LOGINภรรยาที่เอาใจสามีเป็นสิ่งดี และสามีอย่างอย่างเขาเองก็ควรดีใจ แต่สิ่งที่ซูเอ๋อร์ทำมันผิดปกติมากเกินไป เธอเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
"หาหมอทำไมคะ"
ถึงจะมีรอยยิ้มแต้มประปรายแต่แววตาของซูก็ตื่นตกใจไม่น้อยเช่นกัน ดวงตาคมของสามีที่จับจ้องมาทางเธอนั้นเหมือนกำลังหาคำตอบกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป ดูท่าเธอจะขยันเกินไป จึงทำให้คนที่ใกล้ชิดงงเป็นไก่ตาแตกทีเดียว
"เพื่อความสบายใจ"
ถึงปากจะบอกว่าเพื่อความสบายใจ แต่เธอไม่ได้โง่ถึงขั้นที่จะอ่านความคิดจากสีหน้าไม่ได้ ดวงตาคมเจือความสงสัย เขาคงคิดว่าสมองของเธอเพี้ยนไปถึงได้ลุกขึ้นมาทำความสะอาดบ้านช่องจนสะอาดไม่มีฝุ่นกวนใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังทำอาหารเย็นรอไว้ ครั้นจะไม่ให้เธอทำอะไร เธอก็ทนคันไม้คันมือไม่ได้จริงๆ
"ฉันสบายดีค่ะ"
"แต่พี่คิดว่า...."
"ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ"
ซูที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่รีบพูดแทรกตัดบทขึ้นมา ทำให้คำว่า 'ไม่ปกติ' ของเฉิงอี้ยังคงค้างไว้ในใจ หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ๆ สามีพร้อมกับสบตา แค่มองก็รู้แล้วว่าเขายังไม่เชื่อคำพูดของเธอร้อยเปอร์เซ็นต์
"เชื่อฉันนะคะ"
เป็นการย้ำที่มาพร้อมสายตาอ้อนวอน สมองกำลังคิดว่าควรหาเหตุผลอะไรมาโน้มน้าวใจสามีให้เชื่อดี ภรรยาที่เปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือนี้ มันต้องมีสักเหตุผลสิที่จะทำให้สามีเชื่อสนิทใจ
"พี่เชื่อ แต่..."
ในเมื่อเธอบอกว่า 'ปกติดี' เขาที่เป็นสามีก็ควรเชื่อสนิทใจ เขากับเธออยู่กินเป็นผัวเมียมานานเท่าไหร่ การที่ภรรยามีพฤติกรรมแปลกไป เขาจะโง่ถึงขั้นไม่เอะใจเชียวหรือ
"พี่เฉิง"
เพราะคำว่า 'แต่' ทำให้ซูตัดสินใจที่จะโกหกคำโตไป เธอสวมบทภรรยาที่ทำหน้าสลดเพราะเพิ่งคิดได้ และอยากกลับตัวกลับใจ อยากเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ถึงความจริงจะเป็นคนใหม่ที่เข้ามาสวมอยู่ในร่างของภรรยาเขาก็เถอะ
"พี่เฉิงให้โอกาสฉันแก้ตัวได้ไหม ที่ผ่านมาฉันเป็นภรรยาที่ไม่เอาไหน ทำแต่เรื่องแย่ๆ ให้พี่ต้องเหนื่อยใจ ทำผิดกับพี่ตั้งมากมาย เป็นภรรยาที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ "
หญิงสาวพูดไปก็มองหน้าของสามีไป เธอกำลังประเมินว่าเขาจะเชื่อในคำพูดเธอหรือไม่ ความเป็นจริงเธอก็ไม่ได้อยากปิดบังอะไร แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นยังไง ถ้าบอกว่าทะลุมิติมา เขาคงคิดว่าเธอเป็นบ้าและส่งตัวไปรักษาแน่ๆ
"เรามาเริ่มต้นใหม่กันนะคะ"
ในเมื่อไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่ซูเอ๋อร์ทำในอดีตได้ เธอก็ควรเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ปรับความเข้าใจ และเป็นภรรยาในเวอร์ชั่นที่ทำให้สามีไม่ต้องโดนใครครหานินทา ที่สำคัญคือจะต้องมองสามีเธอด้วยแววตาอิจฉาและต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นวาสนาของผู้ชายที่ชื่อ 'เฉิงอี้'
"พี่ไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม"
เขาถามภรรยาด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจ ปกติเธอมักจะหงุดหงิดโวยวายและชอบพูดจาทำร้ายน้ำใจเขาประจำ บางครั้งก็ลงมือใช้กำลัง ระบายอารมณ์โมโหที่ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ
'ไม่น่าแต่งงานกับพี่เลย'
'ฉันเบื่อชีวิตจนๆ อย่างนี้'
'ช่วยทำให้มันดีขึ้นกว่านี้ได้ไหม'
ทุกคำพูดที่ออกมาจากปากภรรยานั้นไม่ได้เป็นผลดีต่อจิตใจ แต่เขาก็เลือกที่จะมองข้ามไป และหันมากดดันตัวเองที่ทำได้ยังไม่ดีพอ
'รอหน่อยนะ'
'พี่จะขยันหาเงินมากกว่านี้'
มันเป็นคำพูดที่เขาใช้เพื่อทำให้เธอเย็นลง ก่อนจะยื่นเงินให้เธอตามที่ต้องการ เขาไม่ได้เห็นด้วยกับการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยพวกนั้น แต่ที่ให้เพราะอยากรักษาคำว่า 'ครอบครัว' ไว้ ก็เลยแก้ปัญหาในแบบที่เธอพอใจ หน้าที่ของเขาคือต้องทำให้ภรรยามีชีวิตที่สุขสบาย แต่ด้วยเขาเป็นคนที่ไร้หัวนอนปลายเท้า จึงไม่มีทุนติดตัว มีเพียงบ้านไม้เก่าๆ และพื้นที่ทำสวนเล็กๆ ที่คุณนายกู้เมตตามอบให้มาตั้งตัว
ในเมื่อแต่งงานแล้ว....
เขาจึงต้องขยันมากกว่าเดิม เพื่อหาเงินมาเลี้ยงอีกปากท้องของภรรยา มีงานอะไรในหมู่บ้านก็รับทำ ใครจ้างให้ไปช่วยทำนา ทำสวน ทำไร่ ก็ไปไม่มีอิดออดสักนิดเดียว มีเงินเก็บก็นำมาลงทุน ซื้อไก่มาเลี้ยงและขยายจำนวนเอง ซึ่งตอนนี้ในเล้าของเขามีไก่อยู่ประมาณสิบกว่าตัว ผักสวนครัวเขาก็ปลูกขายและกินเอง
'โอ้ย! เหม็นขี้ไก่'
'ให้กินแต่ผักอยู่นั่นล่ะ'
''ฉันอยากกินหมูเข้าใจไหม'
ขยัน ตั้งใจทำงาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ถูกใจภรรยา เธอเอาแต่ต่อว่า และไม่เคยแม้แต่จะถามเขาที่เพิ่งกลับมาจากทำงานมาทั้งวันว่า 'เหนื่อยไหมพี่' เฝ้ารอคำนั้นจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี การรอที่ไม่มีวี่แววทำเขาถอดใจ แต่หลังจากที่เธอล้มหัวฟาดไป มันทำให้เธอคิดได้และเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
"ไม่ได้หูฝาดค่ะ"
คำพูดของภรรยาทำให้ดวงตาคู่คมสั่นไหว เรื่องน่าเหลือเชื่ออย่างนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร จะผิดไหมถ้าเขารู้สึกดีใจ ทั้งๆ ที่เธอเพิ่งผ่านเรื่องร้ายมา
"พี่ดีใจที่เธอคิดได้"
ชายหนุ่มยื่นแขนออกไปโอบกอดภรรยาที่เปลี่ยนไป เธอบอกว่า 'คิดได้' เขาเองก็ดีใจ ซึ่งหลังจากที่ปรับความเข้าใจ ซูเอ๋อร์ที่วันๆ ไม่ทำอะไร ตอนนี้กลายเป็นภรรยาที่เอาใจใส่สามีจนเพื่อนๆ เขาถึงกับขยี้ตารัวๆ
"ใช่เมียนายจริงๆ เหรอวะ"
"เฮ้ย!! ไปกินอะไรผิดมา"
"หรือว่าล้มหัวฝาดจนสติเพี้ยนไป"
ปกติเวลาที่รวมตัวเข้าป่าไปเก็บเห็ด เก็บสมุนไพรด้วยกัน เฉิงอี้จะเป็นคนเดียวที่ไม่มีห่อข้าวติดตัว ซึ่งก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเพราะอะไร เพื่อนๆ ต่างพากันเห็นใจและยุให้ไอ้เฉิงหย่ากับเมีย
แต่ตอนนี้....
"เมียห่อข้าวมาไว้เหรอวะ"
"อร่อยกว่าเมียข้าทำอีก"
เขาไม่ได้เป็นคนโลภอะไร แค่เมียเปลี่ยนไป ชีวิตของเขาก็มีความสุขขึ้นกว่าเดิม นั่นเป็นความคิดเขาในตอนนี้ที่พอใจและไม่ต้องการหาคำตอบแล้วว่าทำไมเธอถึงเปลี่ยนไป จนกระทั่งภรรยาที่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ เดินถือกระดาษที่เขียนรายละเอียดสิ่งของยื่นให้เขาที่ถึงจะตกใจแต่ก็ต้องเก็บสีหน้าและอาการ
"พี่เฉิน พอดีฉันมีของที่อยากได้ ถ้าพี่ขายไข่และผักหมดแล้ว ช่วยไปซื้อให้ฉันหน่อยนะคะ"
เขามองกระดาษที่เธอยื่นมา ในรายละเอียดที่เขียนเอาไว้ไม่ใช่เครื่องสำอางหรือเสื้อผ้า แต่เป็นวัตถุดิบ และเครื่องปรุงที่ใช้ทำอาหารทั้งสิ้น
"ซื้อหมดนี้เลยเหรอ"
เขามองใบหน้าสวยๆ ของภรรยาสลับกับกระดาษในมืออย่างไม่แน่ใจ เธออ่านออก เขียนหนังสือได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เท่าที่เขาจำได้ก่อนเธอล้มหัวฟาดไป เธอยังเขียนได้เพียงแค่ชื่อตัวเอง
"ค่ะ"
หญิงสาวส่งยิ้มให้สามีที่เชื่อฟัง ขยันตั้งใจทำงาน แต่ผลตอบรับค่าเหนื่อยนั้นกลับไม่คุ้มค่าเอาซะเลย หญิงสาวมองตามแผ่นหลังของสามีที่พร้อมปกป้องเธอ ซึ่งเธอเองก็อุ่นใจ แต่อย่าลืมว่าความจนมันน่ากลัวทุกยุคทุคสมัยไง ถ้าสามีเธอแก่ตัวไปจะสู้แรงหนุ่มๆ ได้อย่างไรกัน
'ความทรงจำตอนเรียนประวัติศาสตร์นั้นช่างเลือนราง แต่เหมือนเธอจะโชคดีที่ทะลุเข้ามาในต้นยุค 80 ที่เริ่มพัฒนา มีไฟฟ้า และน้ำประปา ที่สำคัญเศรษฐกิจก็ดีกว่ายุค 70 มากเลย หญิงสาวทวนความจำเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของจีนที่พอจะนึกได้ ในยุคนี้จีนได้เปิดประเทศเพื่อทำการค้าเสรี มีภาคเอกชนมาร่วมลงทุน มีหลายสิ่งที่ดีขึ้นโดยเฉพาะการศึกษาที่เริ่มเปิดกว้างไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือชายก็มีสิทธิ์เรียนเท่าเทียมกัน'
ในเมื่อเธอมีข้อมูลอยู่ในมือ เธอก็ควรใช้ให้เป็นประโยชน์ไม่ใช่หรือไง ลู่ทางในการทำมาหากินใช่ว่าจะน้อยซะเมื่อไหร่ อีกอย่างสามีของเธอก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ซึ่งยุคสมัยของเธอไม่จำเป็นต้องนอนรอแต่เงินของสามี
บางที....
เงินที่ภรรยาหามา
อาจได้มากกว่าด้วยซ้ำไป!!
ความมุ่งมั่นของ 'ซู' มีมาแต่ไหนแต่ไร เธอชอบทำในสิ่งที่ท้าทาย คติประจำใจของเธอคือ 'ลงมือทำดีกว่าไม่ทำ' ซึ่งหลายวันที่ผ่านมาเธอใช้เวลาหมดไปกับการเดินสำรวจหมู่บ้าน และเธอก็ปิ๊งไอเดียบางอย่าง ปัจจัยสี่ที่คนขาดไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือ 'อาหาร' ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหนก็ตาม ถ้าทำอร่อยบวกความคิดสร้างสรรยังไงก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่นอน
แต่ด้วยทุนที่มีจำกัด...
จะทำเกินตัวก็คงไม่ได้
คงต้องค่อยเป็นค่อยไป
เริ่มจากเล็กไปใหญ่ก็แล้วกัน!!
หญิงสาวที่มั่นใจในรสมือทำอาหารของตัวเองยิ้มขณะวาดภาพตัวเองได้เป็นเจ้าของกิจการ มันคือฝันที่ไม่ไกลแค่ต้องลงมือทำ และเมื่อสามีกลับมาพร้อมวัตถุดิบและเครื่องปรุงต่างๆ เธอจึงรีบเดินไปบอกเขาด้วยรอยยิ้มและแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้นว่า
"พี่เฉิง...."
"ฉันอยากขายอาหาร"
"พี่จะทำให้ซูมีความสุข"หลี่หมิงพูดพร้อมๆ กับมือที่ล้วงเข้าไปในชุดนอนตัวบางของภรรยา แล้วเริ่มเล้าโลมตรงจุดที่เธออ่อนไหว ความร้อนนิ้วที่วนเวียนตรงนั้นสร้างความวาบหวามให้ เขาช่างรู้ใจ แค่เพียงสัมผัสภายนอกก็ทำอารมณ์เธอกระเจิดกระเจิง"อื้อ~ พี่เฉิง"ซูกลั้นเสียงคราง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเมื่อสองนิ้วนั้นกำลังเข้าออกพลิ้วไหว เธอเกรงว่าจะทำเสียงดังไป หากแต่ความเสียวที่ถาโถมเข้ามาซ้ำๆ นั้นทำเธอกลั้นเสียงต่อไปไม่ไหวจริงๆ"อร้ายยย"สัมผัสสุขสมจากปลายนิ้วทำซูหอบหายใจ สามีรู้ว่าเธอชอบอะไร และเขาก็มักจะทำให้เธอแตะฝั่งฝันก่อนทุกที"ซูสวยมากเลย"หลี่หมิงเอยชมภรรยาที่ดูสวยและเย้ายวเสมอสำหรับเขา ยิ่งเธอใส่ชุดนอนบางเบาก็ยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากจะดึงกระชากมันออกมา "พูดจริงเหรอคะ"ซูมองสามีที่ปากหวาน เขาชอบชมเธอทุกครั้งที่มีอะไรลึกซึ้งกัน และมันก็ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่สวยในสายตาของสามีจริงๆ "ครับ"หลี่หมิงตอบรับด้วยดวงตาหลงใหล มุมปากหยักได้รูปส่งยิ้มให้ เขาดูชอบใจเมื่อเห็นภรรยาลุกขึ้นมาคร่อมเขาแทน"ฉันคงต้องให้รางวัลแล้ว"มุมปากสวยผุดรอยยิ้มจางๆ ก่อนจะยื่นมือเรียวบางไปจับที่ส่วนแข็งขืนขอ
สามปีผ่านไป🍃"ไม่ให้จับมะม๊า"มือน้อยๆ ของบุตรชายตอนนี้กำลังผลักไสบิดาที่เดินเข้ามาโอบเอวภรรยาที่กำลังเตรียมอาหารมื้อเย็น"มะม๊าเป็นของผมคนเดียว"แววตาไร้เดียงสาของเจ้าก้อนแป้งในวันนั้นเปลี่ยนไป ซีซวนในวัยสามขวบฉลาดสดใส และ 'หวง' สิ่งของทุกอย่างที่อยู่รอบตัว ซึ่งแน่นอนว่าของรักที่หวงแหนที่สุดของซีซวนตัวอ้วนก็คือ 'มะม๊าซูที่สวยที่สุดในบ้านนั่นเอง'"ของพ่อด้วยครับ"หลี่หมิงในชุดทหารย่อตัวนั่งลงยองๆ ลูบหัวของบุตรชายที่มองเขาราวกับเป็นศัตรูตัวร้ายที่จ้องจะแย่งความรักจากซูไป ทั้งที่ความจริงแล้วคนที่ได้รับความรักไปเต็มๆ จากซู ก็คือ 'ซีซวน' จอมอ้อนนั่นเอง"มะม๊าซีซวนหิว""มะม๊าทำไข่เจียวอร่อยที่สุดในโลก""ซีซวนรักมะม๊าฮับ""กอดๆ ซีซวนหน่อย"ทั้งพูดเก่ง อ้อนเก่ง และยังใช้สายตาเรียกร้องเก่งเกินกว่าใคร คงต้องยกให้เจ้าซีซวนตัวน้อยที่ตัวติดกับมารดาตลอดเวลาจริงๆ "ไม่ใช่ มะม๊าเป็นของซีซวนคนเดียว"พ่อได้ยินว่าพ่อจะแบ่งความรักไป ซีซวนก็เบะปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เสียง 'ฮึกๆ' ของบุตรชายทำให้ซูหันมาเอ็ดสามีที่ชอบแกล้งว่า"พี่เฉิง!"ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจนถึงวันนี้ เธอก็ยังติดปากเรียกชื่อสามีว่า 'พี
วันนี้ร้านอาหารเช้าขึ้นป้ายแจ้งว่า 'หยุด 1 วัน' ซึ่งสาเหตุที่ร้านหว่ออ้ายหนี่ประกาศหยุดนั้นเนื่องมาจาก..."พี่พูดจริงเหรอ"ซูทำหน้าตกใจเมื่อได้ฟังเรื่องบางอย่างจากปากสามีที่เดินเข้ามาบอกเธอที่ลุกขึ้นมาเตรียมแป้งปาท่องโก๋ตั้งแต่เช้ามืดว่า 'พี่มีเรื่องที่จะต้องเล่าให้ซูฟัง' ซึ่งเนื้อหาและใจความสำคัญที่พี่เฉิงเล่านั้นมันทำเธอไม่ค่อยอยากเชื่อเลยจริงๆ "ครับ"หลี่หมิงพยักหน้ารับ เขามั่นใจว่าตนเองในตอนนี้มีพร้อมทุกอย่าง ซูไม่จำเป็นต้องทำงาน เพราะแค่เงินเก็บและเงินเดือนเขาก็ทำให้เธอใช้ชีวิตอยู่ได้สุขสบาย หากแต่สีหน้าของภรรยาที่แสดงออกมาต่างจากที่เขาจินตนาการไว้ ดูเธอเหมือนไม่ค่อยดีใจ และมองเขาที่กำลังพูดด้วยแววตาแปลกๆ ยังไงพิกล"ไม่อยากเชื่อเลย"ซูพึมพำขณะมองหน้าของสามีที่ไม่มีแววหยอกล้อใดๆ ดวงตาคมเข้มนั้นดูจริงใจ จะผิดไหมหากเธอคิดว่าสมองของเขาได้รับความกระทบกระเทือน"ชื่อเดิมของพี่คือหลี่หมิง""หลี่หมิง?"ซูทวนชื่อที่สามีบอกอีกครั้ง "ครับ"แววตาของสามีตอนพูดช่างดูจริงจัง ส่วนภรรยาที่นั่งฟังอยู่นั้นทำหน้าไม่ถูกเอาซะเลย"แผลพี่....""ทำไมครับ""หายดีแล้วจริงๆ ใช่ไหม"ซูเดินเข้าไปเปิดแผลบริเว
ห้าเดือนกว่าที่ไม่ได้เจอกัน ทำให้ซูออกอาการเก้อเขินสามีที่ไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้เขาก็ดูหล่อเท่ซะเหลือเกิน "ปิดไฟได้ไหมคะ"ซูบอกด้วยท่าทีเอียงอาย ยกสองมือปิดหน้าอกที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม"ไม่ปิดได้ไหม"คนไม่อายทำตาอ้อนใส่ เขาชอบมองเรือนร่างภรรยามันผิดหรืออย่างไร ซูดูสวยและอวบอิ่มขึ้นจนเขาละสายตาไม่ได้เลย"แต่ฉัน อื้อ~"คำพูดของเธอกลืนหายเมื่อถูกสามีป้อนจูบหนักหน่วงให้ เขาทำเธอแทบขาดอากาศหายใจ ลิ้นร้อนที่เกี่ยวพันตักตวงความหวานจนเธอแทบละลาย เนื้อตัวอ่อนระทวยในวงแขนของสามี"พี่คิดถึงซู คิดถึงมาก คิดถึงที่สุด"หลี่หมิงพร่ำบอกคิดถึงภรรยาที่เขารักสุดหัวใจ ดวงตาคมที่มองเธอนั้นช่างร้อนแรงและเปี่ยมไปด้วยความต้องการ"อ๊ะ~"ซูสะดุ้งเมื่อมือของสามีเลื้อยไม่หยุด แต่ละจุดล้วนแต่ทำให้เธออ่อนไหว เสียงครางในลำคอบ่งบอกถึงความพอใจ เขาชอบมองใบหน้าของเธอตอนมีอารมณ์"อย่าเกร็งสิครับ"หลี่หมิงกระซิบข้างหูของภรรยาขณะแยกเรียวขาสวยออกจากกัน ดวงตาคมจ้องมองไปที่เนินกุหลาบแสนสวยนั้น มันช่างดูยั่วยวนชวนให้เขาสัมผัสจริงๆ"พี่เฉิง อย่าค่ะ"คำห้ามของซูที่หน้าแดงไม่เป็นผล เมื่อเห็นสามีก้มหน้าลงไปทำรักให้ ร่างกายของเธอ
เมื่อพายุฝนพัดผ่านไป ท้องฟ้าก็พลันสว่างสดใส ดวงตาของหลี่หมิงที่นั่งมองภรรยาให้นมบุตรชาย ช่างเปี่ยมไปด้วยความรักที่อัดแน่นมากมายเหลือเกิน"เขาชื่อซีซวนค่ะ"ซูพูดไปยิ้มไป ชื่อนี้มีความหมาย เขาจะเป็นเด็กที่ร่าเริงและมีความสุขมากกว่าใคร สดใสดั่งดวงอาทิตย์ที่สาดแสงส่องมา"ลองอุ้มไหมคะ"ซูถามสามีที่จดๆ จ้องๆ เจ้าก้อนแป้งในอ้อมแขนของเธออยู่นานสองนาน ตอนที่ซีซวนร้องไห้หิวนมนั้น สามีเธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย"พี่อุ้มได้เหรอครับ"เขาถามอย่างไม่แน่ใจ ดวงตาคมจ้องมองที่ใบหน้าแสนน่ารักของบุตรชาย มือไม้สั่นเพราะความตื่นเต้นจริงๆ"ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ"ท่าทางเก้ๆ กังๆ ของคุณพ่อมือใหม่ทำซูอดหัวเราะเอ็นดูไม่ได้ เขาดูเกร็งๆ ขณะยื่นมือมารับเจ้าก้อนแป้งตัวน้อยที่ดูดนิ้วหลับปุ๋ยไป แววตาของเขาที่มองใบหน้าของบุตรชายลึกซึ้งจนเธอกลั้นน้ำตาไม่ไหว เธอไม่ได้อยากร้องไห้ แต่มันดีใจ เพราะก่อนหน้านี้เธอได้แต่จินตนาการภาพนี้ด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ ไปในที่สุด...ซีซวนก็ได้เจอกับพ่อสักที"แง้ แง้ แง้~"เสียงร้องไห้จ้าทำเอาหลี่หมิงที่นั่งเฝ้าบุตรชายที่นอนหลับปุ๋ยเลิ่กลั่กทันที ชายชาติทหารอย่างเขาไม่รู้วิธีว่าจะทำให้เจ้าตัวน้อ
"พี่เฉิง"ซูเรียกชื่อสามีที่หายตัวไป ดวงตาคู่สวยสั่นไหวพลันหยดน้ำใสๆ ก็ร่วงหล่นลงมา เธอแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือ 'สามี' ของเธอจริงๆ"ซู พี่กลับ..."เพี้ย!!ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้พูดจนจบประโยค ภรรยาก็ตรงปรี่เข้ามาตบที่แก้มฝั่งซ้ายจนชา"พี่ไปไหนมา"ซูถามเสียงสั่น อารมณ์หลายอย่างถาโถมเข้าใส่ ทั้งดีใจทั้งโกรธสามีในคราวเดียว"พี่รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแค่ไหน"ถึงจะรู้สึกเจ็บจนหน้าชา แต่เขารู้ดีว่าเทียบไม่ได้กับความลำบากที่ผ่านมาของภรรยาเลย"พี่ขอโทษ""ขอโทษ?"ซูเน้นคำว่า 'ขอโทษ' ของสามีที่หายไปถึงห้าเดือนกว่าและกลับมาพร้อมกับคำว่า 'ขอโทษ'"พี่อธิบายได้""อธิบายได้??"หญิงสาวกวาดตามองสำรวจสามีที่ดูไม่ได้ไปตกระกำลำบากอะไร เสื้อผ้าที่เข้าใส่ ดูดีและแพงกว่าตอนที่อยู่กับเธอเยอะเลยหนีไปกับชู้แน่ๆคงทนลำบากไม่ไหวน่าสงสารนะสามีหลายใจคำนินทาที่เธอเคยได้ยินและไม่สนใจ ตอนนี้กลับมาทิ่มแทงใจ สภาพของสามีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร เป็นเธอซะอีกที่ก้มหน้าทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียว"พี่คิดถึงเธอนะ"ประโยคนี้เขย่าหัวใจคนฟัง เธอเองก็คิดถึงสามีเช่นกัน ดวงตาแดงก่ำมองที่ใบหน้าของสามี"คิดถึงแล้วทำไมถึ







