หมอไป๋ยึดครองพื้นที่บนริมฝีปากเธอทั้งหมด เรี่ยวแรงอันน้อยนิดไม่อาจผลักไสชายฉกรรจ์ที่ตัวสูงใหญ่อย่างซ่งไป๋ได้
เขาดันตัวเธอให้ติดกับกำแพงด้านหลัง โดยที่ภารัชชาใช้กำปั้นทุบตีแผงอกกำยำเขารัวๆ ให้ปล่อย แต่กลับถูกเขาบดเบียดริมฝีปากขยี้หนักหน่วงมากกว่าเก่า
“อื้อ...”
เธอพยายามจะสะบัดหน้าหนี แต่ผลที่ได้คือหมอไป๋จับคอเธอล็อคไว้ ร่างกายทั้งสองเบียดเสียดกันไปมา จนแทบไม่มีช่องว่างระหว่างกันเมื่อเขาโถมตัวเข้าใส่
ภารัชชาหลับตาปี๋ ยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งกับสติที่แตกกระเจิงไปก่อนหน้านี้ ก่อนที่หยาดน้ำอุ่นจะไหลรินออกจากดวงตา
“อึก” กำปั้นเล็กทุบตีเขาให้ปล่อย แต่แล้วก็รู้สึกตัวชาวาบขึ้นมา เมื่อเขาโอบรั้งเอวเธอเข้าไปใกล้ มอบจุมพิตที่ดูดดื่มและดุร้ายจนพรากสติให้ภารัชชาเริ่มเคลิ้มตาม
จากตอนแรกที่ทุบตีหมอไป๋ อยู่ๆ มือไม้เธอก็ค้างแข็งกลางอากาศ หลับตาพริ้มรับสัมผัสรอยจูบจากเขา
ทุกอย่างเริ่มเลยเถิดเพราะทั้งคู่ต่างก็ดื่มเหล้ามา แค่จูบนิดแตะหน่อยเลือดลมก็ร้อนผ่าว ไล่ตีตื้นขึ้นมาจนมวลท้องน้อยไปหมด
เรียวแขนแกร่งโอบเอวคอดกิ่ว เธอเองก็ยกแขนกอดลำคอของหมอไป๋ แรงอารมณ์รักที่เร่าร้อนกำลังหล่อหลอมคนทั้งคู่ให้ติดพันกันอยู่
“อ๊ะ” ภารัชชาร้องเบาๆ เมื่อถูกมือหนากอบกุมที่หน้าอก
ซ่งไป๋เองก็รู้ว่าผู้หญิงที่จูบคือคนที่เกลียด แต่เมไรยที่แทรกซึมไปตามร่างกาย มันทำให้สติและการยับยั้งช่างใจเขาต่ำลงมาก กลายเป็นว่าอยากปราบพยศคนฝีปากกล้าสักที
เขาควรรู้สึกสะใจ...
ใช่ หมอไป๋ควรจะกัดปากเธอแรงๆ สักทีเพื่อเป็นการสั่งสอนให้จำ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงเผลอไผลไปกับอารมณ์ มือรวบเอวบางเข้ามาประชิดกายแล้วมอบจูบที่ดูดดื่มกับเธอ
รอยจูบในมุมมืดนี้ยาวนานเหลือเกิน นานจนร่างกายรุ่มร้อนกับความดิบเถื่อนแต่ก็แฝงความอ่อนโยนอยู่ในนั้น
ซ่งไป๋เป็นผู้ชายที่จูบได้ละมุนแต่ก็ดุดันเสียจริง...
“อึก... อื้อ” ภารัชชาทุบตีให้เขาปล่อย เพราะหายใจตามไม่ทันเมื่อเขากำลังสอดลิ้นเข้ามา ก่อนจะใช้แรงเฮือกสุดท้ายของชีวิตดันอกเขาออกสำเร็จ
หมอไป๋หอบหายใจแรง เขาใช้มือแตะมุมปากที่มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ ไม่พ้นถูกเธอนั่นแหละกัดปากเขาเมื่อครู่นี้
“คุณจะฆ่าฉันรึไง...” ภารัชชาใช้มือถูปากจนมันแดงเถือก
เมื่อกี้นี้เขาตั้งใจจะพรากลมหายใจกันใช่มั้ย จูบจนไม่เว้นช่องว่างให้หายใจแบบนั้น จุดประสงค์พยายามฆ่าเห็นๆ
“ใครจะตายเพราะจูบกัน” หมอไป๋แสยะยิ้มมุมปาก เห็นใบหน้าเธอเลือนรางผ่านแสงสลัวที่เล็ดลอดเข้ามา
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะจูบกับเธอ จูบกับผู้หญิงที่รู้สึกขยะแขยงยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือนเสียอีก
“ก็คุณทำฉันเกือบขาดอากาศ”
“สมองขี้เลื่อย”
“ว่าไงนะคะ”
“เธอก็แค่จูบห่วย...”
คำปรามาสของเขาทำให้เธอของขึ้น ไม่รู้เอาความกล้ามาจากไหนถึงได้ขยับฝีเท้าไปใกล้เขา พร้อมกับกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ จนเห็นดวงตาสีรัตติกาลชัดเจน
“งั้นลองอีกรอบมั้ยล่ะคะ”
“หึ”
“หรือว่าคุณเองที่ไม่กล้าขึ้นมา”
คราวนี้ภารัชชาคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถือแต้มต่อ เธอดื่มเข้าไปเยอะพอสมควรจนสติสตังถดถอย อยากเอาชนะเขาทั้งที่รู้ตัวว่าสู้คนจูบเก่งแบบซ่งไป๋ไม่ได้
“คุณก็ห่วยเหมือนกันนั่นแหละ” เธอพูดให้เขาแล้ววางมือทาบบนแผงอกกำยำ ก่อนจะลากไล้วนไปมา พร้อมกับส่งสายตายั่วยวนหมอไป๋อย่างลืมตัว
“ภารัชชา”
“ซ่งไป๋...”
เธอเรียกชื่อเต็มของเขา พลางลากไล้มือต่ำลงไปถึงกลางหน้าท้อง หมอไป๋หายใจกระตุกสั่นจนหน้าท้องกลัดเกร็ง หลุบตามองเธอที่เล่นเกมประสาทอยากจะเอาชนะ
“ออกกำลังกายบ่อยเลยสินะคะ ถึงได้แน่นขนาดนี้น่ะ”
“เลิกเล่นได้แล้ว ฉันไม่ได้คิดจะพิศวาสเธอขนาดนั้น”
พูดจบเขาก็คว้ามือเธอที่เกือบลงไปถึงจุดสำคัญ ก่อนจะดันร่างบางให้เซถอยหลังไปสองสามก้าว
ร่างสูงผ่อนปรนลมหายใจหนัก เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผงาดตัวอยู่ใต้กางเกง จึงเอ่ยปากตวาดไล่จนอีกฝ่ายสะดุ้ง
“ไสหัวไปซะ” หมอไป๋กัดฟันกรอด เผลอมองเนินหน้าอกเธออย่างลืมตัว กับสัมผัสใหญ่และนุ่มเต็มมือที่จับไปเมื่อกี้นี้
ภารัชชาจ้องตาเขม็ง กำมือแน่นแค้นใจที่โดนด่าว่าจูบห่วย
“บอกให้ไสหัวไปไง”
“คุณมันหมาบ้าชะมัด...”
ร่างระหงทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันกัน ก่อนที่จะเดินผ่านหน้าเขาแล้วใช้หลังมือถูปากอย่างนึกรังเกียจ
รังเกียจตัวเองที่ดันเคลิ้มจูบตอบเขาซะได้ ขยะแขยงที่ทำไมถึงยอมให้เขาสัมผัสร่างกาย และยังเอาคืนเขาที่มาตอกหน้าหาว่าจูบห่วยไม่ได้อีก
“แกเคลิ้มทำไมเนี่ยภารัชชา หึ้ย บ้าชะมัดเลย” เธออยากเอาหัวโขกกำแพงเรียกสติ ขนาดเดินจากเขามาแล้วยังลืมสัมผัสเมื่อกี้ไม่ได้เลย
ภารัชชาขยุ้มเส้นผมอย่างไม่สบอารมณ์ เดินจ้ำเท้าไม่เข้าห้องน้ำแต่จะตรงกลับบ้านเพราะหมดอารมณ์แล้วจริงๆ
“เราคงเห็นดีกันแน่... คุณไป๋”
ทางด้านของหมอไป๋ที่กลับเพนท์เฮ้าส์มา แต่อารมณ์ค้างคาจนต้องมานั่งช่วยตัวเองที่โซฟาห้อง
เขาเปลือยท่อนบนใช้มือรูดรั้งแก่นกาย พลางเอนหลังลงกับโซฟา กำลังใช้จินตนาการพาให้แรงอารมณ์ถึงจุดเสียวกระสัน หลังต้องอดทนอดกลั้นกับการแข็งตัวตั้งแต่ร้านเหล้า
“อ่า...” เขาครางต่ำแล้วสูดปากเสียว
ทว่าเมื่อใกล้จะถึงจุดสุดยอด ใบหน้าของภารัชชากลับโผล่เข้ามาในหัว ทำหัวคิ้วเขากระตุกเข้าหากันแน่น
ภาพที่เขาบีบคลึงหน้าอกอวบอิ่มเต็มมือ และฝากฝังรอยจูบบนกลีบปากเธอ กำลังชักจูงให้เขาเสียวกระสัน จนกระทั่งหมอไป๋รูดชักจนสำเร็จความใคร่ในวินาทีต่อมา
“แม่งเอ้ย จะนึกถึงหน้าเธอทำไมวะ... เลอะหมด”
ภารัชชานั่งข้างซ่งไป๋บนรถโรลส์รอยซ์คันหรู สารถีกรกำลังขับพาทั้งคู่ตรงไปยังเพนส์เฮ้าส์ส่วนตัวของหมอไป๋ มูลค่าร่วมสี่ร้อยกว่าล้านเป็นมุมที่เขาหวงความเป็นส่วนตัวมากแต่หมอไป๋เป็นคนเสนอเอง จัดให้เพนส์เฮ้าส์เป็นเรือนหอเพราะไม่อยากเจียดเงินในส่วนนี้ แค่ค่าสินสอดที่ต้องประเคนให้แม่ลูกคู่นี้ก็มากเกินพออีกอย่างการที่ภารัชชาเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของเขา เขาจะได้จัดการเธอได้ง่ายมากขึ้น เวลาพยศทีจะได้กำราบง่ายไม่ต้องใช้แรงเยอะปึกศีรษะเล็กที่สัปหงกอยู่ซบลงบนไหล่กว้าง ใบหน้าสวยสดดูเหนื่อยล้าจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทิ้งหัวบนไหล่หมอไป๋“นี่เธอ”ใบหน้าหล่อเหลาทมึงตึง ก่อนจะใช้นิ้วชี้ดันศีรษะเธอให้ออกห่างภารัชชาปรือตาขึ้นมอง หมอไป๋เลยหันหน้าหนีแสร้งว่าไม่ได้ดันหัวเธอออกแต่อย่างใด เธอหลับตาลงกลับเข้าสู่อาการสัปหงกอีกครั้ง และก็เผลอไปพิงไหล่เขาอย่างไม่รู้ตัวอีกแล้ว“ภารัช...”“อื้อ”หมอไป๋ลืมคำพูดที่จะต่อว่าไปชั่วขณะ หลุบตามองใบหน้าสวยสดที่ครางครืนในลำคอ ปมที่หว่างคิ้วเริ่มคลายออกราวกับสบายตัวที่ได้นั่งซบไหล่อยู่“ภาระ”ใบหน้าหล่อคมเบือนหนีออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้เธอได้ซบอิงไหล่เขาระหว่างรถขับเคลื่อนไปบนถน
ภารัชชาควงแขนสามีร่วมดื่มฉลองกับเพื่อนเขาสักพักใหญ่ ก่อนที่เธอจะให้หมอไป๋ได้อยู่พูดคุยกับเพื่อนๆ เขาแทน ไม่อยากยืนฝืนยิ้มในหมู่คนที่เธอเองก็ไม่ได้สนิทสนมดีกระทั่งหมุนตัวกลับมาแล้วเห็นปรางสิตายืนข้างอาปราบต์ ใบหน้าที่เหนื่อยล้าสะสมมาทั้งวันก็เผยรอยยิ้มกว้างในทันทีเธอกลายเป็นเด็กน้อยวัยแปดขวบ จ้องจะวิ่งเข้าหาแม่ทุกครั้งที่ได้เจอหน้า ถึงแม้อายุอานามจะไม่ใช่เด็กน้อยแล้วก็ตาม แต่ข้างในตัวภารัชชายังมีเด็กน้อยหนึ่งคนอยู่ด้วยตลอดเวลาเด็กน้อยที่รอคอยความเมตตาและความรักจากผู้ให้กำเนิด...“แม่กับอาปราบต์ยังไม่กลับอีกเหรอ” ร่างระหงวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าปรางสิตา แต่คนเป็นแม่กับทำหน้าระอาเต็มกลืน อาปราบต์ที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงเป็นคนพูดกับเธอแทน“อาขอให้แม่อยู่ลาเราก่อนน่ะ จะเข้าเรือนหอทั้งทีคงมีอะไรให้ร่ำลากันหน่อย”“ร่ำลาอะไรล่ะ ฉันไม่ได้ส่งลูกเข้าโรงเชือดสัตว์นะคุณ”“แต่หลานกำลังจะเข้าเรือนหอ เธอควรให้พรลูกหน่อยนะสิตา”ปรางสิตาถอนหายใจพรืดยาว เธอก็แค่ไม่รู้จะอยู่ปั้นหน้าให้เสียเวลาทำไม ในเมื่อเจ้าสัวชาญชัยอวยพรในพิธีงานจบก็ขอตัวกลับพร้อมภรรยาหลวง แต่อาปราบต์กลับรั้งปรางสิตาให้อยู่รอเจอภารัชชาหลังจ
AFTER PARTY คือช่วงเวลาปลดปล่อยความสนุกหลังพิธีวิวาห์สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ ทุกคนต่างก็มารวมตัวสนุกสุดเหวี่ยงด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนของทางฝั่งของหมอไป๋มากกว่าภารัชชามีเพื่อนรักเพียงคนเดียวแค่อิงธารา ส่วนอีกคนก็คือรุ่นพี่คนสนิทอย่างสิบทิศที่มาร่วมยินดี ทั้งสามนั่งร่วมดื่มเฉลิงฉลองกันที่โต๊ะ ส่วนเพื่อนร่วมงานหมอไป๋จัดเต็มอยู่หน้าเวทีกันหมดแล้วหากไม่ได้บอกว่าเป็นหมอรักษาคนไข้ ภารัชชาก็นึกว่าเหล่ากองทัพแพทย์เป็นนักเต้นมืออาชีพ แต่ละคนเท้าไฟมีหัวใจรักดนตรีกันทุกคน“แกดื่มเยอะเกินไปแล้วนะอิง พี่สิบช่วยปรามหน่อยสิคะ” ภารัชชาหันไปทำเสียงอ้อนให้สิบทิศช่วยสิบทิศเป็นรุ่นพี่สายรหัสเธอตอนเรียนมหาวิทยาลัย ชายร่างสูงโปร่งผิวพรรณดีสวมแว่นสายตาทรงกลม เป็นหนุ่มตี๋ที่มีสาวสวยมารุมขายขนมจีบกันให้เพียบ แต่คงทำได้แค่มองเพราะรุ่นพี่เธอมีแฟนสาวแล้ว“เดี๋ยวพี่ดูอิงให้เองครับ น้องชาไปช่วยคุณไป๋เถอะ”“ยัยชาฉันโคตรยินดีกับแกเลยนะเว้ย... เพื่อนร้าก”อิงธาราอยู่ในอาการมึนเมา โยกตัวมาโอบกอดเพื่อนรักแล้วโคลงตัวไปมา ทำภารัชชาหลุดยิ้มอย่างเอ็นดูเพื่อนตัวเอง“ฉันรู้แล้ว แต่แกช่วยตั้งสติหน่อยเถอะน่า”“ดูแลตัว
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดที่หลับตาลงเพียงครู่เดียวตื่นขึ้นมาอีกวัน ภารัชชาก็อยู่ท่ามกลางงานแต่งสุดอลังการสมฐานะสะใภ้หมื่นล้านตระกูลซ่งภายในงานประดับประดาด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ โคมไฟคริสตัลห้อยระย้าเล่นแสงส่องประกายระยิบระยิบ แขกเหรื่อคนสำคัญทั้งจากวงการแพทย์และแวดวงธุรกิจ ต่างก็มาร่วมยินดีปรีดากับทั้งคู่ในครั้งนี้ควันสีขาวของทีมงานที่จัดเตรียมไว้พ่นตามทาง ขณะที่ร่างระหงในชุดเจ้าสาวเดินผ่าน ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ของแขกผู้มีเกียรติ เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราวเพื่อร่วมแสดงความยินดีร่างบางระหงสวมชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ กำลังก้าวเดินไปบนเวทีที่ปลายทางคือเจ้าบ่าวของงานซ่งไป๋หล่อเหลาเอาการ เขาอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีสุภาพเซททรงผมเปิดหน้าผาก แต่งแต้มเครื่องสำอางแค่เล็กน้อยก็โดดเด่นเป็นประจักษ์แก่สายตา ราวกับมีไฟออร่าสาดส่องไปที่เขาโดยไม่ต้องพึ่งไฟของงานเลยทุกฝีก้าวที่ภารัชชานั้นก้าวเดิน เป็นดั่งขั้นบันไดไปสู่ขุมนรก โดยที่มีผู้คุมขังวิญญาณให้โดนจองจำคือสามีจอมปลอมอย่างซ่งไป๋“ยิ้ม” เขาพูดผ่านไรฟัน แต่หน้ายังเปื้อนยิ้มอยู่ภารัชชาไม่ยิ้มเลยตั้งแต่เปิดประตูเดินออกมา เธอรู้ว่าปรางส
หมอไป๋ยึดครองพื้นที่บนริมฝีปากเธอทั้งหมด เรี่ยวแรงอันน้อยนิดไม่อาจผลักไสชายฉกรรจ์ที่ตัวสูงใหญ่อย่างซ่งไป๋ได้เขาดันตัวเธอให้ติดกับกำแพงด้านหลัง โดยที่ภารัชชาใช้กำปั้นทุบตีแผงอกกำยำเขารัวๆ ให้ปล่อย แต่กลับถูกเขาบดเบียดริมฝีปากขยี้หนักหน่วงมากกว่าเก่า“อื้อ...”เธอพยายามจะสะบัดหน้าหนี แต่ผลที่ได้คือหมอไป๋จับคอเธอล็อคไว้ ร่างกายทั้งสองเบียดเสียดกันไปมา จนแทบไม่มีช่องว่างระหว่างกันเมื่อเขาโถมตัวเข้าใส่ภารัชชาหลับตาปี๋ ยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งกับสติที่แตกกระเจิงไปก่อนหน้านี้ ก่อนที่หยาดน้ำอุ่นจะไหลรินออกจากดวงตา“อึก” กำปั้นเล็กทุบตีเขาให้ปล่อย แต่แล้วก็รู้สึกตัวชาวาบขึ้นมา เมื่อเขาโอบรั้งเอวเธอเข้าไปใกล้ มอบจุมพิตที่ดูดดื่มและดุร้ายจนพรากสติให้ภารัชชาเริ่มเคลิ้มตามจากตอนแรกที่ทุบตีหมอไป๋ อยู่ๆ มือไม้เธอก็ค้างแข็งกลางอากาศ หลับตาพริ้มรับสัมผัสรอยจูบจากเขาทุกอย่างเริ่มเลยเถิดเพราะทั้งคู่ต่างก็ดื่มเหล้ามา แค่จูบนิดแตะหน่อยเลือดลมก็ร้อนผ่าว ไล่ตีตื้นขึ้นมาจนมวลท้องน้อยไปหมดเรียวแขนแกร่งโอบเอวคอดกิ่ว เธอเองก็ยกแขนกอดลำคอของหมอไป๋ แรงอารมณ์รักที่เร่าร้อนกำลังหล่อหลอมคนทั้งคู่ให้ติดพันกันอยู่
พอคิดว่าชีวิตจะต้องเจอกับเรื่องราวไม่สงบสุข ภารัชชาก็ปล่อยโฮกลางร้านเหล้าเคล้าจังหวะอีดีเอ็มมันส์สุดเหวี่ยงเหมือนอยู่กันคนละโลกกับอีกฝั่ง ร้านเหล้าคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่โยกย้ายไปตามจังหวะเพลง แต่เธอกลับมานั่งร้องไห้ให้เสียงดนตรีกลบแทน“ฮื่อ... อึก ยัยอิงฉันน่ะ... ฮื่อ”อิงธาราเบิกตาโตตกใจ รีบเข้าไปสวมกอดปลอบโยนเพื่อนรัก พลางยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังภารัชชาที่สะอื้นไห้ตัวสั่นโยน“แกใจเย็นนะชา เครียดไปเดี๋ยวหน้าแก่เกินวัยหรอก”“ฮึก... เย็นอยู่แก แต่มันใกล้งานแต่งแล้วไงอิง ฮื่อแง”เธอเบะปากร้องไห้โฮเป็นเด็กสามขวบ มือก็ตึงหางตาไว้ไม่ให้หย่อนคล้อย กลัวหน้าแก่เกินวัยก่อนวันแต่งงานเธอจะไม่ยอมขายหน้าในวันงานเด็ดขาดเลย...หลังปล่อยโฮภารัชชาก็ระบายความอัดอั้นตันใจ สะอึกสะอื้นไห้สูดน้ำมูกดูเป็นคนขี้แงขึ้นมาทันที แต่เชื่อไหม เธอไม่เคยอ่อนแอให้ปรางสิตาเห็นเลยไม่ว่าจะทำดีให้ตายยังไง เธอก็ไม่เคยดีพอสำหรับแม่ ต่อให้เรียนดีหรือไม่เคยมีเรื่องให้ต้องเหนื่อยใจ ภารัชชาก็ยังเป็นเพชรที่เจียระไนไม่งามอยู่ดี“ใจเย็นน้าชา ฉันจะร้องไห้ตามแกแล้วเนี่ย” อิงธาราเป็นคนอ่อนไหวง่ายไม่ต่างกันพอเห็นภารัชชาร่ำไห้โฮ ตัวเธอเ