บทที่ 2
เสิ่นลู่ซือคนใหม่
สองเดือนที่น้ำอิงเข้ามาอยู่ในร่างของเสิ่นลู่ซือ นางได้พยายามปรับตัวให้เข้ากับผู้คนของที่นี่ ส่วนนิสัยที่เอาแต่ใจ และชอบดุด่าบ่าวไพร่ได้หายไป เสิ่นลู่ซือคนใหม่กลายเป็นสตรีที่มีจิตใจโอบอ้อมอารต่อคนรอบข้าง บ่าวไพร่ในจวนตระกูลเสิ่นต่างพากันรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ กับท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ของนาง
บรรยากาศในระหว่างมื้ออาหารเช้าของจวนตระกูลเสิ่นเป็นไปอย่างสงบเงียบ
‘เสิ่นฮุ่ยหมิ่น’ ราชครูขององค์รัชทายาทลอบสังเกตพฤติกรรมของบุตรสาว เขาได้รับรายงานมาจากพ่อบ้านถึงการเปลี่ยนไปในทางที่ดีของบุตรสาว ทุกอย่างล้วนสร้างด้วยความประหลาดใจให้กับทุกคนในจวน ใบหน้าชราฉายชัดถึงความกังวล เขาเกรงว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะนำมาสู่เรื่องราวที่ชวนปวดหัวมากกว่าที่ผ่านมาเสียอีก
“ท่านพ่อมองลูกมีสิ่งใดหรือเจ้าคะ” เสิ่นลู่ซือเอ่ยถามผู้เป็นบิดา
“พักนี้นิสัยของเจ้าเปลี่ยนแปลงไปราวกับคนละคน ไม่ใช่ว่าเจ้ามีสิ่งใดปกปิดซ่อนเร้นไว้ใช่หรือไม่”
“ท่านพ่อเข้าใจไม่ผิดหรอกเจ้าค่ะ” มือเล็กวางตะเกียบลงด้านข้าง “ก่อนหน้านี้ลูกฝันเห็นท่านแม่เจ้าค่ะ ในฝันนั้นท่านแม่กำลังร่ำไห้อย่างปวดใจเพราะลูก ลูกช่างทำตัวไม่เหมาะสมกับคุณหนูแห่งจวนราชครู ลูกรู้สึกเสียใจยิ่งนักที่ทำตัวเหลวไหลอย่างที่ผ่านมา ตอนนี้ลูกคิดได้แล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ”
เสิ่นลู่ซือบีบน้ำตาให้เอ่อคลอที่หน่วยตาของนาง สีหน้าที่เศร้าหมองแสดงความรู้สึกผิดออกมาอย่างเปี่ยมล้น ทำให้เสิ่นฮุ่ยหมิ่นผู้รักบุตรสาวเหนือสิ่งอื่นใดถึงกับหลุดอาการ
“เจ้าฝันเห็นมารดาหรือ” แววตาคมของท่านราชครูสั่นไหวอย่างรุนแรง
หลังจากที่ภรรยาผู้รักยิ่งได้ตายจากไปเมื่อหลายปีก่อน เขาก็ได้แต่เฝ้าคิดถึงวันเวลาที่มีความสุขร่วมกันกับนาง ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้มอบความรักทั้งหมดให้กับบุตรสาว โดยไม่คิดที่จะตบแต่งภรรยาใหม่ และเพราะเช่นนี้เองบุตรสาวของเขาจึงได้มีนิสัยเอาแต่ใจตนเองนัก ทั้งใจร้อนอารมณ์ร้าย วู่วาม จนบ่าวไพร่และคนรอบข้างต่างพากันเอือมระอา
“เจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกรู้สึกผิดและคิดได้แล้วว่าลูกทำตัวไม่เหมาะสม ต่อไปนี้ลูกจะไม่ประพฤติตัวเช่นนั้นอีกแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าคิดได้เช่นนั้นก็ดี องค์รัชทายาททรงมีคู่หมั้นที่เหมาะสมแล้ว ถึงเจ้ากับพระองค์จะสนิทสนมกันมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่พระองค์ก็มีนางในดวงใจแล้ว เจ้าอย่าได้เอาตัวเข้าไปแทรกกลางเลย และสถานที่อย่างวังหลวงไม่เหมาะกับเจ้าหรอกนะซือเอ๋อร์”
เสิ่นฮุ่ยหมิ่นทอดสายตามองบุตรสาวด้วยความเอ็นดู เขาดีใจที่นางคิดได้เสียที ผู้เป็นบิดาเช่นเขาจะหวังสิ่งใดอีก นอกจากขอให้บุตรสาวมีชีวิตไร้ทุกข์ไร้โศก
“ข้าจะฟังคำท่านพ่อเจ้าค่ะ แต่ข้ามีสิ่งหนึ่งที่อยากจะขอร้องท่านพ่อเจ้าค่ะ”
เรียวคิ้วของเสิ่นฮุ่ยหมิ่นกระตุกถี่ยิบ “เจ้าต้องการสิ่งใด หากไม่เหลือบ่ากว่าแรง พ่อสามารถมอบให้กับเจ้าได้”
“คำขอของลูกอาจจะเป็นสิ่งที่ท่านพ่อรอคอยก็ได้เจ้าค่ะ ปีนี้ลูกอายุสิบแปดหนาวแล้ว สมควรต้องแต่งงานเสียที แต่เพราะลูกคือบุตรสาวคนเดียวของตระกูลเสิ่น อีกทั้งตระกูลเสิ่นของเราก็ไม่มีทายาทชายให้สืบสกุล ลูกจึงคิดที่จะแต่งสามีเข้าจวนของเราเจ้าค่ะ”
“ฮะ!”
เสิ่นฮุ่ยหมิ่นแทบจะพลัดตกจากเก้าอี้ เขามองบุตรสาวราวกับคนแปลกหน้า ไม่คิดว่านางจะมีความคิดความอ่านเช่นนี้ จริงอยู่ที่เขาไม่มีบุตรชายไว้สืบสกุล คราแรกจะรับเด็กชายผู้หนึ่งมาเป็นบุตรบุญธรรม แต่เขาก็หวาดระแวงเกรงว่าจะเป็นการชักนำเอาอสรพิษเข้ามาเสียเอง
“ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกเองก็ไม่อยากจะแต่งงานออกไปอยู่บ้านสามี ที่มีแม่สามีคอยควบคุมหรอกนะเจ้าคะ หากลูกหาบุรุษที่ดีแต่งเข้าจวน และให้บุตรของลูกได้สืบสกุลต่อไปจะไม่เป็นการดีกว่าหรือเจ้าคะ”
เสิ่นลู่ซือลุกออกจากเก้าอี้แล้วนั่งกับพื้นข้างบิดา โดยวางศีรษะของตนเองแนบกับหน้าขาของเสิ่นฮุ่ยหมิ่นอย่างออดอ้อน
“ท่านแม่เองก็เป็นห่วงท่านพ่อด้วย ลูกเลยคิดจะอยู่กับท่านพ่อที่จวนของเราไปนานแสนนาน มีเจ้าก้อนแป้งน้อยสักสองสามคนมาวิ่งเล่นรายล้อมท่านพ่อในยามแก่ชรา ท่านพ่อว่าดีหรือไม่เจ้าคะ”
หมัดฮุกที่เอ่ยนามของท่านแม่ถูกปล่อยออกไปแล้ว และเป็นไปดังคาด ท่าทีของเสิ่นฮุ่ยหมิ่นดูอ่อนลงไปมาก สีหน้าที่ไม่เห็นด้วยก็เริ่มคล้อยตามบุตรสาว
เขาเองก็อายุไม่น้อยแล้ว หากต้องใช้ชีวิตอยู่ในจวนใหญ่ที่แสนเงียบเหงานี้ เขาคงได้เฉาตายเป็นแน่
“แล้วบุรุษที่เจ้าอยากได้มาเป็นสามีคือตระกูลใดหรือ”
“ลูกยังไม่ได้คิดเจ้าค่ะ แต่คงต้องเลือกจากตระกูลที่มีฐานะต่ำกว่าเราสักเล็กน้อย และบ้านของเขาจะต้องไม่คัดค้านเรื่องนี้”
นางไม่อยากจะบอกออกไปหรอกว่าคนที่นางเลือกคือองครักษ์รูปงามขององค์รัชทายาท มิเช่นนั้นท่านพ่อคงได้ค้านหัวชนฝาเป็นแน่ ทางเดียวที่จะทำให้การหาสามีของนางบรรลุผล คืองานเลี้ยงในพระราชวังที่จะมาถึงนี้
“อืม พ่อเองจะช่วย ๆ ดูให้เจ้าอีกแรง”
“ท่านพ่อของลูกดีที่สุดเลยเจ้าค่ะ”
ใบหน้าหวานแย้มยิ้มอย่างยินดี ในที่สุดนางก็สามารถทลายทิฐิของท่านพ่อลงได้
แผนการต่อไปคือทำตัวมีจุดยืนต่อองค์รัชทายาท และนางเอกของเรื่องว่านางหาได้พิศวาสพระองค์แล้วไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาทที่อาจจะมีขึ้นได้ และเปลี่ยนโชคชะตาที่จะต้องตายเพราะคมดาบขององค์รัชทายาท
เสิ่นลู่ซือกระหยิ่มยิ้มในใจกับแผนการของตน ถึงเวลาแล้วที่เสิ่นลู่ซือคนใหม่จะปฏิวัติตัวเอง ให้ผู้คนในใต้หล้าได้เห็นว่านางได้กลายเป็นคนใหม่แล้ว ไม่ใช่สตรีเอาแต่ใจ และสตรีไร้ยางอายที่วิ่งไล่ตามองค์รัชทายาทราวกับสุนัขติดสัด
ในค่ำคืนนั้นโม่โฉ่วได้มอบหมายหน้าที่สำคัญให้กับบุตรสาว ส่วนเขาก็รีบตรงไปยังเรือนนอนของเสิ่นลู่ซือ ทันทีที่เข้ามายังเรือนนอน ปลายจมูกโด่งพลันได้กลิ่นหอมรัญจวนที่โชยออกมาจากห้องหับ คิ้วกระบี่ขมวดมุ่น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นอ่า...ซือเอ๋อร์ของเขามิใช่ว่ากำลังจะยั่วยวนเขาใช่หรือไม่กายแกร่งเดินเข้าไปยังห้องนอนแต่ภายในห้องกลับว่างเปล่า เขามองหานางจนทั่วจนกระทั่งได้ยินเสียงกระเซ็นของน้ำที่ดังมาจากห้องอาบน้ำ ใบหน้าคมกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะเปลี่ยนทิศทางไปยังห้องอาบน้ำภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏนี้ทำให้ร่างกายของโม่โฉ่วรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันใด เรือนร่างขาวผ่องของเสิ่นลู่ซือที่นั่งหันหลังให้เขากำลังลูบไล้เรียวแขนเสลา และท่อนขาเรียวยาว กลิ่นหอมของดอกเหมยกุ้ยฮวา (กุหลาบ) กำจรไปทั่วห้องอาบน้ำกึ่งกลางกายที่เคยสงบนิ่งพลันขยายใหญ่ขึ้นมาจนเขารู้สึกคับแน่นไปหมด ลำคอหนาของชายหนุ่มแห้งผากเมื่อเห็นภาพเย้ายวนตรงหน้า“อุ๊ย! ท่านพี่มาแล้วหรือเจ้าคะ”เสิ่นลู่ซือแสร้งทำท่าตกใจ เมื่อเห็นผู้เป็นสามียืนมองนางอยู่นานแล้ว มุมปากเล็กยกยิ้มอย่างยั่วยวน คล้ายกับกำลังเชิญชวนให้เขามาอาบน้ำร่วมกันกับนาง“เจ้าอยากทำพ
ตอนพิเศษ 3เหล่าตัวแสบตระกูลเสิ่นบุตรสาวคนแรกของตระกูลเสิ่นมีนามว่า ‘เสิ่นซิ่วอิง’ นางเป็นเด็กเลี้ยงง่ายจนหลายคนพากันประหลาดใจ แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้เป็นบิดาและมารดาตกตะลึง นั่นคือวิธีการกำราบน้องชายที่มีนามว่า ‘เสิ่นฮุ่ยหวง’หากเสิ่นฮุ่ยหวงร้องไห้เกเร เสิ่นซิ่วอิงก็จะแผดเสียงร้องลั่นใส่น้องชาย จนทำให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้ในทันทีเสิ่นลู่ซืออดจะหัวเราะไม่ได้ ดูท่าในอนาคตบุตรสาวของนางคงจะกำราบน้องชายจนสิ้นท่าเป็นแน่หลังจากเสิ่นลู่ซือให้กำเนิดทารกฝาแฝดไม่นาน ฮองเฮามู่ซูเจียวก็ได้ให้กำเนิดมังกรคู่เช่นกัน องค์ชายทั้งสองทรงมีพระนามว่า ‘หวงเฟยเทียน’ กับ ‘หวงเฟยอวี่’ องค์ชายทั้งสองมีอายุน้อยกว่าสองพี่น้องตระกูลเสิ่นเพียงห้าเดือนเท่านั้น ทำให้เด็กน้อยทั้งสี่ได้กลายเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่แบเบาะห้าปีผ่านไปวันเวลาผ่านไปราวกับสายน้ำไหล จวนตระกูลเสิ่นได้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน เป็นบุตรชายคนที่สองนามว่า ‘เสิ่นลู่หลิ่ง’โม่โฉ่วผู้ขยันหว่านเมล็ดพันธุ์นั้น ภาคภูมิใจในความเก่งกาจของเขาเหลือเกิน เสิ่นฮุ่ยหมิ่นเองก็ชอบอกชอบใจในตัวบุตรเขยของเขาผู้นี้นัก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาตกใจจนแทบสิ้นสติ
จวนตระกูลเสิ่นนับจากเรื่องวุ่นวายได้จบลงไปแล้ว เวลานี้ก็ผ่านมานานหลายเดือนจนท้องของเสิ่นลู่ซือขยายใหญ่มากขึ้น การเดินเหินของนางเป็นไปอย่างยากลำบาก หากอยากไปที่ใดจะต้องมีคนคอยช่วยประคองถึงสองคนโม่โฉ่วที่กำลังกังวลกับครรภ์แฝดของภรรยานั้น จึงได้ขอลางานกับหวงเฟยหลง เวลานี้เขาไม่ได้เป็นเพียงแค่หัวหน้าองครักษ์ของฮ่องเต้ แต่ยังเป็นพระเชษฐาด้วย ถึงแม้โม่โฉ่วจะไม่ปรารถนาบรรดาศักดิ์อย่างที่ควรได้ แต่เขาก็ได้รับความยำเกรงจากฮ่องเต้และเหล่าขุนนาง“เป็นอย่างไรบ้าง อยากกินอะไรหรือไม่”โม่โฉ่วเอ่ยถามฮูหยินรัก หลังจากที่ประคองนางมานั่งรับลมที่ศาลาไม้“ตอนนี้ข้าเจริญอาหารมากเลยเจ้าค่ะ กินสิ่งใดล้วนอร่อยทั้งสิ้น”เสิ่นลู่ซือเอ่ยตอบอย่างเขินอาย เวลานี้ร่างกายของนางอวบอิ่มมากกว่าเดิมนัก น้ำหนักก็ขึ้นมาหลายสิบโล ไม่รู้ว่าหลังจากคลอดเจ้าแฝดร่างกายของนางจะเป็นเช่นเดิมหรือไม่“ฮ่ะฮ่ะ ช่วงนี้ต้องบำรุงเยอะ ๆ เจ้ากับลูกจะได้แข็งแรง และข้า...”“โอ๊ย!!”เสิ่นลู่ซือที่นั่งอมยิ้มพลันปวดหน่วงตรงท้องขึ้นมาฉับพลัน ดวงหน้างามซีดขาวด้วยความเจ็บปวดที่จู่โจมขึ้นมาโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ในตอนนั้นนางรู้สึกว่ามีน้ำไหลออกมาจาก
ตอนพิเศษ 2กำเนิดเจ้าก้อนแป้งน้อยองค์ชายสี่กับฮองเฮาถูกตัดสินให้ประหารชีวิตต่อหน้าธารกำนัลทั้งหลาย โดยก่อนหน้านั้นทั้งสองจะถูกจับเข้าไปอยู่ในกรงขัง แล้วแห่ประจานถึงความผิดที่ได้ก่อเอาไว้ เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้ชาวแคว้นหวงอย่าได้เอาเป็นแบบอย่าง โรคระบาดที่เคยเกิดขึ้นล้วนเป็นฝีมือขององค์ชายสี่ รวมถึงการสิ้นพระชนม์ของอดีตฮองเฮานั้นก็เป็นฝีมือของหลี่ฮองเฮาด้วยราษฎร์ที่ล่วงรู้ความชั่วร้ายของทั้งสอง ต่างพากันมารุมประณามด่าทอ ทั้งยังขว้างปาสิ่งของเข้ามายังกรงที่คุมขังนักโทษ ทั้งสองได้รับบาดเจ็บทั่วทั้งร่างกาย“สารเลว!! สมควรตาย กล้าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ได้อย่างไร ข้าต้องเสียลูกไปเพราะโรคระบาดในครั้งนั้นเลยนะ ฮือ ๆ”“ชั่วช้านัก ประหารพวกมันเลย!!”“เลวทั้งแม่ทั้งลูก”เสียงด่าทอดังขึ้นมาไม่ขาดสาย หวงเฟยอินกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ เขาไม่คิดเลยว่าชีวิตของเขาจะตกต่ำถึงเพียงนี้ เจ้าพวกนี้มันกล้ามาด่าทอเขาได้อย่างไรสมควรตายนัก!!การประหารของทั้งสองดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ศีรษะที่ถูกตัดขาดออกจากตัวถูกนำไปแขวนไว้ที่ประตูเมืองทางทิศเหนือ ฮ่องเต้ได้ออกราชโองการประกาศคุณงามความดีแก่องค์รัชทายาท และตระกูล
ร่างสูงหยัดกายเต็มความสูงด้วยความแค้นที่สุมอยู่ในอก เขาเดินไปยังหลังพระพุทธรูปก่อนจะพบช่องทางลับที่ท่านแม่บอกไว้ให้ ไม่รู้ว่าเพราะแรงแค้นหรือไม่ จึงทำให้เขาสามารถพาร่างกายที่แสนบอบช้ำนี้ เดินออกไปจากป่าไผ่จนพบเข้ากับแม่น้ำหนึ่งสายแต่เหมือนสวรรค์ยังคงจะทำการทดสอบเขาอีก ฝนห่าใหญ่ได้ตกกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ากำลังพิโรธ โม่โฉ่วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ดำมืดด้วยสายตาว่างเปล่าร่างสูงที่ยืนอยู่ริมน้ำกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด หยาดน้ำตาของเขาไหลรินลงมา โดยถูกสายฝนชำระล้างไปสิ้น ราวกับกำลังจะย้ำเตือนว่าให้เขาหยุดร้องไห้ แล้วลุกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อแก้แค้นคนชั่ว!!โม่โฉ่วเดินไปริมตลิ่งเจอเข้ากับเรือไม้ลำเล็ก ราวกับมีคนจงใจเตรียมไว้แล้ว สุดท้ายท่านแม่ก็คือคนที่เสียสละ และรักเขามากที่สุดร่างกายสูงใหญ่เดินโซเซไปนั่งในเรือ แล้วพายเรือออกจากฝั่งท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมา แม่น้ำสายนี้ไม่ได้กว้างมากนัก เขาจึงกัดฟันทนจนพายมาถึงฝั่งตรงข้ามได้ในที่สุดชายหนุ่มเดินโซเซออกมาจากเรือ เวลานี้ร่างกายของเขาเริ่มจะทานทนไม่ไหวเสียแล้ว ร่างกายร้อนผ่าวราวกับมีไข้ขึ้นสูง กอปรกับพิษบาดแผลจากด้านหลังทำให้โม่โฉ่วสลบ
ตอนพิเศษ 1การเจอกันครั้งแรก“เหตุใดถึงทำเช่นนี้กับข้าและท่านแม่เช่นนี้ พวกข้าไปทำสิ่งใดให้พวกเจ้ากัน”เด็กหนุ่มในวัย 18 หนาวตะคอกถามผู้ที่เขาเคยนับถือเป็นเสด็จยายและน้องชาย แต่ในวันนี้กลับเป็นพวกเขาที่หันคมดาบมาแทงข้างหลังของเขาอย่างเลือดเย็นในแววตาของทั้งสองที่มองมานั้น แสดงถึงความรังเกียจเดียดฉันท์ออกมาอย่างเปี่ยมล้น สายตาที่ทิ่มแทงมาราวกับคมดาบมันบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของโม่โฉ่ว ใบหน้าของทั้งสองมีเพียงรอยยิ้มเย้ยหยันด้วยความสมเพชน้องชายที่เขาเคยให้ความเอ็นดูแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจ “หึ นี่เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าเห็นเจ้าเป็นพี่ชาย คนอย่างเจ้าเนี่ยนะ! น่าขันสิ้นดี”เขาพ่นน้ำลายใส่หน้าของโม่โฉ่ว พลางสืบเท้าเข้ามาใกล้ร่างสูงที่นอนขดตัวคุดคู้อยู่บนพื้นไม้สกปรก แววตาของเด็กหนุ่มที่อายุแค่ 17 หนาวมองมาอย่างเลือดเย็นก่อนหน้านี้โม่โฉ่วได้ถูกคนของเขาซ้อมจนสะบักสะบอม แต่ใบหน้านั้นก็ยังคงมองมาทางเขาอย่างถือดี น่าตายนัก!“เจ้ากับแม่มันก็แค่สวะชั้นต่ำ เสด็จยายของข้าอุตส่าห์เลี้ยงดูพวกเจ้าขนาดนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าแม่ลูกก็ควรตอบแทนบุญคุณสิ”“เจ้าต้องการอะไร” เขากัดฟันแน่นด้วยความก