LOGINบทที่ 4 เขา และ เธอ
พิมยืนนิ่งราวกับถูกสาป ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าจากที่ประหลาดใจกลายเป็นประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ความคิดที่ว่าเธอเผลอไปทักเขาเหมือนคนงาน แถมยังมาอยู่ในชุดนอนสายเดี่ยวคลุมคาร์ดิแกนตัวโคร่งในยามวิกาลเช่นนี้ ทำให้เธอรู้สึกอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี "อ่า... เอ่อ... คุณธนินทร์ใช่ไหมคะ" พิมเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก พยายามเก็บอาการแต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก ธนินทร์ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ร่างสูงใหญ่ในความมืด ใบหน้าคมคายของเขาปรากฏให้เห็นชัดขึ้นภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา เขาไม่ได้ตอบคำถามของพิมทันที แต่กลับจ้องมองสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าช้าๆ แววตาคมกริบนั้นไร้อารมณ์ใดๆ พิมอ่านไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีท่าทีต้อนรับ หรือไม่มีแม้แต่แววตาสนุกสนานที่ได้เห็นความประหม่าของเธอ เขาเพียงแค่ยืนนิ่ง จ้องมองเธอด้วยสายตาที่สงบนิ่งราวกับท้องน้ำลึก กลิ่นเหล้าวิสกี้อ่อนๆ ลอยมาปะทะจมูกพิมเมื่อเขายกแก้วขึ้นจิบอีกครั้งอย่างไม่รีบร้อน "ใช่... ธนินทร์" เขาตอบเพียงสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและแหบพร่าเช่นเคย ก่อนจะลดแก้วลงแล้วหันหลังกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ปล่อยให้พิมยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพังกับความรู้สึกว้าวุ่นใจที่ถาโถมเข้ามา เขาไม่แม้แต่จะถามว่าพิมออกมาทำอะไร หรือแสดงความแปลกใจที่เห็นเธอในสภาพเช่นนี้ เขากลับไปอยู่ในโลกส่วนตัวของเขาอีกครั้ง ราวกับว่าพิมเป็นเพียงภาพลวงตาที่ปรากฏขึ้นชั่วครู่หนึ่งเท่านั้น พิมยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น ความประหม่าถาโถมเข้าใส่จนทำอะไรไม่ถูก คำพูดติดๆ ขัดๆ หลุดออกมาจากปาก "อ่า... เอ่อ... พิม... เอ่อ ฉัน..." สมองพยายามประมวลผลว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี หรือเขาไม่อยากคุยกับเธอกันแน่นะ? ท่าทีที่เย็นชาและไร้อารมณ์ของคุณธนินทร์ทำให้เธอไม่กล้าที่จะสานต่อบทสนทนา ในที่สุด พิมก็ตัดสินใจที่จะถอยฉากออกมาก่อน เธอไม่อยากยืนอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดแบบนี้อีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อตัวเองอยู่ในชุดนอนที่ไม่พร้อมจะเจอใคร "อ่าา... งั้น ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ..." เธอเอ่ยออกไปอย่างตะกุกตะกัก พยายามฉีกยิ้มเล็กน้อยแม้จะรู้ว่ามันคงดูไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย ก่อนจะรีบหมุนตัวกลับหลัง เดินเร็วๆ เข้าไปในประตูครัวที่เปิดค้างไว้ แทบจะวิ่งหนีขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตัวเอง ปล่อยให้ธนินนั่งจิบวิสกี้อยู่เพียงลำพังในความมืดมิดยามค่ำคืน ................ จากมุมของเขา ธนินทร์นั่งอยู่เงียบๆ ในมุมมึดของระเบียงยามค่ำคืน ในห้วงความคิดกำลังคิดย้อนกลับไปตอนยามบ่ายคล้อย แสงแดดอ่อนลงทิ้งให้คอกม้าปกคลุมด้วยเงาที่ยาวขึ้น เขากำลังผูก นาคิส ม้าสีดำตัวโปรดเข้ากับเสาอย่างเบามือ มันเป็นม้าที่เขาผูกพันมากที่สุด ตัวที่สง่างามและมีจิตใจซับซ้อนไม่ต่างจากตัวเขาเอง แล้วเธอก็เดินเข้ามา... ผู้หญิงคนนั้น แอร์โฮสเตสที่คุณศักดิ์ติดต่อให้มาดูแลทีโอ เธอเดินเข้ามาใกล้ๆ ด้วยท่าทางระมัดระวัง แต่ก็แฝงไว้ด้วยความสนใจในนาคิส “ตัวใหญ่มากเลยนะคะ” เสียงเธอหวานใสผิดกับสภาพแวดล้อมที่เป็นฟาร์ม คุณธนินทร์แค่ชายตามอง เธอสวย...สวยกว่าที่คิดไว้มากจริงๆ แม้จะอายุ 35 แล้ว แต่ก็ยังดูเด็กและสดใส การที่เธอไม่รู้ว่าเขาคือใคร ทำให้เขาเลือกที่จะเก็บตัวอยู่ในความเงียบ ปล่อยให้เธอคิดไปเองว่าเขาเป็นแค่คนงาน หรือใครสักคนในฟาร์ม “จับได้ไหมคะ” คำถามนั้นทำให้มุมปากของเขาหยักขึ้นเล็กน้อย เธอไม่กลัวม้า ทั้งที่ปกติคนในเมืองมักจะกลัวสัตว์ใหญ่ เขารู้ว่านาคิสจะไม่มีทางทำร้ายเธอ เพราะมันรับรู้ถึงจิตใจที่บริสุทธิ์ของคน และการที่เธอเรียกนาคิสว่า 'พี่เค้า' แทนที่จะเป็น 'มัน' ก็ทำให้เขารู้สึกแปลกใจในความอ่อนโยนของเธอ “นาคิส... “ และตอนที่เขาเอ่ยชื่อม้าออกไป เขาไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบอะไร แต่ท่าทางน่ารักของเธอก็ทำให้เขาอดไม่ได้ และเธอก็ชมชื่อนาคิส แถมยังชมว่า "หล่อซะด้วย" คุณธนินเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา มันเป็นคำชมที่เขาไม่เคยได้ยินกับนาคิสมาก่อน ‘มีใครเค้าชมม้าว่าหล่อกัน’ จากนั้นเธอก็จากไปพร้อมเสียงรถยนต์ที่กำลังเข้ามา เขารู้ว่านั่นคือรถที่พาน้องทีโอกลับมา และคุณศักดิ์ก็คงจะอยู่ตรงนั้นเพื่อต้อนรับเด็กน้อย เขายังคงอยู่ในฟาร์มม้า จัดการงานต่างๆ ที่ค้างอยู่จนกระทั่งฟ้ามืดสนิท เมื่อกลับมาถึงบ้านหลังใหญ่ในยามค่ำคืน เสียงภายในบ้านเงียบสงบ มีเพียงแสงไฟที่สว่างไสว เขาตัดสินใจนั่งพักที่ระเบียง จิบวิสกี้ในความมืด ปล่อยใจไปกับความเหนื่อยล้าจากการทำงานและเสียงหรีดหริ่งเรไร แล้วเธอก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง...ในชุดนอน สายเดี่ยวคลุมคาร์ดิแกนตัวใหญ่ เธอยืนชมดาวด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข ราวกับโลกทั้งใบมีเพียงเธอและหมู่ดาว เขาเลือกนั่งมองเธอเงียบๆ รู้สึกประหลาดใจกับความเป็นธรรมชาติของเธอในยามที่ไม่คิดว่าจะมีใครเห็น เสียงน้ำแข็งกระทบแก้ว เขาจงใจทำให้เกิดเสียงนั้นเล็กน้อย และเธอก็หันมา ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ น่าขำนัก “เฮ้ย! นาย!” คำเรียกที่แสนธรรมดา แต่เขากลับรู้สึกสนุกที่ได้เห็นปฏิกิริยาของเธอ “ยังไม่นอนอีกเหรอ...คุณพี่เลี้ยงคนใหม่” เขาเลือกที่จะเรียกเธอว่า 'คุณพี่เลี้ยงคนใหม่' เพื่อย้ำเตือนให้เธอรู้สถานะของตัวเอง ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร และเพื่อดูว่าเธอจะมีท่าทีอย่างไร เธอประหม่าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเขาถามกลับ เธอพยายามถามว่าเขาเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ เขาตัดสินใจเปิดเผยตัวตนในที่สุด เพื่อดูว่าเธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อรู้ว่าคนที่เธอคิดว่าเป็นคนงานนั้นคือเจ้าของบ้านตัวจริง “ใช่... ธนินทร์” เขาสังเกตเห็นความประหม่าและความอับอายในแววตาของเธอ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรมากนัก เขาเพียงแค่อยากเห็นปฏิกิริยาเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นต้องโอ้อวดหรือต้อนรับขับสู้เป็นพิเศษในยามวิกาลเช่นนี้ การกลับไปจิบวิสกี้ของเขาเป็นเพียงการบอกว่าบทสนทนาได้จบลงแล้ว ปล่อยให้เธอเป็นฝ่ายตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป สุดท้ายเธอก็เลือกจากไป เขามองเห็นเงาของเธอที่หายเข้าไปในบ้าน ทิ้งไว้เพียงความเงียบและแสงดาวที่ยังคงส่องสว่างบนท้องฟ้า ธนินทร์ยังคงนั่งอยู่ที่ระเบียง จิบวิสกี้ในความมืดมิด เสียงน้ำแข็งกระทบแก้วเป็นจังหวะเดียวกับความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวของเขา เมื่อสักครู่ใหญ่ๆ เขาเห็นพิมอยู่กับทีโอในบ้าน แสงไฟสว่างวาบเผยให้เห็นภาพที่เขาไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก 'เธอดูแลทีโอดีกว่าที่คาดไว้' เขาคิด ภาพที่พิมย่อตัวลงคุยกับทีโอ เห็นเธอเอานิ้วไปเขี่ยแก้มลูกชายของเขาอย่างอ่อนโยน มันเป็นท่าทางที่คุณธนินทร์จำได้เลือนรางจากภาพในอดีตนานมาแล้ว เขาเห็นรอยยิ้มหวานๆ ของเธอตอนที่ชวนทีโอเป็นเพื่อน เขาจำได้ว่าลูกชายพยักหน้ารัวๆ อย่างชอบใจ ก่อนจะซบหน้าลงกับแขนของเธอตอนที่เธออ่านนิทานให้ฟัง 'ทีโอติดง่ายกว่าที่คิด' ปกติแล้วทีโอเป็นเด็กที่เข้ากับคนยาก ไม่ค่อยสนิทกับใครง่ายๆ ยิ่งกับผู้หญิงที่ไม่ใช่คนคุ้นเคยด้วยแล้ว แทบจะไม่มีทางเลย แต่กับเธอ ดูเหมือนลูกชายเขาจะเปิดใจรับได้อย่างรวดเร็ว คุณธนินทร์รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากภาพตรงหน้าผ่านหน้าต่างบ้าน ทั้งๆ ที่เขาเองก็อยู่ห่างออกมาพอสมควร สายตาของเขาจับจ้องมองไปยังคุณพิมที่กำลังดูแลลูกชายของเขาอย่างไม่วางตา มันเป็นภาพที่แตกต่างจากความวุ่นวายและงานหนักที่เขามักจะต้องเผชิญอยู่เสมอ .................... หกโมงเช้า... เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น พิมสะดุ้งตื่นด้วยความงัวเงีย เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว พยายามปรับตัวให้เข้ากับตารางชีวิตใหม่ที่ต้องตื่นเช้ากว่าปกติ เธอปลุกน้องทีโออย่างอ่อนโยนช่วยเขาอาบน้ำแต่งตัวในชุดนักเรียนตัวเล็กๆ ที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู จากนั้นก็ลงมาเตรียมอาหารเช้าง่ายๆ ให้กับเด็กน้อย เป็นเมนูที่รวดเร็วและสะดวกที่สุดเท่าที่จะทำได้ในสภาพที่ยังไม่ได้อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย พิมยอมรับกับตัวเองว่าการปรับตัวครั้งนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ ชีวิตการเป็นแอร์โฮสเตสมานานนับสิบปีทำให้ตารางชีวิตของเธอค่อนข้างอิสระและไม่เป็นระเบียบนัก จะออกไปทางชิลล์ๆ สบายๆ มากกว่าการตื่นเช้ามาจัดการทุกอย่างแบบนี้ ขณะที่พิมกำลังวุ่นอยู่กับการจัดเตรียมอาหารเช้าให้น้องทีโอ เสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังขึ้นจากทางเดินด้านหลัง เธอหันไปมอง... ธนินทร์ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มและกางเกงยีนสีเข้มพอดีตัวที่ดูเรียบร้อยกว่าเมื่อคืน แสดงให้เห็นว่าเขาได้อาบน้ำแต่งพร้อมทำงานแล้ว ผมของเขาถูกจัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ ใบหน้าคมคายดูสดชื่นกว่าที่เห็นเมื่อคืนมากนัก แต่แววตาคมกริบคู่นั้นยังคงไร้อารมณ์ใดๆ เขาไม่ได้สวมหมวกหรือผ้าปิดหน้าแล้ว ทำให้คุณพิมเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจนเต็มตา เขาเดินเข้ามาในห้องครัวอย่างเงียบๆ แล้วหยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากพิม สายตาของเขากวาดมองสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าช้าๆ ด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะเลื่อนไปมองน้องทีโอที่กำลังนั่งกินอาหารเช้าอยู่ ธนินทร์ไม่ได้เอ่ยปากทักทาเธอแม้แต่น้อย ราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้น เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นในความเงียบงัน ปล่อยให้พิมรู้สึกอึดอัดกับสภาพที่ยังไม่ได้อาบน้ำแต่งตัวของตัวเอง แน่นอนว่าพิมรู้สึกได้ถึงสายตาของธนินที่กวาดมองมาตั้งแต่หัวจรดเท้า แววตานิ่งๆ นั้นทำให้เธอรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว เธออยากจะสวนกลับไปนักว่า ‘มองอะไร!’ แต่ก็ทำได้แค่เก็บความรู้สึกไว้ในใจ ‘ก็คนมันตื่นไม่ทันเนอะ! กะว่าส่งน้องทีโอเสร็จจะไปนอนต่อ’ เธอคิดในใจอย่างหัวเสีย เธอเหลือบมองตัวเอง บราก็ใส่แล้ว คาร์ดิแกนก็สวมทับอย่างมิดชิด ก็คงไม่โป๊อะไรมากมายนักหรอก แล้วทำไมเขาถึงต้องมองด้วยสายตาตำหนิกันขนาดนั้นด้วย? ‘ทำไมต้องด่าด้วยสายตาแบบนั้นด้วย!’ พิมได้แต่บ่นในใจ ไม่เข้าใจในท่าทีของเขาเลยแม้แต่น้อย ธนินทร์ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นในความเงียบงัน ใบหน้าคมคายไร้อารมณ์ใดๆ ดวงตาคมกริบยังคงจับจ้องมาที่เธอเป็นระยะ ราวกับจะประเมินทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามองเห็นในขณะนี้ -🖤🤍🖤-บทที่ 53 ความเย็นชาร่างสูงเปิดประตูรถลงมา เขาก้าวไปยืนตรงหน้าร่างบางกับลูกชายแววตาของเขายังคงซ่อนความปรารถนาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่สีหน้ากลับเรียบสงบ เขาค่อย ๆยื่นมือออกไปรับน้องทีโอจากอ้อมแขนพิมอย่างแผ่วเบา เพื่อซ่อนความรู้สึกทั้งหมดไว้ภายใต้การกระทำที่มั่นคงและอ่อนโยนของแดดดี้ผู้ใจดี"มาแล้วครับ" ธนินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่แฝงความร้อนรุ่มบางอย่างที่พยายามจะสะกดไว้ธนินทร์ก้าวเข้ามาใกล้พิมสายตาคมไม่ละจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว เขายื่นมือไปรับน้องทีโอจากอ้อมแขนบอบบางด้วยท่าทีมั่นคง ทว่าในจังหวะที่แขนทั้งสองเฉียดกัน หลังมือของเขากลับเผลอสัมผัสหน้าท้องแบนราบของเธอเข้าอย่างจังสัมผัสนั้นเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที แต่กลับราวกับทิ้งร่องรอยไว้ในใจ ธนินทร์รีบกดสีหน้าให้เรียบที่สุด พยายามกลบเกลื่อนแรงสั่นสะท้านที่แล่นผ่านร่าง ก่อนจะรับลูกชายมาแนบอกและก
บทที่ 52 ถอยห่างธนินทร์ ยืนนิ่งอยู่กลางห้องนั่งเล่น มองประตูห้องนอนที่ปิดลงอย่างช้าๆ ความรู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดเริ่มเข้ามาเกาะกุมหัวใจ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆ เธอถึงมีท่าทีเปลี่ยนไปขนาดนั้น แต่ไม่ว่ายังไงเขาจะทำทุกอย่างให้เธอรู้ว่าเขาจริงจังกับเธอมากแค่ไหน และเขาจะทำให้เธอรู้ว่าความสัมพันธ์ของเรามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆห้องนั่งเล่นกลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้งมีเพียงแสงไฟสลัวๆที่ยังคงส่องสว่าง ร่างสูงเดินกลับไปเก็บจานชามที่เหลือบนโต๊ะอาหารอย่างเงียบๆ และนำไปเก็บในครัว เขามองไปยังหน้าต่างที่พิมเคยยืนคุยโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ด้วยแววตาครุ่นคิดความฝันเมื่อกี้ยังคงชัดเจนในหัวเขา มันเร่าร้อนและสมจริงเสียจนเขาแทบแยกไม่ออกว่าอะไรคือความจริง ภาพของพิมที่ยั่วยวนเขาในความฝัน ทุกสัมผัส ทุกคำพูด ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิด เขายังรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทุกครั้งที่นึกถึงมัน
บทที่ 51 นี้คือความสัมพันธ์แบบไหนเมื่อแฟนหนุ่มรับสายพิมก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด แต่ก็ยังแฝงความรู้สึกบางอย่างเอาไว้"พี่ทำอะไรอยู่""มีอะไรไหม? ยังไม่พร้อมคุยตอนนี้ พี่ทำงานอยู่" เสียงเข้มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดตามสไตล์ของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่พิมคุ้นเคยดีเมื่อเขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะคุยแม้เรื่องนั้นจะเร่งด่วนจำเป็นแค่ไหน ถ้าตัวเขาไม่พร้อมก็คือไม่คุยคำพูดนั้นแทงเข้ากลางใจของร่างบางทันที ราวกับมีดที่กรีดลงไปบนบาดแผลทางใจที่เธอกำลังเผชิญอยู่ ความร้อนรุ่มที่เคยมีต่อธนินทร์พลันเย็นชาลงด้วยความเจ็บปวดจากคำพูดที่คุ้นเคยพิมรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยความจริงอันโหดร้าย ทั้งๆ ที่เมื่อครู่เธอยังรู้สึกผิดแทบตายกับเขา แต่คำพูดของเขากลับทำให้ความรู้สึกผิดนั้นถูกแทนที่ด้วยความชาชินและเจ็บปวด
บทที่ 50 ความผิดในใจเธอหั่นขอบขนมปังออกทั้งหมด เพราะคิดว่าเด็กๆ ไม่น่าจะชอบ จากนั้นก็ใส่เนยลงในกระทะเพียงเล็กน้อย รอจนเนยละลายดีแล้ววางขนมปังสองแผ่นลงไปในกระทะร้อนๆขณะที่ขนมปังกำลังปิ้ง เธอก็แกะห่อแฮม แล้ววางแฮมลงไปที่พื้นที่ว่าง ในกระทะเพื่อให้แฮมสุกพอประมาณ เมื่อด้านหนึ่งเริ่มเกรียมเล็กน้อย เธอก็กลับขนมปังและแฮมอีกด้านจากนั้นพิมก็วางชีสลงบนขนมปังทั้งสองแผ่น แผ่นละหนึ่งแผ่น รอจนชีสเริ่มละลายกำลังดี เธอก็วางแฮมที่สุกแล้วลงบนขนมปังแผ่นหนึ่งที่มีชีส ก่อนจะ นำขนมปังอีกแผ่นที่มีชีสมาประกบทับ กลายเป็นแซนด์วิชแฮมชีสชิ้นอวบเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยหญิงสาวก็ยกขนมปังแฮมชีสออกจากกระทะ แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคำ 6 ชิ้น จัดใส่จานอย่างสวยงามพิมยกจานขนมปังแฮมชีสมาหาสองคนพ่อลูก ที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องนั่งเล
บทที่ 49 ไอ้ลูกชาย....ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้พิมช้าๆ เพียงชั่วลมหายใจก่อนริมฝีปากจะสัมผัสกัน เขากระซิบถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและให้เกียรติ "พิม... ผมขอจูบได้ไหม"ร่างบางกำลังจะเอ่ยปากตอบ แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ"แดดดี้~~~" เสียงเล็กๆ ของน้องทีโอดังขึ้นอย่างงัวเงียขณะที่เขาเดินออกมาจากห้องนอนพิมสะดุ้งด้วยความตกใจรีบดันอกธนินทร์ออกทันที แรงดันนั้นทำให้ธนินทร์ที่กำลังโน้มตัวเข้ามาเสียหลักเล็กน้อย‘อะไรกัน! ทีโอ!’ ทำไมต้องเป็นตอนนี้! ร่างสูงรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง หัวใจเจ็บแปลบที่ความตั้งใจอันแน่วแน่ถูกขัดจังหวะในวินาทีสุดท้าย แต่เขาก็ต้องควบคุมตัวเอง... น้องทีโอต้องมาก่อนเสมอธนินทร์เองก็ชะงักค้างไปในท่าที่กำลังโน้มตัว เมื่อได้ยินเสียงเรียกของลูกชายใบหน้าของเขาปรากฏแววผิดหวังอย่างชัดเจ
บทที่ 48 การล้างจานที่แสนโรแมนติกคนตัวสูงหยุดล้างจานชั่วขณะ พร้อมเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวข้างๆด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูและรอยยิ้มอบอุ่น"มาทำอะไรตรงนี้ ไปพักเถอะ" ธนินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจหรือไล่ให้เธอไปไหนจริงจังร่างบางไม่ตอบคำพูดของธนินทร์ แต่เธอยื่นมือไปหยิบฟองน้ำที่วางอยู่ข้างๆ ซิงค์น้ำแล้ว เริ่มช่วยเขาล้างจานโดยไม่พูดอะไรธนินทร์มองพิมด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เขาไม่ได้ห้ามเธออีกต่อไปแต่กลับรู้สึกดีใจที่เธอมาอยู่ข้างๆ"ขอบคุณนะ" ธนินทร์เอ่ยเสียงนุ่มนวลร่างสูงขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้พิมมีพื้นที่ในการล้างจานสะดวกขึ้น ทั้งสองคนยืนล้างจานอยู่ข้างๆ กันในความเงียบ มีเพียงเสียงน้ำไหลและเสียงจานชามกระทบกันเบาๆ บรรยากาศในครัวเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรู้สึกที่ยากจะบรรยายพิมไม่ตอบคำพูดของธนินทร์ เธอเริ่มช่วยเขาล้างจานอย่างเงี







