Home / โรแมนติก / ภริยา(ไม่)รักของนายหัว / บทที่ 8 “จะได้อยู่กับลูก...จะได้อยู่กับปราบ”

Share

บทที่ 8 “จะได้อยู่กับลูก...จะได้อยู่กับปราบ”

last update Huling Na-update: 2024-10-28 22:38:19

ศรัญญาขับรถกระบะตอนครึ่งมายังสวนปาล์ม เมื่อจอดลง ณ บ้านหลังใหญ่ ใบหน้าอวบอิ่มเล็ก ๆ ชะโงกออกจากประตูมาดู

“น้าเก๋มาแล้ว”

สกลกันต์ทักเสียงแจ๋ว ได้รับหน้าที่จากมารดาให้รอรับเพื่อน

“ไงครับ ปราบ”

ศรัญญาไม่ได้แปลกที่เด็กน้อยรู้จักเธอ วัชรมัยคงบอกแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เพื่อนต้องการสัมฤทธิผล

“ปราบช่วยถือกระเป๋าฮะ”

หน้าเงยมองกระบะสูง ศรัญญายกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงมา

ตาคมฉ่ำวาว มารดาไม่ได้โกหก เธอจะกลับมาอยู่กับเขาจริง ๆ คนงานในบ้านเมื่อเห็นหญิงสาวก็รีบกระวีกระวาดช่วย

“อ่ะ...น้าเอามาฝาก”

ศรัญญายื่นขนมจากร้านถุงใหญ่ให้

“ขอบคุณครับ”

สกลกันต์หน้าบานดีอกดีใจ กระพุ่มมือไหว้อย่างงดงาม

“ขอบใจที่เอาของมาให้นะแก”

วัชรมัยออกมาพบเพื่อนด้วยชุดแปลกตา สวมเสื้อยืดนุ่งผ้าถุงกรอมเท้าสีสันสดใส

“เรื่องมันยาว”

เธอหลุบหลบสายตา ศรัญญาเห็นนะ แก้มเพื่อนขึ้นสีแดง

“มีเวลาฟังทั้งวัน ฉันเป็นเจ้าของคาเฟ่ มีอิสระในการทำงานนะเผื่อแกลืม”

ศรัญญายิ้มล้อ วัชรมัยบอกคนรับใช้ในบ้านให้คอยดูแลสกลกันต์ในห้องนั่งเล่นด้วย ส่วนเธอพาเพื่อนไปคุยกันให้ห้องพักแขก

“สรุปแกกลับมาเป็นนายหญิงของที่นี่แล้วงั้นสิ”

เชฟสาวเลือกนั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ส่วนอีกคนนั่งบนขอบเตียง

“ไม่ใช่อยู่ในฐานะนายหญิง แต่ฉันได้กลับมาเป็นแม่ของลูก”

“หือ...หมายความว่า”

มันน่าอายในความจริงที่จะเล่าให้เพื่อนฟัง

“ฉันต้องดูแลพี่ป้อง แลกกับการอยู่เป็นแม่ของปราบ”

คิ้วเชฟสาวขมวดเป็นโบ ค่อย ๆ คิดตามคำบอกเล่าเพื่อน ก่อนร้องเสียงหลง

“ดูแลคนพ่อ ที่ไม่ใช่แค่กล่อมเอ่...เอ๊ ตบตูดนอนใช่ไหมแก”

“ฮื่อ นั่นแหละ”

วัชรมัยพยักหน้าอย่างคนตัดสินใจแล้ว

“พี่ป้องให้ฉันมีเซ็กซ์กับเขา”

“บ้าไปแล้ว!”

ศรัญญาอ้าปากค้าง ตาเบิกโต

“เขาทำอย่างนี้ทำไม หรือว่ายังรักแก”

เธอชะโงกตัวจ้องหน้าเพื่อน อีกฝ่ายส่ายศีรษะ

“ไม่หรอก พี่ป้องแค่อยากเอาคืน แก้เผ็ดฉันที่ทิ้งเขาไป”

เธอไม่เห็นความรักหลงเหลือในดวงตาคู่คมอีกแล้ว แม้แต่ความสงสาร ความปรานีเห็นใจก็ไม่มีเหลือ

“เธอจะเป็นได้แค่อีตัวบนเตียง ฉันจะเอาคืนทุกบาททุกสตางค์สิบล้านที่เสียไป โทษฐานที่เธอหน้าด้านกลับมา”

วัชรยังจำคำที่เขาประกาศก้อง มันเล่นในสมองซ้ำไปซ้ำมาเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง

“ตกลงค่ะ”

แต่กระนั้นวัชรมัยก็ไม่พลาดโอกาสสุดท้ายในชีวิต โอกาสที่จะได้อยู่ข้างลูก ไม่สนการทำร้ายจิตใจของไผทที่จะเริ่มขึ้น

“เฮ้อ! ชีวิตแกนี่ยังไงนะมิ้ง เหมือนจะดี จู่ ๆ ก็...”

ศรัญญาพรูลมหายใจยาว เรียกวิญญาณที่แทบจะหลุดออกจากร่างกลับมาด้วย

“แกไม่ต้องห่วงหรอก ฉันเลือกเอง”

เธอสิ่งยิ้มบางเบา บ่งบอกตนเองโอเค

“ฉันเลือกเองทุกอย่าง...เลือกเองตั้งแต่ต้น”

สองสาวจ้องตากัน ก่อนผู้เป็นแขกจะหลับตา

“งั้นก็ตามใจละกัน”

ศรัญญาพยักหน้าปลดปลง เธอก็แค่เพื่อน ทำได้ดีที่สุดคือให้กำลังใจ ในเมื่อเจ้าตัวเลือกแล้วนี่

“ว่าแต่เรื่องนัดล่ะ”

“กำหนดปลายเดือนนี้ ฉันจองตั๋วเครื่องบินไว้แล้ว ว่าจะปรึกษาทางโน้น ย้ายประวัติมาที่นี่”

เหตุการณ์กะทันหันไปหน่อย แต่วัชรมัยยังพอวางแผนรับมือทัน

“แก...โอเคนะ มีอะไรโทรคุยกันได้”

“ขอบใจมากเก๋ จริง ๆ เว้ย นี่เป็นช่วงที่ฉันสบายใจที่สุด แค่ได้อยู่กับลูก ฉันก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”

วัชรมัยกระพือตาถี่ ๆ ไล่น้ำอุ่น ๆ ที่กำลังเอ่อล้น

“เห็นแกสบายใจ ฉันก็ดีใจด้วย ไปก่อนนะ ไม่อยากอยู่เจอหน้านายหัวป้อง กลัวโดนฆ่าหมกสวนปาล์ม”

ศรัญญาแกล้งทำท่าลูบแขนตนเองอย่างขนลุก เรียกเสียงหัวเราะน้อย ๆ จากคนบนเตียง

ป้านิดเข้ามาวัดไข้วัชรมัยในตอนเย็น ปรากฏไข้ลดลงแล้ว

“เช็ดตัวสักหน่อย อีกวันสองวันน่าจะหาย”

คนที่ดีใจที่สุดคือสกลกันต์ เด็กชายอยากเข้าใกล้วัชรมัย แต่โดนขู่จะติดหวัดแล้วทำแม่เสียใจ ถึงกับยอมลงทุนสวมหน้ากากอนามัยลายหมีน้อยมาหา

“วันนี้ปราบกินพริกหยวกหมดด้วยฮะแม่”

พอโดนไผทเช็กบิลเรื่องนินทา ยายพุดก็ทำเงียบปากลง แต่ยังใช้ประโยชน์หลอกล่อว่าแม่ชอบเด็กกินผัก สกลกันต์ที่ติดแม่มากจึงหลงกลเข้าเต็ม ๆ

“ปราบเก่งมากครับ”

ดวงตาเล็กหยิบหยีเป็นสระอิ

“ปราบจะกินข้าวให้เก่ง ๆ อ่านหนังสือเยอะ ๆ จะได้เป็นหมอ มารักษาแม่”

เจ้าตัวเล็กเล่าความฝันตามประสาซื่อ

“ปราบไม่ต้องเป็นหมอก็ได้ลูก แค่เป็นเด็กดีแม่ก็รักแล้ว”

ต้องห้ามใจไม่ให้เผลอกอด ด้วยห่วงลูกกลัวติดไข้ มือผอมบางจึงได้แต่ลูบศีรษะทุยเบา ๆ

“ปราบก็รักแม่ คืนนี้ขอนอนด้วยได้ไหมฮะ สัญญาจะนอนให้ห่างแม่ เชื้อโรคจะได้ไม่ติด ปราบจะได้ไม่เป็นไข้”

สกลกันต์บอกความปรารถนาในทันที พร้อมส่งสายตาปิ๊ง ๆ อันนี้จำมาจากเกล เพื่อนบอกเป็นท่าตาลูกหมา เอาไว้อ้อนผู้ใหญ่ขอของ สกลกันต์จึงไปจ้องเจ้าพิตบลูท้ายสวนแล้วจำมา

วัชรมัยถึงกับยกมือกุมใจ ลูกเธอน่ารักที่สุด มีบ้านให้บ้าน มีรถให้รถ เซ็นพินัยกรรมยกมรดกให้ตอนนี้ก็ยังได้

“นะ...นะฮะ แม่ ปราบจะไม่ดิ้น จะทำตัวเล็กนิดเดียว”

พร้อมยกนิ้วแง่งขิงจีบประกอบ วัชรมัยกำลังจะใจอ่อนอยู่แล้วเชียว แต่ใครบางคนที่ฟังบทสนทนาอยู่ตั้งแต่ต้นก็กระแอมออกมา

“แฮ่ม...”

“ปราบจะนอนกับแม่”

สกลกันต์ประกาศความต้องการของตนเองก้อง ไม่ยอมให้ใครขัด แม้แต่บิดาของตน

“แม่ยังไม่หายป่วย เดี๋ยวก็ติดไข้”

ไผทไม่มีความจำเป็นต้องแอบฟัง เสียงเจื้อยแจ้วของลูกชายดังลอดห้องออกมาเอง เขาที่กลัวลูกจะติดนิสัยร้ายกาจจากวัชรมัยจึงมาดูเสียหน่อย

“ปราบจะใส่หน้ากาก จะนอนให้ห่างแม่ด้วย”

พอมีอีกคนเข้ามา สกลกันต์กล้าเถียงบิดามากขึ้น

“ปราบครับ คุณเชื้อโรคน่ะร้ายมากนะ บางทีตอนหลับอาจจะกระโดดเกาะตัวปราบก็ได้”

“เหมือนตัวบุ้งเหรอ ปราบเกลียดบุ้ง อี๊...”

เจ้าตัวทำตาโตเอามือลูบแขน ไหล่สั่นไหวทันที

“เชื้อโรคที่แม่เป็นก็คล้าย ๆ กันนะลูก ถึงให้นอนห่าง ๆ กันไว้”

วัชรมัยพยายามสอนอย่างละมุนละม่อม ไม่เช่นนั้นหากลูกติดไข้ขึ้นมาจริง ๆ เธอคงโทษตัวเองไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่เป็นแน่

“แล้วแม่นอนคนเดียวไม่เหงาเหรอฮะ”

เจ้าตัวดียังอาลัยอาวรณ์

“แม่เป็นผู้ใหญ่แล้ว นอนคนเดียวได้”

“แต่ทำไมยายพุดบอกว่าน้าเชียรชอบไปนอนในเมือง แสดงว่าต้องมีผู้ใหญ่นอนคนเดียวไม่ได้เยอะสินะฮะ”

ทั้งเธอและเขาเกิดอาการสำลักน้ำลาย ตั้งแต่พรุ่งนี้ไผทต้องเข้มงวดกับพนักงานอีกมาก ๆ สั่งห้ามคุยอะไรสองแง่สองง่ามให้ลูกเขาฟัง

“พอแล้วไอ้เสือ อย่ากวนแม่เขานัก ไปนอนได้แล้ว”

ไผทตัดจบการสนทนา ยื่นมือจับไหล่ลูก

“ปราบอยากฟังแม่เล่านิทาน”

เด็กชายตาปรอย

“พ่อเล่าให้ฟังก็ได้”

“พ่อเล่าไม่สนุกเท่าแม่อ่ะ”

ใบหน้าชายหนุ่มครึ้มไปทั้งแถบ ไม่พอใจที่ลูกชายผู้ซึ่งตนเลี้ยงมากับมือ สนใจผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันวันกว่า ๆ มากกว่า

“พ่อเล่าสนุกมากนะครับ ตอนปราบอยู่ในท้องแม่ก็พ่อนี่แหละเป็นคนเล่านิทานให้ฟัง”

ไผทเคยพยายามทำหน้าที่พ่อที่ดีแล้ว ตามแบบของเขา แต่วัชรมัยในวัยเยาว์ยังเห็นว่าดีไม่พอ สุดท้ายเมื่อเจอกับความมึนตึงทุกครั้ง เขาก็เลิกเข้าใกล้เธอไปเอง

“เรื่องไอ้เท่งก็สนุกนะ”

“อย่ามัวแต่พูดเล่นกันอยู่เลย รีบไปนอนได้แล้วปราบ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแล้วนะ ห้ามเบี้ยว”

ไผทช้อนร่างลูกชายอุ้มพาดบ่า พาเดินออกไป

“กู๊ดไนท์ฮะแม่”

เด็กชายส่งสายตาละห้อยพร้อมกล่าวลา

“กู๊ดไนท์ครับลูก”

วัชรมัยโบกมือบาย ๆ เมื่ออยู่เพียงลำพัง ห้องก็ดูเงียบเหงา ต่างจังหวัดในสวนแบบนี้ วัชรมัยได้ยินเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไร ต่างจากที่ที่เธอจากมา

ที่นั่นเป็นเมืองใหญ่เต็มไปด้วยแสงสีอันไม่เคยหลับ กลางคืนยังได้ยินเสียงไซเรน แม้จะพักในเพ้นท์เฮ้าส์บนตึกสูงก็ตาม

เพราะไม่มีสิ่งบันเทิงใจนอกจากมือถือหนึ่งเครื่อง และเธอก็นอนมาทั้งวันแล้ว วัชรมัยจึงไถมือถือไปเรื่อย ก่อนเห็นสเตตัสของใครบางคนออนไลน์อยู่ เธอพิมพ์ถาม...ว่างไหม อีกฝ่ายส่งสติกเกอร์โอเคมา

วัชรมัยจึงกดโทรหาเพื่อเริ่มต้นบทสนทนา

“ค่ะ มิ้งขอบคุณพี่บลูมากนะคะ”

ปลายสายบอกไม่เป็นไร เมื่อนึกถึงใบหน้าที่มีรอยยิ้มเป็นนิจ วัชรมัยก็คลายเรื่องกังวลไปอีกหนึ่ง

“ขอโทษที่มารบกวนตอนดึกค่ะ ถ้าไม่ได้พี่ช่วย มิ้งคงทำอะไรไม่ถูก งมโข่งไปอีกนาน”

อีกฝ่ายอวยพรให้เธอทำใจสบาย ๆ อย่าเครียด

“ไว้มิ้งจะตัดสูทให้นะคะ พี่บลูชอบสีเทาควันบุหรี่ใช่ไหม เจอกันทุกทีเห็นพาดสูทแต่สีนี้ไว้บนเก้าอี้ทำงาน”

ข้อดีของอาชีพวัชรมัยคือความช่างสังเกตเสื้อผ้าของผู้คน เพื่อจะได้ทำงานออกมาให้ถูกรสนิยม

“มิ้งจะตัดให้หลาย ๆ ตัวเลยค่ะ สัญญา ถ้าไปกรุงเทพฯเมื่อไรจะเลี้ยงกาแฟนะคะ”

บุรินทร์เป็นหนึ่งในคนที่หวังดีกับวัชรมัยด้วยใจจริง เธอกับเขาเจอกันเมื่อถึงจุดวิกฤติของชีวิต

ขณะเธอเศร้าเสียใจ ก็ได้บุรินทร์นี่แหละคอยปลอบ ช่วยให้กำลังใจ จนเธอเลือกจะกลับมาเจอลูก

“ขอบคุณมาก ๆ นะคะพี่บลู”

สายทางไกลตัดไป พร้อมใจอันชื่นบาน ขณะวางมือถือลงที่โต๊ะหัวเตียง ร่างอรชรกลับสะดุ้งเฮือก เมื่อตาสบพบอีกคนเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

“พี่ป้อง...มีอะไรเหรอคะ”

ใบหน้าผู้มาเยือนไม่ดีเลย ตาคมมองวัชรมัยราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ขบกรามกรอด

“เธอคุยกับใคร”

“...เพื่อนค่ะ”

คงนับบุรินทร์อยู่ในสถานะนั้นได้กระมัง

“เพื่อนผู้ชายที่ไหนกันจะยอมให้โทรหาตอนดึกดื่น”

“มิ้งไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกพี่ป้องนะคะ”

วัชรมัยยกผ้าห่มคลุมกาย รู้สึกบรรยากาศไม่ปลอดภัย

“ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ ถ้าเธอจะเคยนอนกับผู้ชายคนอื่น แต่ต้องไม่ใช่ตอนอยู่กับฉัน”

ขายาว ๆ ย่างสุขุมเข้ามา หญิงสาวทำตัวลีบเล็ก กระทั่งหลังติดแนบหัวเตียง

“ฉันไม่ใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร!”

“พี่ป้อ...”

เอ่ยยังไม่ทันจบ ริมฝีปากซีดก็ถูกประกบด้วยอวัยวะชนิดเดี๋ยวกัน

“อื้อ...”

ไร้ซึ่งความอ่อนหวาน มีแต่การบังคับดุดัน ไผทดูดดึงริมฝีปากบางจนห้อเลือด

“เห็นเธอป่วย ว่าจะใจดีให้พักเสียหน่อย แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ถอดเสื้อผ้าออก ฉันจะเช็คของ!”

เมื่อจุมพิตอย่างไม่เต็มใจจบลง เสียงทุ้มต่ำดังแหวกเสียงหรีดเรไรข้างนอก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศหนาวเหน็บชวนขนลุก

ไผทแสยะยิ้มร้ายให้คนบนเตียง

“ทำสิ ไม่งั้นก็ไสหัวไปออกจากบ้านฉัน ออกไปจากชีวิตลูก”

วัชรมัยกลืนทุกความรู้สึกกลับไปในอก มือสั่นถอดเสื้อผ้าออก

“จะได้อยู่กับลูก...จะได้อยู่กับปราบ”

เสียงในสมองดังก้องสะกดจิตตนเอง

เพื่อได้อยู่กับลูก ต่อให้ต้องลงนรกขุมไหนเธอก็จะทน!

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ภริยา(ไม่)รักของนายหัว   บทพิเศษ ภริยา(ไม่)รักของนายหัว

    พักนี้มักมีข่าวลือเกี่ยวกับนายหัวไผทกับเมียแปลก ๆ อย่างเช่นเขาเลี้ยงเมียอด ๆ อยาก ๆ ไม่ค่อยยอมให้กินเนื้อสัตว์ ผู้เห็นเหตุการณ์คนที่หนึ่งเล่าว่า“วันก่อนฉันไปซูเปอร์มาร์เก็ต นายหัวอ่ะนะ พอเห็นเมียหยิบไส้กรอกเยอรมันกับแฮมสเปนใส่รถเข็นปุ๊บก็หยิบออกปั๊บ เมียหน้าบึ้งหน้างอบอกว่าอยากกินเท่าไรก็ไม่ให้กิน”ผู้เล่าจีบปากจีบคอทำตาเล็กตาน้อยสมใจ เมื่อในกลุ่มเม้าท์เงียบกัน ท่าทางตั้งใจฟังมาก“แต่พอลูกอ้อนเท่านั้นแหละ รีบหยิบกลับมาใส่ทันที”“ว่าแล้ว...นายหัวยอมรับกลับมาเป็นเมียแค่อยากให้กลับมาเป็นแม่ของลูก อยากแค่ให้ครอบครัวสมบูรณ์”คนตั้งใจฟังตบเข่าฉาด“ใช่ ๆ นายหัวน่ะขี้เหนียว ตอนไปรับลูกฉันเคยได้ยินว่าเมียบอกอยากไปกินข้าวนอกบ้าน แกดุเมียใหญ่ว่าไม่ต้องไป ให้กินที่บ้านน่ะดีแล้ว อยากกินอะไรก็ทำกิน”ผู้ปกครองนักเรียนอนุบาลท่านหนึ่งรีบเสริม“ใช่ ๆ ฉันเคยเจอที่ร้านคาเฟ่น้องเก๋ นายหัวไม่ให้เงินเมียใช้สักบาท อยากกินอะไรก็ต้องแบมือขอผัว”“เมียที่ผัวไม่รักชัด ๆ”เสียงถอดถอนหายใจ แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้ม ตาสั่นระริก“แต่แกก็ไม่มีใครนอกจากเมียนี่”สาวนางหนึ่งรีบใส่ไฟ“ที่ไม่ยอมมีใครเพราะนายหัวเห็นแก่ลูก ทำตั

  • ภริยา(ไม่)รักของนายหัว   บทพิเศษ สามคืน 6

    การประชุมสมาชิกหอการค้าจังหวัด เริ่มต้นอย่างน่าเบื่อ นักการเมืองท้องถิ่นขึ้นมาพล่ามไร้สาระขายฝันเพื่อหาเสียง ก่อนนายกสมาคมจะกลับมาครองไมค์ได้เข้าสู่ช่วงการประชุมที่แท้จริงหลัก ๆ เป็นการพูดถึงแนวโน้มทางเศรษฐกิจของภาคและจังหวัดนายกสมาคมไม่ใช่คนหัวโบราณ แต่ยังกลัวนักธุรกิจรุ่นเดียวกันตามไม่ทัน จึงมีทั้งคลิปพรีเซนเทชั่น ทั้งกราฟให้ดูไม่ใช่การประชุมที่แย่นักในสายตาไผท ช่วงพักเบรกนักธุรกิจแยกนั่งคุยเป็นกลุ่ม ๆ เขายังเลือกนั่งกับเถ้าแก่ฮงและหนุ่มสถาปนิกเถ้าแก่ฮงวิดีโอคอลกับหลาน ๆ ของลูกอีกคนที่อยู่ในอเมริกา เสียงสองเสียงสามแสดงความเป็นอากงใจดีเรียกรอยยิ้มจากสมาชิกร่วมโต๊ะได้“ลูกเฮียนี่เก่งจริง ๆ ได้เรียนต่อถึงเมืองนอกเมืองนา แถมยังได้เมียฝรั่ง มีหลานลูกครึ่งน่ารัก”ผู้พูดเป็นเจ้าสัวภัตตาคารอาหารจีนขึ้นชื่อของจังหวัด“มันกระตือรือร้นของมันเอง ใครจะไปคิดล่ะว่าแค่เรียนถ่ายรูปก๊อกแก๊ก ๆ เผลอแป๊บเดียวมันได้ทุนเรียนต่อเมืองนอก เรียนจบมันบอกได้ทำงานในฮอลลีวูด ผมก็ไม่รู้อะไรหรอก รู้จักแต่ชอว์บราเธอร์หนังฮ่องกง ฮาร์ตมันพาเข้าโรงไปดูหนังพี่มันถ่ายภาพ ถึงรู้ว่ามันเก่ง ทำงานดี นี่หลานก็บอกพ่อมันไปถ

  • ภริยา(ไม่)รักของนายหัว   บทพิเศษ สามคืน 5

    “แม่คร้าบ...พ่อเหมือนหมีแพนด้าเลย”สกลกันต์ชี้ไปยังใต้ตาบิดาที่สีคล้ำ บ่งบอกอาการอดนอน มื้อเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มกุ้งฝีมือไผท“หรือว่าตาพ่อเลอะร่า ๆ เหมือนแม่เกล”นิ้วป้อมชี้ นึกถึงสภาพหน้าแม่เพื่อนที่เคยเห็นตอนเปียกฝน เกลบอกเปื้อนอะไรสักอย่างชื่อร่า ๆ“มาสคาร่าหรือเปล่าครับ”วัชรมัยรินน้ำส้มผสมน้ำสับปะรด เอาใจลูกและเขาที่ส่งบรรยากาศมาคุอึมครึม“พ่อเขาไม่ได้ใช้มาสคาร่าหรอก”“แต่ตาพ่อดำเหมือนแพนด้า” เจ้าตัวย้ำ ขมวดคิ้วจ้องเขม็ง“กังฟูแพนด้า”สกลกันต์ไม่ได้ชอบเจ้าฮีโร่อ้วนตุ้ยนุ้ยนี่นะ แค่ตอนเด็ก ๆ บิดากับวิเชียรเปิดให้ดูบ่อย แถมฟัดแก้มนุ่มนิ่มจนแดงเขาชอบฮีโร่ตัวสูงปราดเปรียวปีนป่ายเก่งแล้วก็มีชุดเท่ ๆ อย่างสไปเดอร์แมนมากกว่า“กินข้าวไป อย่าพูดมากเดี๋ยวไปโรงเรียนสาย”บิดาตักกุ้งยัดปากช่างจ้อ เมื่อลิ้นสัมผัสกุ้งเนื้อเด้ง รสหวานกระจายทั่วปาก สกลกันต์กลับมาสนใจการเคี้ยวอาหารทันทีไผทจ้องเขม็งมายังเธอ ส่งสายตาข่มขู่ ขุ่นเคืองอารมณ์ค้างคาเรื่องเมื่อคืน วัชรมัยแกล้งไม่สนใจ ยกน้ำส้มขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์“เตเต้ปราบไปโรงเรียนก่อนนะ เป็นเด็กดีอยู่เฝ้าบ้าน ถ้ามีขโมยมาก็กัดตูดไล่มันลงทะเลเลย”ลูกพ

  • ภริยา(ไม่)รักของนายหัว   บทพิเศษ สามคืน 4

    เพราะวัชรมัยมัวแต่มุ่งมั่นกับตำมะขาม สามีจึงทำไก่ทอดเกลือ กับต้มกระดูกหมูผักกาดดองให้“ไหนพี่ป้องไม่ให้กินโปรเซสเซ่นฟูดส์ไง”เธอหมายถึงอาหารแปรรูป ที่รวมของหมักดองด้วย“ผักดองมีพรีไบโอติกส์ ดีต่อลำไล้”ไผทซื้อหนังสือเกี่ยวกับการดูแลคนเป็นโรคมะเร็งมาหลายเล่ม เขาอ่านซ้ำจนจำขึ้นใจ ต้องการจะดูแลเธอให้ดีที่สุด“หมูที่ใช้ก็เป็นหมูคุโรบุตะ เจ้าของเลี้ยงแบบปล่อย มันจะไม่เครียด ไม่เพิ่มสารก่อมะเร็ง”เพิ่งรู้ว่ามีการเลี้ยงหมูให้ไม่เครียดด้วย วัชรมัยเคยได้ยินแต่การเลี้ยงวัวทะนุถนอมแบบฟาร์มญี่ปุ่น เปิดเพลงให้ฟัง มีนวดตัว ให้วัวกินเบียร์ สร้างอารมณ์วัวให้ดี เพื่อกลายเป็นเนื้อคุณภาพเยี่ยมกิโลกรัมละเป็นหมื่นไผทไปหาเนื้อหมูพวกนี้มาจากไหน“มิ้งรู้สึกตัวเองเป็นภาระพี่ป้องจัง”เธอรำพึงพลางตักตำมะขามเข้าปาก รสคล้ายกับที่วารีเคยทำ ความเศร้าเพราะคิดว่าตนช่างอ่อนแอเหลือเกินกลับมาเกาะกุมในอกโดยพลัน“พี่เป็นผัวเธอนะ เมียตัวแค่นี้ดูแลได้สบายมาก”มือสีเข้มตักไก่ทอดใส่จานเธอ“กินเยอะ ๆ จะได้มีเนื้อมีหนัง ตอนกอดจะได้นุ่มนิ่ม เต็มไม้เต็มมือ”สายตาคมวับวาวพราว วัชรมัยรู้ได้ทันที นายหัวไม่หยุดแค่กอดอย่างเดียวแน่“ห

  • ภริยา(ไม่)รักของนายหัว   บทพิเศษ สามคืน 3

    ไผทรีบพาเมียออกจากตลาดนัด ก่อนที่เธอจะหาอะไรมาเป็นงานทำมากกว่านี้ วัชรมัยหยิบเครื่องประดับทำจากกะลามะพร้าวมาชื่นชม สมองคิดจะมิกซ์แอนด์แมทกับชุด หรือออกแบบเครื่องประดับแบบไหนดีถ้าผสมกับสตอรี่เรื่องความยั่งยืน เป็นของธรรมชาติผลิตจากชุมชน ไม่มีการใช้ส่วนไหนจากสัตว์ยิ่งน่าสนใจ มันขายได้ในต่างประเทศ หรือจะชิมลางแตกแบรนด์เล็ก ๆ ขายแต่ทางออนไลน์ดีสมองการค้าวัชรมัยคิดไปเรื่อย กระทั่งรถคันโตหยุดที่สวน เธอหันซ้ายหันขวา โน่นก็คนงาน นั่นก็ต้นปาล์ม ภูเขาสีเขียวห่างอยู่ลิบ ๆ มีหมอกยามเช้าคลอเคลียคลุมวิวสวยดีอยู่หรอก แต่เขาเอาเธอมาทำไม“มิ้งขอกลับบ้านได้ไหมคะ”“อยู่นี่แหละ ใกล้ตาฉัน เกิดล้มไปจะยุ่ง ป้านิดลาไปเยี่ยมญาติ ไม่มีใครดูเธอ อยู่นี่ดูแลได้ดีกว่า”ไผทประกาศบอกคนสนิทถึงอาการป่วยของวัชรมัย ไม่ทันไรก็รู้กันทั้งสวน เขาขี้เกียจหาต้นตอว่าใครปูดข่าว ดีเสียอีกจะได้มีคนเพิ่มช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลเธอให้“อยู่ในรถ ฉันจะติดเครื่องไว้ให้”แอร์เย็นก็จริง แต่วัชรมัยนั่งนิ่งนาน ๆ ชักเบื่อ มองออกไปเห็นต้นมะขามแผ่กิ่งก้านแตกใบในสวน มันคงอยู่มานานเพราะมีกิ่งห้อยย้อยจนต้องเอาไม้มาค้ำไม่ไห้ต้นล้มฝักดิบสีน้ำตาลอ

  • ภริยา(ไม่)รักของนายหัว   บทพิเศษ สามคืน 2

    “แม่คร๊าบ มีโฮมเลสมานอนในสนามบ้านเราด้วย”ไผทหยีตาขึ้นเพราะเสียงแจ้ว ๆ นอกเต็นท์มีแสงสว่างลอดเข้ามา“ไม่ใช่โฮมเลสครับ”วัชรมัยปรามเจ้าตัวกลม ที่เดินเข้าไปเกาะเต็นท์สนามสีเขียวเข้ม เมื่อคืนเธอนอนกอดลูกสบายมาก สดชื่นอารมณ์ดีจนลงมาทำมื้อเช้า ปล่อยสกลกันต์นอนต่อแป๊บเดียว ไม่คิดลูกจะตื่นเร็วขนาดนี้“ก็เขาไม่มีบ้านไม่ใช่เหรอ ถึงนอนเต็นท์”ปากเล็กยู่ยืนยันความคิดตัวเอง“เหมือนข่าวโฮมเลสในทีวีที่ปราบเคยดูในโรงอาหาร”“พ่อไม่ใช่โฮมเลส”เต็นท์เปิดมาพร้อมหน้าตึง ๆ ของคนนอนไม่พอ มือสางผมผมสีดำยุ่งตกระหน้าผาก ไผทขมวดคิ้ว เมื่อเห็นแม่กับลูกใส่ชุดนอนหมีน้อยเข้ากัน ...แล้วชุดเขาล่ะแม่งเอ๊ย! ไม่ยุติธรรมสักนิด ปรกติไผทไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย ทว่าตั้งแต่มีเมียนี่เขาเหมือนโดนลูกทิ้ง กลายเป็นหมาหัวเน่า เป็นคนนอกโดยสมบูรณ์แบ่งแยกกันชัดเจนก็เสื้อทีมนี่แหละ มีเขาแตกต่างอยู่คนเดียว“ทำไมพ่อมานอนเต็นท์ล่ะ”สกลกันต์เคยไปกางเต็นท์เที่ยวป่าชมธรรมชาติกับบิดาครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว จำได้ว่าสนุกมาก ...หมายถึงขี่หลังบิดาสนุก“อยากเปลี่ยนบรรยากาศ”เขาสลัดศีรษะไล่ความง่วงงุน“หลับสบายไหมคะพี่ป้อง”ไผทหงุดหงิดกับรอยยิ้

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status