมาจากความสูงขนาดนั้น ตกลงมากลางมหาสมุทร นี่ฉันรอดมาได้ยังไงนะ หรือว่าลอยมาติดเกาะ?

ขณะที่เฟิงซือจูลืมตาลำแสงสีส้มยามเย็นลอดผ่านขอบหน้าต่างเข้ามา ยังไม่ทันสังเกตสถานที่นี้ให้ชัด ความเจ็บปวดรุนแรงที่ศรีษะก็ถาโถมเข้ามา เมื่อทนความเจ็บปวดไม่ไหวก็สลบไปอีกครั้ง

จวบจนเช้าอีกวัน เมื่อเฟิงซือจูลืมตาขึ้นก็ต้องประหลาดใจกับสถานที่ตรงหน้า ที่นี่ที่ไหน ไม่ใช่โรงพยาบาลเหรอ นั่น นั่น! โต๊ะเครื่องแป้งแบบโบราณ? ชุดโต๊ะไม้แดงกลางห้อง? ตู้เสื้อผ้าแบบเตี้ยสองบานพับ? เชิงเทียนรูปทรงแปลกๆนั่น? … นี่มันเฟอร์นิเจอร์จีนโบราณเหรอ แม่เจ้าโว้ย! เจ้าของที่นี่คงใช้ความพยายามไม่น้อยเลยสินะที่ย้ายเฟอร์นิเจอร์จีนแท้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงที่นี่ได้

เอ่อ .. แล้วชุดนี้นี่มันยังไงนะ ต้องคลั่งพีเรียดจีนขนาดไหนถึงได้จัดคอสตูมแปลกประหลาดนี้ให้คนป่วยอย่างเธอใส่กัน

“มีใครอยู่ไหมคะ?” เฟิ่งซือจู เอ่ยถามขณะเปิดประตูออกไปข้างนอก แม้แต่พื้นก็ยังเป็นหินประตูก็ยังทำขื่อทำคานเหมือนบ้านทรงจีนโบราณไม่มีผิด เห้อ ไม่รู้ว่านางนอนอยู่ที่นี่นานแค่ไหน ยังไงซะก็รีบตอบแทนน้ำใจแล้วย้ายตัวเองไปโรงพยาบาลตรวจร่างกายสักหน่อยดีกว่า ตกมาจากเครื่องบินแบบนั้น รอดมาได้ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์ชัดๆ

“คุณหนูสี่ คุณหนูสี่ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”

“อ๊ะ สี่เสวี่ย” สี่เสวี่ย นี่ฉันรู้จักคนคนนี้ด้วยเหรอ นี่มันอะไรกัน

“คุณหนู บ่าวจะไปตามฮูหยินรองนะเจ้าคะ” เสียงร้องทักด้วยความดีใจของหญิงสาวตรงหน้ากลับทำให้เฟิงซื่อจูรู้สึกปวดหัวขึ้นมากระทันหัน

“โอ้ยย!!” เสียงร้องสั้นๆของเฟิงซือจูทำให้สี่เสวี่ยชะงักเท้าหันกลับมารีบผยุงนางให้กลับมานอนที่เตียง ปากเรียกคุณหนูตะกุกตะกัก ด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะวิ่งออกไปพลางตะโกนให้ตามหมอ เมื่อสิ้นเสียงของสี่เสวี่ย ความทรงจำขุมหนึ่งได้แล่นเข้ามาในหัวของเฟิงซือจูอย่างกระทันหัน การรับข้อมูลมากมายทำให้นางสับสนอยู่เป็นเวลานาน จวนจนหมอที่เข้ามาดูอาการจากไปแล้วนางยังทำใจรับเรื่องที่เกิดขึ้นนี่ไม่ได้

นี่มันเรื่องอะไรกัน นางจำได้ว่านางคือเฟิงซือจู แต่ความทรงจำอีกก้อนนึงที่ผุดขึ้นมา นางกลายเป็นคุณหนูสี่ตระกูลซู ซูเจินจู ตระกูลซู ตระกูลพ่อค้า ค้าผ้าและหนังสัตว์ เริ่มตั้งตัวได้หลังจากที่ท่านปู่และท่านพ่อของร่างนี้มาบุกเบิกเปิดร้านค้าผ้าที่แถบชายแดน

ก่อนหน้านี้ด้วยรับมอบหมายจากบิดาให้ผูกสัมพันธ์ฮูหยินหลินแห่งจวนนายอำเภอเหอ นางจึงได้นำผ้าของที่ร้านไปส่งให้ฮูหยินเลือกถึงที่จวนนายอำเภอ ในเวลานั้นลูกชายนายอำเภอ หลินเฮงฉวน กำลังจิบชา ต่อกลอน ท่องกวีอยู่กับเหล่าสหายบัณฑิตอยู่ที่ศาลาในสวน หลินเฮงฉวนเป็นชายหนุ่มรูปงามวัยสิบเจ็ดปี เป็นที่หมายปองของสตรีแทบทั้งอำเภอ คิ้วกระบี่ ตาอินทรีย์ จมูกโด่งรับริมฝีปากบาง ผิวขาวราวสตรี ท่วงท่า กริยาเหมาะสมกับที่ถูกอบรมมาในจวนเจ้าเมือง ดูเข้มแข็งแต่ก็อ่อนน้อมอยู่ในทีใครเห็นก็เป็นเป็นอันสะดุดตา ยิ่งอยู่รวมกับเหล่าบัณฑิตยิ่งทำให้น่ามอง ซูเจินจูหรือจะสู้ประกายอันเจิดจ้าของเหล่าบัณฑิตไหว ยืนเหม่อลอยจนไม่ทันสังเกตว่าหลินเฮงฉวนเข้ามาใกล้ รู้สึกตัวอีกทีก็กอดหลินเฮงฉวนตกลงไปในสระน้ำข้างศาลานั่นเอง การถูกเนื้อต้องตัวกันของบุรุษสตรีเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องเสื่อมเสียเกียรติทั้งบุรุษสตรี หากไม่เกิดการรับผิดชอบขึ้น บุรุษถือว่าไร้ความรับผิดชอบส่งผลต่อการเข้ารับตำแหน่งขุนนาง สตรีถือว่ามีมลทินมิอาจแต่งออกให้ผู้ใดอีก

ตระกูลหลินมีหรือจะอยากตบแต่งซูเจินจูที่เป็นเพียงบุตรีอนุตระกูลพ่อค้า สุดมือเอื้อมมิอาจเอื้ออาทร เพราะไม่อาจให้ลูกชายเพียงคนเดียวรับอนุก่อนการตบแต่งภริยาเอกได้ ไมตรีเดียวจากจวนนายอำเภอคือรับนางไปเป็นสาวใช้อุ่นเตียง

ซูเจินจูเองก็เป็นเพียงลูกอนุ ถึงแม้คนในเรือนจะเรียกแม่ของนางว่าฮูหยินรอง แต่ความแตกต่างนั้นนางเองก็เห็นเต็มตาและสัมผัสได้มาตลอดระยะเวลาสิบสามปี ให้เข้าจวนในฐานะอนุยังต้องคิดแล้วคิดอีกไม่ต้องพูดถึงว่าไปเป็นสาวใช้อุ่นเตียงนางจะขัดขืนถึงเพียงไหน

บิดาของซูเจินจู ซูเป่า แต่เดิมคิดใช้ลูกสาวไต่เต้าเพิ่มความสนิทสนมกับจวนนายอำเภอ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการให้เจินจูเป็นเพียงสาวใช้อุ่นเตียงก็คิดอุบายวัยปักปิ่น หวังให้หลินเฮงฉวนยกขบวนหมั้น รออีกสองปีค่อยปล่อยลูกสาวเข้าจวน สองปีเพียงพอที่จะใช้ชื่อเสียงจวนนายอำเภอสร้างชื่อเสียงเงินทองแก่ตระกูลซู แต่คิดไม่ถึงว่า นายอำเภอหลินอู่ช่างเคี้ยวยาก ส่งพ่อบ้านมาแจ้งว่า เมื่อซูเจินจูอายุสิบห้าเมื่อใด ค่อยเก็บเสื้อผ้าเดินด้วยเท้าของตนเองเข้าจวนนายอำเภอ

ปากใดจะยื่นยาวเท่าปากคน ถูกเนื้อต้องตัวบุรุษอีกทั้งตัวยังเปียกน้ำจนรูปร่างอรชรปรากฏแก่สายตาเหล่าบัณฑิต ไม่ต้องให้คนนอกนินทาตัวนางเองก็รู้ว่าน่าอดสูเพียงใด เข้าจวนนายอำเภอก็เป็นเพียงสาวใช้อุ่นเตียงมีหรือจะหนีพ้นคำนินทากับสายตาเหยียดหยาม นางกอดความอดสูทั้งหมดพุ่งชนเสาหวังเพียงหยุดเสียงกร่นด่า สาปแช่ง และคำพูดถากถางทั้งหมดไว้เพียงเท่านี้..

ร่างของซูเจินจูฟื้นขึ้นมาสามวันแล้ว แต่ละวันที่ผ่านไปซูเจินจูเพียงกินและนอนไม่ออกจากห้อง

“อาจู เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าอย่าทำให้แม่เป็นห่วงถึงเพียงนี้ เมื่อหายดีแล้วเจ้าก็เข้าไปร้านผ้าหน่อยเถอะ เจ้าไม่เข้าไปนานๆแม่ไม่วางใจ” น้ำเสียงของมี่ซิ่นเจือความลำบากใจ นางมีเจินจูเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว ฐานะภรรยารองที่ไม่มั่นคงรวมกับการที่นางไม่สามารถคลอดบุตรชายให้ตระกูลซูได้ นางไม่ไว้ใจให้ลูกสาวหยุดงานที่ร้านนานๆ

เมื่อเห็นว่าซูเจินจูยังคงนั่งเงียบๆฟังนาง มี่ซิ่นก็เกลี้ยกล่อมต่อทันที

“อาจู เชื่อแม่เถอะ เป็นสาวใช้อุ่นเตียง อย่างไรเสียก็เป็นเตียงบุตรชายนายอำเภอ ถึงทุกวันไม่ได้นอนร่วมห้องแต่อย่างน้อยก็ได้อยู่ข้างห้อง ข้าวของเครื่องใช้ก็เป็นข้าวของที่จวนนายอำเภอใช้ อยู่ดี กินดี ได้ร่วมชายคาคุณชายหลิน ผู้หญิงทั้งเมืองจะมีใครไม่อิจฉาเจ้า วันหนึ่งเมื่อเจ้าคลอดบุตรชายตัวอ้วนๆได้ ฐานะของเจ้าก็จะมั่นคงขึ้นเอง อาศัยที่ตอนนี้คุณชายหลินยังไม่แต่งภรรยาเอก เจ้ารีบรวบรัด มีทายาทคนแรกให้ตระกูลหลิน อีกหน่อยคุณชายหลินแต่งฮูหยินก็ยังต้องเห็นแก่หน้าลูกของเจ้า”

“..”

“อาจู มองไปทั่วหล้า จะหาคนที่ดีพร้อมอย่างคุณชายหลินก็คงไม่มีอีกแล้ว ชายหนุ่มที่รูปโฉมงดงาม การกระทำไม่ด่างพร้อย เกิดมาก็ใช้ชีวิตอยู่บนกองเงินกองทอง ข้ารับใช้บริวารเต็มจวน เส้นสายรึก็มากมาย ต่อไปสอบเคอจวี่ก็จะได้เป็นขุนนางสร้างชื่อเสียงวงศ์ตระกูล หากเจ้าไม่รีบปีนขึ้นเตียงเขาตอนนี้ แม่เองก็ไม่เห็นว่าเตียงของคุณชายหลินจะว่างให้เจ้าปีนอีกตอนไหน”

“ท่านออกไปเถอะ ข้าจะพักผ่อน” เสียงของซูเจินจูเต็มไปด้วยความเย็นชา ห่างเหินจนมี่ซิ่นแปลกใจ ลูกของนางแต่ไหนแต่ไรก็เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังนางทุกเรื่อง ไฉนพอมาถึงเรื่องคู่ครองถึงได้คิดสั้นแถมยังเย็นชากับนางถึงเพียงนี้

‘เฮงซวย!! ตรรกะพังๆนี่มันอะไรกัน ร่างกายนี้เพิ่งอายุสิบสามก็จะให้นางไปปีนเตียง ไปคลอดลูก เห็นนางเป็นหมูรึไง แม้แต่หมูยังมีศักดิ์ศรีมากกว่านี้เลย’

แต่จะให้กินๆนอนๆอยู่เฉยๆแบบนี้ต่อไปก็คงไม่ดี ไม่สู้ไปหาทางหนีทีไล่ข้างนอกก่อนดีกว่า หากที่นี่อยู่ไม่ได้ ก็ออกเดินทางไปอยู่ที่อื่น ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวต่อจากชาติที่แล้วละกัน

แต่เอ๊ะ ถ้าหากวิญญาณกลับคืนร่างเดิมได้ล่ะ!!!

เฟิงซือจูล้มตัวลงนอน รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนหน้า นางต้องกลับไปได้แน่ๆ ขอเพียงนอนหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็จะได้กลับไปยังชีวิตเดิมของนาง...

.

..

สองวันถัดมา...

“เจินจูเอ๋อร์ เจ้าหลับอยู่หรือไม่ คุณชายหลินเฮงฉวนมาหาเจ้า” เสียงหวานของสตรีเจือความเขินอายดังขึ้นในยามซื่อ

“น้องพี่ หากตื่นแล้วก็รีบผลัดชุดเถอะ ข้ากับคุณชายหลินจะไปรอเจ้าที่ศาลาในสวน”

“....” เหอะ ยามซื่อ แต่ถามว่าหลับอยู่หรือไม่ คนบ้านนี้คิดว่าข้าเป็นหมูจริงๆสินะ

นี่ก็วันที่ห้าแล้ว ดูท่าว่านางจะกลับไปยังชาติที่แล้วไม่ได้อีก หลายวันที่ผ่านมา เฟิงซือจูหวังเพียงว่าเมื่อตื่นมาอีกครั้ง นางจะจากที่นี่ไป แต่รอแล้วรอเล่า วิญญาณของนางก็ยังติดแหง่กอยู่ในร่างกายนี้ ยิ่งคิดขึ้นมาได้ว่าชาติก่อนนางตายเพราะตกจากเครื่องบินลงมาในมหาสมุทรต่อให้วิญญาณนางออกจากร่างนี้ได้ก็คงไม่มีร่างกายไหนให้กลับได้อีก นางเลิกคิดที่จะออกจากร่างนี้แล้ว เลือกที่จะใช้ชีวิตผ่านร่างกายนี้ของซูเจินจูดีกว่ากลายเป็นผีเร่ร่อน

“คุณชายหลิน นี่คือชาฟู่โช่ว ท่านอาของข้าเพิ่งได้มาจากชนเผ่าทางตะวันออก ลองชิมดูนะเจ้าคะ” เสียงอ่อนหวานเจือความเขินอายนี้ช่างเป็นเอกลักษณ์นัก ไม่รู้ว่าจะมีบุรุษใดได้ฟังแล้วเมินผ่านไปได้

“รสชาติเจือจาง แต่กลิ่นช่วยผ่อนคลาย นับเป็นชาดี”

“เป็นเพียงชาทั่วไป แค่เพียงแปลกใหม่เท่านั้น หนี่ว์เออร์ขายหน้าคุณชายแล้ว” ซูหนี่ว์ส่งยิ้มเอียงอาย พลางบิดผ้าเช็ดหน้าในมือน้อยๆ ดูน่ารักสมวัยเด็กสาวที่กำลังตกอยู่ในห้วงรัก เมื่อช้อนตาขึ้นมาพบกับรอยยิ้มที่หลินเฮงฉวนส่งมาให้หัวใจของซู่หนี่ว์ก็เต้นไม่เป็นจังหวะ น่าเสียดายเหลือเกินที่คนที่ไปส่งผ้าวันนั้นไม่ใช่นาง ไม่ใช่นั้น ด้วยฐานะของนางคงแต่งเข้าจวนผู้ว่าได้อย่างสง่าผ่าเผยเป็นแน่

ซูหนี่ย์ คุณหนูใหญ่ตระกูลซู บุตรสาวของซูเป่าที่เกิดจากภรรยาเอกเหมยหลิน แต่เดิมนางก็เกลียดซูเจินจินที่มีรูปโฉมงดงามกว่าตนและยังได้รับความไว้ใจจากบิดาให้เข้าไปทำงานที่ร้านผ้าซูเตี้ยน แม้แต่ผู้ชายที่ตนหมายปองก็ยังถูกนังแพศยานั่นวางอุบายบังคับให้คุณชายหลินต้องรับเข้าจวน ปีนี้นางอายุสิบหกแล้ว เป็นช่วงวัยที่สมควรออกเรือนแล้ว หากนางยังชักช้ากว่านี้คงได้ได้เป็นสาวแก่ขึ้นคานเป็นแน่ แต่นางหมายมั่นไว้ตั้งแต่เจอคุณชายหลินครั้งแรกเมื่อสามปีก่อนแล้วว่าจะแต่งให้คุณชายหลินเท่านั้น ฮูหยินซูก็เห็นดีเห็นงาม อย่างไรเสีย ทั้งอำเภอนี้ก็มีเพียงคุณชายหลินเท่านั้นที่คู่ควรกับซูหนี่ย์

“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คุณหนูสี่ให้มาเรียนว่า นางไม่สบาย ไม่พร้อมรับแขก เชิญคุณชายหลินกลับไปก่อนเจ้าค่ะ”

“เหลวไหล เมื่อวานก็ยังดีๆอยู่ จะมาแง่งอนใส่คุณชายเป็นเด็กเล็กๆได้ซะที่ไหน เจ้าลองไปตามนางอีกสักครั้งเถอะ บอกนางให้ออกมาต้องรับคุณชายหลิน อย่าทำตัวเป็นสตรีไม่รู้ความให้อับอายคุณชายเลย” ยังไงซะ แค่คำพูดตำหนิเพียงเล็กน้อยนี่ก็พอทำให้คุณชายหลินคิดได้แล้วว่าไม่ควรรับนางแพศยานั่งเข้าจวน คิดจะแย่งผู้ชายกับข้า ฝันไปเถอะนังตัวดี

“ไม่เป็นไร หากนางป่วยก็ให้นางพักเถอะ ข้าฝากเจ้าบอกนางว่า ข้า หลินเฮงฉวน เป็นลูกผู้ชาย กล้าทำ กล้ารับ หากนางเห็นว่าตำแหน่งสาวใช้อุ่นเตียงของข้าไม่เหมาะสม ข้าเองก็จนใจ เพียงแต่ให้นางคิดด้วยว่าการกระทำของนางไม่เหมาะสมยิ่งกว่า หากนางคิดได้แล้ว ให้นางแจ้งไปที่จวนนายอำเภอ ข้าจะส่งเกี้ยวสี่คนหาบมารับนางเข้าจวน หากนางยังไม่รู้ความคิดฆ่าตัวตายทำลายชื่อเสียงข้า เห็นทีที่นี่คงมีร้านผ้าจากเมืองหลวงมาเปิดเพิ่มแต่ร้านจะมีจำนวนมากสักเท่าไร ข้าเองก็คงบอกล่วงหน้าไม่ได้!!”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   51

    นายน้อยหงพาซูเจินจูเดินชมสินค้าภายในร้าน สินค้าหลากหลายแต่เต็มไปด้วยของชั้นดี สินค้ามากมายที่ได้มาจากต่างแคว้น สินค้าหลายอย่างเป็นของที่ได้มาจากชนเผ่าต่างๆ หนังสัตว์ที่ผ่านการฟอกหนังมาอย่างดี ขนสัตว์หายากอย่างพวกจิ้งจอกแดงหรือขนหมาป่าสีขาวก็สามารถหาซื้อได้ที่นี่ หนังเสือ หนังหมี หรือแม้แต่เขากวาง เขี้ยวเสื้อ ก็ถูกนำมาตั้งแสดงสินค้า ยิ่งเห็นว่าร้านฟู่หงเทียนมีสินค้าชั้นดีเท่าใดซูเจินจูก็ยิ่งตระหนักได้ถึงอิทธิพลของเจ้ากรมอาภรณ์ ร้านค้าขนาดสี่ห้องกว้างขวางเกินกว่าจะดูได้อย่างละเอียดทั้งหมด แม้ซูเจินจูจะพยายามเดินดูจนทั่ว แต่ด้วยประกอบกับนายน้อยหงที่คอยอธิบายสิ่งต่างๆภายในร้านอย่างใส่ใจทำให้กินเวลายาวนานเกือบสามชั่วยาม“อีกสองวันถึงจะเป็นงานเปิดรับศิษย์ของสำนักต่อสู้ พรุ่งนี้คุณหนูซูอยากไปที่ใดหรือไม่ ข้าจะพาท่านไปเอง”“ไม่รบกวนนายน้อยเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะพาคนของข้าไปเดินเล่นในเมือง เพียงเดินเล่นไปเรื่อยๆมีจุดหมายใด”“เช่นนั้นข้าจะให้คนคุ้มกันของข้ามาดูแล”“ข้าคงต้องเสียมารยาทปฏิเสธเสียแล้ว หลิวหยาง จางหมิ่นของข้าคงเพียงพอจะปกป้องข้าได้ อย่าให้ข้าทำให้นายน้อยหงต้องเป็นกังวลเลยเจ้าค่ะ”“เช

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   50

    วันถัดมาในยามเฉิน เฟยอวี่เข้ามาหาซูเจินจูเพื่อรายงาน“คุณหนู บ่าวสืบข่าวมาได้เล็กน้อยเจ้าค่ะ พ่อค้าต่างแคว้นหลายคนเร่งเดินทางเข้าเมืองหลวง ของมีค่าหลายอย่างถูกขนเข้าเมืองหลวงผ่านขบวนขนสินค้า จุดหมายคือตรอกถงยู่ ที่เป็นแหล่งจัดงานประมูลของตลาดมืด นี่เป็นของรายการของส่วนหนึ่งที่บ่าวได้มาจากบัญชีส่งสินค้าเจ้าค่ะ”“งานประมูลของตลาดมือหรือ น่าสนใจ เจ้ารู้เรื่องงานนี้ดีแค่ไหน”“บ่าวเคยได้ยินว่าเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อประมูลของหายาก มีทั้งโสมพันปี อาวุธต่างๆ หยกม่วง หินแร่ รวมถึงหัวของผู้ครองแคว้นก็เคยถูกนำมาประมูลเจ้าค่ะ การจะเข้าร่วมประมูลได้ต้องจ่ายเงินค่าเข้าคนละหนึ่งพันตำลึง และหากมีของที่ต้องการนำเข้าประมูลก็นำของไปประเมิณได้เช่นกันเจ้าค่ะ”“เจ้าทำงานได้ดีมาก พักสักหน่อยแล้วออกเดินทางไปรอข้าที่เมืองหลวง สืบข่าวเรื่องการประมูลให้ข้า และจองโรงเตี๊ยมที่ปลอดภัยที่สุดเอาไว้ให้เพียงพอกับคนของเรา ข้าจะพาสี่เสวี่ย เฟยหลัน เฟยหรง เฟยเมี่ยว หลิวหยาง จางหมิ่นไป”“บ่าวรับคำสั่งคุณหนูเจ้าค่ะ” เฟยอวี่รับตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงจากซูเจินจูก่อนจะออกจากห้องไป คล้อยหลังเฟยอวี่ออกไปไม่ถึงหนึ่งเค่อซูเจินจูก็ตรง

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   49

    “เฟยอวี่ การเข้าเมืองหลวงต้องใช้ป้ายผ่านเข้าเมืองด้วยหรือ”“จริงๆแล้วไม่ต้องใช้เจ้าค่ะคุณหนู แต่ชาวบ้านทั่วไปหากต้องการผ่านเข้าเมืองหลวงจะต้องเสียอีแปะเป็นค่าผ่านทางให้กับทหารเฝ้าประตู เสียเยอะหรือเสียน้อยแล้วแต่ว่าผู้เฝ้าประตูเป็นใคร ส่วนป้ายผ่านเข้าเมืองเป็นเพียงชื่อเรียกเท่านั้นเจ้าค่ะ ในความเป็นจริงแล้วป้ายพวกนี้มีขึ้นเพื่อให้คนมีเส้นสายสามารถผ่านเข้าออกเมืองโดยไม่ต้องเสียอีแปะ ไม่ต้องต่อแถว ไม่ต้องตรวจค้นสัมภาระอย่างละเอียดและได้รับความเคารพจากทหารเฝ้าประตู รวมถึงป้องกันไม่ให้พวกทหารสร้างปัญหากับพวกคนรวยและขุนนางด้วยเจ้าค่ะ”“อ่อ แค่ยื่นป้ายออกไปก็ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วยแล้วสินะ ช่างดีจริงๆ”“นายน้อยหงคงเหลือเส้นสายอยู่ไม่น้อยถึงขนาดใจกว้างทำป้ายให้คุณหนูได้ง่ายๆ”“เขาเห็นข้าเป็นโอกาสที่จะช่วยร้านผ้าฟู่หงเทียนกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งต่างหาก เจ้าไปเตรียมตัวเถอะ ออกไปสืบข่าวดูสักหน่อยก็ได้ ไปเมืองหลวงครั้งนี้ข้าจะพาเจ้า สี่เสวี่ย หลิวหยาง จางหมิ่น เฟยหรง เฟยเมี่ยว และเฟยหลันไปด้วย บอกเพ่ยเพ่ยกับเยว่ชิงเสียแต่เนิ่นๆให้นางได้เตรียมตัวจัดการงานและดูแลเรื่องต่างๆทั้งหมดที่นี่ตอนที่พวกเรา

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   48

    “พ่อหนุ่มเจิ้งผู้นี้ดูมีลับลมคมในเหลือเกินนะเจ้าคะ จะว่าไปพ่อหนุ่มเจิ้งเองก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องของตน แม่แต่แซ่ก็ไม่บอก ชื่อเจิ้งก็ไม่รู้ว่าใช่ชื่อจริงหรือไม่”“นั่นสิเจ้าคะคุณหนู คุณหนูเองก็แปลกนัก แค่พ่อหนุ่มเจิ้งบอกจะมาด้วยก็ปล่อยให้มา บอกจะไปก็ไม่ถามไถ่สิ่งใดสักคำ”“ช่างเขาเถอะ เพียงแค่ไม่มีพิษภัยกับพวกเราก็พอแล้ว เรื่องอื่นๆรู้มากไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี”“เจ้าค่ะคุณหนู”ซูเจินจูพาเจียงไป๋ไปยังห้องที่เจียงชิงนอนอยู่และให้ซินเซียงยกที่นอนอีกหนึ่งอันมาวางข้างเตียงเพื่อให้พี่น้องได้นอนห้องด้วยกัน“เจ้านอนห้องเดียวกันไปก่อน ช่วงนี้ก็คอยดูแลนาง ข้างๆห้องเจ้าคือห้องของชิงหยุน มีอะไรก็ไปหานางได้ สี่เสวี่ยเจ้าไปบอกให้ซินเซียงหาอะไรให้เด็กนี่กินเสียหน่อยเถอะ”“เจ้าค่ะคุณหนู”เจียงไป๋มองคนทั้งหมดทยอยออกจากห้องไปก่อนจะหันกลับมานั่งข้างเตียงของเจียงชิง“พี่สาว ท่านรีบตื่นขึ้นมานะ…”... เช้าวันต่อมาซูเจินจูเดินทางเข้าร้านหว่างลี่เซียงพร้อมเฟยหลันตั้งแต่ยามเฉิน กิจการของร้านหว่านลี่เซียงเป็นไปด้วยดี คนที่ดูเหมือนจะทะเลาะกับผู้อื่นได้ง่ายๆอย่างเพ่ยเพ่ยกลับทำงานได้อย่างสงบเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นก

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   47

    “มองอะไร พวกเจ้ามองอะไร ไอ้พวกไม่รู้เรื่องรู้ราว เด็กมันมีวาสนาได้ช่วยเหลือสกุล เลี้ยงมันต่อไปก็ไม่ใช่ว่ามันจะหาเงินให้ข้าได้ถึงยี่สิบตำลึงเสียเมื่อไหร่ ต้องมากินข้าวบ้านข้านอนบ้านข้าไม่สู้ไปกินบ้านอื่นนอนบ้านอื่นแล้วยังได้เงินรึ แล้วเงินที่มันถืออยู่ไม่ใช่ว่าขโมยของข้าไม่หรือไงเด็กอย่างพวกมันจะเอาปัญญาหาเงินมากมายขนาดนี้ได้ที่ไหน เอาเงินข้าคืนมานะไอ้พวกเด็กตัวเหม็น”“ท่านย่านี่เป็นเงินที่พี่สาวหามาได้ ไม่ได้ขโมยเงินของท่าน”“นั่นมันเงินโชคดีที่แม่หนูเจินจูแจกไม่ใช่หรือ บ้านข้าก็ได้มาสองพวง ไหมถักแบบนั้นรูปทรงแบบนั้น ข้าจำไม่ผิดหรอก” ชาวบ้านที่มุงดูอยู่พูดขึ้น“ใช่ ข้าเองก็จำได้ นั่นมันพวงเงินที่แม่หนูเจินจูแจกเมื่อวันเกิด” หัวหน้าหมู่บ้านหวังสำทับขึ้น ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ต่างเคยได้รับพวงเงินโชคนี้ทุกคนล้วนเป็นพยายานให้เด็กน้อยว่าเขาไม่ได้ขโมยเงินของแม่เฒ่าเจียง“เหอะ เอาเข้าบ้านข้าก็ต้องเป็นของข้านั่นแหละ อาไป๋ เข้าบ้าน เหม่ยเหมย เสี่ยวเจี๋ยลากนังเด็กชิงเข้าบ้าน”“แม่เฒ่าเจียง รอเดี๋ยวก่อนเถอะ ข้าขอเจรจาเรื่องเด็กสองคนนี้สักประโยคหนึ่งได้หรือไม่” ซูเจินจูพูดยังไม่ทันจบ เฟยหลันก็เอาตัว

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   46

    การค้าของร้านหว่านลี่เซียงเต็มไปด้วยความราบลื่น ที่ควรขายได้ขาย ที่ควรสงบก็สงบ กว่าลูกค้าคนสุดท้ายจะออกจากร้านก็เป็นยามโหย่ว หลังจากปิดร้าน เหล่าคนงานที่หมดแรงมานั่งรวมกันอยู่ที่กลางร้าน ซูเจินจูลากเก้าอี้มานั่งก่อนจะขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการเปิดร้านวันแรกจนทุกอย่างผ่านไปด้วยดี วันนี้ถุงหอมขายได้หกร้อยหกใบ เป็นเงินหนึ่งหมื่นสองพันหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง การขายได้จำนวนมากตั้งแต่วันแรกนับเป็นเรื่องดีแต่ซูเจินจูกังวลว่าหากขายดีเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆคงไม่สามารถผลิตมาขายได้ทันสี่เสวี่ยรับหน้าที่สอนเยว่ชิงวาดลายผ้าและผสมสีผ้าไหมหอมหมื่นลี้ เมื่อเชี่ยวชาญแล้วเยว่ชิงจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลผ้าไหมหอมหมื่นลี้พวกนี้แทนสี่เสวี่ย อีกทั้งสี่เสวี่ยยังต้องคุมคนงานเย็บปัก และติดป้ายรับสมัครหญิงสาวที่เชี่ยวชาญงานเย็บปักมาปักถุงหอมหมื่นลี้ที่ร้านหว่านลี่เซี่ยงด้วยเฟยหรงและเฟยเมี่ยวที่เพิ่งได้ข่าวพรรคพวกอีกหนึ่งคนด้วยเห็นว่าพรรคพวกที่เจอนั้นถูกซื้อตัวไปด้วยชายชราที่อยู่กับหลานชายหนึ่งคนบนกระท่อมบนเขา นางไม่ได้ลำบากหรือโดนทำร้ายจึงพักการติดต่อแล้วหันมาช่วยซูเจินจูดูแลร้านหว่านลี่เซียงไปก่อน“เอาล

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status