ครึ่งเดือนต่อมา ณ จวนสกุลลั่ว
ท่านแม่ทัพชรากำลังนั่งเผชิญหน้า กับแขกที่เขาไม่ได้เชื้อเชิญ และดูเหมือนการมาของคนตรงหน้า จะไม่ได้เป็นมิตรเท่าใดนัก แต่กระนั้นท่านแม่ใหญ่ ก็ยังคงต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ด้วยมารยาทของเจ้าบ้าน
“ข้าอยากรู้ว่าทำไม ท่านแม่ทัพใหญ่ ต้องรับการสู่ขอจากสกุลหยาง ทั้งที่ข้ารอนางมาตั้งหลายปี สกุลลั่วทำแบบนี้มาเห็นแก่หน้าข้าเลยหรืออย่างไร”
อ๋องจิ้งหยวน เอ่ยถามบิดาของหญิงสาวที่เขาหมายตา อย่างไม่คิดที่จะอ้อมค้อม น้ำเสียงที่เขาใช้กับเจ้าบ้าน มันแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง
เรื่องเมื่อครั้งที่เขาถูกปฏิเสธการขอหมั้น ยังไม่กระจ่างแก่ใจ ครานี้นางกับตอบรับการแต่งงานจากคนไร้ค่า โดยไม่แม้แต่จะสนใจว่าเขารอนางมานานแค่ไหน
นางเลือกที่จะหันหลังให้แก่การแต่งงานกับเขา ก้าวสู่กองทัพ จนเวลาก็ล่วงเลยมานับสิบปี แทบจะเรียกว่าผ่านวัยของเรือนของหญิงชั้นสูงมาแล้ว พอนางคิดว่าต้องแต่ง ใครมาสู่ขอก็ตอบรับเลยอย่างนั้นรึ! น่าตายนัก!
“ท่านอ๋องเองก็มีคนรักอยู่แล้วมิใช่หรือ ไยยังต้องวนเวียนเฝ้ารออันเอ๋อร์อยู่อีกเล่า”
ท่านแม่ทัพใหญ่เอ่ยถามอ๋องหนุ่ม ที่ไม่ยอมแต่งภรรยาเอกเข้าจวนเสียที หากจะว่ากันตามจริง เขาเองก็ไม่ได้รังเกียจ ต่ออ๋องตราตั้งผู้นี้ เพราะอย่างไรสกุลจิ้งก็มีคุณงามความดีมาหลายรุ่น
และหากจะว่ากันตามความจริงแล้ว ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจบุตรสาวเช่นกัน ว่าทำไมจึงหันหลังให้แก่ชายที่นางปักใจรักมาตั้งแต่เยาว์วัย
บุตรสาวคนโตเลือกที่จะละทิ้งความสุขสบาย และตำแหน่งชายาเอกเอาไว้เบื้องหลัง ก้าวสู่กองทัพที่มีแต่อันตรายและความลำบาก แต่เมื่อลูกเห็นดีเช่นไร เขาที่เป็นพอย่อมไม่คิดขัดขวาง แม้ลึกๆ จะห่วงนางมากก็ตามที
“นางเป็นได้เพียงแค่ชายารองเท่านั้น ไหนเลยจะเทียบกับคังอันได้”
เป็นคำตอบที่ทำให้ท่านแม่ทัพลั่ว ถึงกับตวัดสายตามอง นี่อ๋องจิ้งตั้งใจให้คนที่รักเป็นรอง ส่วนบุตรสาวของเขาคือความเหมาะสมให้เป็นเอก เหอะ! คิดจะให้บุตรสาวของเขาอยู่อย่างชอกช้ำใจ ไม่มีวันเสียล่ะ
“สกุลลั่วเราไม่รับอนุ และถ้าบุตรสาวของข้า ต้องแต่งออกไปแล้วระทมใจ ข้าก็ไม่เห็นงามด้วย”
แม่ทัพใหญ่ตอบกลับด้วยน้ำเสียง ที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเช่นกัน ถึงเขาจะมีภรรยาสองคนแต่ใช่จะมีพร้อมกัน อดีตภรรยาก็คือมารดาของเยี่ยนคังและคังอันตายไปแล้วหลายปี
เขาจึงแต่งภรรยาใหม่เพื่อมาดูแลลูกและบ้านให้เรียบร้อย ซึ่งก็คือฮูหยินคนปัจจุบันมารดาของบุตรสาวคนเล็ก แต่กระนั้นลูกเมียของเขาล้วนปรองดอง ไม่ริษยาต่อกันรักใคร่กลมเกลียว
“อย่างไรคังอันก็คือที่หนึ่ง เรื่องแค่นี้เองหรือ ที่ทำให้นางทอดทิ้งข้าไป ทั้งที่นางก็รักข้ามาตั้งหลายปี”
อ๋องหนุ่มพูดอย่างไรรู้สึกถึงความผิดแผก สกุลใหญ่ๆ ที่ไหนก็มีภรรยาหลายคนทั้งนั้น แล้วทำไมเขาจะมีบ้างไม่ได้ ขนาดสาวใช้อุ่นเตียงของเขาก็มีนับสิบ ไยไม่เห็นมีใครจะเป็นจะตาย
“ท่านอ๋องจะกล่าวเช่นนั้นก็ไม่ถูก นางในตอนนั้นอายุยังเพียงเท่าไหร่เอง ปักปิ่นแล้วก็เพิ่งแค่สิบหก จะแยกแยะเรื่องรักใคร่ หรือทอดทิ้งใครไปได้เล่า”
ท่านแม่ทัพใหญ่ยังคงคุมน้ำเสียง ให้ดูไม่เต็มไปด้วยโทสะ จนทำให้เขาพลาดท่าต่อการสนทนา เรื่องการสู่ขอของสกุลหยางน่ะหรือ เบื้องหลังก็เป็นเขาต่างหาก ที่ไปเอ่ยปากกับตาเฒ่าบ้านหยาง ตามคำร้องขอของบุตรสาว
“แต่ใครๆ ก็รู้ว่าข้าตั้งใจหมั้นหมาย แต่งนางเป็นชายาเอก แบบนี้มันมิใช่การฉีกหน้าข้าซ้ำสองหรอกหรือ”
“แต่ตอนนี้นางคือว่าที่ฮูหยิน ทายาทสกุลหยาง ท่านอ๋องจะกล่าวอะไรก็เห็นใจคู่หนุ่มสาวทั้งสองด้วย”
เมื่ออีกฝ่ายดื้อแพ่ง เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ นี่บ้านของเขา แต่อีกฝ่ายก้าวเข้ามา ต่อว่าบุตรสาวของเขา เหมือนทำผิดต่ออีกฝ่ายอย่างไรอย่างนั้น
ทั้งที่ยังไม่มีการสู่ขอหมั้นหมายแต่อย่างใด เป็นพียงคำกล่าวว่าจะทาบทามสู่ขอ เพื่อหมั้นหมายบุตรสาวของเขา แต่พอนางหันหลังให้เมืองหลวง ก็กล่าวหาว่าทางทอดทิ้ง ช่างเห็นแก่ตัวสิ้นดี!
“เห็นใจพวกเขา แล้วใครเห็นใจข้าบ้าง! ข้ากับนางคือคนที่คู่ควรที่สุด”
“ใช่หรือ!”
เป็นคำถามจากบุคคลที่สาม ก่อนที่บุรุษต่างวัยทั้งสอง จะหันมองไปยังเจ้าของเสียง
อ๋องจิ้งถึงกับรู้สึกหนาวสะท้านอยู่ลึกๆ เมื่อเห็นแววตาเฉยชาของผู้มาใหม่
“เจ้าคนชั่วช้า! อาจหาญลักลอบเข้าเรือนยบุตรสาวข้า! จับตัวมันให้ข้าเดี๋ยวนี้!”เสียงสั่งการของรองเจ้ากรมการคลัง ไม่ได้ทำให้อ๋องหนุ่มรู้สึกตื่นกลัวแม้แต่น้อย หากเขามิสำคัญจริง คงไม่สามารถยืนในตำแหน่งอ๋อง คู่กับบิดาได้อย่างแน่นอน คนที่สั่งให้จับตัวเขาเป็นเพียงขุนนางขั้นหก เอาตรงไหนมาเหนือกว่าเขา!“ใครกล้า!”อ๋องหนุ่มตะคอกกลับเสียงกร้าว กรามแกร่งขบกันแน่น จนเป็นสันนูน ปึก! ร่างที่ไร้อาภารณ์ ถูกมือหนาผลักออกห่างเขา จนนางหงายหลังไปไม่เป็นท่า ร่างสูงลุกขึ้นอย่างสง่า เขาไม่เชื่อว่านี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ แต่มันคือแผนการ ที่เตรียมมาแล้วเป็นอย่างดี มือหนาคว้าเสื้ออคลุมขึ้นมาสวม อย่างใจเย็นไม่ได้รีบร้อนหรือตื่นกลัว“ท่านอ๋อง! ไยท่านทำเยี่ยงนี้ หรือเห็นว่าข้าเป็นเพียงขุนนางเล็กๆ เลยอยากจะรังแกเยี่ยงไรก็ได้เช่นนั้นรึ!”ท่านรองเจ้ากรมชิง เดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าชายคนรักของบุตรสาว พร้อมเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียง กร้าวกระด้างไม่แพ้กัน ในเมื่ออีกฝ่ายจงใจมองข้ามตระกูลเขามาตลอด เช่นนั้นก็อย่าว่าเขาใจดำเลย“ข้าไม่จำเป็นต้องรังแกพวกเจ้า แต่จ้าลืมไปแล้วหรือว่าฐานะของเจ้า ยังไม่คู่ควรที่จะให้ข้าแต่งนางเป็นชายา
“อ่า...ข้าชอบให้ท่านอ๋องสัมผัสข้ายิ่งนัก โอว์...อ่า” หญิงสาวครางเสียงกระเส่า เมื่อมือหยาบกร้านนั้น ลากผ่านมาถึงเนินเนื้อของนาง ใบหน้างามสะบัดไปมา เมื่อติ่งสวาทที่ซ่อนอยู่ในกลีบเนื้อ ถูกสัมผัสด้วยนิ้วของเขา ชายหนุ่มโน้มกายลงชิดเต้าตึง ก่อนจะใช้ปากครอบครองเม็ดบัวสีหวาน โดยที่นิ้วของเขายังคงแทรกขึ้นลง ตามล่องกลีบบางอย่างเนิบช้า หญิงสาวเลื่อนมือไปลูบสัมผัส แผ่นหลังของชายคนรัก สลับจิกลงไปบนผิวเนื้อของขา เมื่อความเสียวซ่านแผ่กระจายไปตลอดร่างงาม ชายหนุ่มไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา นอกจากการปรนเปรอหญิงสาว ที่ร่ำร้องให้เขาเติบเต็มสิ่งที่นางต้องการ เขาไม่ได้ทำให้นางผิดหวัง สองร่างคลอเคลียกันมิห่าง จากบนรักที่เนิบช้าด้วยเล้าโลม เวลานี้มันร้อนแรงยิ่งกว่านั่งอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง สองร่างชายหญิงสลับกันอยู่บนล่าง เคลื่อนขยับเนิบช้าบ้างกระชั้นถี่บ้าง เสียงครางกระเส่าดังมิขาดห้วง ทำให้รสรักนี่ยิ่งตื่นเต้นและเสียวซ่านเกินจะบรรยายหญิงสาวรู้สึกว่ารสรักของนางในค่ำคืนนี้ มันดุดันและใหญ่โตจนนางคับแน่นไปทั้งท้องน้อยเลยทีเดียว ทว่านี่กลับทำให้นางรู้สึกสุขสม ชนิดนับครั้งมิถ้วนเลยก็ว
“เรียนท่านอ๋อง มีจดหมายจากคุณหนูชิงขอรับ” คล้อยหลังของชูเฟยไปแล้ว องครักษ์หนุ่มได้ก้าวเข้ามาในห้อง พร้อมยื่นส่งจดหมายจากสตรีของผู้เป็นนาย อ๋องหนุ่มตวัดสายตามองไปที่จดหมาย มือหนาคว้าเอามาเปิดออกอ่าน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ ซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่มิทันจางหายไปตามร่างมารดา ที่จากไปได้ครู่หนึ่งแล้ว ดวงตาที่ยังคงแข็งกร้าว กวาดสายตามองไปตามตัวอักษร ก่อนจะยื่นส่งให้คนสนิททำลายทิ้งเสีย เขาต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่ายังปกติดีอยู่ รวมไปถึงสตรีที่เขาใช้อุ่นเตียง ก็ต้องไม่รู้เห็นถึงความเปลี่ยนไปของเขา “คืนนี้ข้าจะไปพบนาง”อ๋องหนุ่มเอ่ยขึ้นโดยไม่สนว่าคนสนิท จะเกิดคำถามใดในใจหรือไม่ เพราะเฉินเหว่ยจะเป็นตัวช่วยสำคัญของเขา ในค่ำคืนนี้และในทุกค่ำคืนที่เขาจะต้องออกจากจวน “ขอรับ ข้าน้อยจะไปแจ้งให้นางทราบ” องครักษ์หนุ่มรีบออกจากห้องไปในทันที เขาไม่คิดจะซักถามให้มากความ ว่าคืนนี้ผู้เป็นนายจะทำอย่างไร หากหญิงสาวร่ำร้องที่จะหลับนอนด้วยเช่นทุกครั้ง ที่พบหน้ากันระหว่างท่านอ๋องและคุณหนูชิงยามค่ำคืน ณ จวนรองเจ้ากรมการคลัง เรือนอวี่ถง ที่ปกติจะสว่างไส
“เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวก่อนขอรับ” เมื่อเห็นสายตาของชูเฟย องครักษ์หนุ่ม จึงรีบขอตัวออกจากห้องไปในทันที“ท่านแม่มีเรื่องอะไรหรือขอรับ” เมื่อคนสนิทออกจากห้องไปแล้ว อ๋องหนุ่มจึงได้เอ่ยถามมารดา ด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าใดนัก แต่เพราะคนตรงหน้าคือแม่ เขาจึงไม่อาจที่จะปฏิเสธจะพูดคุยด้วยไม่ได้“มานั่งนี่”ชูเฟยเรียกบุตรชาย ให้มานั่งคุยกัน นางรู้สึกปวดหัวนักกับเรื่องของบุตรชาย หากนางยังเพิกเฉยต่อไปอีก ตำแหน่งของนางกับบุตรชาย คงต้องเกิดการระส่ำระสายเป็นแน่“ว่ามาขอรับ”อ๋องหนุ่มเดินมานั่งลงตรงข้ามกับคนเป็นแม่ แล้วบอกให้นางพูด ในสิ่งที่อยากจะพูดเสียให้จบสิ้น เพราะสภาพร่างกายที่สมบูรณ์พร้อม ทำให้อารมณ์ของเขาไม่คงที่เท่าใดนัก“เจ้าไม่สามารถทำให้ลั่วคังอัน มาเป็นชายาได้ เจ้าก็ควรที่จะมองหาสตรีอื่นที่คู่ควร ส่วนบุตรสาวรองเจ้ากรมการคลัง ค่อยให้นางแต่งเข้ามาเป็นอนุ”ชูเฟยไม่อ้อมค้อมในเรื่องนี้ เพราะตอนนี้บุตรชายของชายารองของสามี กำลังที่จะได้ทายาทแล้ว หากบุตรชายยังคงเฝ้ารอ ที่จะช่วงชิงลั่วคังอัน เห็นทีตำแหน่งอ๋องที่บุตชายครอบครอง อาจหลุดมือไปก็เป็นได้“ข้ายังไม่คิดที่จะยอมแพ้เรื่องคังอัน นางแค่กำ
เมื่อเห็นแล้วว่าเจ้าบ้านตั้งรับ และมีคนลึกลับคอยเฝ้าจับตาอยู่ หัวหน้านักฆ่าจำต้องส่งสัญญาณ ให้คนของตนล่าถอยออกไปก่อน หากดึงดันลงมือกันจริงๆ คงไม่มีทางพาลมหายใจ ออกจากจวนแม่ทัพแห่งนี้ได้อย่างแน่นอน“รู้ว่าทำไมไม่ได้ ก็ยังอยากที่จะลอง หรือคิดว่าข้าใช้เส้นสายของตระกูลหรืออย่างไร ถึงก้าวมาอยู่จุดนี้ได้ ช่างหยามกันเกินไปแล้ว”แม่ทัพสาวเอ่ยออกมา ด้วยน้ำเสียงปนขำขัน ก่อนจะดื่มชาอึกสุดท้ายหมด แล้วลุกขึ้นมองไปยังมุมมืด ที่อยู่ห่างจากตัวเรือนไม่มาก จุดนั้นจะมองเห็นหน้าห้องนอนของนาง ได้อย่างชัดเจนยิ่งนัก ลั่วคังอันทำเพียงยิ้มน้อยๆ ให้กับความมืดที่นางเพ่งมองอยู่“พวกมีตาแต่ไร้แวว คุณหนูอย่าได้ใส่ใจเลยเจ้าค่ะ”ชิงชิง เอ่ยกับผู้เป็นนาย ก่อนจะช่วยประคองให้ร่างงาม กลับเข้าไปภายในห้อง สายตาเอ็นดูที่ทอดมองมาจากความมืด รู้สึกขำขันต่อกิริยา ที่เต็มไปด้วยจริตของสตรีในหอห้อง ที่ปกติแล้วเขาไม่เคยเห็นในตัวของนางเท่าใดนักเมื่อประตูห้องปิดสนิท และแสงเทียนภายในห้องดับลง ร่างที่ซ่อนกายอยู่ยังมิได้หายไปในทันที เขาอยู่อย่างนั้นอีกว่าครึ่งชั่วยาม เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีมดแมลงตัวใด ก้าวล้ำเข้ามายังเรือนนี้อีกห้าวันถ
ดึกสงัด! ณ เรือนคังอันเงาร่างในความมืด ได้เคลื่อนกายเข้ามาภายในเรือน ของบุตรสาวคนโตจวนแม่ทัพ สายตาประดุจเหยี่ยวนักล่า ได้สอดส่ายสายตา มองไปรอบๆ ตัวเรือน ประหนึ่งนกฮูกยามราตรีที่เฝ้าคุ้มภัยรังนอน ใบหน้าที่ปกปิดด้วยหน้ากาก ไม่อาจบอกได้ว่าเขาคือใคร ทว่าเขากลับไม่ได้ทำการใด ให้เป็นที่รบกวนเจ้าของเรือน แต่เลือกที่จะเฝ้ามองหน้าประตูห้องนอน เจ้าของเรือนอยู่เงียบๆ ด้วยแววตาอ่อนเชื่อมหือ! เสียงการเคลื่อนไหวจากความมืด ทำให้ชายชุดดำเร้นกาย หายเข้าไปในเงามืด พร้อมเก็บซ่อนพลังปราณทั้งหมด ก่อนที่จะมีเงาวูบไหวหลายสาย เคลื่อนเข้าใกล้หน้าประตูห้องนอนของแม่ทัพสาว ทำให้คบไฟที่จุดส่องสว่าง วูบไหวตามแรงลมที่พาดผ่าน ทว่ามันยังคงไม่ได้ดับลงแต่อย่างใด“รนหาที่ตาย”ชายหนุ่มพึมพำเบาๆ ก่อนจะปล่อยไอสังหารออกมา และนั่นทำให้เงาสีดำวูบไหวเหล่านั้น หยุดนิ่งไปเพื่อค้นหาที่มาของไอสังหาร ที่แข็งแกร่งจนกดทับพวกเขาให้รู้สึกอึดอัด จนหายใจแทบไม่อิ่มท้องเลยทีเดียวทว่าพลังปราณอันมหาศาล ของชายชสวมหน้ากาก ที่ครอบคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ มันกระจายไปโดยรอบทั้งเรือน จึงยากนักที่จะหาจุดเริ่มต้นของสายพลังนั้นได้แม่ทัพสาวที่เพิ่งผลั