Share

บทที่ 41

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-08-27 21:16:57

หลังผลัดกันวางหมากอย่างรวดเร็ว ทั้งชิงพื้นที่ ทั้งกีดกัน ทั้งดักทางกันไปมาอยู่สองเค่อยาม ในที่สุดกระดานหมากที่คู่มือทั้งสองผลัดกันวางอย่างรวดเร็วราวกับบ้าคลั่งก็ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด ราชบัณฑิตอาวุโสที่เดินมาดูพวกนางประลองหมากอย่างใกล้ชิดกวาดตามองทั่วทั้งกระดานอยู่สองรอบ ก็ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง กล่าวด้วยเสียงอันดัง

“คู่ประชันขันแข่งในกระดานหมายเลขสาม ระหว่างคุณหนูสี่สกุลอู๋ และคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงเดินต่อไม่ได้แล้ว เนื่องจากหมากของทั้งคู่ดูสูสีเป็นอย่างยิ่ง ขอเชิญคณะกรรมการทั้งหมดมาร่วมนับคะแนนและร่วมพิจารณา” ทั้งหมดก็เพื่อความโปร่งใส และเพื่อธำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของเหล่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นราชบัณฑิตอาวุโส และประเพณีประชันขันแข่งชิงตำแหน่งโฉมงามยอดเมธี ที่สืบเนื่องยาวนานมามากกว่าร้อยปี

เหล่าราชบัณฑิตอาวุโสที่ลงมาเดินดูชมการประชันหมากแต่ละกระดานอย่างใกล้ชิดได้ยินดังนั้น ก็พร้อมใจกันเดินมาดูกระดานประชันหมากของเฉินเซียงหรงและอู๋ชิงชิง

กล่าวถึงการตรวจสอบและนับคะแนนของหมากกระดานนี้แล้ว...แม้เทียนจินในยามนี้จะไม่ปิดกั้นหญิงชาย ทว่าความเหมาะสมเรื่องระยะห่างระหว่างชายหญิงยังเป็นสิ่งที่สมควรรักษาอยู่บ้าง

เพราะเหตุนี้ เพื่อความไม่น่าเกลียด และเพื่อความสะดวกในการร่วมนับคะแนนและตัดสินของเหล่าราชบัณฑิตซึ่งโดยมากเป็นบุรุษ คุณหนูทั้งสองจึงถูกเชิญให้ออกไปยืนดูอยู่ด้านข้าง ใช้เวลาไม่นานนัก การนับแต้มคะแนนบนกระดานก็เสร็จสิ้น คาดไม่ถึงว่าหลังจากนับคะแนนแล้ว ไม่เพียงไม่ประกาศผลแพ้ชนะ พวกเขาเหล่าราชบัณฑิตอาวุโสยังเอาแต่โต้เถียงกันไปมา ท้ายที่สุดเมื่อหาข้อสรุปไม่ได้ ก็ตัดสินใจพากันนำความไปกราบบังคมทูลหวงโฮ่วซึ่งเสด็จมาเป็นองค์ประธานในการประชันขันแข่งครั้งนี้ เพื่อให้หวงโฮ่วทรงเป็นผู้ตัดสิน

ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด เฉินเซียงหรงและอู๋ชิงชิงที่เป็นผู้เดินหมากเจ้าปัญหากระดานนั้น กลับลอบสบตากัน แย้มยิ้ม

สำหรับพวกนางแล้ว ไม่ว่าหมากกระดานนี้ ผลสุดท้ายจะเป็นฝ่ายไหนที่ชนะ พวกนางก็ล้วนพึงพอใจทั้งนั้น

แพ้ชนะแล้วอย่างไร ได้เพื่อนผู้รู้ใจด้านการเดินหมากต่างหากที่สำคัญ!

ผู้ชมทั้งหมดต่างมองออกว่าบรรยากาศระหว่างคุณหนูสี่สกุลอู๋และคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกง ไม่เลวเลย

ข้างฝ่ายเหล่าคณะกรรมการและหวงโฮ่วซึ่งเป็นแม่งาน...หลังจากฟังเหล่าราชบัณฑิตบอกล่าวข้อคิดเห็นของตนจนครบถ้วน หวงโฮ่วทรงตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก็กล่าวออกมาด้วยสุรเสียงอันดัง

หมากกระดานนี้ระหว่างคุณหนูสี่สกุลอู๋ อู๋ชิงชิง และคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกง เฉินเซียงหรง ให้นับว่าเสมอกัน

เพียงหวงโฮ่วกล่าวจบ รอบๆ ลานประชันขันแข่งก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันที

“หมากชิงพื้นที่ชนิดนี้ที่ไหนจะมีการเสมอเกิดขึ้นได้?”

“เกิดอะไรขึ้นบนหมากกระดานนั้นกันแน่?”

“หากแต้มคะแนนของคุณหนูทั้งสองเท่าเทียมกัน ก็สมควรให้ผู้เริ่มเดินหมากทีหลังเป็นผู้ชนะไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใด...?”

ไม่รอให้ผู้คนขบคิดนานนัก หวงโฮ่วทรงตรัสออกมาด้วยสุรเสียงกังวานใส “หมากกระดานนี้ เมื่อคำนึงถึงแต้มต่อแล้ว คุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงเฉือนชนะไปได้ครึ่งแต้ม”

บังเกิดเสียงฮือฮาขึ้นรอบด้านทันที

ทว่าหวงโฮ่วกลับไม่ใส่พระทัยสักนิด ทรงตรัสต่อไป

“เมื่อผลเป็นเช่นนี้ โดยปกติแล้วย่อมต้องกล่าวว่าคุณหนูสามจากจวนเฉินกั๋วกงเป็นฝ่ายชนะ ทว่าคุณหนูสามเป็นผู้เริ่มเดินหมากกระดานนี้ก่อนดังที่คณะกรรมการกึ่งหนึ่งได้ทัดทาน จะอย่างไรก็นับว่าคุณหนูสามได้เปรียบอยู่ก้าวหนึ่ง อีกทั้งคุณหนูทั้งสองประมือสูสีเป็นอย่างยิ่ง หมากของทั้งคู่ทั้งเดินเกมและแก้เกมกันพัวพัน มองแล้วชวนให้นึกถึงหยินและหยางอันสมดุลย์ ที่แม้เป็นขั้วตรงข้ามคอยขัดขวางกัน แต่ในภาพรวมกลับดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้...หากไม่ใช่ว่าทั้งสองฝ่ายเป็นคู่มือที่มีฝีมือทัดเทียมกัน ทั้งยังอ่านออกว่าอีกฝ่ายคิดสิ่งใดอยู่ในใจ คุณหนูทั้งสองที่ไหนเลยจะสามารถประมือดุเดือดพัวพันจนสามารถสร้างกระดานหมากที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ออกมาได้...เว้นก็แต่ว่าหมากกระดานนี้เป็นเพียง ‘การแสดงอันรื่นเริง’ ที่ถูกตระเตรียมและซักซ้อมเอาไว้ล่วงหน้า”

หวงโฮ่วแย้มสรวล ก่อนกล่าวเสียงดังฟังชัด

“คุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงเก็บตัวในเรือนหลังตั้งแต่ยังเยาว์ เกือบสิบปีมานี้ ไม่ย่างเท้าออกนอกจวน ไม่พบปะผู้ใด คุณหนูสี่สกุลอู๋เองก็มักใช้เวลาอยู่ในสำนักศึกษา เดาว่าคนทั้งคู่ย่อมต้องไม่แม้แต่จะเคยได้พบหน้ากันมาก่อน มิหนำซ้ำการสุ่มเลือกคู่ประลองหมากกระดานในการแข่งขันรอบนี้ ก็กระทำอย่างโจ่งแจ้ง ทุกท่านในที่นี้ล้วนเห็นมากับตา ดังนั้น...ข้อที่ว่าแท้จริงแล้วพวกนางลักลอบจับมือกันตระเตรียมหมากกระดานนี้เอาไว้ล่วงหน้าเพื่อใช้อวดความสามารถ เรียกร้องความสนใจจากผู้คน ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้...”

หวงโฮ่วผายพระหัตถ์ไปยังลานประชันขันแข่งเบื้องพระพักตร์ พลางกล่าวต่อไป

“การประชันขันแข่งในเทศกาลชมบุปผา แรกเริ่มเดิมทีก็มีจุดประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เหล่าสตรีที่มีความสามารถได้แสดงฝีมือและเพื่อเชิดชูเหล่าสตรีที่มีความสามารถดังที่ว่าให้เป็นเยี่ยงอย่างของสตรีรุ่นต่อๆ ไปของเทียนจินเรา ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่ว่านี้ การจะให้ตัดยอดฝีมืออย่างคุณหนูสี่จากจวนสกุลอู๋ซึ่งมีฝีมือทัดเทียมกับคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงออกจากการประชันขันแข่งชิงตำแหน่งโฉมงามยอดเมธี ย่อมนับว่าไม่เหมาะและไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง ข้า ในฐานะผู้เป็นประธานในการจัดงานประชันขันแข่งครั้งนี้ จึงขอตัดสินให้คุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงและคุณหนูสี่สกุลอู๋เสมอกัน ผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยกันทั้งคู่”

เฉินเซียงหรงและอู๋ชิงชิงดีใจจนระงับความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่ ถึงกับขยับเข้าจับมือกันและกันด้วยความยินดี ต่างคนต่างแย้มยิ้มให้กัน งดงามเฉิดฉัน

“คุณหนูสี่ หมากกระดานเมื่อครู่— ”

เซียงหรงเพิ่งจะพูดได้ไม่กี่คำ อู๋ชิงชิงก็ขัดขึ้นทันที

“พี่ชิงชิง” อู๋ชิงชิงจ้องลึกลงในดวงตากระจ่างใสของเซียงหรง กล่าวอย่างหนักแน่น จริงใจ “ต่อไปเจ้าสามารถเรียกข้าว่าพี่ชิงชิง ข้าก็จะเห็นเจ้าเป็นน้องสาวคนหนึ่ง น้องเซียงหรง...ที่คู่มือในวันนี้ของข้าเป็นเจ้า ข้าดีใจมากจริงๆ”

เซียงหรงไม่เคยคบค้าสมาคมกับคนนอกครอบครัวมาก่อน คุณหนูสี่สกุลอู๋นับว่าเป็นสตรีจากนอกตระกูลคนแรกที่หยิบยื่นไมตรีมาให้ นางจึงดีใจเป็นอย่างมาก

“พี่ชิงชิง” เซียงหรงเรียกตามอย่างว่าง่าย

ในที่สุดนางก็มีสหายนอกตระกูลดังเช่นพี่หญิงน้องหญิงและพี่ชายน้องชายของตนเองแล้ว!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 111

    ตลอดการเดินทางไปยังหมู่บ้านว่อหลงที่มีซู่ซินรออยู่ หลี่จือหลินซื้อรถม้าคันหนึ่งให้นางนั่งอยู่ด้านใน ส่วนตัวเขาขับรถม้าด้านนอก เขาให้เหตุผลว่าจะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นนั่นก็จริงอยู่นับตั้งแต่มีรถม้า นางก็ไม่เคยต้องนอนบนพื้นหินพื้นหญ้าให้เจ็บหลังปวดเอว หรือคันเนื้อคันตัวเหมือนก่อนหน้านี้หลังจากที่เปิดเผยตัวตนแล้ว หลี่จือหลินปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่ง ไม่ว่านางอยากกินอยากดื่มอะไร เมื่อผ่านเข้าไปในหมู่บ้านหรือเมืองเล็กๆ ก็จะหาซื้อให้นางทุกอย่าง หากเป็นกลางป่ากลางเขา ไม่ว่าจะจับสัตว์ใดได้เขาก็จะแบ่งเนื้อส่วนที่ดีที่สุดให้นาง ปรุงรสด้วยเกลือหรือเครื่องเทศต่างๆ เท่าที่จะหาได้เพื่อให้นางเจริญอาหารยิ่งขึ้น ทั้งยังบ่นพึมพำทุกคืนว่านางผอมลงไม่น้อย ไม่เต็มไม้เต็มมือ...น่าเกลียดที่สุด ปากบอกว่านางผอมเกินไป แต่ใครกันที่คอยจับนางกินทุกคืน!คนเจ้าเล่ห์พรรค์นั้นตั้งใจทำให้นางได้พักผ่อนเต็มที่ในเวลากลางวันเพื่อรับใช้เขาในเวลากลางคืนชัดๆ!แม้จะรู้เช่นนั้น แต่เซียงหรงก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงอ้อมกอดนั้นได้เลยเวลากลางคืนช่างหนาวเหน็บนัก แม้ว่าจะเหนื่อย

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 110

    “ตอนที่เจ้ายังเป็นทารก ข้าจำได้ ในตอนนั้นข้าบอกเจ้าว่า ข้าจะคอยปกป้องเจ้าไปชั่วชีวิต...คำพูดประโยคนั้นเป็นทั้งคำสัญญาและคำสาบานแรกในชีวิตข้า” หลี่จือหลินพูดพร้อมกับยิ้มจางๆ “ในเทศกาลหยวนเซียวคืนนั้น ตอนที่ข้าซื้อถังหูลู่ให้เจ้า เจ้าคงไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มที่เจ้ามอบให้ข้ายามนั้นทั้งงดงามอ่อนโยนและหวานล้ำเพียงใด เพราะจดจำภาพนั้นได้ ข้าจึงไม่เคยยอมแพ้ในสงคราม ทุกครั้งที่เพลี้ยงพล้ำ ข้ามักคิดเสมอว่าจะต้องได้กลับมาเจอเจ้าเพื่อทำตามคำสัญญาสาบานและจะต้องปกป้องรอยยิ้มที่บริสุทธิ์งดงามเช่นนั้นเอาไว้ให้ได้ หรงเอ๋อร์ ข้าออกศึกมากมาย แม้กึ่งหนึ่งเพื่อบ้านเมือง แต่อีกกึ่งหนึ่งล้วนเป็นเพราะแผ่นดินเทียนจินคือบ้านของเจ้า เพราะที่แห่งนี้มีคนที่ข้าต้องการปกป้องเอาไว้อย่างเจ้าอยู่ข้างหลัง”เซียงหรงได้แต่จ้องเขาด้วยความงุนงง นางไม่เคยจำเรื่องราวเหล่านี้ได้เลย แต่เขากลับเล่าได้ละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้ง…เรื่องสาเหตุที่เขาออกรบและไม่เคยยอมแพ้จนมีชีวิตรอดกลับมาก็ช่าง…เขายังกล่าวต่อไป “หลายปีผ่านไป ข้าคิดว่าเจ้าอาจลืมข้าไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่เคยล

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 109

    หลี่จือหลินไม่อยากให้นางตั้งกำแพงในใจอีก ไม่ว่าอย่างไรเขากับนางก็ลงเอยกันไปแล้ว ไม่ว่านางจะยินดีแต่งให้เขาหรือไม่ นางก็หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วอยู่ดี…ทว่าเขาเองก็ยังอยากให้นางแต่งให้เขาด้วยความยินดี ไม่ใช่ด้วยความไม่เต็มใจเช่นนั้นเขาค่อยๆ ปัดปอยผมที่ล้อมกรอบหน้านางออก บีบนวดเนื้อตัวที่ปวดเมื่อยจากการร่วมรักเมื่อคืนพลางพูดเบาๆ เมื่อรำลึกถึงความทรงจำเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงยืนยันที่จะแต่งงานกับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยากหนีข้าไปให้ไกลแค่ไหนก็ตาม” หลี่จือหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ดวงตาคู่คมมองลึกเข้าไปในดวงตาของเซียงหรงที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง“จะยังมีอะไรได้ นอกจากความดื้อด้านอยากเอาชนะคะคานของท่าน” นางตอบเสียงแข็ง ลุกขึ้นนั่งหันหน้าหนีราวกับไม่อยากรับฟังคำใดจากเขาอีกแต่หลี่จือหลินไม่ได้โกรธ เขายิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเคียงข้างนาง แววตาอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ไม่รู้เจ้ายังจำถังหูลู่ในเทศกาลหยวนเซียวได้หรือไม่”เซียงหรงขมวดคิ้วทั

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 108

    “หรงเอ๋อร์…ชายหญิงร่วมเตียง จะเป็นอันใดกันได้ นอกจากสามีภรรยา” เขาพูดเสียงนุ่ม “อีกอย่าง เจ้าคิดว่าหากเฉินกั๋วกงได้ทราบ เขาจะไม่บังคับให้เจ้าแต่งงานจริงหรือ ต่อให้เป็นคุณชายใหญ่จวนเจ้าที่เจ้าคิดว่าจะเข้าข้างเจ้าแน่ๆ หากเป็นเรื่องนี้...เชื่อเถิดว่าเขาเองก็จะต้องเกลี้ยกล่อมให้เจ้ายอมแต่งให้ข้าเช่นกัน”คนฟังหน้าซีดเผือดลงทุกขณะ ยิ่งเมื่อเอ่ยถึงว่าเขาจะบอกบิดาและพี่ชายนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซียงหรงก็ยิ่งรู้สึกราวกับถูกหลอกขึ้นมาทันทีไม่หรอก...ไม่ได้รู้สึก...นางถูกหลอกจริงๆ นั่นล่ะ!ใบหน้าหวานล้ำเผือดซีด ความเจ็บปวดตรงกึ่งกลางกายราวกับจะส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันความโง่เขลาของนางนางวิ่งวนอ้อมไปทั่ว แต่สุดท้ายแล้วก็กลับตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาเช่นเดิมราวกับตัวตลก ราวกับสัตว์ที่ติดในกรง ต่อให้นางจะวิ่งไปข้างหน้าเช่นไร ก็มีเพียงกับดักที่รออยู่เท่านั้น“หากเจอท่านกั๋วกงแล้ว ข้าจะรีบปรึกษาว่าเราจะเร่งแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ยังต้องหาฤกษ์ยาม ต้องดูก่อนว่าท่านพ่อตาต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ อ้อ

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 107

    ยามรุ่งอรุณแรกของวันใหม่ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลอดเข้ามาผ่านปากถ้ำ เสียงนกร้องแว่วดังจากบนยอดไม้ ช่วยเสริมให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ภายในถ้ำเล็กๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะทุอยู่ในใจคนทั้งสองเฉินเซียงหรงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมความเจ็บปวดที่แล่นแปลบไปทั้งร่างเพียงนางขยับตัวเล็กน้อย ความเจ็บและเมื่อยล้าเนื้อตัว รวมถึงความปวดร้าวจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้นางข่มความเจ็บใจเอาไว้แทบไม่ไหว น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าอีกครั้งหลี่จือหลินที่นอนตะแคงร่างหันหน้าเข้าหานางกลับอยู่อย่างเงียบๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่มักประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับดูซีดเซียวและเต็มไปด้วยความสำนึกผิด แววตาของเขาดูหม่นแสงราวกับแบกรับทุกความผิดบาปบนโลกนี้ไว้ "เจ้าเจ็บมากหรือไม่?" เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเซียงหรงเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองหน้าเขาอีกแม้แต่น้อยนางกัดริมฝีปากแน่น พยายามลุกขึ้นด้วยตนเอง แต่เพียงแค่ขยับตัวเพียงนิด กลางกายที่ยังคงทั้งบวมทั้งแดงก็ส่งความเจ็บปวดจนต้องทรุดฮวบลงไปอีกครั้งหลี่จือหลินรีบประคองนางไว้ เขากุมมือนางเบาๆ แต่เซียงหรงกลับสะบั

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 106

    หลี่จือหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาฉายแววความเจ็บปวดและสับสน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาว ปล่อยนางให้เป็นอิสระ รู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะที่อก…พอเดาได้ว่ารอยกระบี่ฟันซึ่งได้จากการร่วมต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่าที่หานชิงเยว่ส่งมาสังหาร ‘ตงหลิน’ องครักษ์ที่เขาวางตัวให้คอยติดตามคุ้มกัน เฉินเซียงหรงในที่แจ้ง ปริแยกเพราะแรงผลักของนางเมื่อครู่“เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เฉินเซียงหรง” เสียงของเขาอ่อนลงเล็กน้อย “สำหรับข้า สัมพันธ์ระหว่างเราจะไม่ใช่และไม่มีทางเป็นสิ่งที่ทำเพื่อตัดความสัมพันธ์ แต่เป็นสิ่งที่ข้าหวังจะทำเพื่อให้เราสองคนผูกพันกันตลอดไป”เซียงหรงบอกอย่างปลดปลง “ท่านต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เรื่องนั้นก็ช่างเถอะ สำหรับข้า ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน หากท่านเพียงอยากได้ร่างกาย ท่านก็เอามันไปเถิด”ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน...อย่างนั้นหรือ?เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงเขา ต่อให้ต้องพลีกายให้ชายอื่น นางก็ไม่สนใจแม้จะต้องขึ้นเตียงกับเขา นางก็ยังดื้อด้านไม่ยอมแต่ง!หลี่จือหลินมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status