LOGINตอนพิเศษ 2ท่านพ่อข้าอยากได้น้องครอบครัวของหลี่เพ่ยจูได้เดินทางกลับสู่แดนใต้หลังจากมาอยู่ที่เมืองหลวงหลายเดือนแล้ว โม่ลี่อินที่ชอบหลี่เฟยหนี่ว์มากร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร เด็กน้อยไม่อยากกลับบ้านเสียแล้ว อยากจะอยู่เล่นกับน้องน้อยที่นี่"ฮือ ๆ ข้าไม่ยั่กกับ ข้ายั่กเล่นกับน้อล ฮือ ๆ" โม่ลี่อินร้องไห้จ้าไม่ยอมขึ้นรถม้าไปกับบิดาและมารดา นางยืนกอดป้าสะใภ้ที่อุ้มหลี่เฟยหนี่ว์อย่างน่าสงสาร เด็กน้อยไม่อยากจากไปไหนเลย"โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะอินเอ๋อร์ อีกไม่นานเราก็จะกลับมาที่นี่อีก ทว่าตอนนี้เราต้องกลับบ้านเสียก่อนนะ" หลี่เพ่ยจูพยายามหลอกล่อบุตรสาว "ไม่ ๆ อินเอ๋อร์ไม่ยั่กรอ อีกนานกว่าจะมาที่นี่ ฮือ ๆ""แต่ว่าอินเอ๋อร์จะต้องรีบกลับไปเตรียมห้องนอนให้น้องแล้วนะ ถ้าหากเรายังอยู่ที่นี่น้องของอินเอ๋อร์ก็จะไม่มีห้องนอนของตัวเองนะ" โม่ลู่หลิ่งก้มหน้าลงไปหาบุตรสาว เมื่อได้ยินเช่นนั้นโม่ลี่อินพลันตาโตแล้วหันไปมองมารดาทันทีด้วยความคาดหวัง"น้อลของอินเอ๋อร์หรือ ทั่นแม่มีน้อลแล้วหรือ""ใช่แล้ว ในท้องของแม่มีน้องของอินเอ๋อร์แล้วนะ" หลี่เพ่ยจูคลี่ยิ้มหวาน นางก้มตัวลงไปหาบุตรสาวด้วยรอยยิ้มกว้างเช่นเดียวกับสามีท
ตอนพิเศษ 1หลี่เฟยหนี่ว์หวงไป๋เฟิ่งที่เพิ่งคลอดบุตรสาวจำต้องอยู่ไฟเพื่อให้ร่างกายของนางปรับสมดุล ดังนั้นแล้วหลี่เหวินซานที่เป็นห่วงบุตรสาวมากจึงได้ทูลลาราชการกับฮ่องเต้เป็นเวลาหนึ่งเดือน โดยเขาจะใช้ช่วงเวลานี้ดูแลบุตรสาวที่ยังเล็กและภรรยาที่ยังคงอ่อนแอ ฮ่องเต้หวงลู่หลงเห็นแก่ความดีความชอบของเขาจึงได้ทรงอนุญาตนามของบุตรสาวผู้นี้เป็นหลี่เหวินซานกับหวงไป๋เฟิ่งที่ช่วยกันตั้ง โดยพวกเขาให้ชื่อบุตรสาวคนแรกว่า 'เฟยหนี่ว์' อันหมายถึงหญิงสาวแห่งการโบยบิน เพราะหวงไป๋เฟิ่งนั้นต้องการให้บุตรสาวของนางมีอิสระในการใช้ชีวิต โบยบินไปสู่โลกกว้างด้วยใจของนางเอง"พี่ใหญ่ได้เวลาป้อนนมหนี่ว์เอ๋อร์แล้วเจ้าค่ะ" หลี่ฉิงเซียวเดินเข้ามาในห้องด้านข้างที่อยู่ติดกับห้องของหวงไป๋เฟิ่ง ในตอนนี้นางได้ทำหน้าที่คอยดูแลพี่สะใภ้และเป็นดั่งพี่เลี้ยงให้กับหลานสาวด้วย"พี่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้หนี่ว์เอ๋อร์ก่อน" หลี่เหวินซานตอบกลับมาโดยที่มือคู่นี้ที่เอาแต่จับดาบฆ่าฟันศัตรูกำลังสาละวนกับการผูกผ้าอ้อมให้กับบุตรสาว ตั้งแต่ลางานมาเขาก็คอยดูแลบุตรสาวมิได้ห่าง ทั้งอาบน้ำ เช็ดอึ เช็ดฉี่ เปลี่ยนผ้าอ้อม แล้วยังกล่อมนางนอนบนอกของเขาด้ว
บทส่งท้าย แดนเหนือหลี่เหวินซานใช้เวลาเดินทัพเพียงหนึ่งเดือนกว่าก็มาถึงยังแดนเหนือ ทันทีที่เขามาถึงก็เข้าพบชินอ๋องเพื่อปรึกษาเรื่องการรบ การพบหน้าของพวกเขาครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในฐานะพ่อตาและบุตรเขย ก่อนหน้านี้ทั้งสองเคยพบหน้ากันมาแล้ว ทว่านั่นก็ผ่านมาหลายปีแล้วเช่นกัน"ข้าจะลอบไปทางภูเขาด้านนี้เพื่อตีชายแดนของพวกมันให้แตกราบคาบ ส่วนเจ้าก็อ้อมไปอีกทางตลบหลังพวกมันเสีย" หวงซือเหวินชี้มือไปตามแผนที่ที่กางอยู่บนโต๊ะ"แต่กระหม่อมคิดว่านี่จะเสี่ยงเกินไป ทั้งยังทำให้เสียไพร่พลไปเป็นจำนวนมากด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ""เช่นนั้นเจ้าคิดว่าจะทำเช่นไรเล่า" หวงจินหมิงเอ่ยถาม"กระหม่อมคิดว่าจะแบ่งกำลังทหารออกเป็นสี่ส่วน โดยจะต้องมีพลธนูไปด้วย เราจะใช้ธนูไฟเป็นโล่ในการบุกโจมตี แล้วจึงค่อยตีขนาบข้างเพื่อเลี่ยงความสูญเสียของฝั่งเราให้มากที่สุด อีกทั้งแคว้นอู๋นั้นชำนาญเรื่องการสู้รบบนที่ราบมากกว่าเรา กระหม่อมคิดว่าจะใช้ทหารเขี้ยวพยัคฆ์ที่ชำนาญด้านนี้เป็นทัพหน้าเพื่อประจัญบานกับพวกมัน ส่วนทหารของแดนเหนือที่เก่งเรื่องสู้รบบนที่สูงและชำนาญเส้นทางมากกว่าให้เป็นทัพหลัง คอยสนับสนุนจากบนที่สูงจะดีว่าพ่ะย่ะค่ะ" "อืม.
บทที่ 34ชดใช้"คุณหนูเอ่ยแค่นั้นก็เอามีดสั้นกรีดข้อมือเพื่อจบชีวิตลง ข้าตกใจมากจนทำสิ่งใดไม่ถูก คนที่คอยเฝ้าพวกเรารีบเข้ามาช่วยแล้วแต่ก็ไร้ผล คุณหนูได้จากไปด้วยความแค้นใจ...""มิใช่... นางจากไปเพราะยอมรับในชะตาของตนเอง นั่นมิใช่ความแค้นแต่เป็นการยอมรับและปลงในโชคชะตาของตัวเองต่างหากเล่า!" หวงไป๋เฟิ่งแก้ต่าง การกระทำของชุนอวิ๋นทั้งกล้าหาญและโง่เขลาในคราวเดียวกัน ถ้านางบอกความจริงกับท่านพี่เหวินซาน นางอาจจะไม่ต้องมาแบกรับเรื่องนี้เพียงผู้เดียว แต่ว่าตัวนางเองก็ไม่ได้ยืนอยู่ในจุดของชุนอวิ๋น บางทีชุนอวิ๋นอาจมีเรื่องราวมากมายที่ไม่มีผู้ใดรู้ก็เป็นได้ "ฮือ ๆ คุณหนูของข้ามิควรมาตายเช่นนี้เลย ถ้าท่านมาตามสัญญาจะต้องช่วยนางได้อย่างแน่นอน" ฟางหรูเอ่ยโทษหลี่เหวินซาน"วันนั้นข้าถูกดึงตัวไปปราบโจรจึงมิได้ไปพบนางตามที่สัญญาไว้ ด้วยข้าคิดว่าอีกไม่นานนางก็จะกลับมา..." หลี่เหวินซานที่รู้สาเหตุการตายของชุนอวิ๋นรู้สึกปวดใจยิ่งนัก ตัวเขาไม่เคยรับรู้ถึงความหนักใจของนางเลย"ฮือ ๆ เพราะท่านคนเดียวที่ทำให้คุณหนูของข้าต้องจบชีวิตของตัวเองลง"ฟางหรูร่ำไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร นางคิดถึงคุณหนูเหลือเกิน... แม้
บทที่ 33สาเหตุที่แท้จริงหลี่เหวินซานมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยอาการสงบ คราแรกเขาก็เตรียมใจมาแล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเป็นแน่ แต่ก็ไม่คิดว่าเรื่องในจวนตระกูลชุนจะร้ายแรงถึงเพียงนี้ "กุมตัวไปขังคุกหลวงทั้งหมด ยกเว้นนาง" เขาเอ่ยสั่งการเสียงเข้มก่อนจะชี้มือไปยังฟางหรู จินเกอที่ติดตามมาด้วยได้เข้ามาควบคุมตัวฟางหรูเพื่อพาไปสืบสวนต่อไป เรื่องของนางนั้นมีเบื้องลึกเบื้องหลังไม่ธรรมดาเลยค่ายทหารเขี้ยวพยัคฆ์ฟางหรูถูกนำตัวมาขังยังคุกของค่ายทหารเขี้ยวพยัคฆ์ มือเท้าของนางถูกตรึงด้วยโซ่ตรวนที่ยากจะหลบหนีออกไปได้ ห้องขังนี้เป็นห้องขังเดี่ยวที่มีไว้สำหรับนักโทษสำคัญ หลังจากหลี่เหวินซานเข้าไปรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้แล้ว เขาก็ได้มาหาฟางหรูเพื่อไต่สวนนางต่อไป ยังคงมีเรื่องของชุนอวิ๋นที่เขายังไม่รู้ รวมถึงการตายที่แท้จริงของนาง ด้วยตอนนี้ชุนฮูหยินได้เสียสติจนมิอาจให้การอะไรได้อีกแล้ว"เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วยสินะฟางหรูที่สวมรอยอวิ๋นเอ๋อร์" ใบหน้าคมเข้มตวัดสายตามองอดีตสาวใช้ข้างกายของชุนอวิ๋น มิน่าเล่านางถึงได้เลียนแบบชุนอวิ๋นอย่างไร้ที่ติ ทั้งยังรับรู้เรื่องราวข
บทที่ 32ปิดจบเรื่องนี้หลี่เหวินซานมองทุกคนไปมา ก่อนจะรู้สึกตัวว่าเป็นเขาที่ไม่รู้อะไรเลย ทุกคนต่างร่วมกันแสดงงิ้วฉากใหญ่นี้ขึ้นมา โดยที่ไม่คิดว่าตัวเขานั้นจะรู้สึกเจ็บปวดใจเช่นไร ทั้งที่สามารถบอกเขาก่อนได้"ท่านพี่คงกำลังคิดว่าเหตุใดพวกเราถึงไม่บอกท่านใช่หรือไม่ ดังเช่นที่ท่านพี่ไม่บอกข้าว่ากำลังทำอะไรอยู่ ปล่อยให้ข้านอนร้องไห้หลังจากกลับจากโรงเตี๊ยม ถ้าไม่ใช่เพราะอาเฟิงแอบมาบอกว่าทุกอย่างที่ท่านพี่ทำลงไปเพื่อสืบหาตัวจริงของชุนอวิ๋น ข้าคงได้เป็นบ้าตายและทำเรื่องไม่ยั้งคิดไปเสียแล้ว" หวงไป๋เฟิ่งยังคงรู้สึกน้อยใจสามีในเรื่องนี้ นางยังเสียใจที่เขาเข้าข้างชุนอวิ๋นและดูเป็นห่วงอีกฝ่ายมากเรื่องเกิน"เรื่องนั้น... พี่ทำไปเพราะต้องการกันเจ้าให้ออกห่างจากเรื่องนี้ มันอันตรายมากนะเฟิ่งเอ๋อร์ ชุนอวิ๋นผู้นั้นเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่านางมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ และเหตุใดนางถึงได้สวมรอยได้เหมือนกับชุนอวิ๋นตัวจริงยิ่งนัก เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวพันแค่เพียงพวกเราแต่ยังเกี่ยวข้องกับบ้านเมืองด้วย""ข้ารู้ว่าท่านพี่เป็นห่วงข้า แต่เราเป็นสามีภรรยากันก็มิควรมีเรื่องปิดบังกันมิใช่หรือเจ้าคะ วันนั้นท่านพี่ก็







