แชร์

บทที่ 7 อย่ามาแสดงละคร

ผู้เขียน: นิพานัน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-05 23:55:58

ร่างสูงอันสง่าผ่าเผยของหมอไป๋ สวมชุดกาวน์สีขาวประจำกายในมือถือชาร์ตคนไข้ ตรวจเช็คอาการหลังผ่าตัดบายพาสหัวใจของท่านวิโรจน์ผ่านพ้นไปด้วยดี

ชายแก่สีผมดอกเลาอายุเจ็ดสิบปี กำลังนั่งรับประทานกับข้าวรสชาติอ่อนของโรงพยาบาล ร่างกายพักฟื้นได้เร็วและดีกว่าที่คิด ตอนนี้นั่งยิ้มแย้มแจ่มใสพูดคุยเป็นปกติดี

“ร่างกายฝืนตัวดีเลยนะครับท่าน..” หมอไป๋ไล่สายตาอ่านชาร์ตในมือ พลางพยักหน้าขึ้นลงกับอาการดีกว่าที่คิดไว้

หลังการผ่าตัดบายพาสหัวใจ หมอไป๋ก็คงจะแนะนำให้ดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการรับประทานกอปรกับการบริหารสภาพจิตใจให้ผ่อนคลายอยู่เสมอ

“ช่วงนี้ให้เลี่ยงการคิดมากหน่อยก็ดีนะครับ ร่างกายจะได้ฟื้นตัวเร็วขึ้น... ขอความร่วมมืองดสูบบุหรี่ด้วยครับ”

เมื่อพูดจบหมอไป๋ก็ลดมือที่ถือชาร์ตลงข้างลำตัว สายตาสบมองท่านวิโรจน์ที่มีลูกน้องชุดดำสองคนเฝ้าประจำกาย

“คุณหมอทำได้ดีมาก รับนี่ไปสิเป็นสินน้ำใจจากฉัน”

ท่านวิโรจน์พยักพเยิดหน้าให้ลูกน้องนำกระเช้าที่เตรียมไว้ให้หมอไป๋ แนบซองสีขาวที่เป็นเช็คเงินสดจำนวนหนึ่ง ซึ่งหมอไป๋ก็รีบโบกมือปฏิเสธที่จะรับในทันที

“ไม่เป็นไรครับ ผมรับไว้ไม่ได้หรอก” เขาพูดแล้วค้อมศีรษะอย่างนอบน้อมต่อผู้หลักผู้ใหญ่

“ได้ยังไงล่ะ หมอยื้อชีวิตฉันจากยมโลกเชียวนะ” ชายแก่หัวเราะเสียงแหบกังวานตามอายุที่มากขึ้นในลำคอ

“ผมเป็นหมอก็มีหน้าที่รักษาคนไข้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีสินน้ำใจหรอกครับท่านวิโรจน์”

“เถอะน่า รับไปเถอะคุณหมอ”

“ไม่ได้จริงๆ ครับท่านต้องขอโทษด้วย”

อีกครั้งที่หมอไป๋โคลงลำตัวแสดงเจตจำนงของตน ไม่ได้มีจุดประสงค์จะรับสินบนหรือสินน้ำใจจากคนไข้ เพราะหน้าที่การรักษาล้วนเป็นจรรยาบรรณพื้นฐานของแพทย์อยู่แล้ว

“งั้นถือซะว่านี่เป็นของขวัญจากฉันก็แล้วกัน”

“ผมรับไว้ไม่ได้จริงๆ ยังไงก็ไม่ได้ครับ”

“คุณหมออย่าดื้อด้านนักสิ ช่วยไม้ใกล้ฝั่งอย่างฉันให้มีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้ จะให้ฉันปล่อยผ่านไปง่ายๆ ได้ยังไง”

ใบหน้าหล่อเหลาที่ก้มมองพื้นค่อยๆ เงยขึ้นสบมองกับท่านวิโรจน์บนเตียง พลางส่งสายตามองชายชุดดำที่ยื่นกระเช้าให้

ลูกน้องของท่านวิโรจน์ก้มหัวรับคำสั่ง ก่อนจะก้าวเท้าถอยหลังกลับไป แม้ตัวเขาจะไม่ได้เอื้อนเอ่ยสักคำเดียว แต่สายตาก็เป็นประกาศิตว่าหมอไป๋ไม่รับสินน้ำใจจากการรักษา

“อย่าทำให้ผมลำบากใจดีกว่าครับ ถือว่าผมขอร้อง” เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่แววตาเจือรอยจริงจังอันแน่วแน่

“ดื้อด้านซะจริง” ท่านวิโรจน์ยิ้มแล้วส่ายหน้าช้าๆ

หมอไป๋ยิ้มรับที่อีกฝ่ายยอมเคารพการตัดสินใจ อย่างที่บอกไปว่าเขาเป็นหมอและหน้าที่คือการรักษา ไม่ว่าจะชนชั้นวรรณะไหนปลายทางสุดท้ายคือช่วยชีวิตคนไข้ให้ได้

“ได้ข่าวแว่วมาว่าจะแต่งเมียใช่มั้ยล่ะ” ท่านวิโรจน์วางช้อนในมือลง แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาขณะพูดคุยกับหมอไป๋

“ครับ ผมหวังว่าท่านจะไปร่วมยินดีด้วย”

“ฉันก็ต้องไปดูหน้าตาเมียของหมออยู่แล้วสิ”

สายตาของชายแก่ดูรู้เชิงของหมอไป๋ดี ผู้ชายบ้างานทั้งเคร่งครัดกับชีวิตจะแต่งภรรยาสายฟ้าแล่บ ถ้าหากไม่ใช่เพราะหน้าที่และผลประโยชน์คงเห็นเขาครองโสดไปจนแก่

“หมดหน้าที่แล้ว... ถ้างั้นผมขอตัวนะครับท่าน” สองแขนเขาแนบข้างลำตัวแล้วก้มศีรษะลาท่านผู้อาวุโส

ท่านวิโรจน์ยิ้มรับอย่างเอ็นดู พลางพเยิดหน้าให้ลูกน้องไปส่งหมอไป๋ที่ประตู แต่เขายกมือปรามแล้วเดินออกไปเอง

ใครก็ร่ำลือว่าซ่งไป๋เป็นหมอมาเฟีย วาจาดุดันประกอบกับสายตาที่น่าเกรงขาม ทำให้ใครต่างก็ให้ความเกรงใจ เวลาเข้าห้องผ่าตัดทีเหมือนเข้าห้องเชือดที่เย็นเยียบราวกับหมอกพิษ

การขนานนามนี้ ไม่ใช่ว่าหมอไป๋ทำงานที่ผิดกฎหมายหรือละเมิดสิทธิ์ใคร แต่เพราะเป็นคนห่ามและจริงจังมากเวลางาน

ฉายาประจำตัวคือกล้ามเนื้อคิ้วของห้องผ่าตัด...

เพราะอาการของเขาเวลาที่ทำการผ่าตัด มักจะขมวดคิ้วเครียดแทบจะมีกล้ามขึ้นที่หว่างคิ้ว คนรอบข้างก็พลอยถูกรังสีอำมหิตนี้ปกคลุมให้เกร็งเครียดไปด้วย

เรื่องอื่นเขายอมลดหย่อนอนุโลมให้ได้ แต่ยกเว้นกับการรักษาผู้ป่วย เวลาอยู่หน้างานต้องไม่มีโอกาสผิดพลาดเลย

การทำงานรักษาชีวิตของผู้ป่วย คือความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ของการเป็นหมอ เขารักและศรัทธาในอาชีพนี้ ซึ่งเขาจะไม่เป็นหมอผู้ทำผิดศีลธรรมโดยเด็ดขาด

“ไป๋...”

ท่อนขายาวของหมอไป๋ที่ก้าวฉับไวชะงักลง เมื่อหญิงสาวร่างระหงเดินมาขวางทางเขาเอาไว้

หัวใจเขาหล่นวูบในฉับพลัน อาการร้อนวูบวาบวิ่งผ่านตั้งแต่ปลายเท้าถึงกลางอก เมื่อสายตาสบประสานกับหญิงคนรักเก่าที่เขาคิดจะลืมมาตลอด

ทั้งรักทั้งแค้นมันจุกอกแบบนี้แหละ...

หมอไป๋ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้นสะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัวไว้ ก่อนจะเบนสายตาหนีไปทางอื่น แล้วเดินเบี่ยงหลบเหมยหลินราวกับธาตุอากาศ

“เดี๋ยวก่อนสิไป๋ หลินมีเรื่องอยากปรึกษา”

“มีอะไร”

“หลินอยากปรึกษาเรื่องการมีลูก...”

หญิงสาวใบหน้าสะสวยดูอึดอัดใจ มือประสานไว้ด้านหน้าแล้วมองเขาอย่างเว้าวอน

แต่เธอจะมาปรึกษาเขาทำไมกันล่ะ ในฐานะคนรักเก่าหรือภรรยาของน้องชายต่างมารดากัน

“ไปแผนกสูตินรีเวช ไม่ใช่มาปรึกษาฉัน” หมอไป๋ขบกรามแน่นแล้วเผลอกำหมัดเข้าหากัน

“แต่หลินไว้ใจไป๋ที่สุดนี่คะ”

“หลบไปได้แล้ว”

“เราสองคนลองคุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอไป๋ ยังไงเราก็คนในครอบครัวเดียวกันแล้วนะคะ”

เสียงของเหมยหลินกระแทกโสตประสาทเขา แต่หมอไป๋ทำแค่เหยียดสายตามองอีกฝ่าย สีหน้าไร้อารมณ์ใดๆ อย่างสิ้นเชิง

“อย่ามาเล่นละครตรงนี้ ที่นี่ไม่มีกล้องสำหรับนักแสดง”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาของคุณหมอมาเฟีย   บทที่ 18 แมวเธออ้วนมาก

    เช้ามาที่หมอไป๋และภารัชชานั่งและยืนกันคนละมุม ร่างสูงยืนชงกาแฟอยู่ที่เคาน์เตอร์ครัว ส่วนภรรยาป้ายแดงนั่งดื่มเพียวมัทฉะในยามเช้าบนโต๊ะอาหารจะว่ามองหน้ากันไม่ติดก็ใช่ เมื่อคืนนอนกอดกันกลมไม่พอ ตอนตื่นเธอยังพบว่าตัวเองมุดเข้าไปซุกอกอุ่นของหมอไป๋อีกอายแค่ไหนก็ต้องเก็บอาการ หน้าต้องหนาให้พอต่อกรกับเขาเข้าไว้“ถ้วยฟู”“มาว~”เจ้าถ้วยฟูส่งเสียงร้องครืนคราง ก่อนจะเดินมาคลอเคลียที่ต้นขาของภารัชชา หมอไป๋ได้ยินเสียงแมวร้องก็หันมอง พลันขมวดคิ้วเครียดที่เห็นแมวน้อยเดินนวยนาดข้างเธอ“ตัวอะไร” เขามองแมวสามสีตัวอวบอ้วนด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่ก็แฝงความไม่พอใจอยู่ในนั้นที่มีสัตว์เลี้ยงมาเดินเพ่นพ่านในบ้าน“จระเข้มั้งคะคุณไป๋”“กวนประสาทเหรอ”“คุณก็เห็นว่าน้องเป็นแมว จะถามทำไมคะว่าตัวอะไร” เธอก้มตัวลงไปอุ้มถ้วยฟูขึ้นมานั่งตักหมอไป๋มองแล้วเบ้หน้าเล็กน้อย พลางยกกาแฟรสเข้มขึ้นมาดื่มก่อนไปทำงาน แมวเธอตัวอวบอ้วนจนตักเธอจะรองรับน้ำหนักไม่ไหวอยู่แล้ว“แมวหรือหมูตัวใหญ่ขนาดนั้น”“ถ้วยฟูไม่อ้วนสักหน่อยค่ะ”“แน่ใจเหรอว่าไม่อ้วน”“น้องแค่จ้ำม่ำเฉยๆ เองคุณไป๋”ภารัชชามองตาขวางใส่อีกฝ่าย ก่อนจะเอามือป้องหูถ้วยฟูไม

  • ภรรยาของคุณหมอมาเฟีย   บทที่ 17 กอดคุณไม่อุ่นสักนิด

    ร่างบางพลิกตัวไปมาบนเตียงขนาดคิงส์ไซส์ เธอข่มตาในความมืดให้หลับไม่ลง จนได้ยินเสียงหมอไป๋ถอนหายใจเป็นระยะเขาก็คงรำคาญเธอเต็มที เล่นพลิกตัวกระสับกระส่ายไปมา พาลให้เขานอนไม่หลับด้วยอีกคน แต่เมื่อภารัชชาเริ่มตัวสั่นแล้วกระเถิบจนแผ่นหลังชิดหลังหมอไป๋ เขาก็ผงกหัวแล้วเอี้ยวลำคอหันมองทันที“จะยุกยิกอีกนานมั้ย” หมอไป๋ขมวดคิ้วหัวเสีย พรุ่งนี้เขามีผ่าตัดช่วงเก้าโมงแต่ปาไปตีสองแล้วยังไม่ได้นอนเลย“ขอแค่เปิดไฟดวงเดียวได้มั้ยคะ”“เธอเป็นเด็กหรือไง ถึงนอนแบบปิดไฟไม่ได้”“ฉันก็แค่... กลัวความมืด”ภารัชชาตอบกลับไม่เต็มเสียง เธอมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ในหัวมีแต่ภาพจินตนาการน่ากลัวจนข่มตาหลับไม่ลง ซ่งไป๋เป็นคนใจคอโหดเหี้ยมอย่างที่ใครเขาพูดนั่นแหละเลือดเย็นได้แม้กระทั่งคนที่กลัวความมืด...“ในห้องนี้ไม่มีแสงลอดเข้ามาเลยนี่คะ คุณไป๋ปิดทั้งม่าน... ปิดไฟในห้องทั้งหมดเลย”“ฉันนอนไม่หลับถ้าไฟแยงตา”“ถ้างั้นให้ฉันไปนอนข้างนอกก็ได้ คุณจะได้ไม่หัวเสียด้วยค่ะ”หมอไป๋ยันกายลุกขึ้นนั่ง พลางลอบระบายลมหายใจทิ้ง ใช่ว่าเขาอยากจะรั้งเธอไว้สักหน่อย แต่ตัวเขาก็มีเหตุผลให้ต้องคุ้นเคยกับคนที่เกลียดเหมือนกันซ่งไป๋เป็นคนไม่คุ้น

  • ภรรยาของคุณหมอมาเฟีย   บทที่ 16 ไม่โปรดปรานภรรยา

    ภารัชชานั่งข้างซ่งไป๋บนรถโรลส์รอยซ์คันหรู สารถีกรกำลังขับพาทั้งคู่ตรงไปยังเพนส์เฮ้าส์ส่วนตัวของหมอไป๋ มูลค่าร่วมสี่ร้อยกว่าล้านเป็นมุมที่เขาหวงความเป็นส่วนตัวมากแต่หมอไป๋เป็นคนเสนอเอง จัดให้เพนส์เฮ้าส์เป็นเรือนหอเพราะไม่อยากเจียดเงินในส่วนนี้ แค่ค่าสินสอดที่ต้องประเคนให้แม่ลูกคู่นี้ก็มากเกินพออีกอย่างการที่ภารัชชาเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของเขา เขาจะได้จัดการเธอได้ง่ายมากขึ้น เวลาพยศทีจะได้กำราบง่ายไม่ต้องใช้แรงเยอะปึกศีรษะเล็กที่สัปหงกอยู่ซบลงบนไหล่กว้าง ใบหน้าสวยสดดูเหนื่อยล้าจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทิ้งหัวบนไหล่หมอไป๋“นี่เธอ”ใบหน้าหล่อเหลาทมึงตึง ก่อนจะใช้นิ้วชี้ดันศีรษะเธอให้ออกห่างภารัชชาปรือตาขึ้นมอง หมอไป๋เลยหันหน้าหนีแสร้งว่าไม่ได้ดันหัวเธอออกแต่อย่างใด เธอหลับตาลงกลับเข้าสู่อาการสัปหงกอีกครั้ง และก็เผลอไปพิงไหล่เขาอย่างไม่รู้ตัวอีกแล้ว“ภารัช...”“อื้อ”หมอไป๋ลืมคำพูดที่จะต่อว่าไปชั่วขณะ หลุบตามองใบหน้าสวยสดที่ครางครืนในลำคอ ปมที่หว่างคิ้วเริ่มคลายออกราวกับสบายตัวที่ได้นั่งซบไหล่อยู่“ภาระ”ใบหน้าหล่อคมเบือนหนีออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้เธอได้ซบอิงไหล่เขาระหว่างรถขับเคลื่อนไปบนถน

  • ภรรยาของคุณหมอมาเฟีย   บทที่ 15 มารยาสอนหญิง

    ภารัชชาควงแขนสามีร่วมดื่มฉลองกับเพื่อนเขาสักพักใหญ่ ก่อนที่เธอจะให้หมอไป๋ได้อยู่พูดคุยกับเพื่อนๆ เขาแทน ไม่อยากยืนฝืนยิ้มในหมู่คนที่เธอเองก็ไม่ได้สนิทสนมดีกระทั่งหมุนตัวกลับมาแล้วเห็นปรางสิตายืนข้างอาปราบต์ ใบหน้าที่เหนื่อยล้าสะสมมาทั้งวันก็เผยรอยยิ้มกว้างในทันทีเธอกลายเป็นเด็กน้อยวัยแปดขวบ จ้องจะวิ่งเข้าหาแม่ทุกครั้งที่ได้เจอหน้า ถึงแม้อายุอานามจะไม่ใช่เด็กน้อยแล้วก็ตาม แต่ข้างในตัวภารัชชายังมีเด็กน้อยหนึ่งคนอยู่ด้วยตลอดเวลาเด็กน้อยที่รอคอยความเมตตาและความรักจากผู้ให้กำเนิด...“แม่กับอาปราบต์ยังไม่กลับอีกเหรอ” ร่างระหงวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าปรางสิตา แต่คนเป็นแม่กับทำหน้าระอาเต็มกลืน อาปราบต์ที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงเป็นคนพูดกับเธอแทน“อาขอให้แม่อยู่ลาเราก่อนน่ะ จะเข้าเรือนหอทั้งทีคงมีอะไรให้ร่ำลากันหน่อย”“ร่ำลาอะไรล่ะ ฉันไม่ได้ส่งลูกเข้าโรงเชือดสัตว์นะคุณ”“แต่หลานกำลังจะเข้าเรือนหอ เธอควรให้พรลูกหน่อยนะสิตา”ปรางสิตาถอนหายใจพรืดยาว เธอก็แค่ไม่รู้จะอยู่ปั้นหน้าให้เสียเวลาทำไม ในเมื่อเจ้าสัวชาญชัยอวยพรในพิธีงานจบก็ขอตัวกลับพร้อมภรรยาหลวง แต่อาปราบต์กลับรั้งปรางสิตาให้อยู่รอเจอภารัชชาหลังจ

  • ภรรยาของคุณหมอมาเฟีย   บทที่ 14 คนของตระกูลซ่ง

    AFTER PARTY คือช่วงเวลาปลดปล่อยความสนุกหลังพิธีวิวาห์สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ ทุกคนต่างก็มารวมตัวสนุกสุดเหวี่ยงด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนของทางฝั่งของหมอไป๋มากกว่าภารัชชามีเพื่อนรักเพียงคนเดียวแค่อิงธารา ส่วนอีกคนก็คือรุ่นพี่คนสนิทอย่างสิบทิศที่มาร่วมยินดี ทั้งสามนั่งร่วมดื่มเฉลิงฉลองกันที่โต๊ะ ส่วนเพื่อนร่วมงานหมอไป๋จัดเต็มอยู่หน้าเวทีกันหมดแล้วหากไม่ได้บอกว่าเป็นหมอรักษาคนไข้ ภารัชชาก็นึกว่าเหล่ากองทัพแพทย์เป็นนักเต้นมืออาชีพ แต่ละคนเท้าไฟมีหัวใจรักดนตรีกันทุกคน“แกดื่มเยอะเกินไปแล้วนะอิง พี่สิบช่วยปรามหน่อยสิคะ” ภารัชชาหันไปทำเสียงอ้อนให้สิบทิศช่วยสิบทิศเป็นรุ่นพี่สายรหัสเธอตอนเรียนมหาวิทยาลัย ชายร่างสูงโปร่งผิวพรรณดีสวมแว่นสายตาทรงกลม เป็นหนุ่มตี๋ที่มีสาวสวยมารุมขายขนมจีบกันให้เพียบ แต่คงทำได้แค่มองเพราะรุ่นพี่เธอมีแฟนสาวแล้ว“เดี๋ยวพี่ดูอิงให้เองครับ น้องชาไปช่วยคุณไป๋เถอะ”“ยัยชาฉันโคตรยินดีกับแกเลยนะเว้ย... เพื่อนร้าก”อิงธาราอยู่ในอาการมึนเมา โยกตัวมาโอบกอดเพื่อนรักแล้วโคลงตัวไปมา ทำภารัชชาหลุดยิ้มอย่างเอ็นดูเพื่อนตัวเอง“ฉันรู้แล้ว แต่แกช่วยตั้งสติหน่อยเถอะน่า”“ดูแลตัว

  • ภรรยาของคุณหมอมาเฟีย   บทที่ 13 วิวาห์รักจอมปลอม

    วันเวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดที่หลับตาลงเพียงครู่เดียวตื่นขึ้นมาอีกวัน ภารัชชาก็อยู่ท่ามกลางงานแต่งสุดอลังการสมฐานะสะใภ้หมื่นล้านตระกูลซ่งภายในงานประดับประดาด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ โคมไฟคริสตัลห้อยระย้าเล่นแสงส่องประกายระยิบระยิบ แขกเหรื่อคนสำคัญทั้งจากวงการแพทย์และแวดวงธุรกิจ ต่างก็มาร่วมยินดีปรีดากับทั้งคู่ในครั้งนี้ควันสีขาวของทีมงานที่จัดเตรียมไว้พ่นตามทาง ขณะที่ร่างระหงในชุดเจ้าสาวเดินผ่าน ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ของแขกผู้มีเกียรติ เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราวเพื่อร่วมแสดงความยินดีร่างบางระหงสวมชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ กำลังก้าวเดินไปบนเวทีที่ปลายทางคือเจ้าบ่าวของงานซ่งไป๋หล่อเหลาเอาการ เขาอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีสุภาพเซททรงผมเปิดหน้าผาก แต่งแต้มเครื่องสำอางแค่เล็กน้อยก็โดดเด่นเป็นประจักษ์แก่สายตา ราวกับมีไฟออร่าสาดส่องไปที่เขาโดยไม่ต้องพึ่งไฟของงานเลยทุกฝีก้าวที่ภารัชชานั้นก้าวเดิน เป็นดั่งขั้นบันไดไปสู่ขุมนรก โดยที่มีผู้คุมขังวิญญาณให้โดนจองจำคือสามีจอมปลอมอย่างซ่งไป๋“ยิ้ม” เขาพูดผ่านไรฟัน แต่หน้ายังเปื้อนยิ้มอยู่ภารัชชาไม่ยิ้มเลยตั้งแต่เปิดประตูเดินออกมา เธอรู้ว่าปรางส

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status