"...เรื่องนั้น" หยวนเพ่ยว่าพลางหันหลังให้เขา แล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อส่งให้ เมื่อเขาคลี่ออกอ่าน ก็เห็นว่าเป็นหนังสือที่มีลายพระหัตถ์ของหวงตี้"หนังสือสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องเจ้าถ้าเกิดข้อผิดพลาดในการถวายตัว?" เขาเงยหน้าขึ้นเหมือนคาดไม่ถึง"...เพคะ""ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยหรือ""...อยู่กับ
หยวนเพ่ยไปถึงตำหนักคุนหนิงในช่วงเช้ามืด นางตรงเข้าไปถวายพระพรหวงไท่โฮ่วที่กำลังง่วนกับการทำงานเย็บปักไม่วางตา พระนางเพียงพยักหน้ารับรู้ แต่ไม่ได้เอ่ยสนทนา อีกทั้งไม่ได้หันมามองนางด้วย ซึ่งตรงนี้หยวนเพ่ยเข้าใจดีว่า ในช่วงหลังหวงไท่โฮ่วทรงเร่งปักกวนอิมพันมือพันตาเพื่อให้ทันช่วงวันประสูติของโพธิสัตว์กว
แต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติก่อน นางเป็นคนชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวกับสมุนไพรหรือการนวดแผนโบราณแขนงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสายงาน ดังนั้นตำราที่ได้จากฉู่หวางจึงเป็นของขวัญที่ดีที่สุดของหยวนเพ่ยหลังจากได้หนังสือแล้ว เด็กสาวจะใช้เวลาช่วงที่หวงไท่โฮ่วบรรทมในช่วงกลางวันประมาณหนึ่งชั่วย
"ข้าไม่เป็นไร" หยวนเพ่ยยิ้มบาง "ข้าเองก็คงไม่กลับตำหนักชุนชิว จะอยู่ที่นี่จนกว่าฟ้าจะสางจึงจะกลับไปยังตำหนักคุนหนิง รบกวนกงกงเตรียมชาดำให้ข้าสักกา ข้าอยากอ่านหนังสือสักเล่มแล้วจึงเข้านอน”"ขอรับ" ลี่กงกงเอ่ยอย่างนบนอบจากนั้นเด็กสาวจึงไปนั่งที่โต๊ะเตี้ยที่เอาไว้ใช้อ่านหนังสือ หยิบหนังสือที่วางอยู่มา
"แต่เจ้าเองก็รู้ถึงฐานะทางบ้านของเพ่ยเอ๋อร์ ถึงแม้จะได้รับสมรสพระราชทาน อย่างดีนางก็เป็นได้เพียง หรูเหริน (孺人) หรือ อิ้งซื่อ (媵侍) มิอาจเป็น หวังเฟย (王妃) [4]ได้ เจ้าเองก็เป็นเชื้อพระวงศ์คนสำคัญ ซ้ำยังไม่มีชายา แต่สักวันหนึ่งเจ้าก็ต้องได้รับสมรสพระราชทานกับผู้ที่สามารถหนุนเจ้าได้ หรืออาจต้องแต่งเพื่อเ
ครั้งสุดท้ายที่หยวนเพ่ยเป็นลม คือตอนที่อ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาคโต้รุ่ง ซึ่งต้องใช้เวลาท่องจำอยู่หลายวัน วันละหลายๆ ชั่วโมง หลังจากที่สอบเสร็จ คล้ายกับความตึงเครียดที่สะสมมาตลอดขาดสะบั้นในคราเดียว จากนั้นเธอก็ล้มทั้งยืน ลำบากให้เพื่อนต้องคอยมาพัดวีจนฟื้นนี่เป็นครั้งแรกหลังจากย้อนกลับไปในอดีต ที่เ
เมื่อถึงยามโหย่ว (17.00 น.-18.59 น.) หวงตี้ที่สะสางงานทุกสิ่งจนเสร็จสิ้นในห้องทรงพระอักษรมุ่งหน้ากลับสู่ตำหนักใหญ่ ที่นั่นหยวนเพ่ยในชุดฮั่นฝูสีเหลืองอ่อน สายรัดอกและชายแขนเสื้อขลิบสีน้ำเงินเข้ม เกล้ามวยฉุยเลี่ยนจี้[1] มีเครื่องประดับเล็กน้อยเสริมให้ร่างนั้นดูน่ารักน่าทะนุถนอมราวคุณหนูสกุลสูงยืนอยู่
จวนเจ้ากรมโยธา ฟู่ถิงเฟิง นั้นอยู่ไม่ไกลจากวังหลวงเท่าใดนัก เมื่อเทียบกับขุนนางอื่นๆ ในราชสำนัก ภายในเป็นเรือนสี่ประสานขนาดกะทัดรัด มีการขุดบ่อปลูกบัวเลี้ยงปลาไว้ในสวน รอบๆ ปลูกต้นไม้ ดอกไม้ นอกจากนี้ยังมีแปลงผักสวนครัว และเล้าไก่เล็กๆ สื่อให้เห็นว่าเป็นขุนนางตงฉินที่ใช้ชีวิตสมถะอย่างยิ่งในโถงรับแข
หลังจากกลับมายังซีซย่า ฉู่หวางก็ส่งจดหมายไปยังเมืองหลวง ขอพระบรมราชานุญาตจากหวงตี้ขออยู่ที่ซีหนิงต่ออีกหนึ่งปี จนกว่าหยวนเพ่ยจะคลอดและแข็งแรงพอที่จะกลับไปยังฉางอัน ถ้ามีเอกสารอันใดเร่งด่วน ขอให้ใช้ม้าเร็วส่งเอกสารมาหลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ราชโองการอนุญาตก็ส่งมาถึง พร้อมทั้งทองคำและแพรพรรณวิจิ
“จื่อหาน ท่านเชื่อหรือไม่ ว่าไม่ต้องถึงมือท่านหมอ ข้าก็ตรวจได้ว่าลูกของเราเป็นชายหรือหญิง” หยวนเพ่ยเอ่ยพลางส่งยิ้มน้อยๆ มองเขาที่ตรวจนับห่อยาว่าได้มาครบถ้วนดีหรือไม่“ทำได้จริงหรือ” ฉู่หวางเริ่มสนใจทันที แต่สิ่งที่ทำให้เขาปลาบปลื้มยิ่งกว่าคือการที่นางเรียกเขาด้วยชื่อจริงนางพยักหน้า “ท่านแม่สอนว่าวิ
ถึงแม้ว่าหยวนเพ่ยจะร่ำเรียนวิชาการแพทย์มาจากมารดาที่เป็นหมอ จึงพอนึกทบทวนถึงอาการของตนเองตลอดระยะเวลาที่อยู่ซีหนิงจนถึงซีซย่า และการม่าย[1] ชีพจรตรงตำแหน่งฉื่อ[2] ของนางเต้นไหลลื่นทว่าถี่เร็ว ล้วนเป็นสัญญาณที่ทำให้พอมั่นใจว่าตนเองตั้งครรภ์ไปถึงเจ็ดส่วน ทว่าเพื่อความแน่ใจ ฉู่หวางจึงให้นางกลับเข้าเม
หลังจากพักผ่อนถึงช่วงสาย จินซาก็นำเสื้อของซีซย่ามาให้ทั้งสองผลัดเปลี่ยน เป็นเสื้อตัวยาวสีสันสดใสแบบชุดฉีผาว (กี่เพ้า) ของเผ่าแมนจู แขนเสื้อกว้างกุ๊นด้วยลวดลายแปลกตา แต่งดงาม ส่วนทรงผมจากเดิมที่เกล้ามวยก็เปลี่ยนมาเป็นถักเปียคู่แทน ซึ่งเสื้อของฝ่ายชายก็ไม่แตกต่างกัน ส่วนทรงผมนั้นฉู่หวางไม่ยอมทำตามแบบช
ฉู่หวางและเค่อตัวยังคงดื่มเหล้านมม้าถ้วยแล้วถ้วยเหล้า เมื่อเห็นชายาของพวกตนออกไปกันหมด เค่อตัวจึงเอ่ย “ชายาของท่านเป็นสตรีที่มากความสามารถ เสียดายที่เป็นแค่หรูเหริน”“เป็นหรูเหรินก็ดี หวางเฟยก็ช่าง อย่างไรเสียนางก็เป็นภรรยาข้า”“หวงตี้ก็ช่างกระไร ท่านทำความชอบมากมายขนาดนี้ ยกสตรีที่น้องชายหลงรักให้เ
ใช้เวลาไม่นานนัก ทั้งหมดก็มาถึงเผ่าซีซย่าโดยสวัสดิภาพ ผู้ที่มาต้อนรับคือจินซา ชายาแห่งข่านซีซย่า และท่านหญิงเค่อหมิ่นที่เป็นธิดาเพียงคนเดียว ที่เมื่อเห็นหยวนเพ่ยก็รีบวิ่งเข้าไปหา“เจี่ยเจีย ท่านมาที่ซีซย่าจริงๆ ด้วย ท่านพ่อกับท่านอาไม่ได้หลอกข้า!”หยวนเพ่ยย่อกายคารวะทั้งสองด้วยไมตรีจิต ซึ่งทางจินซาก
"เขาก็คือหลินเค่อตัว ข่านแห่งซีซย่า พี่ชายของซูเฟย"หยวนเพ่ยเห็นเช่นนั้นก็ให้รู้สึกผิดไม่น้อย นางเตรียมที่จะลงจากหลังม้าไปดูอาการ ทว่าฉู่หวางกลับรั้งนางไว้แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ"รองเท้าของเจ้าอยู่ที่ไหน""แต่...หวางเย่เพคะ ท่านข่าน...""ช่างเขาก่อนเถอะ บอกข้าก่อนว่ารองเท้าเจ้าอยู่ที่ใด พื้นดินแถวนี้
อาชาสีดำที่มีหยวนเพ่ยถูกพาดกับอานม้าออกวิ่ง หลังจากวิ่งไปได้ไม่กี่สิบลี้ บุรุษต่างเผ่านั้นพลันหยุดม้าที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง มีลำธารสายเล็กที่เกิดจากหิมะบนเขาละลายพาดผ่าน แล้วหาเชือกมัดมือและขาทั้งสองข้างของนางไว้ จากนั้นจึงอุ้มนางลงจากหลังม้า มองหยวนเพ่ยที่มีท่าทีหวาดหวั่นไม่น้อยอยู่ครู่หนึ่ง คล้า
หยวนเพ่ยเนื่องจากเมามายนัก กว่าจะตื่นก็เป็นเวลาตะวันตรงหัว ฉู่หวางที่คอแข็งกว่านางมากจึงสั่งให้สาวใช้ต้มโจ๊กและน้ำแกงมาให้นางดื่มเพื่อคลายอาการเมาค้าง“เมื่อคืนหม่อมฉันดื่มหนักไปมาก คงทำอะไรให้หวางเย่ขายหน้าแล้ว” หยวนเพ่ยหัวเราะแห้งๆ สมัยอยู่โลกกาลก่อน เธอก็ไม่ค่อยดื่มสุราเพราะเพื่อนๆ ลงความเห็นว่าเ