วันเวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดที่หลับตาลงเพียงครู่เดียวตื่นขึ้นมาอีกวัน ภารัชชาก็อยู่ท่ามกลางงานแต่งสุดอลังการสมฐานะสะใภ้หมื่นล้านตระกูลซ่ง
ภายในงานประดับประดาด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ โคมไฟคริสตัลห้อยระย้าเล่นแสงส่องประกายระยิบระยิบ แขกเหรื่อคนสำคัญทั้งจากวงการแพทย์และแวดวงธุรกิจ ต่างก็มาร่วมยินดีปรีดากับทั้งคู่ในครั้งนี้
ควันสีขาวของทีมงานที่จัดเตรียมไว้พ่นตามทาง ขณะที่ร่างระหงในชุดเจ้าสาวเดินผ่าน ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ของแขกผู้มีเกียรติ เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราวเพื่อร่วมแสดงความยินดี
ร่างบางระหงสวมชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ กำลังก้าวเดินไปบนเวทีที่ปลายทางคือเจ้าบ่าวของงาน
ซ่งไป๋หล่อเหลาเอาการ เขาอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีสุภาพเซททรงผมเปิดหน้าผาก แต่งแต้มเครื่องสำอางแค่เล็กน้อยก็โดดเด่นเป็นประจักษ์แก่สายตา ราวกับมีไฟออร่าสาดส่องไปที่เขาโดยไม่ต้องพึ่งไฟของงานเลย
ทุกฝีก้าวที่ภารัชชานั้นก้าวเดิน เป็นดั่งขั้นบันไดไปสู่ขุมนรก โดยที่มีผู้คุมขังวิญญาณให้โดนจองจำคือสามีจอมปลอมอย่างซ่งไป๋
“ยิ้ม” เขาพูดผ่านไรฟัน แต่หน้ายังเปื้อนยิ้มอยู่
ภารัชชาไม่ยิ้มเลยตั้งแต่เปิดประตูเดินออกมา เธอรู้ว่าปรางสิตาเฝ้ามองอยู่ทุกการเคลื่อนไหว ถึงได้เดินตัวเกร็งกลัวจะทำพลาดขึ้นมา ภาพจำในวัยเด็กที่ถูกแม่ด่าทอเพียงเพราะผิดพลาดยังติดอยู่ในหัว
แค่ทำข้อสอบได้คะแนนน้อยกว่าลูกภรรยาเอก เธอยังโดนปรางสิตาอาละวาดบ้านแทบแตก ไม่อยากนึกภาพหากทำพลาดในวันงานแต่งที่แม่เธอสุดแสนจะภาคภูมิใจครั้งนี้เลย
“บอกให้ยิ้ม”
หมอไป๋เผลอทำหน้าดุใส่เธอที่ยืนนิ่ง ภารัชชารีบประกอบสติให้กลับเข้าที่ ก่อนจะฝืนวาดรอยยิ้มโค้งสวยบนใบหน้าตามคำสั่งเขาทันที
ร่างสูงขยับฝีเท้ามายืนข้างเธอ ก่อนที่จะเชยปลายคางมนราวกับจะหยอกล้อภรรยา เรียกเสียงฮือฮาผิวปากโห่แซวจากคนด้านล่าง แต่ภารัชชารู้ดีว่าผู้ชายคนนี้กำลังเล่นละครอยู่
เขากำลังสวมบทบาทสามีผู้แสนจะอบอุ่น วาดยิ้มอ่อนโยนแต่ปกปิดความร้ายลึกในแววตาไม่มิด
“ปลอมจังค่ะ” ภารัชชาพูดกรอดไรฟัน ขณะฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีส่งให้เหล่าแขกผู้มีเกียรติด้านล่างกันถ้วนทั่ว
ภารัชชาเงยหน้าสบสายตาหมอไป๋ ในดวงตาหวานหยาดเยิ้มในเชิงประชดประชัน ถ้าเขาอยากแสดงเป็นสามีผู้อบอุ่นนัก เธอก็จะเป็นนักแสดงสมทบบทบาทของภรรยาผู้แสนดีให้เอง
อนึ่งว่าหากเขาเป็นไฟ เธอก็คือน้ำมัน ใกล้กันก็มีแต่จะลุกโชนแผดเผาให้แสบร้อนระคายผิว
พิธีวิวาห์รักดำเนินไปตามขั้นตอน จนถึงเวลาที่คู่บ่าวสาวได้จับไมค์เพื่อบอกความในใจให้คู่ครอง ทั้งเขาและเธอยังคงยิ้มแย้ม หัวเราะขบขันมองตากันกับภาพวิดีโอพรีเวดดิ้งที่ปั้นแต่งขึ้นมาให้แขกในงานได้ชม
“วิดีโอพรีเวดดิ้งโรแมนติกมากเลยนะครับทุกท่าน งั้นเรามาถามทางฝั่งของคุณภรรยาบ้างดีกว่า... อะไรที่ทำให้คุณหลงรักสามีคนนี้ครับ”
พิธีกรหนุ่มยื่นไมค์ให้ภารัชชา พร้อมทิ้งทวนคำถามที่ทำให้เธอเกือบยิ้มเหยเก แต่ยังกระตุกมุมปากไว้ไม่ให้ชักสีหน้าสยองเสียก่อน
“สำหรับฉัน... คุณไป๋คือจิ๊กซอว์ชีวิตชิ้นสุดท้ายที่ตามหา”
เพียงแค่เกริ่นประโยคแรก ภารัชชาก็รู้สึกมวลท้องขนอ่อนลุกชันขึ้นมา ไม่ต่างจากหมอไป๋ที่ยกมือป้องปากคิดว่ากลั้นยิ้ม แต่คือเก็บอาการคลื่นไส้พะอืดพะอมต่างหาก
“ฉันคิดว่าตัวฉันอยู่คนเดียวได้ดีค่ะ แต่พอได้มีเขาเข้ามาในชีวิตมันดีกว่ามากเลย หมอไป๋เขาทั้งอบอุ่น ใจดี จริงใจแล้วก็ซื่อสัตย์...”
“ครับ ก็ตามนั้นเลย”
หมอไป๋พูดแทรกไมค์ให้บรรยากาศครึกครื้น เรียกเสียงหัวเราะจากแขกในงาน เพื่อนพ้องที่เป็นหมอก็ป้องปากโห่แซวกันยกใหญ่
“คนที่ใช่จะมาในเวลาที่ใช่จริงๆ นะคะ เวลาไม่ใช่เครื่องพิสูจน์ทุกอย่างเสมอไป แต่คู่เราสองคนตั้งใจที่จะรัก และจะประคับประคองรักในครั้งนี้ให้ยืนยาวค่ะ”
พูดจบภารัชชาก็หันไปหาว่าที่เจ้าบ่าว ทั้งคู่ยิ้มให้กันราวกับรักกันปานจะกลืนกิน แต่เบื้องหลังคงแอบหยิกหลังอีกฝ่ายจนเนื้อเขียว
ปรางสิตาไม่ได้นั่งร่วมโต๊ะกับเจ้าสัวชาญชัย เพราะสามีนั้นใส่ใจความรู้สึกของภรรยาหลวงมากกว่า เธอได้แต่นั่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันมองอย่างอิจฉาตาร้อน จนปราบต์ที่นั่งข้างๆ แตะหลังมือเธอยั้งเอาไว้
“วันนี้ฤกษ์งามยามดี อย่าให้มีเรื่องวิวาทเลยนะสิตา”
“คุณจะรู้อะไร... งานลูกสาวฉันก็ยังหยามหน้าไม่เว้น”
นี่เป็นงานมงคลสมรสของลูกสาวเธอทั้งคน แต่ผู้เป็นสามีกลับไม่ให้เกียรตินั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน ราวกับจะป่าวประกาศตอกย้ำซ้ำเติมว่าตัวเธอเป็นเมียนอกสมรส ต่อให้มีลูกเขยร่ำรวยพันล้านก็กลบกลิ่นคาวไม่ได้
“แล้วทางเจ้าบ่าวล่ะครับ มีอะไรอยากบอกคุณภรรยามั้ย” พิธีกรหนุ่มส่งคำถามไปทางของหมอไป๋บ้าง ซึ่งเขาก็ตอบได้อย่างฉะฉานราวกับเตรียมคำพูดไว้ในหัวแล้ว
“ผมไม่คิดว่าชีวิตนี้จะเจอผู้หญิงคนไหนดีได้เท่าภรรยาคนนี้อีกแล้วครับ...”
“เหอะ”
ภารัชชาหลุดขำจนไหล่สั่น ก่อนจะรีบเม้มปากกลั้นสีหน้าไว้ไม่ให้คนอื่นรู้ ว่าตัวเธอสะอิดสะเอียนในคำพูดของเขาขนาดไหน
แค่เกริ่นนำประโยคก็ปลอมเปลือก ความรู้สึกที่พวกเขาทั้งคู่มีให้กันมันกวงโบ๋ไร้รูปทรงจะตาย ความรักหรืออะไรพรรคนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นกับคนที่เกลียดกันได้หรอก
อย่าลืมสิว่าภารัชชาคือลูกเมียน้อย
ซ่งไป๋เกลียดชังเมียน้อยยิ่งกว่าอะไรดี
“เพราะเธอเป็นคนดีจนผมไม่อาจปล่อยให้หลุดมือได้ การที่เราสองคนมีวิวาห์แบบสายฟ้าแล่บ... มันก็เป็นสิ่งที่ประจักษ์แล้วว่าผมมั่นใจให้เธอเป็นแม่ของลูก เป็นภรรยาของสามี... เป็นอีกครึ่งชีวิตของกันและกัน”
หมอไป๋ระบายยิ้มไม่สะทกสะท้าน เขาพ่นคำพูดที่สวยหรูพลางขยับสายตามองเจ้าสาวที่ดูท่าจะหัวเราะเพื่อหักหน้ากัน เขาใช้มือเชยปลายคางเธอขึ้นมาแล้วสบตานิ่งๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปประทับรอยจูบ
ภารัชชานิ่งค้างกลางอากาศ แม้เขาจะผละริมฝีปากออกไป เธอก็ยังติดหล่มภวังค์รอยจูบของเขาอยู่นานหลายวินาที
“ครับ... หวังว่าในอนาคตทุกท่านจะร่วมยินดีกับคู่เรา กับการจะให้กำเนิดทายาทของตระกูลซ่ง และผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ทุกท่านมาร่วมยินดีกับเราทั้งคู่ในค่ำคืนนี้”
หมอไป๋แสดงละครเก่งกว่าที่คิด เขาจูบเธอแล้วก็ชูแก้วแชมเปญขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง แขกเหรื่อในงานก็ชูแก้วแชมเปญเพื่อร่วมยินดีกับเขาด้วยเช่นกัน
คงมีแค่ภารัชชาที่อยากแกล้งบ้าให้รู้แล้วรู้รอด...
สวัสดีนักอ่านของ GOOD NOVEL นะคะ ฝากเนื้อฝากตัวและผลงานในปลายปากกา นิพานัน ด้วยนะคะ เรื่องนี้พระนางจะตีกันบ่อยเหมือนเด็กเลยล่ะค่ะ แต่รับรองว่ามีความน่ารักปะปนและเข้มข้นดราม่าแน่นอนค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะทีีติดตามหมอไป๋และน้องชา
ภารัชชานั่งข้างซ่งไป๋บนรถโรลส์รอยซ์คันหรู สารถีกรกำลังขับพาทั้งคู่ตรงไปยังเพนส์เฮ้าส์ส่วนตัวของหมอไป๋ มูลค่าร่วมสี่ร้อยกว่าล้านเป็นมุมที่เขาหวงความเป็นส่วนตัวมากแต่หมอไป๋เป็นคนเสนอเอง จัดให้เพนส์เฮ้าส์เป็นเรือนหอเพราะไม่อยากเจียดเงินในส่วนนี้ แค่ค่าสินสอดที่ต้องประเคนให้แม่ลูกคู่นี้ก็มากเกินพออีกอย่างการที่ภารัชชาเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของเขา เขาจะได้จัดการเธอได้ง่ายมากขึ้น เวลาพยศทีจะได้กำราบง่ายไม่ต้องใช้แรงเยอะปึกศีรษะเล็กที่สัปหงกอยู่ซบลงบนไหล่กว้าง ใบหน้าสวยสดดูเหนื่อยล้าจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทิ้งหัวบนไหล่หมอไป๋“นี่เธอ”ใบหน้าหล่อเหลาทมึงตึง ก่อนจะใช้นิ้วชี้ดันศีรษะเธอให้ออกห่างภารัชชาปรือตาขึ้นมอง หมอไป๋เลยหันหน้าหนีแสร้งว่าไม่ได้ดันหัวเธอออกแต่อย่างใด เธอหลับตาลงกลับเข้าสู่อาการสัปหงกอีกครั้ง และก็เผลอไปพิงไหล่เขาอย่างไม่รู้ตัวอีกแล้ว“ภารัช...”“อื้อ”หมอไป๋ลืมคำพูดที่จะต่อว่าไปชั่วขณะ หลุบตามองใบหน้าสวยสดที่ครางครืนในลำคอ ปมที่หว่างคิ้วเริ่มคลายออกราวกับสบายตัวที่ได้นั่งซบไหล่อยู่“ภาระ”ใบหน้าหล่อคมเบือนหนีออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้เธอได้ซบอิงไหล่เขาระหว่างรถขับเคลื่อนไปบนถน
ภารัชชาควงแขนสามีร่วมดื่มฉลองกับเพื่อนเขาสักพักใหญ่ ก่อนที่เธอจะให้หมอไป๋ได้อยู่พูดคุยกับเพื่อนๆ เขาแทน ไม่อยากยืนฝืนยิ้มในหมู่คนที่เธอเองก็ไม่ได้สนิทสนมดีกระทั่งหมุนตัวกลับมาแล้วเห็นปรางสิตายืนข้างอาปราบต์ ใบหน้าที่เหนื่อยล้าสะสมมาทั้งวันก็เผยรอยยิ้มกว้างในทันทีเธอกลายเป็นเด็กน้อยวัยแปดขวบ จ้องจะวิ่งเข้าหาแม่ทุกครั้งที่ได้เจอหน้า ถึงแม้อายุอานามจะไม่ใช่เด็กน้อยแล้วก็ตาม แต่ข้างในตัวภารัชชายังมีเด็กน้อยหนึ่งคนอยู่ด้วยตลอดเวลาเด็กน้อยที่รอคอยความเมตตาและความรักจากผู้ให้กำเนิด...“แม่กับอาปราบต์ยังไม่กลับอีกเหรอ” ร่างระหงวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าปรางสิตา แต่คนเป็นแม่กับทำหน้าระอาเต็มกลืน อาปราบต์ที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงเป็นคนพูดกับเธอแทน“อาขอให้แม่อยู่ลาเราก่อนน่ะ จะเข้าเรือนหอทั้งทีคงมีอะไรให้ร่ำลากันหน่อย”“ร่ำลาอะไรล่ะ ฉันไม่ได้ส่งลูกเข้าโรงเชือดสัตว์นะคุณ”“แต่หลานกำลังจะเข้าเรือนหอ เธอควรให้พรลูกหน่อยนะสิตา”ปรางสิตาถอนหายใจพรืดยาว เธอก็แค่ไม่รู้จะอยู่ปั้นหน้าให้เสียเวลาทำไม ในเมื่อเจ้าสัวชาญชัยอวยพรในพิธีงานจบก็ขอตัวกลับพร้อมภรรยาหลวง แต่อาปราบต์กลับรั้งปรางสิตาให้อยู่รอเจอภารัชชาหลังจ
AFTER PARTY คือช่วงเวลาปลดปล่อยความสนุกหลังพิธีวิวาห์สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ ทุกคนต่างก็มารวมตัวสนุกสุดเหวี่ยงด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนของทางฝั่งของหมอไป๋มากกว่าภารัชชามีเพื่อนรักเพียงคนเดียวแค่อิงธารา ส่วนอีกคนก็คือรุ่นพี่คนสนิทอย่างสิบทิศที่มาร่วมยินดี ทั้งสามนั่งร่วมดื่มเฉลิงฉลองกันที่โต๊ะ ส่วนเพื่อนร่วมงานหมอไป๋จัดเต็มอยู่หน้าเวทีกันหมดแล้วหากไม่ได้บอกว่าเป็นหมอรักษาคนไข้ ภารัชชาก็นึกว่าเหล่ากองทัพแพทย์เป็นนักเต้นมืออาชีพ แต่ละคนเท้าไฟมีหัวใจรักดนตรีกันทุกคน“แกดื่มเยอะเกินไปแล้วนะอิง พี่สิบช่วยปรามหน่อยสิคะ” ภารัชชาหันไปทำเสียงอ้อนให้สิบทิศช่วยสิบทิศเป็นรุ่นพี่สายรหัสเธอตอนเรียนมหาวิทยาลัย ชายร่างสูงโปร่งผิวพรรณดีสวมแว่นสายตาทรงกลม เป็นหนุ่มตี๋ที่มีสาวสวยมารุมขายขนมจีบกันให้เพียบ แต่คงทำได้แค่มองเพราะรุ่นพี่เธอมีแฟนสาวแล้ว“เดี๋ยวพี่ดูอิงให้เองครับ น้องชาไปช่วยคุณไป๋เถอะ”“ยัยชาฉันโคตรยินดีกับแกเลยนะเว้ย... เพื่อนร้าก”อิงธาราอยู่ในอาการมึนเมา โยกตัวมาโอบกอดเพื่อนรักแล้วโคลงตัวไปมา ทำภารัชชาหลุดยิ้มอย่างเอ็นดูเพื่อนตัวเอง“ฉันรู้แล้ว แต่แกช่วยตั้งสติหน่อยเถอะน่า”“ดูแลตัว
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดที่หลับตาลงเพียงครู่เดียวตื่นขึ้นมาอีกวัน ภารัชชาก็อยู่ท่ามกลางงานแต่งสุดอลังการสมฐานะสะใภ้หมื่นล้านตระกูลซ่งภายในงานประดับประดาด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ โคมไฟคริสตัลห้อยระย้าเล่นแสงส่องประกายระยิบระยิบ แขกเหรื่อคนสำคัญทั้งจากวงการแพทย์และแวดวงธุรกิจ ต่างก็มาร่วมยินดีปรีดากับทั้งคู่ในครั้งนี้ควันสีขาวของทีมงานที่จัดเตรียมไว้พ่นตามทาง ขณะที่ร่างระหงในชุดเจ้าสาวเดินผ่าน ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ของแขกผู้มีเกียรติ เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราวเพื่อร่วมแสดงความยินดีร่างบางระหงสวมชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ กำลังก้าวเดินไปบนเวทีที่ปลายทางคือเจ้าบ่าวของงานซ่งไป๋หล่อเหลาเอาการ เขาอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีสุภาพเซททรงผมเปิดหน้าผาก แต่งแต้มเครื่องสำอางแค่เล็กน้อยก็โดดเด่นเป็นประจักษ์แก่สายตา ราวกับมีไฟออร่าสาดส่องไปที่เขาโดยไม่ต้องพึ่งไฟของงานเลยทุกฝีก้าวที่ภารัชชานั้นก้าวเดิน เป็นดั่งขั้นบันไดไปสู่ขุมนรก โดยที่มีผู้คุมขังวิญญาณให้โดนจองจำคือสามีจอมปลอมอย่างซ่งไป๋“ยิ้ม” เขาพูดผ่านไรฟัน แต่หน้ายังเปื้อนยิ้มอยู่ภารัชชาไม่ยิ้มเลยตั้งแต่เปิดประตูเดินออกมา เธอรู้ว่าปรางส
หมอไป๋ยึดครองพื้นที่บนริมฝีปากเธอทั้งหมด เรี่ยวแรงอันน้อยนิดไม่อาจผลักไสชายฉกรรจ์ที่ตัวสูงใหญ่อย่างซ่งไป๋ได้เขาดันตัวเธอให้ติดกับกำแพงด้านหลัง โดยที่ภารัชชาใช้กำปั้นทุบตีแผงอกกำยำเขารัวๆ ให้ปล่อย แต่กลับถูกเขาบดเบียดริมฝีปากขยี้หนักหน่วงมากกว่าเก่า“อื้อ...”เธอพยายามจะสะบัดหน้าหนี แต่ผลที่ได้คือหมอไป๋จับคอเธอล็อคไว้ ร่างกายทั้งสองเบียดเสียดกันไปมา จนแทบไม่มีช่องว่างระหว่างกันเมื่อเขาโถมตัวเข้าใส่ภารัชชาหลับตาปี๋ ยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งกับสติที่แตกกระเจิงไปก่อนหน้านี้ ก่อนที่หยาดน้ำอุ่นจะไหลรินออกจากดวงตา“อึก” กำปั้นเล็กทุบตีเขาให้ปล่อย แต่แล้วก็รู้สึกตัวชาวาบขึ้นมา เมื่อเขาโอบรั้งเอวเธอเข้าไปใกล้ มอบจุมพิตที่ดูดดื่มและดุร้ายจนพรากสติให้ภารัชชาเริ่มเคลิ้มตามจากตอนแรกที่ทุบตีหมอไป๋ อยู่ๆ มือไม้เธอก็ค้างแข็งกลางอากาศ หลับตาพริ้มรับสัมผัสรอยจูบจากเขาทุกอย่างเริ่มเลยเถิดเพราะทั้งคู่ต่างก็ดื่มเหล้ามา แค่จูบนิดแตะหน่อยเลือดลมก็ร้อนผ่าว ไล่ตีตื้นขึ้นมาจนมวลท้องน้อยไปหมดเรียวแขนแกร่งโอบเอวคอดกิ่ว เธอเองก็ยกแขนกอดลำคอของหมอไป๋ แรงอารมณ์รักที่เร่าร้อนกำลังหล่อหลอมคนทั้งคู่ให้ติดพันกันอยู่
พอคิดว่าชีวิตจะต้องเจอกับเรื่องราวไม่สงบสุข ภารัชชาก็ปล่อยโฮกลางร้านเหล้าเคล้าจังหวะอีดีเอ็มมันส์สุดเหวี่ยงเหมือนอยู่กันคนละโลกกับอีกฝั่ง ร้านเหล้าคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่โยกย้ายไปตามจังหวะเพลง แต่เธอกลับมานั่งร้องไห้ให้เสียงดนตรีกลบแทน“ฮื่อ... อึก ยัยอิงฉันน่ะ... ฮื่อ”อิงธาราเบิกตาโตตกใจ รีบเข้าไปสวมกอดปลอบโยนเพื่อนรัก พลางยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังภารัชชาที่สะอื้นไห้ตัวสั่นโยน“แกใจเย็นนะชา เครียดไปเดี๋ยวหน้าแก่เกินวัยหรอก”“ฮึก... เย็นอยู่แก แต่มันใกล้งานแต่งแล้วไงอิง ฮื่อแง”เธอเบะปากร้องไห้โฮเป็นเด็กสามขวบ มือก็ตึงหางตาไว้ไม่ให้หย่อนคล้อย กลัวหน้าแก่เกินวัยก่อนวันแต่งงานเธอจะไม่ยอมขายหน้าในวันงานเด็ดขาดเลย...หลังปล่อยโฮภารัชชาก็ระบายความอัดอั้นตันใจ สะอึกสะอื้นไห้สูดน้ำมูกดูเป็นคนขี้แงขึ้นมาทันที แต่เชื่อไหม เธอไม่เคยอ่อนแอให้ปรางสิตาเห็นเลยไม่ว่าจะทำดีให้ตายยังไง เธอก็ไม่เคยดีพอสำหรับแม่ ต่อให้เรียนดีหรือไม่เคยมีเรื่องให้ต้องเหนื่อยใจ ภารัชชาก็ยังเป็นเพชรที่เจียระไนไม่งามอยู่ดี“ใจเย็นน้าชา ฉันจะร้องไห้ตามแกแล้วเนี่ย” อิงธาราเป็นคนอ่อนไหวง่ายไม่ต่างกันพอเห็นภารัชชาร่ำไห้โฮ ตัวเธอเ