Share

บทที่ 3

กู้เหยียนโจวเป็นคนที่มาเปิดประตู เขาเหมือนอยากจะหลบหนีไปอย่างไงอย่างงั้น

หมิงซีบีบนิ้วมือเอาไว้แน่น ปรับอารมณ์ของตัวเอง และพยักหน้า “สวัสดีค่ะท่านประธานกู้”

จากนั้น เธอก็เดินผ่านเขาไปเพื่อนำเอกสารเข้าไปส่งด้านใน

หน้าโต๊ะทำงานสุดหรู ชายคนนั้นสวมชุดสูทมูลค่ามหาศาล ซึ่งทำให้เขาดูหล่อเหลาเป็นพิเศษ

แต่หมิงซีกลับดูออกว่า เสื้อผ้าชุดนี้ มันไม่ใช่ชุดที่เขาใส่เมื่อคืนนี้อย่างแน่นอน

เธอลดสายตาลง “ท่านประธานฟู่คะ รายงานการตลาดค่ะ รบกวนท่านประธานช่วยเซ็นหน่อยนะคะ”

ฟู่ซือเยี่ยนไม่มีการแสดงออกบนใบหน้าของเขาแต่อย่างใดในขณะที่เขาเซ็นชื่อและส่งคืน

เมื่อรับเอกสารมาแล้ว หมิงซีก็เดินออกไปทันที และพบว่ากู้เหยียนโจวที่มีสีหน้าแปลกๆยังคงยืนอยู่ที่ประตู

จนกระทั่งแผ่นหลังของหมิงซีได้เดินหายลับไปที่ประตูเข้าลิฟต์ เขาจึงได้พูดออกมาว่า “ชิป เสี่ยวหมิงซีคงไม่ได้ยินอะไรหรอกใช่ไหม?”

ดวงตาเรียวสวยของฟู่ซือเยี่ยนราบเรียบ และคำพูดของกู้เหยียนโจวก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเขาแต่อย่างใด

หมิงซีนั้นว่าง่ายมาโดยตลอด และไม่เคยแสดงอาการหึงหวงออกมาเลยแม้แต่น้อย

ขอแค่เธอทำตัวดีๆไปตลอด เขาก็จะไม่ให้เธอต้องขาดทุนอย่างแน่นอน

ในลิฟต์

หมิงซีเงยหน้าขึ้น ไม่อยากปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา แต่น้ำตาก็ยังคงไหลออกมาจากหางตาของเธออยู่ดี และในไม่ช้าก็ไหลเข้าไปในหูของเธอแล้วหายไป

เธอคิดว่าสองปีนานพอที่เขาจะเห็นความรักและความดีของเธอแล้ว...

แต่ทุกอย่างก็เป็นเพียงสิ่งที่เธอคิดว่า...

แท้จริงแล้ว ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถเอาชนะการกลับมาของแฟนเก่าได้เลย

เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หมิงซีก็กลับมาเป็นปกติ แต่ใบหน้าของเธอซีดเกินไป

เธอกลั้นใจและเดินเข้าไปในห้องน้ำชา โดยอยากจะชงชาสักแก้วเพื่อปลุกตัวเองให้ตื่น

และเสียงพูดคุยของพนักงานหลายคนที่อยู่ข้างในก็ได้เข้ามากระทบกับใบหูของเธอ

“เห็นข่าวหรือยัง หลินเสวี่ยเวยกลับมาแล้วนะ”

“ใครเหรอ?”

“เธอไม่รู้จักเหรอ? เธอเป็นลูกสาวของบริษัทหลินกรุป และยังเป็นดีไซเนอร์ระดับสูงด้วยนะ และที่สำคัญที่สุดเธอยังเป็นแฟนสาวเพียงคนเดียวที่ท่านประธานของพวกเราเคยยอมรับ ฉันได้ยินมาว่าเธอคือรักแรกของท่านประธานเราเลยนะ!”

“มีข่าวลือออกมาว่าท่านประธานและผู้ช่วยหมิงมีอะไรกันไม่ใช่เหรอ?”

“เธอ? อย่างมากก็เป็นได้แค่เพื่อนนอนเท่านั้นแหละ ท่านประธานไม่ยอมรับเสียด้วยซ้ำ ไม่เห็นหรือว่าเธอฝันเฟื่องขนาดไหน ทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นคนสำคัญงั้นแหละ โง่จะตายไป!”

หมิงซีกระตุกริมฝีปากและหัวเราะอย่างประชดประชันออกมา เพราะรู้สึกว่าใครๆก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนกว่าเธอทั้งนั้น

มีเพียงเธอคนเดียวที่ยังหลงใหลได้ปลื้มอยู่แบบนี้

“โอ๊ะโอ๋ คุณนายท่านประธานตื่นจากฝันหรือยังคะ?”

เสียงหัวเราะเยาะดังแว่วมาจากด้านหลัง และคนที่เข้ามาคือซ่งซินลูกพี่ลูกน้องของฟู่ซือเยี่ยน ซึ่งมักจะขัดแย้งกับเธอมาโดยตลอด

คิดว่าเธอคงเคยได้ยินเรื่องซุบซิบจากพนักงานข้างในมาบ้างแล้ว

หมิงซีไม่อยากขัดแย้งกับเธอในบริษัท เธอจึงหันกลับและคิดจะเดินออกไป แต่กลับถูกซ่งซินขวางเอาไว้เสียก่อน

เธอถือกาแฟที่เพิ่งจะได้รับมา และพูดเหน็บแนมขึ้นมาว่า “ตอนนี้พี่เสวี่ยเวยกลับมาแล้ว เธอคิดว่าพี่ซือเยี่ยนยังจะนอนกับผู้หญิงต่ำๆอย่างเธออยู่อีกงั้นเหรอ?”

เมื่อเห็นว่าหมิงซีไม่สนใจ ซ่งซินก็ยังคงเยาะเย้ยถากถางต่อไป

“ให้ฉันช่วยแนะนำตาแก่ให้สักสองสามคนเอามั้ยล่ะ? ยังไงเสียฝีมือของเธอก็ดีขนาดนั้น นอนกับใครก็มีค่าเท่ากันแหละ”

หมิงซีแอบกำหมัดเอาไว้แน่น แล้วพูดอย่างเย็นชาออกมาว่า “ที่นี่คือบริษัท ไม่ใช่สถานเริงรมย์ ถ้าคุณซ่งอยากจะทำการซื้อขายก็เชิญไปที่อื่นจะดีกว่านะคะ”

“เธอ...!”

นังสารเลวคนนี้กำลังหลอกด่าเธอว่าเป็นแมงดาอยู่

และสีหน้าของซ่งซินก็เปลี่ยนไปทันที

จู่ๆเธอก็สาดกาแฟร้อนๆไปที่หมิงซีอย่างเต็มแรง

หมิงซีไม่คิดว่าเธอจะบ้าได้ขนาดนี้ เธอรีบยื่นมือออกไปขวางเอาไว้ และกาแฟร้อนทั้งแก้วก็ได้ลวกแขนของเธอ จนผิวที่ขาวสะอาดของเธอแดงขึ้นมาทันที

หมิงซีขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด แล้วตะคอกอย่างเดือดดาลออกมาว่า “เธอเกิดบ้าอะไรขึ้นมา?!”

โดยที่มันเป็นเวลาพักเบรกพอดี และมีพนักงานจำนวนไม่น้อยเลยที่รอดูความตื่นเต้นนี้ ซึ่งยิ่งทำให้ซ่งซินได้ใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

Kaugnay na kabanata

Pinakabagong kabanata

DMCA.com Protection Status