Share

บทที่ 2

last update Last Updated: 2025-08-30 16:03:40

แสงจันทร์นวลผ่องสาดส่องเข้ามาในหอโอสถเซียว แป้งฝุ่นสีขาวลอยอวลในอากาศ ปะปนกับกลิ่นสมุนไพรหอมอ่อนๆ เซียวหลันกำลังง่วนอยู่กับการจัดเรียงยาบนชั้นวางไม้ หลังจากการจากไปของกลุ่มคนชุดดำ หอโอสถก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง แต่ความประหลาดใจจากการปรากฏตัวของหลี่หยางยังคงค้างคาอยู่ในใจของนาง

“คุณหนู... ท่านเจ้าสำนักผู้นั้น... เขาเป็นใครกันเจ้าคะ” เสี่ยวชุนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนหวาดระแวง นางยังคงรู้สึกหวาดกลัวกับบรรยากาศเมื่อครู่ไม่หาย

เซียวหลันหันมามองเสี่ยวชุน “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน” นางตอบตามตรง “แต่เขาดูไม่เหมือนคนทั่วไป”

อาหลงที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่หน้าหอโอสถก็เดินเข้ามาสมทบ “ดูจาก วรยุทธ์แล้วไม่ธรรมดาขอรับคุณหนู ท่วงท่ากระบี่ดุดัน รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ยอดฝีมือในยุทธภพที่ข้ารู้จักไม่มีใครมีกระบวนท่าเช่นนี้” ชายชราครุ่นคิด “แต่ที่น่าแปลกใจคือคนพวกนั้นเรียกเขาว่า ท่านเจ้าสำนัก

“เจ้าสำนัก?” เซียวหลันพึมพำกับตัวเอง

‘หรือจะเป็นสำนักกระบี่ล่องลอย?’

หรือเขาคือเจ้าสำนักที่ลี้ลับแห่งนั้นงั้นหรือ?

ยิ่งคิด นางก็ยิ่งรู้สึกว่าหลี่หยางยิ่งลึกลับซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ

คืนนั้น เซียวหลันไม่ได้นอน นางเฝ้าทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด การที่ตระกูลเซียวถูกใส่ร้าย การที่เธอมาอยู่ในร่างนี้ และการปรากฏตัวของหลี่หยาง ชายผู้เต็มไปด้วยปมปริศนา นางรู้สึกว่าโชคชะตากำลังนำพาเธอเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวที่ใหญ่หลวงกว่าที่คิดไว้ในตอนแรก

เช้าวันรุ่งขึ้น ผู้คนยังคงหลั่งไหลมายังหอโอสถเซียวอย่างไม่ขาดสาย แม้จะเกิดเรื่องวุ่นวายเมื่อวาน แต่ดูเหมือนผู้คนจะยิ่งเชื่อมั่นในตัวเซียวหลันมากขึ้น เพราะเห็นว่านางมีผู้ทรงอำนาจอย่างหลี่หยางคอยคุ้มครองอยู่ลับๆ

ขณะที่เซียวหลันกำลังตรวจรักษาคนไข้รายหนึ่งอยู่ ก็มีเงาร่างสูงโปร่งก้าวเข้ามาในหอโอสถ กลิ่นหอมจางๆ ของไม้จันทน์และกลิ่นอายเย็นเยียบแผ่ซ่านเข้ามาในห้อง

หลี่หยางก้าวเข้ามา เขาสวมชุดคลุมสีดำสนิทเช่นเคย ใบหน้ายังคงถูกบดบังด้วยผ้าผืนใหญ่ แต่เซียวหลันรู้สึกได้ถึงสายตาคู่คมที่จับจ้องมาที่นาง

“ท่านมาแล้ว” เซียวหลันเอ่ยทักทายอย่างนุ่มนวล นางไม่ได้รู้สึกประหลาดใจนักกับการมาของเขา เพราะลึกๆ แล้วนางก็คาดหวังการมาของเขาอยู่แล้ว

หลี่หยางไม่ตอบ เขายืนนิ่งอยู่ข้างๆ เฝ้ามองนางรักษาคนไข้อย่างเงียบๆ ดวงตาของเขาฉายแววสนใจเมื่อเห็นความคล่องแคล่วและแม่นยำในการรักษาของนาง ราวกับเขาไม่เคยเห็นใครมีฝีมือทางการแพทย์ถึงเพียงนี้มาก่อน

หลังจากที่เซียวหลันตรวจรักษาคนไข้รายนั้นเสร็จ เธอก็หันมาเผชิญหน้ากับหลี่หยาง “ท่านบาดเจ็บอีกหรือไม่”

หลี่หยางส่ายหน้า “ไม่ได้บาดเจ็บ” เขาตอบเสียงเรียบ “เพียงแต่... อยากให้เจ้าตรวจดูให้แน่ใจ”

เซียวหลันเลิกคิ้วเล็กน้อย ชายผู้นี้ช่างแปลกนัก นางผายมือไปยังเก้าอี้ “เชิญนั่งเจ้าค่ะ”

หลี่หยางนั่งลงตรงหน้าเซียวหลัน นางยื่นมือออกไปจับชีพจรของเขา นิ้วเรียวของนางแตะลงบนข้อมือของเขา เซียวหลันสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งยวดที่ไหลเวียนอยู่ในกายของเขา แต่ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง

“ลมปราณท่านปั่นป่วนเล็กน้อย มีร่องรอยของการฝืนใช้พลังมามาก” นางวินิจฉัย “และ... ที่แขนซ้ายของท่าน” นางใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆ ที่แขนซ้ายของเขาผ่านเนื้อผ้า “มีรอยแผลเก่าที่ยังไม่หายสนิท”

หลี่หยางชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาภายใต้ผ้าคลุมฉายแววประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่านางจะรับรู้ถึงรอยแผลเก่านั้นได้ง่ายดายถึงเพียงนี้

“รอยแผลนี้เกิดจากอะไรเจ้าคะ” เซียวหลันถามด้วยความอยากรู้ “ดูเหมือนไม่ใช่รอยแผลจากการต่อสู้ธรรมดา”

หลี่หยางนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาขึ้นเล็กน้อย “เป็นรอยแผลที่ไม่อาจรักษาได้”

“ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไม่อาจรักษาได้เจ้าค่ะ” เซียวหลันโต้แย้งอย่างมั่นใจ “หากท่านอนุญาต ข้าขอตรวจดูบาดแผลให้ท่านได้หรือไม่”

หลี่หยางลังเล เขามองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเซียวหลัน ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความหลอกลวง ความบริสุทธิ์ใจของนางเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน

ในที่สุด เขาก็พยักหน้าช้าๆ “ได้”

เซียวหลันค่อยๆ คลายผ้าคลุมแขนของหลี่หยางออก เผยให้เห็นต้นแขนซ้ายที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นสีแดงคล้ำ มันเป็นรอยแผลไหม้ขนาดใหญ่ที่ดูน่ากลัว ราวกับถูกเผาด้วยไฟที่มีอำนาจมหาศาล และที่น่าตกใจคือ รอยแผลนั้นมีกระแสพลังประหลาดไหลเวียนอยู่ ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นดูซีดเซียวและบิดเบี้ยว

“นี่มัน...” เซียวหลันอุทานด้วยความตกใจ นี่ไม่ใช่รอยแผลที่เกิดจากเพลิงธรรมดา แต่มันคือพลังที่รุนแรงจนสามารถทำลายเส้นลมปราณได้

“เป็นบาดแผลจากพลังอัคคีที่ไม่อาจควบคุม” หลี่หยางกล่าวเสียงเรียบ “มันทำให้เส้นลมปราณของข้าได้รับความเสียหาย จึงทำให้ลมปราณของข้าปั่นป่วนอยู่เสมอ”

“ท่านเคยใช้พลังอัคคีหรือเจ้าคะ” เซียวหลันถามด้วยความสนใจ

“เป็นพลังของสำนัก” หลี่หยางตอบสั้นๆ

เซียวหลันแตะปลายนิ้วลงบนรอยแผลนั้นอย่างแผ่วเบา นางหลับตาลง พยายามใช้พลังพิเศษของตนเพื่อตรวจสอบความเสียหายภายใน พลังจากอีกภพหนึ่งหลั่งไหลเข้าสู่ปลายนิ้วของนาง นางสัมผัสได้ถึงเส้นลมปราณที่ถูกเผาไหม้และบิดเบี้ยวจนไม่อาจฟื้นฟูได้ด้วยวิธีปกติ

“ท่านอาศัยอยู่กับบาดแผลนี้มานานเท่าไหร่แล้วเจ้าคะ” เซียวหลันถาม

“หลายปีแล้ว” หลี่หยางตอบ “ข้าเคยหาวิธีรักษามามากมาย แต่ไม่มีใครทำได้”

เซียวหลันเงียบไปครู่หนึ่ง “บาดแผลนี้ลึกซึ้งนัก... ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาธรรมดา แต่ข้าสามารถช่วยบรรเทาอาการและฟื้นฟูเส้นลมปราณให้ท่านได้บางส่วน เพื่อให้ลมปราณของท่านไหลเวียนได้ราบรื่นขึ้น”

หลี่หยางมองนางด้วยความหวังในแววตาเล็กน้อย “เจ้าทำได้จริงหรือ”

“ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เจ้าค่ะ” เซียวหลันตอบด้วยความมุ่งมั่น นางเริ่มลงมือจัดเตรียมสมุนไพรหายากบางชนิด และใช้เข็มเงินบรรจงปักลงบนจุดชีพจรสำคัญรอบรอยแผลของหลี่หยาง

ระหว่างที่เซียวหลันกำลังรักษา หลี่หยางเฝ้ามองใบหน้าของนางอย่างเงียบๆ นางดูตั้งใจและมุ่งมั่นอย่างยิ่ง ความรู้ที่เหนือล้ำของนางทำให้เขาประหลาดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในขณะที่เขากำลังมองนางอยู่นั้น ภาพในอดีตก็ฉายซ้อนขึ้นมาในห้วงความคิดของเขา

“หยางเอ๋อร์! เจ้ากล้าใช้พลังต้องห้ามหรือ!” เสียงดุดันของชายชราผู้หนึ่งดังก้องอยู่ในความทรงจำ เปลวเพลิงสีแดงฉานลุกท่วม มือของเขากำลังไหม้เกรียม

“ท่านอาจารย์! ข้าไม่ได้ตั้งใจ!” เด็กหนุ่มหลี่หยางในวันนั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

ความทรงจำอันเลวร้ายนั้นมักจะตามหลอกหลอนเขาอยู่เสมอ รอยแผลบนแขนซ้ายเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความผิดพลาดในอดีตที่เขาไม่อาจลืม

“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ” เสียงของเซียวหลันดึงเขากลับสู่ปัจจุบัน

หลี่หยางมองดูแขนของตนเอง เขารู้สึกว่ารอยแผลนั้นดูดีขึ้นเล็กน้อย อาการปวดและแสบร้อนที่เคยเป็นประจำบรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญ... เขารู้สึกได้ถึงกระแสลมปราณที่ไหลเวียนได้ดีขึ้นกว่าเดิม

“ขอบคุณ” หลี่หยางเอ่ยคำขอบคุณเป็นครั้งแรก น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด

เซียวหลันยิ้ม “ท่านต้องมาให้ข้ารักษาอีกหลายครั้งเจ้าค่ะ บาดแผลนี้ใช้เวลานาน”

“ข้าจะมา” หลี่หยางตอบสั้นๆ แต่หนักแน่น

ก่อนจะจากไป หลี่หยางได้ทิ้งถุงเงินจำนวนมากไว้บนโต๊ะ “นี่คือค่ารักษา”

“มากเกินไปแล้วเจ้าค่ะ” เซียวหลันปฏิเสธ

“นอกจากค่ารักษา ให้ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่เจ้าช่วยขับไล่คนพวกนั้นเมื่อวาน” หลี่หยางกล่าว ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมของไม้จันทน์จางๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มธุรสวาทเจ้าสำนัก   บทที่ 25

    บรรยากาศในห้องโถงกว้างของวังหลวงเต็มไปด้วยความตึงเครียด เซียวหลันมองหน้าหลี่หยางและเฉินเหวินสลับกันไปมา หัวใจของนางเต้นรัวด้วยความสับสนและความเจ็บปวด"ถ้าเป็นเรื่องจริง แล้วพวกเจ้า... จะทำอย่างไรกับข้า"คำพูดของเฉินเหวินดังก้องอยู่ในหัวก้องเธอ เธอไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายทำอย่างนั้นกับพวกเธอได้อย่างไร ถึงแม้ว่าจะระแวดระวังกันมาตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะใจร้ายขึ้นมาจริงๆ“เมื่อรู้ความจริงเช่นนี้ เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” เฉินเหวินเอ่ยขึ้น สายตาของเขาจับจ้องมาที่เซียวหลัน“ข้าไม่เข้าใจ ทำไมท่านถึงทำเช่นนั้น" เซียวหลันถามเสียงสั่นเครือ "ทำไมท่านถึงหลอกใช้เรา""ข้าไม่ได้หลอกใช้พวกเจ้า" เฉินเหวินตอบ "ข้าแค่... ทำตามหน้าที่ของข้า""หน้าที่ของเจ้าคือการทำลายพวกเราอย่างนั้นหรือ!" หลี่หยางตะโกนด้วยความโกรธแค้น "เจ้าทำลายครอบครัวของข้า! ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามี!""ไม่ใช่ข้า" เฉินเหวินปฏิเสธ "เป็นตระกูลของข้าต่างหาก... ที่ต้องการพลังที่ซ่อนเร้นในตัวพวกเจ้า""แล้วทำไมท่านถึงไม่บอกเราแต่แรก!" เซียวหลันถาม"เพราะข้า... อยากที่จะสร้างโชคชะตาของข้าเอง" เฉินเหวินตอบ "ข้าไม่อยากให้พวกเจ้าต้องมาเกี่ยวข้อง

  • มธุรสวาทเจ้าสำนัก   บทที่ 24

    การฝึกฝนของเซียวหลันภายใต้การดูแลของเฉินเหวินดำเนินไปอย่างเข้มข้น วันแล้ววันเล่าที่เธอต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายทั้งทางร่างกายและจิตใจ พลังแห่งแสงของเธอนับวันยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แต่เธอก็รู้สึกถึงความมืดที่คืบคลานเข้ามาในจิตใจเช่นกัน"เจ้าต้องควบคุมมันให้ได้" เฉินเหวินกล่าวขณะมองเซียวหลันที่กำลังควบคุมพลังแสงในมือของเธอให้แปรเปลี่ยนเป็นอาวุธที่ทรงพลัง "หากเจ้าปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำ... เจ้าก็จะกลายเป็นพวกมัน"เซียวหลันเข้าใจดี นางไม่ต้องการที่จะกลายเป็นคนเช่นนั้น นางจึงพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมอารมณ์ของตนเองและใช้พลังในทางที่ถูกต้องในขณะเดียวกัน... หลี่หยางที่นอนป่วยอยู่ก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แม้พลังของเขาจะหายไปจนหมดสิ้น แต่เขาก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความผูกพันที่เชื่อมโยงระหว่างเขากับเซียวหลัน และเขาก็ตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือนาง"ข้าจะต้องช่วยเซียวหลัน" หลี่หยางพึมพำกับตนเอง "ข้าจะต้องฟื้นฟูพลังของข้าให้กลับมา"เขาเริ่มค้นหาวิธีที่จะฟื้นฟูพลังของตนเองโดยเริ่มจากการค้นหาตำราโบราณที่เฉินเหวินเก็บไว้ในห้องสมุดของเขา ในตำราเหล่านั้นมีบันทึกเกี่ยวกับการฝึกฝนพลังอัคคีที่บร

  • มธุรสวาทเจ้าสำนัก   บทที่ 23

    การเดินทางออกจากหุบเขาต้องห้ามเต็มไปด้วยความยากลำบากเซียวหลันพยุงร่างที่ไร้สติของหลี่หยางไว้ในอ้อมแขนขณะที่เฉินเหวินคอยนำทางและระวังภัยให้ การเสียสละของหลี่หยางทำให้พลังในตัวเขาหายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงร่างกายที่อ่อนแรง และเซียวหลันเองก็รู้สึกถึงความสูญเสียครั้งใหญ่ที่เข้ามาในชีวิตของเธอ"เราจะไปไหนกันต่อ" เซียวหลันถามเสียงแผ่ว"เราจะไปที่สำนักแพทย์หลวงในเมืองหลวง" เฉินเหวินตอบ "ที่นั่นมีหมอที่ดีที่สุด และพวกเขาก็จะสามารถดูแลหลี่หยางได้"เซียวหลันพยักหน้าอย่างเข้าใจ นางรู้สึกว่านี่อาจจะเป็นทางเลือกเดียวที่พวกเขาจะทำได้ในตอนนี้เมื่อเดินทางมาถึงสำนักแพทย์หลวง เซียวหลันก็รีบพาหลี่หยางไปให้หมอหลวงตรวจดูอาการ หมอหลวงวินิจฉัยว่าหลี่หยางได้รับบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรง และไม่มีวิธีใดที่จะสามารถรักษาเขาได้เลย นอกจากปล่อยให้เขาฟื้นตัวด้วยตนเอง"ไม่... ไม่จริง!" เซียวหลันกล่าวด้วยความสิ้นหวัง "ท่านต้องช่วยเขา!""ข้าขอโทษ" หมอหลวงกล่าว "ข้าไม่มีทางเ

  • มธุรสวาทเจ้าสำนัก   บทที่ 22

    แสงจากคันธนูแห่งแสงเลือนหายไปในความมืดมิดของถ้ำ เหลือไว้เพียงร่างที่ไร้สติของเซียวหลันที่นอนอยู่บนพื้น หลี่หยางรีบเข้าไปประคองนางขึ้นมาอย่างร้อนรน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวด"เซียวหลัน! เซียวหลัน!" หลี่หยางเรียกชื่อนางซ้ำๆ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากนางเฉินเหวินเดินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว เขามองไปยังเซียวหลันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด "นาง... ต้องมาเจอกับเรื่องนี้เพราะข้า""ไม่ใช่ความผิดของท่าน" หลี่หยางกล่าว "เป็นความผิดของข้าต่างหาก... ที่ปล่อยให้นางต้องมาเสี่ยงชีวิต"หลี่หยางใช้พลังอัคคีที่เหลืออยู่ทั้งหมดเพื่อรักษาเซียวหลัน แต่นางก็ยังคงไม่ฟื้น และลมหายใจของนางก็เริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆ"ไม่... ไม่จริง!" หลี่หยางร้องไห้ออกมาอย่างหมดหวัง "เจ้าต้องไม่เป็นไรนะ... เซียวหลัน!"เฉินเหวินเดินเข้ามาใกล้หลี่หยาง "ยังมีทางเดียวที่จะช่วยนางได้""วิธีอะไร" หลี่หยางถามด้วยความหวังอันริบหรี่

  • มธุรสวาทเจ้าสำนัก   บทที่ 21

    ในที่สุดอาวุธในตำนานก็ตกอยู่ในมือของเซียวหลัน คันธนูส่องแสงประกายสว่างท่ามกลางความมืดมิดของหุบเขาต้องห้าม พลังอันยิ่งใหญ่ที่ไหลเวียนออกมาจากอาวุธนั้นทำให้ทั้งหลี่หยางและเฉินเหวินรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่น่าเกรงขาม"มันคือ... คันธนูแห่งแสง" เฉินเหวินเอ่ยเสียงแผ่ว "อาวุธที่ถูกกล่าวถึงในคำทำนาย"เซียวหลันรับรู้ได้ถึงพลังมหาศาลที่ผสานเข้ากับพลังแห่งแสงในตัวเธออย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับว่าอาวุธชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ"แต่เราจะใช้มันอย่างไร" เซียวหลันถาม"เจ้าจะต้องใช้จิตใจที่บริสุทธิ์เพื่อควบคุมมัน" หลี่หยางกล่าว "พลังของเจ้าจะหลอมรวมเข้ากับคันธนูแห่งแสง และเมื่อถึงตอนนั้น... เจ้าก็จะเป็นผู้เดียวที่จะสามารถใช้มันในการต่อสู้ได้"ขณะที่ทั้งสามกำลังสนทนากันอยู่นั้น เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากด้านนอกถ้ำ ตามมาด้วยเงาร่างที่ปรากฏขึ้นในความมืดมิด"พวกเราตามพวกเจ้ามานานแล้ว" เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น "และในที่สุด... เราก็เจอตัวผู้สืบทอดพลังแห่งแ

  • มธุรสวาทเจ้าสำนัก   บทที่ 20

    หลังจากความจริงอันน่าตกตะลึงถูกเปิดเผยในคัมภีร์โบราณ เซียวหลันและหลี่หยางก็เข้าใจแล้วว่าชะตากรรมของพวกเขาไม่ได้ผูกพันเพียงแค่การกอบกู้ตระกูล แต่ยังเกี่ยวพันกับสงครามที่จะตัดสินชะตาของโลกเฉินเหวินที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศัตรู บัดนี้ได้กลายเป็นพันธมิตรที่ไม่อาจขาดไปได้"ในคัมภีร์ระบุว่ามีอาวุธโบราณถูกซ่อนไว้ในที่ลับแห่งหนึ่ง" เฉินเหวินกล่าวขณะมองแผนที่ที่เพิ่งค้นพบ "หากเราได้อาวุธนี้มา จะช่วยให้เรามีพลังที่จะต่อสู้กับคนพวกนั้นได้""แล้วอาวุธนั้นอยู่ที่ไหน" หลี่หยางถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น"มันถูกซ่อนไว้ใน... หุบเขาต้องห้าม" เฉินเหวินตอบ "สถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายและพลังที่ชั่วร้าย"เซียวหลันและหลี่หยางมองหน้ากัน พวกเขารู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พวกเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะยอมเสี่ยง"เราจะไป" เซียวหลันกล่าวอย่างหนักแน่น "เราต้องไปเอาอาวุธนั้นมาให้ได้"การเดินทางสู่หุบเขาต้องห้ามเต็มไปด้วยอุปสรรค พ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status