Share

บทที่ 1

last update Last Updated: 2025-08-30 15:42:59

รุ่งอรุณของวันใหม่มิได้นำพาความสดใสมาสู่เรือนตระกูลเซียวที่แสนอ้างว้างนัก แสงเงินยวงของอรุณรุ่งสาดส่องผ่านช่องหน้าต่างที่ผุกร่อน เผยให้เห็นฝุ่นผงที่จับเกาะบนเครื่องเรือนเก่าคร่ำราวกับภาพสะท้อนของความร่วงโรย เสียงจิ้งหรีดที่เคยส่งเสียงกรีดร้องเมื่อยามราตรี บัดนี้เงียบสงัดลงแล้ว ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันที่หนักอึ้งดุจหินผา

เซียวหลัน ลืมตาตื่นขึ้นมาบนฟูกเก่าคร่ำที่ปูอยู่บนพื้นไม้ ภายในห้องนอนเล็กๆ ที่เคยเป็นของ ‘เซียวเหลียน’ ร่างกายของนางยังคงเจ็บปวดรวดร้าวจากพิษบาดแผลภายนอกที่ถูกทำร้ายเมื่อคืนวาน ทว่าภายในกลับมีพลังงานประหลาดไหลเวียนอยู่ ความทรงจำอันท่วมท้นจากโลกที่ต่างออกไปราวฟ้ากับเหว หลั่งไหลเข้าสู่ห้วงสำนึกอย่างไม่ขาดสาย

“นี่ไม่ใช่ความฝัน...” นางพึมพำกับตัวเอง เสียงแหบพร่า แต่แววตาคมกริบประหนึ่งพยัคฆ์แรกตื่นจับจ้องไปยังเพดานห้องที่เต็มไปด้วยรอยร้าว นางรับรู้ว่านี่คือชีวิตใหม่ในร่างของเด็กสาวอายุสิบสี่นามว่าเซียวเหลียน ผู้เป็นบุตรสาวคนเล็กของตระกูลเซียวที่เพิ่งถูกกวาดล้างไปเมื่อคืนก่อน

เมื่อคืนวาน... ภาพเพลิงที่โหมกระหน่ำ เสียงกรีดร้องอันโหยหวนยังคงติดตา ไม่สิ... นั่นคือความทรงจำของร่างเดิม แต่เซียวหลันผู้มาจากโลกศตวรรษที่ 21 ก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดเหล่านั้นได้ประหนึ่งเป็นของตนเอง วิญญาณทั้งสองหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ กลายเป็น ‘เธอ’ ในตอนนี้

นางค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้น แม้จะรู้สึกเจ็บปวดแต่ก็ยังเดินได้ ร่างกายนี้บอบช้ำนัก หากเป็นคนปกติคงไข้ขึ้นหนักและอาจถึงแก่ชีวิต แต่โชคดีที่วิญญาณของเซียวหลันผู้เป็นถึงศัลยแพทย์ฝีมือดีจากโลกอนาคตได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้ พลังพิเศษบางอย่างที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของวิญญาณ ทำให้ร่างกายนี้ฟื้นตัวได้เร็วกว่าปกติ

“คุณหนูฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ!” เสียงอุทานด้วยความดีใจดังขึ้นจากประตูห้อง บ่าวรับใช้สองคน คือ เสี่ยวชุน เด็กสาววัยสิบสองผู้ซื่อสัตย์ และ อาหลง ชายชราผู้จงรักภักดี ผู้ที่ยังคงหลงเหลืออยู่จากตระกูลเซียวที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาเข้ามาประคองนางด้วยแววตาเป็นห่วงปนโล่งอก

“ข้าไม่เป็นไร” เซียวหลันตอบเสียงแผ่ว แต่ความเด็ดเดี่ยวในดวงตาทำให้อาหลงและเสี่ยวชุนประหลาดใจนัก คุณหนูเล็กผู้เคยบอบบางและหวาดกลัว กลับดูเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืน

“คุณหนู... นายท่านกับฮูหยิน...” เสี่ยวชุนเริ่มสะอื้น อาหลงเองก็ก้มหน้า น้ำตาหยดลงบนพื้นไม้

เซียวหลันถอนหายใจช้าๆ ความเจ็บปวดจากการสูญเสียยังคงมีอยู่ แต่ปัญญาและความเยือกเย็นจากอีกภพหนึ่งสอนให้นางรู้จักควบคุมอารมณ์ นางตระหนักดีว่าการร่ำไห้คร่ำครวญไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น มีแต่จะทำให้ศัตรูเย้ยหยันและครอบครัวที่ล่วงลับไปอย่างไม่เป็นธรรมต้องนอนตายตาไม่หลับ

“ความตายมิใช่จุดจบของทุกสิ่ง” นางกล่าวเสียงเรียบ “หากแต่เป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่ง"

อาหลงและเสี่ยวชุนเงยหน้ามองนางด้วยความงุนงง

“เราจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้” เซียวหลันกล่าวต่อ “ตระกูลเซียวถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ ผู้คนยังคงหวาดกลัวและรังเกียจ หากเราอยู่ตรงนี้ ก็เท่ากับรอความตาย”

“แล้วเราจะไปที่ใดกันเจ้าคะคุณหนู” เสี่ยวชุนถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“เราจะไปที่... เมืองชายแดน” เซียวหลันตอบ แววตาฉายประกายแห่งความมุ่งมั่น “ที่นั่นผู้คนหลากหลายกว่า ไม่ยึดติดกับชนชั้นเท่าในเมืองหลวง เราจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น”

การตัดสินใจของนางเด็ดเดี่ยวนัก แม้อาหลงจะกังวล แต่เมื่อเห็นประกายความมุ่งมั่นในดวงตาของคุณหนู เขาก็เลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวนาง

การเดินทางจากเมืองหลวงสู่เมืองชายแดนหลี่เฉิงใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนเต็ม พวกเขาเดินทางอย่างระมัดระวัง พลางอำพรางตัวไม่ให้ผู้ใดจำได้ เซียวหลันใช้ความรู้ทางการแพทย์จากภพเดิมในการรักษาอาการบาดเจ็บเล็กน้อยระหว่างทาง รวมถึงความรู้ด้านการเอาชีวิตรอดที่ทำให้พวกเขาสามารถเดินทางผ่านป่าเขาได้อย่างปลอดภัย

เมื่อมาถึงเมืองหลี่เฉิง เมืองชายแดนที่คึกคักแต่ไม่แออัดเท่าเมืองหลวง ผู้คนดูเปิดกว้างและไม่สนใจฐานะที่มาของผู้อื่นมากนัก เซียวหลันสัมผัสได้ถึงอิสระที่นี่

“แล้วอยู่ที่นี่... เราจะทำมาหากินอะไรกันเจ้าคะคุณหนู” เสี่ยวชุนถามเมื่อพวกเขาหาเรือนเล็กๆ เก่าๆ พอซุกหัวนอนได้หนึ่งหลัง

เซียวหลันมองไปยังซากปรักหักพังของเรือนไม้ที่แม้จะดูโทรม แต่ก็พอจะปรับปรุงให้เป็นที่อยู่อาศัยได้ แล้วสายตาของนางก็ไปสะดุดกับป้ายร้านค้าไม้เก่าๆ ที่อยู่ด้านหน้าเรือน สายตาของนางจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยพูดออกมา

“เราจะเปิดหอโอสถ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

อาหลงกับเสี่ยวชุนถึงกับอ้าปากค้าง คุณหนูจะเปิดหอโอสถ? คุณหนูที่ไม่เคยย่างกรายเข้าครัว ไม่เคยจับเข็ม ไม่เคยแตะต้องสมุนไพรน่ะหรือ?

“คุณหนูจะ... รักษากับเขาได้หรือเจ้าคะ” อาหลงถามด้วยความกังวลใจ เซียวเหลียนคนเดิมนั้นบอบบางยิ่งกว่ากิ่งหลิว จะไปรู้เรื่องการแพทย์ได้อย่างไร

เซียวหลันเพียงยิ้มเล็กน้อย “ท่านอาหลง ท่านเชื่อข้าหรือไม่”

อาหลงมองแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของคุณหนูเล็ก เขาเคยสาบานว่าจะภักดีต่อตระกูลเซียวตราบชีวิตจะหาไม่ และเขาก็เชื่อมั่นในสายเลือดของตระกูลนี้เสมอมา “เชื่อขอรับคุณหนู”

“ดี” นางกล่าว “เราจะเริ่มต้นใหม่จากตรงนี้”

การเปิดหอโอสถเล็กๆ ในเมืองที่ไม่คุ้นเคยไม่ใช่เรื่องง่าย เซียวหลันเริ่มจากการไปสำรวจร้านขายสมุนไพรในตลาด นางใช้ความรู้ที่ได้รับมาจากการรวมวิญญาณ เลือกสรรสมุนไพรคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม ความรู้ที่เหนือล้ำทำให้เจ้าของร้านสมุนไพรหลายคนถึงกับอึ้งในความเชี่ยวชาญของเด็กสาวผู้นี้

“เด็กน้อย เจ้ามาจากสำนักแพทย์ใด เหตุใดจึงมีความรู้ลึกซึ้งถึงเพียงนี้” เถ้าแก่ร้านสมุนไพรเก่าแก่ถามด้วยความสงสัยระคนชื่นชม

“ข้ามิได้มาจากสำนักใดเจ้าค่ะ เพียงแต่ศึกษาด้วยตนเอง” เซียวหลันตอบเลี่ยงๆ นางไม่สามารถเปิดเผยที่มาของความรู้ที่แท้จริงได้

ด้วยเงินที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดจากการเดินทาง เซียวหลันและอาหลงรวมถึงเสี่ยวชุนลงมือทำความสะอาดและตกแต่งหอโอสถด้วยตนเองอย่างเรียบง่าย ป้ายไม้เก่าๆ ถูกเช็ดถูจนสะอาดตา แล้วนางก็ใช้พู่กันเขียนชื่อ “หอโอสถเซียว” ตัวอักษรเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความหมายอันลึกซึ้ง

“หอโอสถเซียว...” อาหลงพึมพำ “เหมือนกับนามตระกูล...”

เซียวหลันยิ้ม “เพื่อมิให้ผู้คนลืมว่าตระกูลเซียวเคยมีอยู่”

วันแรกที่เปิดหอโอสถ ผู้คนยังคงไม่มั่นใจนัก จะมีใครกล้าให้เด็กสาวบอบบางอายุเพียงสิบสี่หนาวมารักษาโรคได้อย่างไร มีเพียงชาวบ้านไม่กี่คนที่เดินผ่านไปมาและมองอย่างสงสัย

จนกระทั่งบ่ายคล้อย... ชายชราคนหนึ่งใบหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอม ผิวหนังซีดเหลือง ดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนล้า เขาเดินกะ    เผลกๆ เข้ามาในหอโอสถ เสียงไอโขลกๆ ดังอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะทรุดตัวลงบนเก้าอี้ไม้

“ช่วย... ช่วยข้าด้วย” ชายชรากล่าวเสียงแผ่ว “ข้าป่วยมานานนัก หาท่านหมอมาหลายคนแล้ว แต่ไม่มีใครรักษาได้เลย”

เซียวหลันเดินเข้าไปตรวจอาการนางจับชีพจรอย่างชำนาญ ก่อนจะตรวจสอบตาและดูลิ้นอย่างละเอียด ใบหน้าของนางนิ่งเฉย ยากจะคาดเดาความรู้สึก

“ท่านผู้นี้ป่วยด้วยโรคไข้ป่าเรื้อรัง พิษไข้ได้ทำลายอวัยวะภายในจนอ่อนแอ” เซียวหลันกล่าวอย่างมั่นใจ “แต่ยังพอรักษาได้”

ชายชราและเสี่ยวชุนต่างตกตะลึงกับคำวินิจฉัยที่แม่นยำ นางพูดราวกับว่าเห็นโรคภัยไข้เจ็บของเขาด้วยตาเปล่า ไม่ใช่แค่การจับชีพจร

เซียวหลันเขียนตำรับยา นางสั่งสมุนไพรให้เสี่ยวชุนไปจัดเตรียม และปรุงยาด้วยตนเองด้วยความชำนาญทุกขั้นตอน ราวกับทำมานับพันครั้ง การต้มยา กรองยา ล้วนทำได้อย่างประณีตและแม่นยำ

หลังจากที่ชายชราดื่มยาถ้วยแรกไป อาการไอก็ลดลง สีหน้าเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย ความหวังเริ่มก่อตัวในใจเขา

“ข้าจะมาอีกในวันพรุ่งนี้” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีเรี่ยวแรงขึ้น

“อีกสามวันท่านจะดีขึ้น และอีกเจ็ดวันท่านจะหายขาด” เซียวหลันกล่าวอย่างมั่นใจ “แต่ต้องมารับยาตรงตามกำหนด”

ชายชราพยักหน้ารับก่อนจากไปพร้อมกับความหวังที่เปี่ยมล้นในใจ

ข่าวคราวของ “หมอเทวดา” แห่งหอโอสถเซียวเริ่มแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลี่เฉิงอย่างรวดเร็ว จากปากต่อปากของผู้ป่วยที่หายขาดด้วยฝีมือของเซียวหลัน ไม่นานนัก หอโอสถเล็กๆ แห่งนี้ก็เริ่มมีผู้คนมาเข้าคิวรอรับการรักษาตั้งแต่เช้าจรดเย็น ชื่อเสียงของนางขจรขจายไปไกลเกินกว่าเมืองชายแดนเล็กๆ แห่งนี้

ในวันหนึ่ง... เมื่อเซียวหลันกำลังง่วนอยู่กับการตรวจรักษาคนไข้ จู่ๆ ก็มีกลุ่มคนในชุดคลุมสีดำเข้มปรากฏตัวขึ้น พวกเขามีฝีมือวรยุทธ์สูงส่ง ใบหน้าปิดบังไว้ด้วยผ้าดำ เพียงดวงตาที่ฉายแววดุดันก็ทำให้ผู้คนรอบข้างหวาดกลัวและถอยหนี

“หมอเทวดาผู้นี้ใช่หรือไม่” ชายในชุดดำคนหนึ่งกล่าวเสียงห้าว ดวงตาจับจ้องไปยังเซียวหลัน

เซียวหลันเงยหน้ามองพวกเขา นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายจากคนกลุ่มนี้ แต่แววตาของนางยังคงนิ่งสงบ

“พวกเจ้าต้องการอะไร” นางถาม

“เรามาเพื่อตามหาคน” ชายชุดดำตอบ พลางกวาดสายตาไปรอบๆ หอโอสถ “มีชายคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อคืนวานนี้ ได้เข้ามาหลบซ่อนอยู่ที่นี่หรือไม่”

“ที่นี่เป็นหอโอสถ รักษาผู้ป่วยไม่เลือกหน้า” เซียวหลันตอบ แต่ภายในใจเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล

ชายชุดดำหัวเราะเยาะ “อย่ามาเล่นลิ้น! หากเจ้าไม่ยอมบอกออกมาดีๆ พวกเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องสุภาพ”

ทันใดนั้น ชายชุดดำอีกคนก็พุ่งเข้าใส่เซียวหลันด้วยความเร็วสูง หมายจะจับตัวนาง ทว่าในชั่วพริบตา... ร่างสูงโปร่งในชุดคลุมสีดำที่คุ้นตา ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเซียวหลันราวกับเงา เขาใช้กระบี่ในมือฟาดฟันออกไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ บังเกิดเสียงคมกระบี่กระทบกันดุจเหล็กกล้า ชายชุดดำที่พุ่งเข้าใส่ก็ถูกเหวี่ยงกระเด็นออกไปทันที

หลี่หยาง ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเซียวหลัน ร่างสูงสง่าในชุดสีดำสนิท ใบหน้ายังคงปิดบังไว้ด้วยผ้าคลุมผืนใหญ่ แต่แววตาภายใต้ผ้าคลุมนั้นคมกริบราวกับใบมีด เขามองไปยังกลุ่มชายชุดดำด้วยสายตาเย็นชา ดุจเหยี่ยวที่จ้องมองเหยื่อ

“พวกเจ้ากล้ามาสร้างความวุ่นวายในที่แห่งนี้ได้อย่างไร” เสียงทุ้มเย็นดุจน้ำแข็งของหลี่หยางดังก้องขึ้น บ่งบอกถึงพลังอำนาจที่ซ่อนอยู่ภายใน

กลุ่มชายชุดดำดูจะรู้จักหลี่หยางเป็นอย่างดี เมื่อได้ยินเสียงของเขา พวกเขาก็แสดงท่าทีหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

“ท่าน... ท่านเจ้าสำนัก... เหตุใดท่านจึงมาที่นี่” ชายชุดดำคนเดิมถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

“ไสหัวไปซะ” หลี่หยางกล่าวเสียงเรียบ แต่แฝงด้วยโทสะที่ยากจะควบคุม

กลุ่มชายชุดดำไม่กล้าขัดขืน พวกเขารีบถอยร่นออกจากหอโอสถไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันและความตกตะลึงของผู้คนที่เห็นเหตุการณ์

เซียวหลันมองไปยังแผ่นหลังกว้างของหลี่หยาง นางจำได้ว่าเขาคือชายที่เคยเข้ามาให้เธอรักษาเมื่อหลายวันก่อน ชายผู้ลึกลับที่ดูเหมือนจะมาจากยุทธภพ และในตอนนี้... เขาก็ได้แสดงพลังอำนาจที่เหนือกว่าใคร

“ท่าน... เหตุใดท่านจึงกลับมาที่นี่” เซียวหลันถามเสียงแผ่ว

หลี่หยางหันมาสบตากับนาง ดวงตาภายใต้ผ้าคลุมฉายแววบางอย่างที่เซียวหลันไม่อาจเข้าใจ เขามองนางนิ่งๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย

“ข้าแค่ผ่านมา”

คำตอบเรียบง่าย แต่กลับแฝงด้วยความหมายบางอย่างที่ยากจะหยั่งถึง เซียวหลันรู้สึกถึงกระแสความรู้สึกบางอย่างที่เชื่อมโยงระหว่างนางกับเขาในห้วงลึกของจิตใจ ราวกับว่าการพบกันของพวกเขามิใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มธุรสวาทเจ้าสำนัก   บทที่ 18

    หลังจากได้อ่านคัมภีร์โบราณแล้ว เซียวหลัน หลี่หยาง และเฉินเหวิน ก็ตระหนักได้ว่าสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของพลังอำนาจ แต่เป็นเรื่องของคำทำนายที่ถูกสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน และพวกเขาทั้งสามก็คือผู้ที่จะต้องเข้ามามีบทบาทในสงครามนี้"ในคัมภีร์ไม่ได้ระบุวิธีหยุดยั้งสงครามไว้" เซียวหลันกล่าวด้วยความผิดหวัง "มันมีเพียงแค่คำทำนายเกี่ยวกับผู้ที่จะมาช่วยโลกเท่านั้น""แต่เราก็มาถูกทางแล้ว" หลี่หยางปลอบโยน "อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าพลังที่แท้จริงของพวกเราคืออะไร และเราจะสามารถใช้มันในการต่อสู้กับคนพวกนั้นได้อย่างไร""ข้ามีแผน" เฉินเหวินกล่าว "เราจะกลับไปที่วังหลวง"เซียวหลันและหลี่หยางมองหน้ากันด้วยความไม่เชื่อ “อะไรนะ!?" เซียวหลันถาม "ท่านจะให้เรากลับไปที่นั่นได้อย่างไร ในเมื่อที่นั่นเป็นกับดัก""ใช่... มันเป็นกับดัก" เฉินเหวินตอบ "แต่ตอนนี้... เราก็สามารถใช้มันให้เป็นประโยชน์ได้เช่นกัน" เขามองไปยังแผนที่บนผนังถ้ำ "ในแผนที่นี้... มีสถานที่ลับอีกแห่งหนึ่

  • มธุรสวาทเจ้าสำนัก   บทที่ 17

    พันธมิตรที่เปราะบางได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วในถ้ำลับอันมืดมิด เฉินเหวินที่เคยเป็นศัตรูร้าย บัดนี้ยืนอยู่เบื้องหน้าเซียวหลันและหลี่หยางในฐานะสหายร่วมชะตากรรม"ก่อนที่เราจะเริ่ม" เซียวหลันเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของนางยังคงเจือความระแวง "ท่านต้องบอกความจริงทั้งหมด... ว่าท่านเกี่ยวข้องอะไรกับอดีตของพวกเรา"เฉินเหวินยิ้มอย่างขมขื่น เขามองไปยังแผนที่บนผนังถ้ำ "เจ้าคิดว่าข้าชื่นชอบการเป็นหมากในเกมอำนาจของตระกูลข้าหรือ"เขาเริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตให้เซียวหลันและหลี่หยางฟังอย่างละเอียด เขาเกิดในตระกูลที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและต้องการครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ พลังที่เขาใช้ในการต่อสู้ไม่ใช่พลังของตนเอง แต่เป็นพลังที่ถูกผนึกไว้ในตัวเขาตั้งแต่ยังเด็ก เขาถูกฝึกฝนให้กลายเป็นอาวุธที่มีชีวิต เพื่อที่จะใช้ในการทำลายศัตรูของตระกูล"ข้าถูกบังคับให้ทำร้ายครอบครัวของเจ้า" เฉินเหวินกล่าว "และข้าก็ถูกบังคับให้ทำร้ายครอบครัวของมัน" เขาชี้ไปที่หลี่หยาง "ข้า... เป็นเพียงหุ่นเชิดที่ไร้หัวใจ"

  • มธุรสวาทเจ้าสำนัก   บทที่ 16

    เมื่อรุ่งอรุณมาเยือนเมืองหลวงอีกครั้งเซียวหลันและหลี่หยางก็เดินทางมาถึงนอกกำแพงเมืองที่เคยเป็นเสมือนกรงขังเมื่อคืนวานนี้แล้ว พวกเขายังคงสวมชุดที่มอมแมมและเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้ แต่ดวงตาของทั้งสองกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะเดินไปบนเส้นทางที่พวกเขาเลือกแล้ว"เราจะไปไหนกันดี" เซียวหลันถามขณะมองดูเมืองที่เงียบสงบในยามเช้า"เราต้องไปหาคนที่จะช่วยเราได้" หลี่หยางตอบ "และข้ารู้ว่าใครคือคนผู้นั้น"เซียวหลันพยักหน้าอย่างเข้าใจ พวกเขาทั้งสองเริ่มเดินทางไปยังทิศทางที่หลี่หยางบอก เส้นทางที่พวกเขาเลือกนั้นคือเส้นทางที่เต็มไปด้วยอันตรายและอุปสรรค พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มโจรที่ดักซุ่มอยู่ตามเส้นทาง และต้องต่อสู้กับสัตว์ร้ายในป่าที่รกทึบแต่ด้วยความสามารถของพวกเขา ทั้งสองคนก็สามารถเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ในที่สุด หลี่หยางใช้พลังอัคคีที่เพิ่งฟื้นคืนมาในการต่อสู้ ในขณะที่เซียวหลันก็ใช้พลังแห่งแสงในการรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้น และนั่นก็ทำให้ทั้งสองคนได้เรียนรู้ที่จะร่วมมือกันอย่างสมบูรณ์แบบ

  • มธุรสวาทเจ้าสำนัก   บทที่ 15

    ดูเหมือนว่าโชคชะตาของเซียวหลันและหลี่หยางจะอยู่ในกำมือของเฉินเหวินไปเสียแล้ว คำพูดของเฉินเหวินเป็นดังคำประกาศศักดิ์สิทธิ์ที่ลิดรอนอิสระไปจากพวกเขาทั้งคู่ ชะตากรรมของพวกเขาเหมือนถูกขังเอาไว้ในกรงขนาดใหญ่ ทั้งสองคนต่างรู้ดีว่าเป็นเรื่องยากที่จะหนีไปจากโชคชะตาในครั้งนี้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นพวกเขาก็ยังมีความมุ่งมั่นมากพอที่จะจับมือเดินไปข้างหน้าด้วยกันตามเส้นทางที่ตัดสินใจเลือก"เราจะทำอย่างไรกันดี" เซียวหลันถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง"เราจะออกจากที่นี่" หลี่หยางตอบอย่างหนักแน่น "เราจะไปจากวังแห่งนี้และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่มันสร้างขึ้น"เซียวหลันส่ายหน้า “แต่... เราทำไม่ได้... ที่นี่เต็มไปด้วยทหารของเขา และท่านก็ยังไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้""ข้าไม่เป็นไร" หลี่หยางกล่าว "ข้ายังมีพลังที่เหลืออยู่" เขามองเข้าไปในดวงตาของเซียวหลัน "เชื่อข้า... เราต้องไปจากที่นี่"เซียวหลันมองเขาด้วยความรู้สึกที่สับสน แต่ในที่สุดนางก็พยักหน้าอย่างจำยอม นางรู้ดีว่าห

  • มธุรสวาทเจ้าสำนัก   บทที่ 14

    เซียวหลันและหลี่หยางมองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้ คำพูดของเฉินเหวินยังคงดังก้องอยู่ในห้องอันเงียบสงบ พวกเขาทั้งคู่ต่างก็แบกรับความลับที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะจินตนาการได้ และบัดนี้ความลับนั้นได้กลายเป็นภาระที่พวกเขาต้องแบกรับร่วมกัน"ท่าน... ไม่เป็นไรใช่ไหม" เซียวหลันถามเสียงแผ่ว นางยังคงรู้สึกผิดที่ทำให้หลี่หยางต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้หลี่หยางพยักหน้าเล็กน้อย "ข้าไม่เป็นไร... แต่เราไม่มีเวลาแล้ว""เราจะทำอย่างไรกันดี" เซียวหลันถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง "เราถูกขังอยู่ที่นี่ และพลังของท่านก็... หายไปแล้ว""พลังของข้าไม่ได้หายไป" หลี่หยางกล่าว "มันแค่หลับใหลไปชั่วคราว" เขามองเข้าไปในดวงตาของเซียวหลัน "เจ้าต้องช่วยปลุกมันขึ้นมาอีกครั้ง"เซียวหลันส่ายหน้า "ข้าทำไม่ได้... ข้าเคยลองแล้ว และข้าก็เกือบจะเสียชีวิต""เชื่อข้า" หลี่หยางกล่าวอย่างหนักแน่น "ในตอนนี้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยข้าได้"เซียว

  • มธุรสวาทเจ้าสำนัก   บทที่ 13

    เซียวหลันมองเฉินเหวินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น เพราะคำพูดของเขาฟังดูไม่เข้าหูนางเลยสักนิด คำพูดเหล่านั้นเป็นดั่งคมมีดกรีดลึกเข้าไปในจิตใจของนาง แต่นางก็ทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้นอกไปจากความรู้สึกยอมจำนน"ท่าน... ทำเช่นนี้ทำไม" เซียวหลันถามเสียงสั่นเครือ "ท่านต้องการอะไรกันแน่"เฉินเหวินยิ้มเล็กน้อย เขามองไปยังหลี่หยางที่นอนอยู่บนเตียง "ข้าต้องการพลังที่แท้จริงของเจ้า และข้าต้องการผู้ที่สามารถต่อกรกับคนพวกนั้นได้" เขาหันกลับมามองเซียวหลัน "ส่วนเรื่องการกอบกู้ชื่อเสียงของตระกูลเจ้า... มันเป็นเพียงสิ่งล่อใจให้เจ้าเข้ามาในวังของข้า"เซียวหลันกำหมัดแน่น นางรู้สึกราวกับถูกหลอกใช้ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกไร้หนทางที่จะหลีกหนี"แล้ว... ท่านจะทำอย่างไรกับข้า" เซียวหลันถาม"เจ้าไม่ต้องห่วง" เฉินเหวินตอบ "ข้าจะช่วยเจ้าฝึกฝนพลังของเจ้าให้แข็งแกร่งขึ้น และเมื่อถึงตอนนั้น... เจ้าก็จะเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของข้า"เซียวหลันส่ายหน้า "ข้าจะไม่ยอม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status