เมื่อปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นทุกคนก็ได้กลับมารวมตัวกันที่ค่าย เพื่อปรึกษาหารือกันต่อว่าจะทำเช่นไรต่อไป
“เรามีเวลาเพียงสิบสี่วันในการเตรียมตัว และวางแผนชิงสารนั้นพวกเจ้ามีความเห็นเช่นไรบ้าง” หวังอี้หลินมองหน้าทุกคนอยากขอความคิดเห็น
“ข้าคิดว่าเราควรไปชิงสารนั้นจากเฒ่ากงยี่ง่ายกว่าหากว่าเราจะไปชิงจากเผ่าซ่งหนู” หานลู่ออกความเห็น
“ข้าเห็นด้วยกับเจ้า แต่ถึงอย่างนั้นจวนตาเฒ่านั่น ก็ยังมีการคุ้มกันที่แน่นหนาอยู่ดีเราจะประมาทไม่ได้” หยงเจา
“ข้าก็เห็นด้วย หากเราจะต้องปลอมตัวเข้าไป จะทำด้วยวิธีใดกันดีถึงจะง่ายและไม่เป็นที่ผิดสังเกต” หยงเหม่า
“เรื่องนั้นข้าคิดไว้แล้ว เราจะปลอมตัวเป็นคนส่งเหล้าเพื่อเข้าไปเพื่อที่พวกเราจะเข้าไปภายในจวนหาสารลับได้โดยง่ายไม่มีใครสงสัยแน่นอน” หวังอี้หลินกล่าวบอกด้วยสีหน้ามั่นใจ
“แล้วเราจะทำเช่นไรถึงจะได้ไปส่งเหล้าที่นั่นได้” หานลู่ถามขึ้นอย่างสงสัย หากว่าเป็นร้านขายสุราธรรมดา ๆ คงเป็นการยากที่จะเข้าไปส่งได้
“พวกเจ้ายังไม่รู้กระมังร้านเหล้าฟู่หวังที่โด่งดังเป็นของครอบครัวข้าเอง ภรรยาข้าเป็นผู้คิดสูตร จวนเฒ่ากงยี่สั่งเหล้าจากร้านเป็นประจำ ต้องเข้าไปส่งทุกเดือนอยู่แล้ว”
พวกเขาทั้งหมดหันไปมองหวังอี้หลินเป็นตาเดียวกัน ร้านเหล้าฟู่หวังที่ว่ากันว่ารสชาติหวานละมุนลิ้นไม่มีกลิ่นฉุน แม้แต่ในวังยังต้องสั่งเหล้าจากร้านนี้ นี่ท่านหัวหน้าจะวาสนาดีเกินไปหรือไม่
“พวกข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ แล้วพวกเราจะออกเดินทางเมื่อใด” หยงเจา
“หยงเหม่าเจ้าดูแลเว่ยป๋อและดูแลค่ายที่นี่ หากข้าต้องการความช่วยเหลือจะติดต่อหาเจ้าเอง หานลู่ หยงเจา พวกเจ้าไปเตรียมตัวพรุ่งนี้เช้าออกเดินทางทันที”
“รับทราบ”
บ้านตระกูลหวัง
“ท่านแม่ท่านพ่อไปไหน ข้าคิดถึงท่านพ่อเจ้าค่ะ” เด็กน้อยอาจูที่ตอนนี้นั่งอยู่บนตักมารดา กินขนมอย่างเอร็ดอร่อยถามถึงผู้เป็นบิดา นางไม่เจอหน้าท่านพ่อมาหลายวันแล้ว ท่านแม่บอกเพียงแค่ว่าไปเยี่ยมสหายต่างเมือง แค่เยี่ยมสหายเองทำไมถึงได้ไปนาน ขนาดนางไปเยี่ยมสหายในหมู่บ้านไม่ถึงครึ่งวันก็กลับมาแล้ว
“เดี๋ยวท่านพ่อก็กลับมาแล้วเด็กดี แม่ว่าเจ้ากินเสร็จแล้วรีบไปผลัดเปลี่ยนชุดเถอะ อีกสักพักรถม้าของท่านป้าเจียอีจะมารับเราแล้ว” หยุนชิงบอกกับลูกสาวตัวน้อยก่อนจะส่งนางให้กับอาเล่อ พาไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ตัวนางเองก็จะไปเตรียมตัวเช่นกัน
สิ่งที่หยุนชิงนำติดมือไปด้วยเพื่อเป็นของกำนัลในการไปเยือนเป็นครั้งแรกนั้นคือ ชามะลิ น้ำผึ้ง และเหล้าสาโท ถึงแม้ดูจากผู้ติดตามหรือการแต่งตัวของอีกฝ่าย จะดูร่ำรวยราวกับเป็นฮูหยินของขุนนางระดับสูง ในจวนคงไม่ขาดเหลือของเหล่านี้แต่หากจะให้ไปมือเปล่าก็จะดูเป็นการเสียมารยาทเกินไป
เพียงไม่นานรถม้าก็มาจอดรอรับที่หน้าบ้านหยุนชิง อาจู และอาเล่อ ออกมาขึ้นรถม้าเพื่อจะออกเดินทางไปยังจวนของหนานเจียอี ตอนแรกที่หญิงสาวเห็นรถม้าก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะดูเป็นรถม้าธรรมดา
แต่เมื่อเข้ามาด้านใน สิ่งที่ได้เห็นคือความหรูหราผนังกับพื้นบุด้วยฟูกอย่างดี พื้นด้านล่างปูด้วยพรมนุ่มทับอีกชั้น มีโต๊ะอันเล็กสำหรับวางชุดน้ำชาพร้อมทั้งขนม ไว้ให้รับประทานในระหว่างเดินทาง ผ้าม่านหรือการตกแต่งภายในล้วนแล้วแต่เป็นของราคาแพงทั้งหมด แต่สัญลักษณ์ข้างรถม้ามันดูคุ้นตาแต่นางกลับนึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
รถม้าเริ่มเคลื่อนตัวออกไปเรื่อย ๆ หยุนชิงมองบรรยากาศรอบนอกทางหน้าต่าง มือบางเปิดม่านออกชาวบ้านต่างมองมายังคนในรถม้าด้วยแววตาตื่น บ้างก็มองอย่างสงสัยก็แค่นางนั่งรถม้าเข้าเมืองมีตรงไหนแปลกกัน ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยามรถม้าก็ได้หยุดนิ่ง คนขับรถม้าได้เดินมาเปิดม่านและบอกว่าได้มาถึงแล้ว
เพียงแค่ลงมาจากรถม้าหยุนชิงก็ต้องตกตะลึงเข้ากับป้ายใหญ่โตมโหฬารที่เขียนอยู่ตรงหน้า นั้นคือวังอ๋อง 'อ๋องหนานฟาหยาง' มิน่าเล่าถึงว่าได้คุ้นเหลือเกิน มันน่าเขกหัวตัวเองนักทำไมไม่คิดออกให้มันเร็วกว่านี้
ทางด้านหวังอี้หลินถึงแม้จะรู้สึกคันยุบยิบที่อกข้างซ้าย กับความอ้อนของภรรยาอยากจะดึงตัวเข้ามาฟัดแรง ๆ สักที แต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้"ถ้าอย่างนั้นให้พี่อุ้มดีหรือไม่""ท่านพี่" หยุนชิงนั่งกอดอกส่งค้อนให้วงใหญ่ ให้เขาอุ้มนางจะต่างอะไรกับนอนอยู่ในห้องกันล่ะ"เอาล่ะ ๆ พี่ยอมแล้วเจ้าอย่าได้อารมณ์ไม่ดีจะไม่ดีกับลูกของเรา แต่หากจะไปไหนต้องมีพี่ไปด้วยหรือมีคนติดตามเจ้าทุกครั้งสัญญาได้หรือไม่""ข้าสัญญาเจ้าค่ะ ท่านพี่ใจดีที่สุด" เมื่อได้คำตอบที่ถูกใจนางจึงแถมหอมแก้มให้หนึ่งฟอดแต่ความวุ่นวายไม่จบเพียงเท่านั้น ในขณะที่หยุนชิงกำลังจะนั่งลงบนม้านั่งในสวนดอกไม้ข้างจวน"ท่านแม่อย่าเพิ่งนั่งเจ้าค่ะ พี่สาวเล่อขอผ้า" อาจูน้อยรีบร้องบอกมารดา ก่อนจะยื่นมือไปรับผ้าจากอาเล่อ แล้ววิ่งมาปัดม้านั่งจนสะอาด"เจ้าทำอะไรน่ะอาจู" หยุนชิงเอ่ยถามอย่างงุนงง"ทำความสะอาดเจ้าค่ะ เดี๋ยวน้องจะไม่สบาย""น้ำนี่เย็นเกินไปห้ามกินพี่สาวเล่อเปลี่ยนน้ำอุ่นเจ้าค่ะ""เจ้าค่ะคุณหนู""เจ้าอย่าทำหน้ายุ่งสิเดี๋ยวลูกเราจะเครียด"หยุนชิงพูดไม่ออกทั้งพ่อทั้งลูกจะห่วงอะไรกันขนาดนั้น"ทำดีมากอาจูลูกพ่อพวกเราต้องปกป้องท่านแม่กับน้องเข้าใจหรื
"ทูลท่านอ๋องหาตัวท่านหัวหน้าองครักษ์ไม่พบพ่ะย่ะค่ะ" หนึ่งในเงาได้รับคำสั่งให้ตามหาหัวหน้าองครักษ์ เนื่องจากไม่กี่วันก่อนได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่แล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย"หาตัวให้พบถ้านำกลับมาแบบที่ยังหายใจไม่ได้ก็อย่าให้มีลมหายใจ" อ๋องหนานจิ้งแทบระงับโทสะไม่อยู่ต้องระบายความโกรธลงกับโต๊ะจนขาดเป็นสองท่อนแผนการจะสำเร็จอยู่แล้วเชียว มันผู้ใดกล้ายื่นมือเข้ามาสอด แผนการที่จะให้พี่น้องฆ่ากันเองคงจะเป็นการยาก เห็นทีต้องเปลี่ยนแผนให้พวกเผ่าซ่งหนูยกทัพมาตีเมืองเร็วกว่ากำหนด"ท่านอ๋องแต่ว่าท่านหัวหน้า อ๊าก"ตุ๊บยังไม่ทันที่เงาผู้นั้นจะพูดจบร่างที่โดนเตะจนลอยไปตกหน้าประตูกระอักเลือดคำโตออกมา ทหารที่ยืนอยู่ต่างไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย เพราะต่างก็รู้ว่าอ๋องเฒ่าผู้นี้อารมณ์ร้าย และสามารถฆ่าพวกเขาได้ทุกเมื่อ การที่เงาผู้นั้นเอ่ยปากขัดเพื่อจะช่วยหัวหน้า นั่นหมายถึงการที่ตนเอาชีวิตมาทิ้งโดยแท้"ไปจัดการตามที่ข้าสั่งอย่าข้าให้ต้องพูดซ้ำ" อ๋องเฒ่าปรายตามองด้วยความเฉยชา สำหรับเขาคนพวกนี้ก็แค่มดปลวก ไม่ได้มีความสำคัญใด ๆ ทั้งสิ้น กับอีแค่ทหารคนเดียวหายไปจะเป็นอะไรไป"พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา" กล่าวจบเงาร่
"จริงสิเจ้าคะ อาจูล่ะข้าหลับไปตั้งสามวัน ใครดูแลไม่รู้เป็นเช่นไรบ้างข้าขอไปดูลูกสักหน่อย"หวังอี้หลินได้ถอนหายใจตั้งแต่อาจูน้อยรู้ว่าท่านแม่จะมีน้อง นางก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง ถามคำตอบคำเขาก็จนปัญญา ไหนภรรยาจะหลับไม่ยอมตื่นอีก"พี่ไปด้วย"เมื่อเข้ามาถึงในห้องของบุตรสาวสิ่งที่เห็นตรงหน้า มีเพียงก้อนกลม ๆ ของผ้าห่มอยู่บนเตียง กับเสียงสะอื้นออกมาเบา ๆสองสามีภรรยารีบปราดเข้าไปหาร่างเล็กของเด็กน้อย ตกใจที่เห็นนางนอนร้องไห้หรือระหว่างที่ตนหลับถูกใครรังแก"อาจูไหนบอกแม่สิ ใครรังแกเจ้า""บอกพ่อมาพ่อจะจัดการให้เจ้าเอง"อาจูน้อยขดตัวใต้ผ้าห่มได้ยินเสียงของท่านพ่อกับท่านแม่จึงได้รีบเช็ดน้ำตาค่อย ๆ โผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม"จูไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แค่ แค่ แง ๆ ๆ" จากที่คิดว่าตนจะไม่ร้องไห้แล้ว แต่พอคิดถึงสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจทนฝืนต่อไปไม่ไหวจนต้องปล่อยโฮออกมา โถมตัวเข้ากอดหยุนชิงเต็มแรง"อาจูอย่าโถมตัวใส่ท่านแม่เช่นนี้ ท่านแม่กำลังมีน้อง" หวังอี้หลินร้องห้ามเสียงหลง"จูขอโทษเจ้าค่ะ" เด็กน้อยถูกผู้เป็นบิดาดุเป็นครั้งแรกถึงกับหน้าเสีย ก่อนจะขยับตัวออกห่างจากหยุนชิงเพราะกลัวท่านพ่อจะไม่พอใจ"ท่านพี่เห
"อืมมม" ร่างบางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทีละนิดกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับการมองเห็นให้ชัดมากขึ้น"ชิงเอ๋อร์เจ้าตื่นแล้วหรือ เจ้าดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่" ชายหนุ่มที่นั่งเฝ้าภรรยาอยู่ด้านข้างรีบคว้ามือนางขึ้นมาจับสอบถามอย่างห่วงใย"ข้าสบายดีแค่นอนหลับพักผ่อนมีอะไรหรือเจ้าคะ ดูสีหน้าท่านไม่ค่อยดี""ก็เจ้าหลับไปตั้งสามวัน พี่เชิญท่านหมอมาตรวจบอกเพียง ว่าเจ้าไม่เป็นอะไรแค่หลับไปเท่านั้นจะไม่ให้พี่ห่วงได้อย่างไร" หลังจากที่เค้นความลับจากคนที่จับมาได้เขาก็ตั้งใจจะให้ภรรยานอนพักสักหน่อยค่อยปลุกมากินข้าว เมื่อถึงเวลาเข้าไปปลุกนางกลับไม่ยอมตื่น เขายิ่งร้อนรนตามหมอมาตรวจกลับไม่มีผู้ใดทราบถึงสาเหตุ บอกเพียงแค่ไม่ได้ป่วยเหมือนนางนอนหลับไปเท่านั้นเป็นไปได้อย่างไรนางแค่มานอนกลางวันแล้วฝันแปลก ๆ จะผ่านไปถึงสามวันเลยหรือบ้าไปแล้วจะว่าไปความฝันก็ดูแปลก ๆ ไม่มีสิ่งใดให้นึกถึงพี่สาวเมิ่งแต่ว่าตนกลับฝันถึงอีกฝ่ายไปได้ แถมยังตกปากรับคำจะช่วยดูแลสหายพี่สาวเมิ่งอีก ไม่รู้ว่าทั้งสามจะมากันตอนไหน จะได้จัดเตรียมต้อนรับถูกเพราะมัวแต่ฟังพวกเขาทะเลาะกันเลยทำให้ลืมถามไปเสียได้"ท่านพี่อย่าล้อข้าเล่นสิเจ้าคะ" ร่างบางยังไม่เชื่อ
"นางหนูตื่น ๆ ""อืม แจ๊บ ๆ อย่ากวน ข้าจะนอน คร่อกฟี้""ตื่น ๆ เจ้าจะนอนกินบ้านกินเมืองเลยหรือไง""อย่ากวน ก็บอกว่าคนจะนอนไงเล่า" หยุนชิงบ่นออกมาอย่างรำคาญ เมื่อมีบางอย่างรบกวนการนอนของตนเอง ทั้งที่ตายังหลับแต่มือก็ยังโบกปัดสิ่งที่มารบกวน"ไม่ยอมตื่นใช่ไหม ได้! ข้าขอใช้วิธีเดิมก็แล้วกัน" ยายเมิ่งที่ความอดทนต่ำปลุกหญิงสาวตรงหน้าอย่างไรก็ไม่ยอมตื่น จนนางต้องใช้วิธีสุดท้าย ก็คือยกฝ่าเท้าขึ้นก่อนจะสะกิดเล็กน้อยตรงบั้นท้ายอันงามงอนของร่างบางตรงหน้าตุ๊บโครม"โอ๊ย!!!! "ร่างบางที่กลิ้งหลุน ๆ ตามแรงถีบตอนนี้ถึงกับตื่นเต็มตา ก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่งลูบก้นตัวเองปรอย ๆ พร้อมกับสะบัดหน้ามองแรงยายเมิ่งอย่างไม่พอใจ"เจ้าจะโทษข้าไม่ได้นะ ข้าปลุกดี ๆ แล้วเจ้าไม่ยอมตื่นเอง" ยายเมิ่งที่เห็นอีกฝ่ายมองแรงอย่างคาดโทษจึงรีบพูดอธิบาย นางก็ว่าออกแรงแค่นิดเดียวเองนะ"คราวก่อนท่านก็ถีบข้านะเจ้าคะ แต่เดี๋ยวนะที่นี่ที่ไหนแล้วข้ามาอยู่กับท่านได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าข้าตายแล้วนะ ไม่จริงข้ายังชื่นชมสามีสุดที่รักไม่หนำใจเลย ไหนจะกิจการข้า อาจูอีก" หยุนชิงมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นสิ่งใดนอกจากสีขาวโพลนเท่านั้น"หยุดก่อน
หยงเจากลับมาพร้อมกลับข้อมูลสำคัญ เหตุการณ์มากมายที่พวกเขาเข้าใจว่าเป็นฝีมือของอ๋องหนานฟาหยาง ที่สร้างขึ้นมาเพื่อหวังจะตั้งตนขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป หากแต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่พวกเขาคิดไว้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดเขาแน่ใจแล้วว่า เป็นอ๋องห้าหนานจิ้งคือผู้สั่งการทั้งหมด และคราวนี้เขาได้กลับมาพร้อมกับหลักฐานนั้นก็คือ...อาวุธลับที่ทำลอกเลียนแบบที่เหมือนทั้งของกองกำลังพวกเขา และสัญลักษณ์ประจำตัวอ๋องหนานฟาหยางนั่นเอง เป็นเพราะระหว่างที่เขาตามสืบเรื่องการมีส่วนร่วมก่อกบฏครั้งนี้ ในตอนที่พักดื่มชาที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งได้บังเอิญเจอกับเฒ่ากงยี่เข้าพอดีเขาได้แอบซุ่มติดตามอดีตราชครูเฒ่า นัดพบบุคคลหนึ่งในห้องพิเศษของโรงเตี๊ยม และได้เห็นตาเฒ่ายื่นสิ่งของให้ชายผู้นั้น เป็นอาวุธลับที่สลักลวดลายเหมือนกับตราสัญลักษณ์ของกองกำลังพิเศษ และยังมีอีกชิ้นที่เป็นของอ๋องหนานฟาหยางพร้อมกับจดหมายบางอย่างจากนั้นเขาได้ติดตามชายคนนั้นจนออกมาถึงชายป่า เมื่อรู้ตัวว่าถูกติดตามจึงเกิดการต่อสู้กัน ตัวเขาแทบจะเอาชีวิตไม่รอดยังดีโชคยังเข้าข้างอยู่ ทำให้อีกฝ่ายพลาดท่าโดนเข็มพิษตัวชาไร้กำลังไปสักระยะเข้า
ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันพลางคิดเหมือนกันว่า นี่ขนาดนางแค่ทำขึ้นมาเล่น ๆ เพียงเท่านั้น หากวันหนึ่งนางอยากทำขึ้นมาแบบจริงจังไม่ใช่ว่าจะเป็นแม่ค้ารายใหญ่เชียวหรือ และของที่นางทำแต่ละอย่างมันล้วนเป็นประโยชน์ในการทำศึกทั้งสิ้นเมื่อทั้งสามดูทุกอย่างจนครบแล้วจึงได้ออกมารวมตัวกันที่ห้องรับประทานอาหาร เพราะกว่าจะเดินชมอาวุธแต่ละชิ้นหมดก็ถึงเวลาอาหารพอดีวันนี้หยุนชิงสั่งให้แม่ครัวทำอาหารหลายอย่าง อย่างเช่น ปลาสามรส ผัดเปรี้ยวหวาน ไข่ตุ๋นนมสด ไข่ผัดเห็ดหอมเต้าหู้อ่อน ต้มยำกุ้ง และตบท้ายด้วยบัวลอยไข่หวานอย่างเช่นเคยเหมือนทุกวันทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตากินอาหารตรงหน้า ประหนึ่งว่าวันนี้คือวันสิ้นโลกโดยเฉพาะหานลู่ที่ไม่รู้ว่าอดอยากมาจากไหน เขาสามารถกวาดทุกอย่างลงท้องได้อย่างรวดเร็ว“ชิงเอ๋อร์ วันนี้พี่ไม่เห็นอาจูเลยลูกไปไหนหรือ”“นางไปเล่นที่บ้านซือซือเจ้าค่ะ พอรู้ว่าท่านน้าจะมีน้องนางก็ไปขลุกอยู่ด้วยทั้งวันเลย ตอนนี้ข้าให้นางทานข้าวแล้วเข้านอนไปก่อนแล้วเจ้าค่ะ” อาจูน้อยตั้งแต่รู้ว่าท่านน้าซือซือของนางจะมีน้อง จึงได้ขออนุญาตหยุนชิงไปเล่นกับท่านน้า เพราะเจ้าตัวเห่อน้องมากด้วยอยู่คนเดียวมานานอยากมีเ
“พวกท่านตามข้ามาเจ้าค่ะ”หยุนชิงเดินนำทั้งสองออกไปข้างนอก หญิงสาวเดินตรงไปยังพื้นที่ตรงตีนเขา นางให้คนมาสร้างโรงเก็บใหม่ที่ตรงนี้เพราะเป็นที่ลับตาคน และสงบไม่มีสิ่งรบกวน เมื่อพาหวังอี้หลินและหานลู่มาถึงยังโรงเก็บ ผู้ดูแลเห็นผู้เป็นนายเดินเข้ามาจึงได้ออกมาต้อนรับ“คารวะนายหญิงนายท่านขอรับ” ผู้ดูแลกล่าวและทำความเคารพอย่างนอบน้อม“ท่านลุงเปิดประตูให้ข้าที” หยุนชิงบอกแก่ผู้ดูแลให้เปิดประตูให้ เพื่อจะได้พาหวังอี้หลินและหานลู่เข้าไปชมอาวุธที่นางได้สรรค์สร้างไว้“ขอรับนายหญิง” หลังจากที่ผู้ดูแลเปิดประตูโรงเก็บให้กับเจ้านายแล้ว เขาจึงได้ถอยออกไปรอด้านนอก ปล่อยให้ผู้เป็นนายเข้าไปด้านในกันเองชายหนุ่มทั้งสองตะลึงกับสิ่งที่เห็น เขาไม่เคยรู้เลยว่าพื้นที่ท้ายสวนที่ไม่ได้ทำอะไร กลับมีที่แห่งนี้ซ่อนอยู่ อาวุธแปลก ๆ มากมายหลากหลายชนิดถูกวางและเก็บบนชั้นอย่างดี และดูเป็นระเบียบมีทั้งสิ่งที่เขารู้จักและไม่รู้จักภรรยาเขาทำได้เช่นไรส่วนหานลู่นั้นได้แต่ยืนตาค้างพูดสิ่งใดไม่ออก ตรงหน้าเขานี่มันอะไรกันนี่ มันโรงผลิตอาวุธขนาดย่อมได้เลย แล้วของพวกนี้นางได้มาจากที่ใดเหตุได้ถึงได้มากมายถึงเพียงนี้จากนั้นเขาได
หวังอี้หลินเองเมื่อได้ยินภรรยารักบอกเล่า เขาก็เข้าใจได้ทันที แต่ว่าตอนที่ตนฝึกทุกครั้งดูจนแน่ใจแล้วนะว่าไม่มีใครรู้ว่าเขาฝึกวรยุทธ์ ภรรยาเขานี่ช่างแสนรู้ซะจริง นี่เขาชื่นชมภรรยานะอย่าได้เข้าใจผิดกัน"แล้วพวกท่านจะทำเช่นไรต่อหรือเจ้าคะ หากหาคนมาอ่านจดหมายไม่ได้""คงจะต้องหาวิธีตั้งรับให้ดี ไม่เช่นนั้นคราวนี้เรารับไม่ไหวแน่" หานลู่ตอบ"ข้าขอดูจดหมายนั้นได้หรือไม่" หยุนชิงก็อยากรู้เช่นกันว่าจดหมายที่สามีบอกว่าเป็นภาษาประหลาดคืออะไรหวังอี้หลินได้ยื่นจดหมายทั้งหมดที่เขาได้มาให้ภรรยาดู หยุนชิงที่รับมาได้เปิดออกดูทีละฉบับ ภาษาที่ว่าเป็นภาษาอังกฤษสมัยเก่า คำศัพท์บางตัวก็อ่านยากแต่นางอ่านได้สบายนี่ต้องยกความดีให้กับการชอบเที่ยวของนางก่อนที่จะมาที่นี่สินะ ดีที่นางเที่ยวต่างประเทศบ่อย และชอบดูสถานที่โบราณและบางครั้งนางก็จะได้ความรู้ต่าง ๆ จากสถานที่เหล่านั้นอีกด้วย"พวกท่านไม่ต้องหาใครมาอ่านหรอกเจ้าค่ะ ข้าพอจะรู้และอ่านได้บ้าง แต่อย่าได้ถามข้านะเจ้าคะ ว่าข้าอ่านออกได้อย่างไรข้าไม่สามารถตอบได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง" หญิงสาวรีบกล่าวดักไว้ก่อนหากบอกไปว่ามาจากอนาคตจึงอ่านออก ตัวสามีไม่เป็นไรหรอกเพราะเ