“ขอโทษทีที่ให้รอนาน ข้ามัวแต่ไปดูสุราหมักน่ะ”
“ไม่เป็นไรพวกข้าเพิ่งจะมาถึง”
“อาชิง ซือซือบอกข้าว่าเจ้าจะจ้างพวกเราทำงานจริงหรือ ข้าทำได้ทุกอย่างตัดไม้ รดน้ำผักหรือทำความสะอาดบ้าน ข้าก็ทำได้” ตอนที่ภรรยาเขาบอกเรื่องหยุนชิงจะจ้างงานเขาดีใจมาก เพราะตอนที่ผู้นำหมู่บ้านประกาศให้ไปลงชื่อคนที่จะไปทำงาน ที่บ้านตระกูลหวังเขาก็ไปลงชื่อไม่ทัน ออกไปหาของป่าช่วงนี้ก็หายาก จะเข้าไปหางานในเมืองก็เป็นห่วงภรรยาอยู่บ้านคนเดียว
“ข้าจะเปิดร้านสุราหมักในอีกไม่กี่เดือน ข้าจะให้พวกเจ้าดูแลร้านให้ ค่าจ้างข้าจะให้คนละสองตำลึงต่อเดือน และหากขายดีข้าจะเพิ่มค่าจ้างให้พวกเจ้าด้วย”
ไป๋ถังกับซือซือถึงกับมองหน้ากันตาโต เดือนละสองตำลึงสองคนก็สี่ตำลึง สี่ตำลึงเชียวนะเงินขนาดนี้เขาต้องหาเป็นปีถึงจะได้มันมากไปหรือไม่
“ข้าว่าค่าจ้างมันดูมากไปหรือไม่ ให้พวกเราแค่เดือนละหนึ่งร้อยอีแปะก็พอ” ซือซือที่เห็นว่าจำนวนเงินค่าจ้างที่สหายให้มากเกินไป นางรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นแก่ความเป็นสหายเก่าก่อน ต้องมาเสียตำลึงมากกับพวกตน
“ใช่ ๆ พี่ว่าเจ้าให้พวกเราแค่ร้อยอีแปะก็พอ อีกอย่างครานั้นเงินหนึ่งตำลึงที่เจ้าให้พี่หยิบยืมมา เป็นค่าสินสอดพี่ก็ยังมิได้คืนเจ้าเลย” ไป๋ถังเห็นด้วยกับภรรยาแค่เงินเดือนละร้อยอีแปะ พวกเขาก็อยู่กันได้สบายแล้ว
“ไม่มากไปหรอกเจ้าค่ะ ที่ข้าให้คนละสองตำลึง ก็เพราะข้าต้องการให้ท่านกับซือซือดูแลร้านนี้ให้กับข้าอย่างเต็มที่ ข้าอยากให้ท่านเลิกรับงานจ้างจากที่อื่น และเลิกออกไปล่าสัตว์เจ้าค่ะ ให้มีเวลาเต็มที่กับร้านสุราของข้า”
“ถ้าเช่นนั้นพวกข้าจะทุ่มเทเต็มที่ อีกอย่างเงินเดือนแรกพวกข้าขอไม่รับ ถือว่าเป็นการคืนเงินทั้งต้นและรวมดอกที่เจ้าให้มาแล้วกัน” ไป๋ถังก็ยังคงยืนยันจะคืนเงินจำนวนนั้นให้ได้
หยุนชิงที่เห็นว่าสองสามีภรรยาอย่างไรก็ไม่ยอม ที่นางจะยกหนี้ให้ก็ได้แต่อ่อนใจ เอาเถอะอย่างน้อยนางก็ได้คนที่ไว้ใจได้ไปดูแลร้านให้ เอาไว้นางค่อยหาวิธีเพิ่มตำลึงให้ทั้งสองคนไปทีละน้อยแล้วกัน นางอยากเห็นชีวิตของสหายทั้งสองมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะทั้งสองกว่าจะฝ่าฟันกันมาถึงตอนนี้ได้ ก็ต้องอดมื้อกินมื้อกันมานาน
“เอาตามที่พี่ถังว่าก็ได้เจ้าค่ะ นี่เงินสิบตำลึงข้าให้ซือซือไปซื้อผ้ามาทำผ้าม่าน ผ้าปูโต๊ะ สำหรับตกแต่งร้าน หากว่าเงินเหลือข้ายกให้พวกเจ้าเลยแล้วกัน ห้ามปฏิเสธเอาตามนี้ ไว้ข้าทำร้านเรียบร้อยข้าจะให้คนไปบอกแก่พวกเจ้าแล้วกันนะ ตอนนี้ข้าขอตัวก่อน” จากนั้นหยุนชิงก็เดินออกจากห้องโถงไปอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวไป๋ถังกับซือซือจะแย้งไม่รับเรื่องเงินค่าทำผ้าม่านที่เหลือ
ด้านไป๋ถังกับซือซือ มองเงินสิบตำลึงในมือ แค่ซื้อผ้ามาทำผ้าม่านกับผ้าปูโต๊ะต้องใช้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ มิใช่ว่าสหายให้เงินพวกเขามาใช้หรอกหรือ เงินเก่ายังไม่คืนพวกเขากับได้ความช่วยเหลืออีกแล้ว ต่อไปพวกเขาสัญญาว่าจะไม่ลืมบุญคุณที่สหายคนนี้มอบให้ จะจงรักภักดีและซื่อสัตย์ให้สมกับที่นางไว้ใจพวกเขา
ชายป่าท้ายหมู่บ้าน
“ท่านหัวหน้า” ชายชุดดำทั้งสามปิดบังใบหน้า แต่งกายมิดชิดประสานมือนั่งคุกเข่าเมื่อพบร่างสูงของผู้เป็นหัวหน้า
“เรื่องที่ให้ไปทำได้เรื่องหรือไม่” ร่างสูงที่ยืนหันหลังให้กับชายชุดดำทั้งสาม ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ
“ทางนั้นเริ่มเคลื่อนไหวแล้วขอรับ” ชายชุดดำหนึ่งบอก
“พวกเราจัดเตรียมทุกอย่างรอแล้วขอรับ” ชายชุดดำสอง
“มีคำสั่งจากเบื้องบนต้องการพบท่านขอรับ” ชายชุดดำสาม
“อีกสองเดือนข้าจะเข้าพบ ตอนนี้ยังไม่สะดวกฝ่ายนั้นยังจับตามอง” ร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างเนิบนาบ ไม่ได้มีท่าทียินดียินร้ายกับข่าวที่ได้รับรู้
“เรื่องข่าวที่ท่านถูกสังหารเมื่อสามปีก่อน อีกฝ่ายเริ่มระแคะระคายแล้ว ว่าท่านยังไม่ตายท่านหัวหน้าโปรดระวังตัวด้วย” ชายชุดดำหนึ่งเอ่ยบอก
“เช่นนั้นพวกข้าขอลา” ชายชุดดำทั้งสามเอ่ยลา เพียงพริบตาเงาดำทั้งสามสายได้หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
ร่างสูงยกมุมปากโค้งขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนจะเดินหายไปจากตรงนั้นเช่นกัน
“อาชิงขนมถั่วกวนนี้รสชาติดีมากหวานมัน พอได้คู่กับน้ำชายิ่งเข้ากันไปใหญ่” ท่านป้าอู่ชมไม่ขาดปาก“เช่นนั้นท่านป้าก็ห่อกลับบ้านไปให้ท่านลุงอู่ทานด้วยนะเจ้าคะ”“ขอบใจเจ้ามากนะตาแก่นั่นคงชอบมากแน่ ๆ” ป้าอู่ยิ้มอย่างดีใจที่หยุนชิงให้ห่อกลับไปกินที่บ้านได้ สามีนางจะได้กินขนมอร่อย ๆ บ้าง“อาลี่ อาเล่อ นำขนมพวกนี้ไปให้คนอื่น ๆ ด้วยนะ คนในไร่กับที่โรงงานน้ำผึ้งด้วย” หยุนชิงหันไปบอกสาวใช้ในครัวให้นำขนมไปแจกจ่ายให้คนอื่น ๆ กินด้วย“เจ้าค่ะนายหญิง”อาลี่กับอาเล่อดีใจกันไม่น้อย การได้เป็นบ่าวบ้านนี้ดีกว่าบ้านอื่น ๆ มากนัก เดิมทีพวกนางเป็นสาวใช้ของเถ้าแก่เกา แต่ด้วยความเอ็นดูนายหญิงกับนายท่าน อีกทั้งเถ้าแก่เกามีลูกชายเพียงคนเดียวที่ทำการค้าอยู่ต่างแคว้น นานทีจึงจะได้พบกันเมื่อเห็นนายหญิงกับนายท่านจึงได้เอ็นดูนับเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่ง ตอนแรกพวกนางไม่ค่อยจะเต็มใจมานัก หากแต่มีงานทำก็ยังดี ที่ไหนได้พอได้มาอยู่ที่นี่พวกนางกลับได้อยู่ดีกินดีกว่าที่เก่ามาก นายท่านกับนายหญิงก็ใจดีมิเคยดุด่า ค่าแรงยังให้เพิ่มจากเดิมที่เคยได้รับ จนตอนนี้ครอบครัวของพวกตนไม่ได้ลำบากเหมือนแต่ก่อนด้านอาจูน้อยมิได้พูดจาอีกตั้งแ
หยุนชิงนั่งเท้าคางอย่างเบื่อหน่ายอยู่ในห้องนอนเพียงลำพัง ช่วงนี้ตัวนางว่างมากตั้งแต่วันนั้นหวังอี้หลินไม่ยอมให้นางหยิบจับสิ่งใด เขาบอกเพียงว่าแค่ยามค่ำคืนนางก็เหนื่อยมากพอแล้ว เหอะสามีหน้าเหม็นไม่เคยให้นางได้พักเลยสัก คืนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยบ้างหรืออย่างไรงานภายในไร่หวังอี้หลินก็เป็นคนจัดการแทนนางทั้งหมด พอนางจะไปที่โรงงานทำน้ำผึ้ง งานทุกอย่างกลับถูกจัดสรรเรียบร้อยด้วยฝีมือของสามี จนตอนนี้นางถึงได้มานั่งเบื่อหน่ายไม่รู้จะทำสิ่งใดแก้เบื่อพอนั่งคิดว่าจะทำอะไรดี หยุนชิงถึงได้นึกออกว่าเมื่อสองวันก่อน เถ้าแก่เกาให้คนนำเงินส่วนแบ่งประจำเดือนมาให้ และยังนำลูกมะพร้าวมาให้ห้าลูกบ่าวที่นำมาบอกว่าเถ้าแก่ได้มาจากเรือขนส่งสินค้าจากต่างแคว้น เช่นนั้นนางลองไปทำขนมถั่วกวนกินดีกว่าเมื่อเดินออกมาจากห้องหญิงสาวก็ได้สอดส่ายสายตามองหาอาจูน้อย นางคิดว่าจะชวนบุตรสาวไปทำขนมกัน เด็กน้อยคงน่าจะชอบ เพราะอาจูน้อยของนางช่างกินเก่งนัก จนตัวอ้วนกลมโดนพี่ป้าน้าอาที่มาทำงานโรงงาน ต่างแซวเด็กน้อยว่าลูกหมูน้อยอาจู แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวกลับหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจเสียมากมายหญิงสาวเดินหาบุตรสาวอยู่สักพัก จึงได้ไปเจออา
“ขอโทษทีที่ให้รอนาน ข้ามัวแต่ไปดูสุราหมักน่ะ”“ไม่เป็นไรพวกข้าเพิ่งจะมาถึง”“อาชิง ซือซือบอกข้าว่าเจ้าจะจ้างพวกเราทำงานจริงหรือ ข้าทำได้ทุกอย่างตัดไม้ รดน้ำผักหรือทำความสะอาดบ้าน ข้าก็ทำได้” ตอนที่ภรรยาเขาบอกเรื่องหยุนชิงจะจ้างงานเขาดีใจมาก เพราะตอนที่ผู้นำหมู่บ้านประกาศให้ไปลงชื่อคนที่จะไปทำงาน ที่บ้านตระกูลหวังเขาก็ไปลงชื่อไม่ทัน ออกไปหาของป่าช่วงนี้ก็หายาก จะเข้าไปหางานในเมืองก็เป็นห่วงภรรยาอยู่บ้านคนเดียว“ข้าจะเปิดร้านสุราหมักในอีกไม่กี่เดือน ข้าจะให้พวกเจ้าดูแลร้านให้ ค่าจ้างข้าจะให้คนละสองตำลึงต่อเดือน และหากขายดีข้าจะเพิ่มค่าจ้างให้พวกเจ้าด้วย”ไป๋ถังกับซือซือถึงกับมองหน้ากันตาโต เดือนละสองตำลึงสองคนก็สี่ตำลึง สี่ตำลึงเชียวนะเงินขนาดนี้เขาต้องหาเป็นปีถึงจะได้มันมากไปหรือไม่“ข้าว่าค่าจ้างมันดูมากไปหรือไม่ ให้พวกเราแค่เดือนละหนึ่งร้อยอีแปะก็พอ” ซือซือที่เห็นว่าจำนวนเงินค่าจ้างที่สหายให้มากเกินไป นางรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นแก่ความเป็นสหายเก่าก่อน ต้องมาเสียตำลึงมากกับพวกตน“ใช่ ๆ พี่ว่าเจ้าให้พวกเราแค่ร้อยอีแปะก็พอ อีกอย่างครานั้นเงินหนึ่งตำลึงที่เจ้าให้พี่หยิ
ผ่านไปห้าวันหลังจากที่ทำการหมักสุรา วันนี้ก็ถึงกำหนดจะต้องมาลองชิมดูว่าจะหวานได้ที่หรือไม่ เมื่อชิมแล้วรสสุราได้ตามที่หญิงสาวต้องการ นางจึงนำน้ำที่ต้มสุกปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นแล้วเทลงในไหสุราหมัก โดยระมัดระวังมิให้ก้อนข้าวแตกแล้วจึงปิดฝาให้แน่นหนาเช่นเคย หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือนเป็นอันว่าสามารถนำมาดื่มได้และวันนี้ก็เป็นวันที่นางนัดพบกับซือซือ เพื่อคุยเรื่องที่จะให้สหายมาช่วยงาน หยุนชิงได้คุยกับหวังอี้หลินแล้วว่าหากนางหมักสุราสำเร็จจะเปิดร้านขายสุรา จะหาซื้อร้านสักร้านในเมืองเพื่อมาเปิดร้าน โดยจะให้ไป๋ถังกับซือซือดูแลร้านสุราแทนตอนนี้บ้านนางก็ถือว่าพอจะมีเงินลงทุนทำการค้าได้อย่างไม่ลำบากมากนัก ด้วยรายได้ที่ขายน้ำผึ้งกับเถ้าแก่เกาก็ถือว่าดีไม่น้อยเพื่อเจ้าก้อนแป้งน้อยในอนาคต นางจะสร้างรากฐานที่ดีและมั่นคงไว้ให้กับลูก ๆ ของนางกับสามีอีกทั้งอาจูน้อยนับวันก็ยิ่งโต มีแววว่าจะเป็นสาวงาม ผิวพรรณของเด็กน้อยที่ดูเนียนขาวรามน้ำนม ซึ่งแตกต่างจากลูกสาวชาวบ้านธรรมดา หากพ่อแม่ที่แท้จริงของอาจูน้อยไม่ตามหา หยุนชิงก็จะถือว่าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวนางอย่างเต็มตัวแต่ถ้าหากว่าถึงวันที่อาจูพอเจอครอบครัวตัวเอง
ทั้งสองเดินเข้ามาถึงโรงครัวก็เห็นวัตถุดิบต่าง ๆ ถูกวางเตรียมไว้ให้เป็นอย่างดี หยุนชิงจึงเริ่มจากนำข้าวสารข้าวเหนียวที่แช่น้ำไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน มาทำการล้างด้วยน้ำสะอาดสองถึงสามรอบ จนน้ำไม่มีสีขุ่นล้างจนข้าวสะอาดเรียบร้อยแล้ว ก็นำข้าวลงนึ่งในระหว่างรอข้าวสุกทั้งสองก็ได้นำลูกแป้ง ที่หยุนชิงได้ลองทำไว้เมื่อหลายวันก่อน มาบดให้ละเอียดในผ้าขาวบาง พอข้าวสุกคดข้าวให้คลายร้อนสักพัก นำข้าวนึ่งที่เตรียมไว้มาใส่ถังไม้ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก พร้อมกับโรยผงลูกแป้งตามลงไป แล้วใช้มือคลุกเคล้าให้เข้ากัน โดยขณะทำการคลุกข้าวกับผงลูกแป้ง นางก็ให้ซือซือเป็นคนเทน้ำอุ่นตามลงไปด้วย ตามสัดส่วนที่นางบอกหลังจากที่คลุกผงลูกแป้งกับข้าวเหนียวนึ่ง ก็นำข้าวเทใส่ไหดินเผาที่เตรียมไว้ หยุนชิงทำไม่เยอะนางลองทำดูเพียงสามไหเท่านั้นหากกินได้รสชาติดีค่อยทำเพิ่มอีก เมื่อนำใส่ไหเรียบร้อยก็ได้จัดการปิดฝาอย่างแน่นหนา และนำไปเก็บไว้ประมาณห้าวันถึงจะนำมาเปิดชิมรสชาติดูแล้วค่อยทำการหมักต่อ“เรียบร้อยที่เหลือเราก็รออีกห้าวัน เราค่อยมาชิมดูว่าได้รสชาติดีหรือไม่ จากนั้นอีกหนึ่งเดือนก็เป็นอันหมักได้ที่” หยุนชิงบอกกับสหายด้วยใบหน้าเปื้อ
ยามซื่อ (09.00-10.59 น.) ร่างบางที่นอนหลับใหล เพราะความอ่อนล้าเริ่มขยับตัวใต้ผ้าห่มเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาขึ้นมาหญิงสาวขยับตัวลุกนั่งอย่างทุลักทุเล เพราะความเจ็บปวดเมื่อยกายจนไม่สามารถขยับตัวได้ถนัด รู้สึกเจ็บแปลบตรงกลางกายมากกว่าส่วนอื่น“โอ๊ย เอวข้าไม่ใช่ว่าพังหมดแล้วนะเจ็บขนาดนี้” หยุนชิงบ่นด้วยเสียงแหบแห้ง หญิงสาวสอดส่ายสายตามองหาใครบางคนไปจนทั่วทั้งห้องแต่ก็ไม่พบใคร ก่อนจะขยับก้าวขาลงจากเตียงเพื่อจะไปอาบน้ำชำระร่างกาย แต่ร่างบอบบางยังไม่ทันจะยืนได้มั่นคงกลับถูกใครบางคนอุ้มขึ้นจนตัวลอยตกอยู่ในอ้อมแขนนั้น“เหตุใดไม่เรียกใครเข้ามาช่วยพาไปอาบน้ำ หากเจ้าล้มบาดเจ็บขึ้นมาจะทำเช่นไร” หวังอี้หลินที่เปิดประตูห้องเข้ามาเห็นภรรยากำลังซวนเซจะล้มพอดี จึงปราดเข้ามารับตัวนางไว้ได้ทัน“ท่านดูสภาพข้าสิเจ้าคะ จะกล้าเรียกได้อย่างไรอายคนอื่นเขาแย่” ยิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อวานนางกับเขาเร่าร้อนกันแค่ไหนใบหน้าเล็กเห่อร้อนขึ้นมาทันที พร้อมกลับซุกหน้าเข้ากับอกกว้างเพื่อหนีความอายร่างหนาหัวเราะร่วนอย่างชอบอกชอบใจ ยิ่งได้เห็นท่าทีเขินอายของภรรยาแล้ว ชวนให้เขาเบิกบานใจยิ่งยามปกตินางดุราวกับแม่เสือ ดูยามนี้สิราวกั
ร่างบางถามเสียงเบาหวิวเริ่มสติไม่อยู่กับตัว หวังอี้หลินจูบซับไปทั่วใบหน้าอย่างหลงใหล แก้มเนียนเริ่มเปลี่ยนสีนางรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว“ไม่กลัว แล้วเจ้ารักพี่หรือไม่” เขาก็อยากได้ยินจากปากบางนี้ให้ชื่นใจเช่นกัน“ข้าไม่รู้ ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ข้าใจเต้นแรง เวลาท่านอยู่กับหญิงอื่นข้าคิดมากร้อนใจ และไม่ชอบด้วยเจ้าค่ะ แบบนี้เขาเรียกว่ารักหรือไม่ เพราะโลกก่อนข้าไม่เคยมีความรัก ข้าไม่รู้ว่าความรู้สึกรักระหว่างชายหญิงเป็นเช่นไร” ตอนนี้สมองนางเริ่มจะคิดอะไรไม่ออกลมหายใจของหยุนชิงเริ่มขาดห้วง ร่างกายร้อนวูบวาบด้วยอารมณ์บางอย่าง“เช่นนั้นเราใจตรงกัน” ฝ่ามือหนาเคลื่อนไหวเข้าไปในสาบเสื้อ ที่เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มเคล้นคลึงอย่างเบามือยิ่งชายหนุ่มสัมผัสมากขึ้นเท่าไรความปรารถนาที่ปั่นป่วนอยู่ภายในกาย ทำให้ร่างบางบิดไปมาด้วยความร้อนรุ่ม เนินอกขาวผ่องและไหล่ที่โผล่พ้นออกมาทำให้ หวังอี้หลินแอบกลืนน้ำลายอยู่หลายครั้ง ทั้งยังปั่นป่วนในช่องท้องมากขึ้นสิ่งที่หลับใหลใต้ชุดกำลังตื่นตัวเต็มที่“ชิงเอ๋อเรามีน้องให้อาจูสักคนดีหรือไม่” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามใบหน้า และริมฝีปากก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่ซอกคอหอมกรุ่นไ
หวังอี้หลินมองภรรยาด้วยสายตาคาดคั้น หยุนชิงเริ่มจะร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมาแล้วตอนนี้ ก่อนหน้านางยังเป็นฝ่ายกดดันเขาอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้กลับกลายเป็นนางเองที่โดนเขากดดันไปได้ล่ะร่างบางโดนจ้องมองอย่างกดดันค่อย ๆ ขยับถอยห่างร่างหนาไปจนชิดหัวเตียง รู้ตัวอีกทีว่าไม่อาจหนีไปทางไหนได้แล้วก็ตกอยู่ในวงแขนของชายหนุ่มซะแล้ว เอาเถอะเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วบอกความจริงไปให้หมด ต่อจากนี้อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดแล้วกัน“ข้าขอถามอะไรสักอย่างได้หรือไม่” หญิงสาวถามขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก“ได้สิ จะกี่อย่างก็ได้” นอกจากคำถามของภรรยาแล้ว เขายังฉวยหอมแก้มนิ่มนั้นเข้าไปเต็มปอด“หากข้าบอกว่าข้าไม่ใช่ภรรยาท่าน ข้าเป็นเพียงวิญญาณดวงหนึ่งเท่านั้น ภรรยาตัวจริงของท่านตายไปนานแล้วท่านจะเชื่อหรือไม่”“พี่เชื่อทุกอย่างที่เจ้าพูด” จากที่หอมแก้มซ้ายเขาก็ย้ายมาหอมแก้มขวา มือที่เคยนิ่งตอนนี้กลับไม่อยู่ที่เดิม“เหตุใดท่านเชื่อข้าง่ายเช่นนี้ ไม่หวาดกลัวข้าเลยหรือ” หยุนชิงที่มัวแต่กังวลใจกลัวว่าหวังอี้หลินจะรับในตัวนางไม่ได้ ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าสายคาดเอวตอนนี้ถูกชายหนุ่มคลายปมผ้าไปแล้ว“พี่รู้ว่าเจ้าไม่ใช่นาง”“รู้หรือ ท่านรู้ได
เร็วเท่าความคิดร่างบางปรี่เข้าไปใกล้ตบเข้าที่หน้าร่างสูงเต็มแรง ยัง ยังไม่หนำใจนางขออีกสักหลาย ๆ ทีแล้วกัน ไม่ใช่เพียงแค่ตบหญิงสาวทั้งทุบทั้งตีหวังอี้หลินจนเหนื่อยหอบ ก่อนจะถอยหลังไปนั่งที่เตียงอย่างหมดแรง มองสามีอย่างโกรธเคืองชายหนุ่มเห็นว่าภรรยาได้ระบายจนพอใจแล้ว จึงเดินเข้าไปนั่งข้างกายเอื้อมมือหนาไปกุมมือภรรยาไว้ แล้วตบเบา ๆ ให้ใจเย็นหยุนชิงมองการกระทำของสามีอย่างไม่พอใจ ไม่คิดจะอธิบายแล้วยังมาปลอบนางอีก มันน่ากัดหูสักทีดีหรือไม่ หญิงสาวหลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนออกมา“เอาล่ะใจเย็นแล้วใช่หรือไม่พร้อมจะฟังเรื่องทั้งหมดหรือยัง”“รีบพูดมาสิเจ้าคะ ถ้าเหตุผลท่านไม่เพียงพอได้เห็นดีกันแน่” ร่างบางจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง“ในตอนนั้นพี่ไปเยี่ยมสหายที่ต่างเมือง ตอนพี่ไปพบเขาใกล้จะสิ้นลมแล้วไม่รู้ว่าถูกใครทำร้ายมา ในอ้อมกอดมีเด็กหญิงคนหนึ่ง เขาฝากให้พี่ดูแลเด็กคนนี้แทน เพราะเขาคงจะไม่รอดแล้ว ที่พี่ไม่ได้บอกใครว่าอาจูเป็นลูกใคร พี่เองก็ไม่รู้เพราะสหายผู้นั้นไม่ได้บอกอะไรนอกจากมอบแหวนหยกไว้ให้เพียงเท่านั้น แล้วบอกแค่ว่าสักวันเจ้าของแหวนวงนี้จะตามหาเด็กน้อยเอง เ