“อันเอ๋อร์!”
บุรุษทั้งสอง เรียกชื่อของผู้มาใหม่พร้อมๆ กัน ทว่าความรู้สึกนั้นแตกต่างกันยิ่งนัก โดยเพราะสำหรับอ๋องจิ้งหยวน เขารู้สึกตนเองด้อยกว่าหญิงสาว ที่เคยอ่อนโยนบอบบาง ทว่าเวลานี้นางกลับดูองอาจสูงสง่าไม่ต่างจากบุรุษยอดนักรบ
ใบหน้าที่เคยหวานละมุน มันกลับเต็มไปด้วยความเย็นชาและกร้าวกระด้าง ดวงตาที่เคยสุกใส แปรเปลี่ยนเป็นคมเฉี่ยวประดุจเหยี่ยวนักล่า ทำให้อ๋องหนุ่มต้องฝืนกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างฝืดเคือง
“อันเอ๋อร์คารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ ข้าต้องขออภัยที่เสียมารยาท สอดแทรกการสนทนาเมื่อครู่ หวังว่าท่านพ่อกับท่านอ๋องจะไม่ถือสานะเจ้าคะ”
หญิงสาวที่เปลี่ยนเป็นชุดของสตรี เดินเข้ามาหยุดอยู่ต่อหน้าของบิดา ก่อนจะย่อกายลงอย่างมีอ่อนน้อม ทว่าความองอาจของนางหาได้ลดน้อยลงไปเลย
ท่านแม่ทัพใหญ่รีบยื่นมือไปประคองบุตรสาว ให้ยืนขึ้นด้วยความรักและคิดถึง ก่อนจะรั้งร่างของบุตรสาวเข้ามากอดเอาไว้แน่น ท่านแม่ทัพใหญ่น้ำตาเอ่อคลอ ด้วยความดีใจ ที่คนเป็นลูกกลับบ้านมาอย่างปลอดภัย
“พ่อดีใจเหลือเกินที่เจ้ากลับมา”
“ตาเฒ่าขี้แย ข้าอยู่ตรงนี้อีกนานเชียวล่ะ”
หญิงสาวหยอกเย้าบิดา ด้วยคำพูดที่มักมีให้กันเฉพาะในครอบครัว ซึ่งพี่ชายของนางก็ชอบที่จะพูดกับคนเป็นพ่อเช่นนี้ ในยามที่จะต้องห่างกันหรือนานปีจะได้พบหน้าสักครั้ง แล้วบิดาหลั่งน้ำตาเช่นในตอนนี้
“แม่กับน้องสาวเจ้ารึ! คงกำลังวุ่นวายกับการเตรียมขนมของโปรดเจ้าอยู่”
สองพ่อลูกพูดคุยหยอกเย้ากัน เหมือนกับใครอีกคนเป็นเสมือนอากาศธาตุอย่างไรอย่างนั้น
“คังอัน เป็นเจ้าจริงๆ หรือ...”
อ๋องจิ้งรีบผุดลุกขึ้น ตั้งใจที่จะเข้าไปสวมกอดหญิงสาว ด้วยใจที่คิดถึง ทว่าเขาต้องนิ่งค้างเมื่อแม่ทัพใหญ่ หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา พร้อมกันตัวบุตรสาวไปยืนอยู่ด้านหลัง
“ท่านอ๋องโปรดสำรวมด้วย บุตรสาวข้ามิใช่สตรีไร้เกียรติ
ต่อให้นางยังมิใช่ภรรยาผู้ใด อย่างไรเสียนางก็เป็นหญิงที่ยังมิได้ออกเรือน การจะทำเช่นนี้ มันดูหยาบคายเกินไปสักหน่อยไหม”
คำพูดที่กร้าวกระด้างของแม่ทัพใหญ่ ทำให้อ๋องหนุ่มรู้ตัวแล้ว ว่าเขากำลังไม่ได้รับการชื่นชม
“ข้าแค่ลืมตัวไปเท่านั้น แต่เจ้ามาก็ดีแล้วอันเอ๋อร์ ข้าอยากได้ยินจากปากของเจ้า ว่าการแต่งงานครั้งนี้เจ้าหาได้เต็มใจ”
อ๋องหนุ่มรีบลดมือที่อ้าค้างลง แล้วไพล่หลังเอาไว้ พร้อมกับถามหญิงสาวที่เขาหมายปอง ด้วยสายตามีความหวัง ว่านางจะมิได้เต็มใจต่อการแต่งงานครั้งนี้
แม่ทัพสาวจ้องมองไปยังชายที่นางเคยรัก เมื่อครั้งในชีวิตเก่า นางหลงใหลในตัวเขา เสียจนมองไม่เห็นความชั่วช้าที่เขามี ต่างกับอีกคนที่นางมองข้ามมาโดยตลอด ทั้งที่นางคือสหายหนึ่งเดียวของคนผู้นั้น จนเฮือกสุดท้ายของลมหายใจ เขาคือคนเดียวที่ส่งดวงวิญญาณของนาง
“ข้าย่อมเต็มใจที่จะแต่งงานเจ้าค่ะ”
หญิงสาวตอบอ๋องหนุ่มไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้แสดงอาการเหมือนถูกบีบบังคับ เพราะไม่มีใครคิดทำสิ่งนั้นกับนาง แต่เป็นนางที่เลือกมัดมือชกกับหยางเหยาเกอเอง
“เจ้าจะเต็มใจได้อย่างไร เขามันแค่คนไร้ค่าเท่านั้น ตรงไหนกันที่เจ้าจะฝากทั้งชีวิตไว้ในมือเขาได้”
อ๋องหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน เขาจะไม่มีวันยอมเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ แล้วเหตุผลใดกัน! นางจึงตัดใจจากเขาไปได้ง่ายดายเพียงนี้
ทั้งที่ในตอนนั้น นางไม่เคยรู้เรื่องของเขา กับชิงอวี่ถงเลย หากต้องเลือกเขาก็ต้องเลือกลั่วคังอัน ที่มีฐานอำนาจอันมั่นคงกว่าอยู่แล้ว บุตรสาวรองเจ้ากรมหรือ จะสู้สายเลือดแม่ทัพสองสกุลได้
น้อยนักที่ราชวงศ์จะยินยอม ให้สกุลแม่ทัพแต่งงานกัน แต่สกุลเชี่ยเลือกมอบอำนาจทหาร ไว้ในมือทายาทที่เป็นหญิง เพื่อไม่ให้เกิดความแคลงใจ ดังนั้นสกุลเชี่ยในเวลานี้ ก็นั่งเพียงตำแหน่งขุนนางในราชสำนัก ไม่ข้องแวะการทหารอีก
แม่ทัพใหญ่กับลั่วเยี่ยนคัง จึงมีหน้าที่ดูแลกองทัพส่วนสินเดิม ไว้รอให้ลั่วอันคังออกเรือน กองทัพนับแสนก็จะตกเป็นของสามีนางไปโดยปริยาย จนกว่านางจะส่งมอบสู่สายเลือด สามีจึงจะหมดสิทธิ์ครอบครอง เป็นกฎที่ไร้สาระสิ้นดี แต่มันจะเป็นผลดีสำหรับเขา หากนางยินยอมแต่งเข้าจวนอ๋อง ดังนั้นวันนี้เขาต้องทำทุกหนทาง ให้นางล้มเลิกการแต่งงานกับไอ้ขยะนั่น นับสิบปีที่เขารอครอบครองกองทัพเชี่ย จะมาพ่ายให้แค่คนไร้ค่าไปง่ายๆ อย่างนั้นน่ะหรือ ไม่มีวันเสียล่ะ ทั้งลั่วคังอันและกองทัพเชี่ยต้องเป็นของเขาเท่านั้น
“เจ้าเห็นความรักของข้าที่มีต่อเจ้า เป็นเรื่องล้อเล่นเช่นนั้นรึ! เจ้ามองข้าที่รักเจ้า เฝ้ารอเจ้ามานานนับสิบปี คือความหน้าหนาอย่างนั้นหรือ เหอะๆ ข้าไม่ยักรู้ว่าตัวเอง กลายเป็นคนแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่” คำพูดตัดพ้อของอ๋องหนุ่ม ไม่ได้ทำให้ใจของหญิงสาวอ่อนลงแม้แต่น้อย เพราะภาพการตายของทุกคนในบ้าน มันฝังอยู่ในหัวของนางไม่เคยเสื่อมคลาย แค่รอวันที่นางจะทำให้คนตรงหน้า และทหารชั่วช้าของเขา ที่ทำร้ายมารดาเลี้ยงและน้องสาวของเขา ได้ชดใช้มันอย่างสาสม “ข้าเป็นทหารยอมเผชิญโลกมาไม่น้อย สิ่งที่เห็นล้วนหลากหลายรูปแบบ ข้าย่อมมองออกว่าสิ่งใดแท้จริง สิ่งใดเสแสร้ง วันนี้ข้าเดินทางมาไกล ย่อมอยากอยู่กับครอบครัว หวังว่าท่านอ๋องจะเข้าใจนะเจ้าคะ” เป็นการไล่ที่ถือว่าสุภาพมากแล้ว ในความคิดของหญิงสาว หากไม่เพราะเขายังไม่ถึงคราวแสดงธาตุแท้ นางจะทำสิ่งใดโดยพลการก็คงดูไม่เหมาะสมนัก ปล่อยให้เหยื่อดิ้นต่อไป ไม่ช้าก็ก้าวพลาดเข้าสู่กับดักของนางเอง ข้าจะให้เจ้าตายช้าๆ ทรมานกว่าครอบครัวของข้านับหมื่นเท่า จิ้งหยวน “ข้าหวังว่าท่านแม่ทัพใหญ่ จะลองทบทวนอีกครั้ง อย่างไรข้าต้องขอตัวก่อน”
“มิใช่เรื่องที่ท่านอ๋องต้องมาตัดสินใจแทนข้า ครอบครัวเห็นงามในเรื่องใด ข้าก็ไม่จำเป็นต้องตั้งแง่” แม่ทัพสาวยังคงมีน้ำเสียงเย็นชาดังเดิม แววตาที่นางมองไปที่เขา มันไม่ได้มีคำว่ารักใคร่หรืออาวรณ์ใดๆ หลงเหลืออยู่ หากเขาจ้องมองเข้าไปในแววตานางให้ลึกกว่านี้ จะเห็นเพียงความชิงชังเท่านั้น “ทำไมกัน! ท่านด้วยท่านแม่ทัพใหญ่ ไยจึงคิดมอบบุตรสาวไว้ในมือคนพิการ สภาพตัวเขายังเอาไม่รอด จะเอาสิ่งใดมาดูแลอันเอ๋อร์ได้” อ๋องหนุ่มหันไปต่อว่าบิดาของหญิงสาว และนั่นเองที่ทำให้แม่ทัพสาวสะบั้นความอดทน คนชาติชั่วผู้นี้ มีสิทธิ์อันใดมากล่าวโทษบิดาของนางกัน “ท่านอ๋องโปรดระวังวาจาด้วย เรื่องของครอบครัวข้า ย่อมต้องผ่านการหารือกันมาเป็นอย่างดีแล้ว และยังไม่ถึงคราวที่คนนอกจะเข้ามายุ่ง” หญิงสาวขยับขึ้นมาเผชิญหน้า กับบุรุษหน้าหนาตรงหน้า อย่างไม่คิดที่จะถอยหนี ไยนางต้องกลัวคนแบบนี้ด้วย การที่เขายินยอมทำทุกอย่างในตอนนี้ มิใช่เพราะรักในตัวนาง แต่เป็นเพราะเขาวาดหวังถึงกองทัพสกุลเชี่ย “แต่ข้าไม่เห็นด้วย เรารักกันมาตั้งหลายปี ทำไมจึงเป็นเขาที่เจ้าเลือก”แม่จะรู้สึกหน้าชาต่อ
“อันเอ๋อร์!”บุรุษทั้งสอง เรียกชื่อของผู้มาใหม่พร้อมๆ กัน ทว่าความรู้สึกนั้นแตกต่างกันยิ่งนัก โดยเพราะสำหรับอ๋องจิ้งหยวน เขารู้สึกตนเองด้อยกว่าหญิงสาว ที่เคยอ่อนโยนบอบบาง ทว่าเวลานี้นางกลับดูองอาจสูงสง่าไม่ต่างจากบุรุษยอดนักรบใบหน้าที่เคยหวานละมุน มันกลับเต็มไปด้วยความเย็นชาและกร้าวกระด้าง ดวงตาที่เคยสุกใส แปรเปลี่ยนเป็นคมเฉี่ยวประดุจเหยี่ยวนักล่า ทำให้อ๋องหนุ่มต้องฝืนกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างฝืดเคือง “อันเอ๋อร์คารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ ข้าต้องขออภัยที่เสียมารยาท สอดแทรกการสนทนาเมื่อครู่ หวังว่าท่านพ่อกับท่านอ๋องจะไม่ถือสานะเจ้าคะ” หญิงสาวที่เปลี่ยนเป็นชุดของสตรี เดินเข้ามาหยุดอยู่ต่อหน้าของบิดา ก่อนจะย่อกายลงอย่างมีอ่อนน้อม ทว่าความองอาจของนางหาได้ลดน้อยลงไปเลยท่านแม่ทัพใหญ่รีบยื่นมือไปประคองบุตรสาว ให้ยืนขึ้นด้วยความรักและคิดถึง ก่อนจะรั้งร่างของบุตรสาวเข้ามากอดเอาไว้แน่น ท่านแม่ทัพใหญ่น้ำตาเอ่อคลอ ด้วยความดีใจ ที่คนเป็นลูกกลับบ้านมาอย่างปลอดภัย“พ่อดีใจเหลือเกินที่เจ้ากลับมา”“ตาเฒ่าขี้แย ข้าอยู่ตรงนี้อีกนานเชียวล่ะ”หญิงสาวหยอกเย้าบิดา ด้วยคำพูดที่มักมีให้กันเฉพาะใ
ครึ่งเดือนต่อมา ณ จวนสกุลลั่ว ท่านแม่ทัพชรากำลังนั่งเผชิญหน้า กับแขกที่เขาไม่ได้เชื้อเชิญ และดูเหมือนการมาของคนตรงหน้า จะไม่ได้เป็นมิตรเท่าใดนัก แต่กระนั้นท่านแม่ใหญ่ ก็ยังคงต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ด้วยมารยาทของเจ้าบ้าน “ข้าอยากรู้ว่าทำไม ท่านแม่ทัพใหญ่ ต้องรับการสู่ขอจากสกุลหยาง ทั้งที่ข้ารอนางมาตั้งหลายปี สกุลลั่วทำแบบนี้มาเห็นแก่หน้าข้าเลยหรืออย่างไร” อ๋องจิ้งหยวน เอ่ยถามบิดาของหญิงสาวที่เขาหมายตา อย่างไม่คิดที่จะอ้อมค้อม น้ำเสียงที่เขาใช้กับเจ้าบ้าน มันแฝงไปด้วยความขุ่นเคืองเรื่องเมื่อครั้งที่เขาถูกปฏิเสธการขอหมั้น ยังไม่กระจ่างแก่ใจ ครานี้นางกับตอบรับการแต่งงานจากคนไร้ค่า โดยไม่แม้แต่จะสนใจว่าเขารอนางมานานแค่ไหนนางเลือกที่จะหันหลังให้แก่การแต่งงานกับเขา ก้าวสู่กองทัพ จนเวลาก็ล่วงเลยมานับสิบปี แทบจะเรียกว่าผ่านวัยของเรือนของหญิงชั้นสูงมาแล้ว พอนางคิดว่าต้องแต่ง ใครมาสู่ขอก็ตอบรับเลยอย่างนั้นรึ! น่าตายนัก! “ท่านอ๋องเองก็มีคนรักอยู่แล้วมิใช่หรือ ไยยังต้องวนเวียนเฝ้ารออันเอ๋อร์อยู่อีกเล่า” ท่านแม่ทัพใหญ่เอ่ยถามอ๋องหนุ่ม ที่ไม่ยอมแต่งภรร
“ที่นี่คือเรือนของผู้นำคนต่อไป ใครก็ตามที่เข้ามาเพื่อทำลายความสงบ โจวเชามีสิทธิ์ที่จะกำราบ อำนาจนนี้เป็นคำสั่งของข้า ส่วนเจ้ากับลูกรักของเจ้า มีเรื่องอะไรกับทายาทหรือ จึงได้มารบกวนเขา ทั้งที่พระอาทิตย์เพิ่งพ้นขอบฟ้า” ชายชราประกาศกร้าวถึงอำนาจ ที่มอบให้แก่โจวเชา อีกทั้งยังย้อนถามถึงการมาเยือนที่เรือนนี้ ของลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงตำหนิ “ไยท่านปู่ลำเอียง...” หยางเฮ่อหลง แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ “หุบปาก! ใครสอนให้เจ้าสอดแทรกการสนทนาของผู้อื่น แค่หมัดเดียวข้าว่ามันยังไม่พอกระมัง” ชายชราตวาดหยางเฮ่อหลงเสียงกร้าว สายตาที่มองไปยังชายหนุ่ม ไร้ซึ่งความรักใดๆ ทั้งสิ้น มันแตกต่างจากสายตาที่มองหยางเหยาเหอ และลูกหลานคนอื่นๆ “ท่านแม่” หยางเฮ่อหลงรีบเรียกมารดา พร้อมแสดงถึงความหวาดกลัว ต่ออำนาจของผู้เป็นปู่ ด้วยเขารู้ดีว่าถ้าท่านปู่ลงมือเอง เขาจะต้องลำบากไปนานนับเดือนทีเดียว “ข้าเป็นแม่ของเหยาเกอ การที่ข้ามาเยี่ยมเยียนลูกของตัวเอง มันผิดนักหรือเจ้าคะ” ฮูหยินน้อยหยาง เชิดใบหน้าขึ้นสูงอย่างทะนง พร้อมตั้งคำถามกับพ่อสามี “ไม่ผ
“คุณชายขอรับ นายท่านบอกว่าจะให้นายท่านรับภรรยาขอรับ”พ่อบ้านโจวพูดด้วยน้ำเสียงเริงร่า เมื่อนึกถึงการที่ผู้เป็นนาย มีสตรีมาคอยดูเอาใจใส่ “หึๆ ใครกันจะมายอมทิ้งทั้งชีวิต ให้กับคนพิการเยี่ยงข้าเล่า หรือท่านลุงเบื่อหน่ายที่จะดูแลข้าแล้ว” ในตอนท้ายประโยค ชายหนุ่มแสร้งเย้าพ่อบ้านโจว “ข้าน้อยย่อมไม่เคยเบื่อหน่ายคุณชายขอรับ ส่วนว่าที่ฮูหยินน้อยนั้น คือท่านแม่ทัพหญิงลั่วคังอันขอรับ”พ่อบ้านโจวแม้จะรู้ว่าคือคำหยอกเย้า แต่เขาก็ไม่เคยคร้านที่จะตอบกลับ ในทุกครั้งว่าเขายินดีเป็นที่สุด ต่อการดูแลนายน้อย ทว่าสำหรับชายหนุ่มบนเตียง เมื่อได้ยินชื่อของคนที่เขาคะนึงหา ชายหนุ่มกำผ้าปูที่นอนแน่น เพื่อลดความตื่นเต้น มันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่สตรีมากด้วยสามารถ อีกทั้งรูปโฉมงดงามขนาดนั้น จะโน้มกายลงมาร่วมหมอนกับคนไร้ค่าเยี่ยงเขา “นางคงคิดจะใช้ข้า เป็นเพียงตัวช่วยกระมัง” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน เมื่อนึกถึงความเป็นจริง ว่าอ๋องจิ้งหยวน มีคนรักเป็นบุตรตรีรองเจ้ากรมการคลัง ข่าวที่บุตรสาวสกุลแม่ทัพ เลือกที่จะหันหน้าเข้าสู่เส้นทางทหาร หลังปักปิ่นเพียงข้ามวันเท่านั้น