Mag-log inตอนที่4
ภูริชกลับเข้ามาในตอนเช้า หลังจากที่เมื่อคืนเขาไปค้างที่คอนโดกับลลิสามา พอกลับมาถึงก็เห็นภรรยาตัวเองกำลังรดน้ำดอกกล้วยไม้ของคุณหญิงกาบแก้วอยู่ เลยอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปทักทายเสียหน่อย
“ปกติอยู่บ้านนอกคงจะชอบทำสวนทำไร่สินะ” อนงค์นางหันมาหาคนที่เพิ่งจะกลับมา แล้วก็หันกลับไปสนใจดอกกล้วยไม้ตรงหน้าต่อ เพราะรู้ดีว่าภูริชต้องเข้ามาหาเรื่องอย่างแน่นอน และเธอเองก็ไม่ได้อยากมีเรื่องกับเขาในเวลาเช้าแบบนี้ด้วย
“ที่เงียบเนี่ย เพราะฉันเดาถูกใช่มั้ยล่ะ?” อนงค์นางยังคงเฉย แล้วก็หันไปจัดการลากสายยางมารดน้ำบรรดาดอกไม้ที่อยู่บริเวณนั้นต่อ โดยไม่ได้สนใจที่จะพูดกับเขาเลยสักนิด
“ได้จากคุณแม่ไปเท่าไหร่ล่ะ เธอถึงได้ยอมแต่งงานกับฉัน ทั้งๆ ที่ไม่ได้รักแบบนี้”
“...”
“อยู่บ้านนอกมันคงจะลำบากมากสินะ ถึงได้พยายามกระเสือกกระสนมาอยู่ที่นี่ ได้เป็นถึงสะใภ้คุณหญิงกาบแก้ว สบายไปทั้งชาติ”
“นางไม่เคยคิดแบบนั้น” อนงค์นางหันมาเถียง เพราะทนฟังเขาพูดจาดูถูกมานานเกินไปแล้ว ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้อยากที่จะมีปัญหากับภูริชเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามยัดเยียดปัญหามาให้เธอเสียเหลือเกิด
“แต่ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะมีเหตุผลอื่นนอกจากนี้”
“ก็แล้วแต่คุณภูจะคิดเถอะค่ะ” เธอพูดตัดปัญหา เพราะต่อให้ปฏิเสธยังไง เขาก็ไม่คิดที่จะเชื่ออยู่ดี
อนงค์นางดึงสายยางไปเก็บตามเดิม เพราะไม่อยากที่จะอยู่เถียงกับภูริชต่อ แต่ก็เหมือนเขาจะไม่อยากให้เธอได้อยู่ที่นี่ได้อย่างสงบสุข เพราะขนาดเธอเดินหนีเข้ามาถึงในบ้าน ภูริชก็ยังมิวายเดินตามเข้ามาพูดจาหาเรื่องต่อ
“แค่นี้ก็รับความจริงไม่ได้ เธอคงจะรู้ตัวสินะว่าถ้าไม่ได้แต่งงานกับฉัน ก็คงจะไม่มีผู้ชายคนไหนอยากแต่งงานกับผู้หญิงเฉิ่มๆ แบบเธอ” ถึงแม้ว่าตอนนี้อนงค์นางจะเปลี่ยนไปจากเดิมจนเขาเองก็คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงเฉิ่มๆ เชยๆ คนนั้น จะกลายเป็นสาวสวยขนาดนี้ แต่มันก็แค่รูปลักษณ์ภายนอก เพราะถึงยังไงอนงค์นางก็ยังคงเป็นผู้หญิงที่จืดชืดในสายตาเขาอยู่ดี ตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่ เขายังไม่เคยเห็นว่าเธอจะมีสีหน้าต่างจากเดิมเลยสักครั้ง ถึงใบหน้าจะสวยหวาน แต่ถ้าไร้ซึ่งชีวิตชีวามันก็ไม่น่ามองอยู่ดี
วันๆ เธอเคยยิ้มบ้างหรือเปล่าเขาเองก็ยังสงสัยอยู่
“ถึงกับนิ่งไปเลย ฉันพูดถูกทุกข้อเลยสินะ” ภูริชยิ้มเยาะ ที่ได้พูดจาดูถูกเธอแบบนี้ ส่วนคนที่เงียบปล่อยให้เขาพูดจาหาเรื่องมาตลอดก็ถึงกับหมดความอดทน เพราะถ้าเธอทน เธอก็จะต้องเจอแบบนี้ไม่จบไม่สิ้น
“ถ้านางเจอคุณภูที่อื่น นางคงไม่คิดว่าคุณภูเป็นลูกชายของคุณแม่แน่นอนค่ะ”
“ทำไม?”
“คุณแม่ออกจะใจดี สุภาพ มีความเป็นผู้ดีทุกอย่าง แต่ดูเหมือนว่าคุณภูจะตรงข้ามกับคุณแม่หมดเลยนะคะ” อนงค์นางพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ไม่แสดงสีหน้าใดๆ แต่มันกลับแทงใจจนคนฟังถึงกับหน้าชา
“เธอหาว่าฉันไม่มีความเป็นผู้ดีอย่างนั้นเหรอ?”
“ค่ะ ไม่มีเลยสักนิดเดียว” พูดจบเธอก็เดินหนีขึ้นห้องไป ภูริชตั้งท่าจะเดินตามไปพูดให้รู้เรื่องเพราะเขาเองก็ไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนพูดจาแบบนี้ใส่เหมือนกัน แต่กลับถูกคุณหญิงกาบแก้วขวางทางเอาไว้เสียก่อน
“อนงค์นาง กลับมาพูดกับฉันเดี๋ยวนี้!”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะตาภู!”
“แต่ลูกสะใภ้คุณแม่เขาว่าผมนะครับ ไหนบอกว่าเป็นคนดีไง มาอยู่ไม่เท่าไหร่ก็ออกลายแล้ว”
“ก็แกไปว่าหนูนางเขาก่อน อย่าคิดว่าแม่ไม่ได้ยินนะ ว่าแกพูดอะไรบ้าง” คุณหญิงแอบฟังตั้งแต่ทั้งคู่เดินเข้ามาภายในบ้านแล้ว อยากจะรู้เหมือนกันว่าอนงค์นางจะรับมือกับลูกชายตัวแสบของนางได้หรือเปล่า แล้วคุณหญิงก็ได้คำตอบว่าคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกอนงค์นางมาเป็นสะใภ้ เพราะคนแบบภูริช ต้องเจอผู้หญิงแบบอนงค์นางนี่แหละถึงจะเอาอยู่
“แล้วยังไงครับ คุณแม่จะให้ลูกสะใภ้ที่แสนดีนั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านเฉยๆ แบบนี้เหรอครับ?”
“ใครบอกแก พรุ่งนี้ฉันจะพาหนูนางเข้าบริษัท แล้วก็จะให้เข้าไปช่วยงานที่โรงแรมด้วย”
“ช่วย? ผู้หญิงแบบนั้นจะทำอะไรได้ครับ”
“ฉันจะให้หนูนางไปดูแลที่ห้องอาหารแทนผู้จัดการคนเก่า แล้วก็จะให้ไปเรียนรู้งานบริหารกับแกด้วย” พอรู้ว่าจะต้องสอนงานอนงค์นาง ภูริชก็รีบปฏิเสธทันที แค่อยู่บ้านเดียวกันเขาก็เบื่อจะแย่ ยังต้องให้สอนงานอีก ถ้าเป็นแบบนั้นเขาไม่ต้องเฉาตายเหรอที่ต้องเจอผู้หญิงหน้าตาเบื่อโลกอย่างอนงค์นางตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
“ไม่สอนครับ คุณแม่ให้คนอื่นสอนไปเถอะ หัวเด็ดตีนขาดยังไง ผมก็จะไม่มีทางสอนงานยัยเฉิ่มนั่นเด็ดขาด!”
“แกพูดเองนะ”
ตอนที่15วันนี้ครอบครัวของภูริชกับอนงค์นางพากันมาพักผ่อนตากอากาศที่ทะเล ซึ่งเป็นบ้านพักของคุณหญิงกาบแก้วเอง และถือเป็นการมาฮันนีมูนระหว่างภูริชกับอนงค์นางไปด้วยเลย เพราะตั้งแต่แต่งงานกันมาตั้งหลายเดือนทั้งคู่ยังไม่มีเวลาออกมาเที่ยวพักผ่อนด้วยกันเลยสักที ครั้งนี้เลยถือเป็นโอกาสที่ดีที่ทั้งสองครอบครัวจะได้มาเที่ยวพักผ่อนด้วยกันช่วงค่ำก็จะมีการจัดปาร์ตี้เล็กๆ ริมชายหาดบริเวณหน้าบ้านพัก โดยมีป้านิดแม่ครัวของบ้านตามมาทำอาหารให้เจ้านายที่ทะเลด้วย หลังจบมื้ออาหารริมทะเลในช่วงค่ำและนั่งพูดคุยกันนิดหน่อย คุณหญิงกาบแก้วและประไพ ต่างก็พากันกลับห้องไปพักผ่อน เหลือเพียงภูริชกับอนงค์นางที่ยังนอนเล่นอยู่ที่ม้านั่งริมระเบียงหน้าบ้านต่อ“คืนนี้ดาวสวยจังเลยนะคะ” อนงค์นางมองไปที่ท้องฟ้า ที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ซึ่งหาดูแบบนี้ไม่ได้แล้วที่ในเมื่องหลวง ที่เต็มไปด้วยแสงไฟยามค่ำคืน“นางชอบที่นี่มั้ย?” เขาเอ่ยถามคนที่อยู่ในอ้อมกอด“ชอบค่ะ ที่นี่อากาศดี แล้วทะเลก็สวยมากด้วย” เธอชอบบ้านพักหลังนี้มาก เพราะมันอยู่ติดทะเล มีชายหาดให้เดินเล่น และมานั่งมองพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า“ถ้านางชอบ พี่จะพามาอีกบ่อยๆ นะ”“ขอบคุ
ตอนที่14หลังจากที่หายออกไปจากชีวิตของภูริชเป็นเดือน อยู่ๆ ลลิสาก็โทรมาขอนัดเจอกับเขาอีกครั้ง ภูริชบอกเรื่องที่ลลิสาโทรมาขอนัดทานข้าวให้อนงค์นางรู้ เพราะถ้าเธอไม่เต็มใจที่จะให้เขาออกไปพบลลิสาเขาก็จะไม่ออกไป ถึงทางนั้นจะแค่ต้องการที่จะขอโทษกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น จนทำให้ภูริชถูกทำร้ายในคืนนั้นก็ตาม และภูริชเองก็บริสุทธิ์ใจไม่ได้คิดกับลลิสาเหมือนเดิมแล้ว ซึ่งอนงค์นางเองก็ยอมที่จะให้สามีออกไปพบกับคนรักเก่า เพราะเธอเองก็เชื่อใจว่าเขาจะไม่กลับไปคืนดีกับลลิสาอย่างที่บอกเอาไว้ และเธอก็คิดว่าเขาจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจเหมือนที่ธาดาเคยทำกับเธอมาแล้วอีกครั้งภูริชออกไปตั้งแต่บ่าย จนเวลานี้ก็สองทุ่มกว่าแล้วคนเป็นสามีก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา ถึงใจหนึ่งเธอจะไว้ใจเขา แต่อีกใจหนึ่งเธอก็อดคิดไม่ได้ว่าภูริชกับลลิสาที่เคยเป็นคนรักกันมาก่อนจะหวนกลับไปคืนดีกันหรือเปล่าเพราะทั้งคู่ก็คบหากันมาก่อนเธอที่เพิ่งจะแต่งงานกับเขาได้ไม่กี่เดือน ความผูกพันระหว่างภูริชกับลลิสาย่อมมีมากว่าเธออยู่แล้วหรือเธอควรที่จะต้องทำใจและยอมรับ ว่าเมียแต่งที่ไม่ได้เกิดจากความรักตั้งแต่แรกอย่างเธอ คงจะสู้คนรักเก่าที่มีความ
ตอนที่13ภูริชประทับจูบลงที่เรียวปากอวบอิ่มอย่างลุ่มลึก อนงค์นางเองก็ตอบสนองการทักทายของเขาด้วยปลายลิ้นนุ่มลื่นอย่างดูดดื่ม ภูริชกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม มือของเขาพยายามที่จะจัดการกับเสื้อผ้าที่มันขวางกั้นของอนงค์นางออกเมื่อเสื้อผ้าของอนงค์นางถูกปลดไปกองรวมที่พื้น ร่างเปลือยเปล่าที่อยู่ตรงหน้าช่างงดงามยิ่งนัก ส่วนเว้าส่วนโค้งช่างน่าหลงใหลและน่าสัมผัสไปทุกส่วนดวงตาคมลุกวาว มองสำรวจสัดส่วนของคนตรงหน้าทุกซอกทุกมุม ก่อนที่จะดึงร่างเปลือยเปล่าของเธอให้นอนราบลงกับที่นอน แล้วร่างสูงก็ทาบทับตามลงมา อนงค์นางรู้สึกเขินจนหน้าแดงก่ำ เมื่อมือไม้ที่ซุกซนของเขาลูบไล้ไปมาบนเรือนร่างของเธออย่างเพลิดเพลิน เรียวปากหยักได้รูปซุกไซ้อยู่บนคอระหง อารมณ์ของเขาตอนนี้โหยกระหายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อยอดประทุมสีชมพูเข้มตั้งชูชันทักทายปลายลิ้นร้อน เขาดูดดื่มมันอย่างเมามัน ปลายนิ้วค่อยๆ แตะสัมผัสไปยังเนินสามเหลี่ยมของเธอ อนงค์นางครางออกมาอย่างยากที่จะเก็บเสียงเพลิงสวาทนั้นได้ เมื่อถูกปลายนิ้วกระดิกหยอกล้อไปมาบนเกสรของเธอ จนน้ำหวานไหลชุ่มฉ่ำล่อแมลงให้เข้ามาชอนไช“ไว้ใจพี่นะ พี่จะทำให้เบาและนุ่มนวลที่สุด” ภูริชเอ่ยใ
ตอนที่12วันนี้ภูริชต้องไปดูแลลูกค้าที่มาจากจีนแทนคุณหญิงกาบแก้ว โดยที่คุณหญิงให้อนงค์นางไปกับเขาด้วย ทั้งคู่พาลูกค้ามาเลี้ยงที่ผับดังแห่งหนึ่ง และที่นี่ภูริชก็เจอเข้ากับลลิสาโดยบังเอิญ เธอมากับรัฐมนตรีที่จองห้องวีไอพีเอาไว้เหมือนกัน แต่ลลิสาไม่เห็นภูริช เพราะมัวแต่เอาใจคนอายุมากที่เธอมาด้วยภูริชเมื่อเห็นการกระทำที่สนิทสนม และแนบชิดกันระหว่างลลิสากับคนแก่คราวพ่อนั่นก็มีอาการไม่พอใจ แต่ก็เข้าไปหาลลิสาไม่ได้เพราะมีลูกน้องของรัฐมนตรีคอยคุมอยู่หน้าห้อง จนสุดท้ายเขาก็หมดความอดทน บุกเข้าไปหาลลิสาถึงในห้อง และสิ่งที่เขาเห็นคือลลิสากำลังกอดจูบอยู่กับคนแก่คราวพ่อ ความผิดหวังทำให้เขาถึงกับต้องเดินหนีออกมา เพราะทนเห็นภาพตรงหน้าไม่ไหว ซึ่งคนที่อยู่ในห้องก็ไม่ทันได้เห็นว่าภูริชบุกเข้ามาอนงค์นางตามคนเป็นสามีออกมาเพราะความเป็นห่วง กลัวว่าความโกรธจะทำให้เขาทำอะไรแผลงๆ ขึ้นมา แต่ภูริชกลับแค่ออกมานั่งดื่มเหล้าเงียบๆ ที่บาร์ด้านนอกแทน“คุณภูคะ คุณโอเคหรือเปล่า?” อนงค์นางเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง คนที่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม“ฉันไม่เป็นอะไร เธอเข้าไปดูแลลูกค้าเถอะ เดี๋ยวฉันตามเข้าไป” ภูริชบอก เพราะทิ้งลูกค้าออก
ตอนที่11ภูริชกลับมาที่ห้องของตัวเอง แล้วก็ได้แต่คิดว่าเขาทำรุนแรงกับอนงค์นางไปหรือเปล่า ต่อให้เธอจะได้ชื่อว่าเป็นภรรยา แต่เขาก็ไม่ควรที่จะทำอะไรกับเธอแบบนั้น ทั้งๆ ที่เธอเองก็ไม่ได้เต็มใจ ถึงมันจะแค่จูบก็เถอะแต่พอนึกถึงสัมผัสนั้นขึ้นมาเขากลับรู้สึกพอใจ และหลงใหลกับจูบของเธอ เพราะแค่หลับตาเขาก็คิดถึงแต่สัมผัสนั้นของเธออยู่ตลอด ทั้งที่เขาไม่ควรที่จะรู้สึกแบบนี้กับใครนอกจากลลิสาและพอนึกถึงลลิสา เธอก็โทรเข้ามาหาเข้าพอดี ภูริชถึงได้หลุดจากความคิดระหว่างเขากับอนงค์นาง“ครับลิสา”“ทำไมภูหายไปเลยล่ะคะ ไม่มาหาลิสาเลย” ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน“พอดีคุณแม่เพิ่งกลับมาน่ะครับ แล้วผมก็ยุ่งมากด้วยเลยไม่ได้ไปหาคุณ”“ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้ภูมาค้างกับลิสานะคะ ลิสาคิดถึงคุณค่ะ”“คงจะไม่ได้หรอกครับ ช่วงนี้คุณแม่จับผิดผมอยู่ แล้วท่านก็รู้เรื่องที่ลิสามาค้างกับผมที่บ้านด้วย ช่วงนี้เราอาจจะต้องห่างกันสักพักนะครับ”“แต่ลิสาคิดถึงคุณนะคะภู”“ผมก็คิดถึงคุณครับ แต่เพื่ออนาคตของเราผมว่าเราอย่าทำให้คุณแม่โกรธจะดีกว่านะ”“ก็ได้ค่ะ แต่คุณต้องสัญญานะคะว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับภรรยาของคุณ ระหว่างที่เราห่างกัน”“ผมสั
ตอนที่10อนงค์นางกลับมาพร้อมกับภูริช แต่พอมาถึงบ้านเขาก็ยังไม่เลิกพูดจาหาเรื่องเธอ“อนงค์นาง! อย่าเดินหนีฉันแบบนี้” ภูริชเดินตามขึ้นมาถึงบนห้องส่วนตัวของภรรยา เพราะเรื่องที่เขาคุยกับเธอบนรถมันยังไม่จบ“นางไม่มีเรื่องจะคุยกับคุณภูค่ะ”“ทำไมจะไม่มี ที่เธอเคยบอกว่าแต่งงานกับฉันเพราะเธอไม่ได้คิดที่จะรักฉัน มันหมายความว่ายังไง?”“นางไม่ได้พูดสักหน่อยว่าที่แต่งงานเพราะไม่ได้รักคุณภู ก็วันนั้นคุณภูเป็นคนพูดเองว่านางไม่มีหัวใจ นางก็แค่บอกว่าที่ยอมแต่งงานกับคุณภู เพราะคิดว่าคงจะไม่ได้ใช้หัวใจต่างหาก” อนงค์นางอธิบายกับเขา“นั่นแหละ! แล้วมันต่างกันตรงไหน ที่เธอบอกว่าไม่มีหัวใจ เพราะเธอให้กับไอ้แฟนเก่านั่นไปแล้วใช่มั้ยล่ะ?” เขาถามออกไปอย่างหงุดหงิด ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องหงุดหงิดเมื่อต้องพูดถึงแฟนเก่าของเธอ“ค่ะ นางให้ธาดาไปแล้ว และเขาก็ทำลายมันไปแล้วด้วย นางถึงยอมแต่งงานกับคุณภู เพราะนางไม่คิดที่จะมีความรักให้กับใครได้อีก” เพราะความรักของเธอมันได้ตายไปตั้งแต่วันที่ธาดานอกใจเธอแล้วอนงค์นางมองเขาด้วยแววตาที่ไม่ได้บ่งบอกถึงความรู้สึกใดๆ ทั้งนั้น แต่มันกลับทำให้คนฟังรู้สึกเสียหน้าอย่างบอกไม่







