LOGIN"ขายอาหาร??"
คิ้วหนาเลิกสูงเมื่อได้ยินสิ่งที่ภรรยาบอกว่าอยากทำ มันเป็นความต้องการของเธอที่เขาก็ไม่ได้ขัดอะไร แต่คนที่ไม่เคยแม้แต่จะลุกขึ้นมาหุงข้าวเอาทักษะพวกนี้มาจากไหน มันเป็นคำถามที่เกิดขึ้นภายในใจ และมันคือความสงสัยที่เขาแสร้งหลับหูหลับตาทำเป็นลืม
"ค่ะ"
หญิงสาวพยักหน้า ดวงตาที่ทอประกายนั้นทำเขาไม่กล้าถามออกไป ยังมีอีกหลายสิ่งที่เขาสงสัย ไม่ใช่เพียงแค่การกระทำที่เปลี่ยนไป แต่นิสัยความชอบส่วนตัวบางอย่างก็ไม่เหมือนเดิม
จากที่เคยชอบเสื้อผ้าสีสดใส มองเห็นได้แต่ใกล เดี๋ยวนี้ชุดที่เธอหยิบใส่นั้นจะเป็นสีอ่อนๆ สบายตา ยิ่งไปกว่านั้นยังซ่อมแซมเสื้อผ้า ไม่ร้องขอซื้อชุดใหม่ด้วย
ปกติภรรยาเขาเป็นคนรักสวย รักงาม ชอบส่องกระจกเช้า เย็น แต่เท่าที่เห็นตอนนี้เธอแทบไม่แต่งหน้าเลย
เธอชอบกินหมู ไม่กินผัก แต่เดี๋ยวนี้กลับทำอาหารที่มีผักเป็นส่วนประกอบหลักในมื้อถึงสามในสี่ส่วน
เขาเคยเห็นเธอทำทุกอย่างด้วยมือซ้าย แต่พอล้มหัวฟาดไป พอฟื้นขึ้นมาดูเหมือนเธอจะทำทุกอย่างด้วยมือขวามากกว่ามือซ้ายที่เคยบอกเขาว่าถนัดกว่าด้วยซ้ำ
เขาไม่ได้อยากจะจับผิดภรรยาที่เปลี่ยนไป เขาพยายามหาเหตุผลมาลบล้างความสงสัย แต่ทว่ามันยิ่งสะสมในใจ จากจุดเล็กๆ ก็เริ่มเป็นวงใหญ่ แสร้งทำเป็นลืมๆ ไป พอเธอบอกว่าจะทำอาหารขาย ความสงสัยทั้งหมดก็เลยผุดขึ้นมา ตั้งแต่ตอนไหนนะที่แววตาซูเอ๋อร์เปลี่ยนไป
"ฉันอยากช่วยพี่หาเงิน"
เธอบอกความตั้งใจกับสามี
"แต่มันเหนื่อยนะ"
เพราะรู้นิสัยของเมียดีกว่าใคร สามปีที่อยู่ด้วยกันแค่ช่วยรดน้ำผักเธอยังบอกว่า 'เหนื่อย' เลย
"ฉันอยากลองทำดู เหนื่อยแค่ไหนก็สู้!"
เป็นคำพูดที่ทำให้สามีอย่างเขารู้สึกดีใจ มีเมียขยันโชคดีแค่ไหน แต่มันก็ยังรู้สึกตงิดในใจ จากคนขี้เกียจจะเปลี่ยนมาเป็นขยันได้ขนาดนี้เชียว
"งั้นก็ตามใจแล้วกัน"
ในเมื่อภรรยาอยากทำ เขาก็ไม่ได้อยากขัดอะไร วัตถุดิบที่เธอขอให้ซื้อให้ก็ไม่ได้มีราคาสูงจนเกินไป ส่วนใหญ่จะหนักไปกับเครื่องปรุงรสมากกว่า
"ขอบคุณนะคะ"
ซูยิ้มให้สามีที่ไม่ได้ขัดอะไร ซึ่งสิ่งที่เธออยากได้ไม่ใช่แค่วัตถุดิบ แต่ยังมีอุปกรณ์บางอย่างที่ต้องทำ และนั่นต้องขอแรงจากสามี
"พี่ช่วยไปตัดไม้ไผ่มาให้ฉันที"
นั่นคือสิ่งที่เธอขอให้สามีทำ และบอกความต้องการออกไป ไม้ไผ่อันใหญ่ เหลาเป็นแท่งยาวๆ เรียวๆ ตามขนาดที่เธอได้กะไว้ ระหว่างที่รอสามีเตรียมของให้ เธอก็เข้าไปในครัวเตรียมวัตถุดิบต่างๆ อย่างตั้งใจ มันเป็นเมนูอาหารพื้นบ้านง่ายๆ ที่เพื่อนๆ ของเธอแนะนำให้ลองตอนไปกินร้านอาหารไทย และเธอก็ติดใจ ไปกินทีไรต้องสั่งทุกที
'ข้าวจี่'
คือเมนูแรกที่เธอคิดจะทำ เป็นเมนูอาหารที่ต้นทุนไม่มาก ทำขายง่าย คนกินได้ทุกวัย ส่วนประกอบหลักมีแค่ข้าวเหนียวและไข่ รสชาติจะอร่อยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับรสมือในการปรุงล้วนๆ
"อร่อยไหมคะ"
หญิงสาวยื่นข้าวจี่เสียบไม้ให้สามีกิน
"อร่อยมากครับ"
คำชมของสามีทำซูยิ้มหน้าบาน เธอชอบทำอาหาร ดังนั้นจึงพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ทำทิ้งทำขว้างอยู่หลายอัน จนกว่าจะได้รสชาติที่พอใจ น้ำมันกระเทียมที่เธอผสมลงไป มันทำให้ข้าวเหนียวของเธอเวลาปิ้งกลิ่นหอมน่ากิน
"พรุ่งนี้ให้พี่ช่วยอะไรไหม"
เฉิงอี้ถามภรรยาที่ตื่นแต่เช้ามาเข้าครัวเตรียมของตั้งแต่ตีสี่
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำเองได้"
เธอบอกกับสามีที่ยังมีงานต้องทำอีกหลายอย่าง แค่ขายอาหารเธอทำคนเดียวไหว ไม่รู้ว่าเพราะกลัวเธอเหนื่อยหรืออย่างไร สามีจึงอาสาช่วยหิ้วเตาถ่านหนักๆ ไปตั้งให้ เป็นการตั้งแผงขายที่ไม่มีอะไร นอกจากเธอและเตาถ่านเพียงหนึ่งอัน และตั่งไม้นั่งอันเล็กๆ อีกหนึ่งตัว
ชีวิตของเธอ
ไม่เคยกลัวลำบาก
จะกลัวอยู่อย่างเดียวคือ...
กลัวไม่มี 'เงิน' ใช้มากกว่า
ซึ่งสถานที่ที่เธอจิ้มขาย 'ข้าวจี่' วันแรกนั้นผ่านการคิดถี่ถ้วนมาอย่างดี นั่นก็คือทางเข้าหมู่บ้านซึ่งเป็นจุดทองคำที่มีคนเดินผ่านสัญจรไปมา และช่วงเวลาก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ ของที่เธอทำเหมาะกับคนที่ต้องแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่เช้าไปใช้แรงงาน ถ้าหิวก็หยิบกินได้ระหว่างทาง ซึ่งข้าวเหนียวจี่ร้อนๆ ก็ทำให้อิ่มท้องได้ในเวลาเร่งด่วนจริงๆ
ทำเลดี
ช่วงเวลาดี
มันต้องขายได้สิ!!
หญิงสาวให้กำลังใจตัวเองที่ทนหนาว ท้าลมนั่งปิ้งข้าวจี่ร้อนๆ กลิ่นหอมๆ ตั้งแต่ตีห้า มีหลายคนเดินเฉียดเข้ามา แต่ก็แค่ยื่นหน้าส่องๆ แล้วก็เดินผ่านไป ไม่แม้แต่จะถามว่าไอ้ที่เธอยืนปิ้งอยู่หน้าเตาถ่านคืออะไร เป็นการขายของวันแรกที่เงียบกริบจริงๆ
"ข้าวจี่ร้อนๆ ค่ะ"
คำเชิญชวนของเธอดูเหมือนจะไม่เป็นผล หน้าร้านของเธอยังคงเงียบเหงาร้างผู้คน จะมีก็แต่เธอที่ยืนหน้าเตาหัวโด่ท้าลมหนาวเพียงคนเดียว
"มันเกิดอะไรขึ้น"
หญิงสาวพึมพำกับตัวเองที่ปิ้งข้าวจี่ตั้งแต่เช้าคิดว่าต้องขายได้ ต้องขายดี ชะเง้อคอรอคนมาซื้อเก้อ ข้าวจี่ที่เตรียมมาเหลือบานเบอะ แล้วลมหนาวที่พัดมาก็ทำให้ข้าวจี่ร้อนๆ ของเธอเย็นชืดไม่น่ากิน แถมยังแข็งไม่ต่างจากก้อนหินใช้ปาหัวหมาเลย
'อย่าร้องไห้สิซู''
บอกตัวเองที่ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ แต่ผลตอบรับกลับทำให้กระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมา นั่งมองข้าวจี่สี่สิบไม้ที่ทำมา ความมั่นใจก่อนหน้าที่บอกกับสามีว่า 'ต้องขายดีแน่ๆ' ทำเธออยากมุดดินหนีไปไกลๆ รอยยิ้มที่มีเลือนหายพลันเกิดคำถามขึ้นมาในใจ
ฉันทำพลาดตรงไหน
ก้าวขาผิดข้างรึยังไง
ทำไม....
ถึงขายไม่ได้สักไม้เดียว!!!
"พี่จะทำให้ซูมีความสุข"หลี่หมิงพูดพร้อมๆ กับมือที่ล้วงเข้าไปในชุดนอนตัวบางของภรรยา แล้วเริ่มเล้าโลมตรงจุดที่เธออ่อนไหว ความร้อนนิ้วที่วนเวียนตรงนั้นสร้างความวาบหวามให้ เขาช่างรู้ใจ แค่เพียงสัมผัสภายนอกก็ทำอารมณ์เธอกระเจิดกระเจิง"อื้อ~ พี่เฉิง"ซูกลั้นเสียงคราง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเมื่อสองนิ้วนั้นกำลังเข้าออกพลิ้วไหว เธอเกรงว่าจะทำเสียงดังไป หากแต่ความเสียวที่ถาโถมเข้ามาซ้ำๆ นั้นทำเธอกลั้นเสียงต่อไปไม่ไหวจริงๆ"อร้ายยย"สัมผัสสุขสมจากปลายนิ้วทำซูหอบหายใจ สามีรู้ว่าเธอชอบอะไร และเขาก็มักจะทำให้เธอแตะฝั่งฝันก่อนทุกที"ซูสวยมากเลย"หลี่หมิงเอยชมภรรยาที่ดูสวยและเย้ายวเสมอสำหรับเขา ยิ่งเธอใส่ชุดนอนบางเบาก็ยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากจะดึงกระชากมันออกมา "พูดจริงเหรอคะ"ซูมองสามีที่ปากหวาน เขาชอบชมเธอทุกครั้งที่มีอะไรลึกซึ้งกัน และมันก็ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่สวยในสายตาของสามีจริงๆ "ครับ"หลี่หมิงตอบรับด้วยดวงตาหลงใหล มุมปากหยักได้รูปส่งยิ้มให้ เขาดูชอบใจเมื่อเห็นภรรยาลุกขึ้นมาคร่อมเขาแทน"ฉันคงต้องให้รางวัลแล้ว"มุมปากสวยผุดรอยยิ้มจางๆ ก่อนจะยื่นมือเรียวบางไปจับที่ส่วนแข็งขืนขอ
สามปีผ่านไป🍃"ไม่ให้จับมะม๊า"มือน้อยๆ ของบุตรชายตอนนี้กำลังผลักไสบิดาที่เดินเข้ามาโอบเอวภรรยาที่กำลังเตรียมอาหารมื้อเย็น"มะม๊าเป็นของผมคนเดียว"แววตาไร้เดียงสาของเจ้าก้อนแป้งในวันนั้นเปลี่ยนไป ซีซวนในวัยสามขวบฉลาดสดใส และ 'หวง' สิ่งของทุกอย่างที่อยู่รอบตัว ซึ่งแน่นอนว่าของรักที่หวงแหนที่สุดของซีซวนตัวอ้วนก็คือ 'มะม๊าซูที่สวยที่สุดในบ้านนั่นเอง'"ของพ่อด้วยครับ"หลี่หมิงในชุดทหารย่อตัวนั่งลงยองๆ ลูบหัวของบุตรชายที่มองเขาราวกับเป็นศัตรูตัวร้ายที่จ้องจะแย่งความรักจากซูไป ทั้งที่ความจริงแล้วคนที่ได้รับความรักไปเต็มๆ จากซู ก็คือ 'ซีซวน' จอมอ้อนนั่นเอง"มะม๊าซีซวนหิว""มะม๊าทำไข่เจียวอร่อยที่สุดในโลก""ซีซวนรักมะม๊าฮับ""กอดๆ ซีซวนหน่อย"ทั้งพูดเก่ง อ้อนเก่ง และยังใช้สายตาเรียกร้องเก่งเกินกว่าใคร คงต้องยกให้เจ้าซีซวนตัวน้อยที่ตัวติดกับมารดาตลอดเวลาจริงๆ "ไม่ใช่ มะม๊าเป็นของซีซวนคนเดียว"พ่อได้ยินว่าพ่อจะแบ่งความรักไป ซีซวนก็เบะปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เสียง 'ฮึกๆ' ของบุตรชายทำให้ซูหันมาเอ็ดสามีที่ชอบแกล้งว่า"พี่เฉิง!"ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจนถึงวันนี้ เธอก็ยังติดปากเรียกชื่อสามีว่า 'พี
วันนี้ร้านอาหารเช้าขึ้นป้ายแจ้งว่า 'หยุด 1 วัน' ซึ่งสาเหตุที่ร้านหว่ออ้ายหนี่ประกาศหยุดนั้นเนื่องมาจาก..."พี่พูดจริงเหรอ"ซูทำหน้าตกใจเมื่อได้ฟังเรื่องบางอย่างจากปากสามีที่เดินเข้ามาบอกเธอที่ลุกขึ้นมาเตรียมแป้งปาท่องโก๋ตั้งแต่เช้ามืดว่า 'พี่มีเรื่องที่จะต้องเล่าให้ซูฟัง' ซึ่งเนื้อหาและใจความสำคัญที่พี่เฉิงเล่านั้นมันทำเธอไม่ค่อยอยากเชื่อเลยจริงๆ "ครับ"หลี่หมิงพยักหน้ารับ เขามั่นใจว่าตนเองในตอนนี้มีพร้อมทุกอย่าง ซูไม่จำเป็นต้องทำงาน เพราะแค่เงินเก็บและเงินเดือนเขาก็ทำให้เธอใช้ชีวิตอยู่ได้สุขสบาย หากแต่สีหน้าของภรรยาที่แสดงออกมาต่างจากที่เขาจินตนาการไว้ ดูเธอเหมือนไม่ค่อยดีใจ และมองเขาที่กำลังพูดด้วยแววตาแปลกๆ ยังไงพิกล"ไม่อยากเชื่อเลย"ซูพึมพำขณะมองหน้าของสามีที่ไม่มีแววหยอกล้อใดๆ ดวงตาคมเข้มนั้นดูจริงใจ จะผิดไหมหากเธอคิดว่าสมองของเขาได้รับความกระทบกระเทือน"ชื่อเดิมของพี่คือหลี่หมิง""หลี่หมิง?"ซูทวนชื่อที่สามีบอกอีกครั้ง "ครับ"แววตาของสามีตอนพูดช่างดูจริงจัง ส่วนภรรยาที่นั่งฟังอยู่นั้นทำหน้าไม่ถูกเอาซะเลย"แผลพี่....""ทำไมครับ""หายดีแล้วจริงๆ ใช่ไหม"ซูเดินเข้าไปเปิดแผลบริเว
ห้าเดือนกว่าที่ไม่ได้เจอกัน ทำให้ซูออกอาการเก้อเขินสามีที่ไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้เขาก็ดูหล่อเท่ซะเหลือเกิน "ปิดไฟได้ไหมคะ"ซูบอกด้วยท่าทีเอียงอาย ยกสองมือปิดหน้าอกที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม"ไม่ปิดได้ไหม"คนไม่อายทำตาอ้อนใส่ เขาชอบมองเรือนร่างภรรยามันผิดหรืออย่างไร ซูดูสวยและอวบอิ่มขึ้นจนเขาละสายตาไม่ได้เลย"แต่ฉัน อื้อ~"คำพูดของเธอกลืนหายเมื่อถูกสามีป้อนจูบหนักหน่วงให้ เขาทำเธอแทบขาดอากาศหายใจ ลิ้นร้อนที่เกี่ยวพันตักตวงความหวานจนเธอแทบละลาย เนื้อตัวอ่อนระทวยในวงแขนของสามี"พี่คิดถึงซู คิดถึงมาก คิดถึงที่สุด"หลี่หมิงพร่ำบอกคิดถึงภรรยาที่เขารักสุดหัวใจ ดวงตาคมที่มองเธอนั้นช่างร้อนแรงและเปี่ยมไปด้วยความต้องการ"อ๊ะ~"ซูสะดุ้งเมื่อมือของสามีเลื้อยไม่หยุด แต่ละจุดล้วนแต่ทำให้เธออ่อนไหว เสียงครางในลำคอบ่งบอกถึงความพอใจ เขาชอบมองใบหน้าของเธอตอนมีอารมณ์"อย่าเกร็งสิครับ"หลี่หมิงกระซิบข้างหูของภรรยาขณะแยกเรียวขาสวยออกจากกัน ดวงตาคมจ้องมองไปที่เนินกุหลาบแสนสวยนั้น มันช่างดูยั่วยวนชวนให้เขาสัมผัสจริงๆ"พี่เฉิง อย่าค่ะ"คำห้ามของซูที่หน้าแดงไม่เป็นผล เมื่อเห็นสามีก้มหน้าลงไปทำรักให้ ร่างกายของเธอ
เมื่อพายุฝนพัดผ่านไป ท้องฟ้าก็พลันสว่างสดใส ดวงตาของหลี่หมิงที่นั่งมองภรรยาให้นมบุตรชาย ช่างเปี่ยมไปด้วยความรักที่อัดแน่นมากมายเหลือเกิน"เขาชื่อซีซวนค่ะ"ซูพูดไปยิ้มไป ชื่อนี้มีความหมาย เขาจะเป็นเด็กที่ร่าเริงและมีความสุขมากกว่าใคร สดใสดั่งดวงอาทิตย์ที่สาดแสงส่องมา"ลองอุ้มไหมคะ"ซูถามสามีที่จดๆ จ้องๆ เจ้าก้อนแป้งในอ้อมแขนของเธออยู่นานสองนาน ตอนที่ซีซวนร้องไห้หิวนมนั้น สามีเธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย"พี่อุ้มได้เหรอครับ"เขาถามอย่างไม่แน่ใจ ดวงตาคมจ้องมองที่ใบหน้าแสนน่ารักของบุตรชาย มือไม้สั่นเพราะความตื่นเต้นจริงๆ"ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ"ท่าทางเก้ๆ กังๆ ของคุณพ่อมือใหม่ทำซูอดหัวเราะเอ็นดูไม่ได้ เขาดูเกร็งๆ ขณะยื่นมือมารับเจ้าก้อนแป้งตัวน้อยที่ดูดนิ้วหลับปุ๋ยไป แววตาของเขาที่มองใบหน้าของบุตรชายลึกซึ้งจนเธอกลั้นน้ำตาไม่ไหว เธอไม่ได้อยากร้องไห้ แต่มันดีใจ เพราะก่อนหน้านี้เธอได้แต่จินตนาการภาพนี้ด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ ไปในที่สุด...ซีซวนก็ได้เจอกับพ่อสักที"แง้ แง้ แง้~"เสียงร้องไห้จ้าทำเอาหลี่หมิงที่นั่งเฝ้าบุตรชายที่นอนหลับปุ๋ยเลิ่กลั่กทันที ชายชาติทหารอย่างเขาไม่รู้วิธีว่าจะทำให้เจ้าตัวน้อ
"พี่เฉิง"ซูเรียกชื่อสามีที่หายตัวไป ดวงตาคู่สวยสั่นไหวพลันหยดน้ำใสๆ ก็ร่วงหล่นลงมา เธอแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือ 'สามี' ของเธอจริงๆ"ซู พี่กลับ..."เพี้ย!!ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้พูดจนจบประโยค ภรรยาก็ตรงปรี่เข้ามาตบที่แก้มฝั่งซ้ายจนชา"พี่ไปไหนมา"ซูถามเสียงสั่น อารมณ์หลายอย่างถาโถมเข้าใส่ ทั้งดีใจทั้งโกรธสามีในคราวเดียว"พี่รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแค่ไหน"ถึงจะรู้สึกเจ็บจนหน้าชา แต่เขารู้ดีว่าเทียบไม่ได้กับความลำบากที่ผ่านมาของภรรยาเลย"พี่ขอโทษ""ขอโทษ?"ซูเน้นคำว่า 'ขอโทษ' ของสามีที่หายไปถึงห้าเดือนกว่าและกลับมาพร้อมกับคำว่า 'ขอโทษ'"พี่อธิบายได้""อธิบายได้??"หญิงสาวกวาดตามองสำรวจสามีที่ดูไม่ได้ไปตกระกำลำบากอะไร เสื้อผ้าที่เข้าใส่ ดูดีและแพงกว่าตอนที่อยู่กับเธอเยอะเลยหนีไปกับชู้แน่ๆคงทนลำบากไม่ไหวน่าสงสารนะสามีหลายใจคำนินทาที่เธอเคยได้ยินและไม่สนใจ ตอนนี้กลับมาทิ่มแทงใจ สภาพของสามีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร เป็นเธอซะอีกที่ก้มหน้าทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียว"พี่คิดถึงเธอนะ"ประโยคนี้เขย่าหัวใจคนฟัง เธอเองก็คิดถึงสามีเช่นกัน ดวงตาแดงก่ำมองที่ใบหน้าของสามี"คิดถึงแล้วทำไมถึ







