Share

บทที่ 7

Author: เกาะลอยน้ำ
ซิงฟานโหรวแสดงสีหน้าเยาะเย้ย และอ่านถ้อยคำในจดหมายรักทีละตัว

"พี่จือเหยียนคะ หนูเฝ้ามองพี่จากข้างหลังมาตลอด พี่จะหันกลับมามองหนูได้ไหมคะ?"

เมื่อได้ยินเสียงของซิงฟานโหรว กำปั้นของเซิ่นหรูซวงก็กำแน่นขึ้นเรื่อย ๆ

นี่เป็นสิ่งที่เธอเขียนจริง ๆ ก่อนที่จะเกิดใหม่ ตอนนั้นเธอยังคงมีความฝันที่ไม่มีทางเป็นจริงกับซิงจือเหยียน

แต่ปกติแล้วเธอซ่อนจดหมายรักไว้เป็นอย่างดี ไม่มีทางที่จะเอาไปใส่ไว้ในห้องของซิงจือเหยียนได้อย่างแน่นอน

มีความเป็นไปได้อย่างเดียว

คือมีคนอื่นขโมยไปและนำไปวางไว้ในห้องของซิงจือเหยียน

อาจจะเป็นซิงฟานโหรว หรือไม่ก็เว่ยอวิ่นลู่

"พอได้แล้ว"

เสียงของซิงจือเหยียนทุ้มและแหบแห้งเล็กน้อย แฝงไปด้วยความโกรธ ดวงตาคมกริบและเย็นชา "ฉันไม่อยากฟังอีกแล้ว"

ซิงฟานโหรวหัวเราะเยาะแล้วหุบปากลง ก่อนจะยัดจดหมายรักใส่อ้อมอกของเซิ่นหรูซวงด้วยความรังเกียจ

แม้ว่าจะเป็นเซิ่นหรูซวงที่เกิดใหม่แล้ว เธอก็ยังไม่อาจเมินเฉยต่อสายตาแบบนี้ของซิงจือเหยียนได้ รู้สึกเหมือนความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วตัว

“เซิ่นหรูซวง เธอต้องให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับฉัน”

เว่ยอวิ่นลู่จู่ ๆ ก็ดึงแขนของซิงจือเหยียน และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "คุณเซิ่นยังเป็นเด็กอยู่ จือเหยียนไม่ต้องถือสาหรอกค่ะ อย่าโกรธเลยนะ"

"เพียงแต่" เว่ยอวิ่นลู่มองเธอด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะสงสาร "คงต้องสอนคุณเซิ่นให้ตั้งใจเรียนหน่อย อย่ามัวแต่คิดเรื่องไร้สาระพวกนี้เลย"

ซิงจือเหยียนมองเธออย่างเย็นชา "เซิ่นหรูซวง ฉันเคยบอกเธอไปแล้ว อย่าเอาความคิดสกปรกของเธอมาใช้กับฉัน อย่าคิดล้ำเส้นกันอีก"

เซิ่นหรูซวงหายใจเข้าลึก ๆ "ฉันไม่ได้เอาจดหมายรักนั่นไปไว้ในห้องคุณ มีคนอื่นทำต่างหาก"

ซิงฟานโหรวหัวเราะเยาะ "คนอื่น? คนอื่นเขาไม่มีใครหน้าด้านพอจะทำเรื่องแบบนี้หรอก เธอแค่อยากแยกพี่ฉันกับพี่ลู่ลู่ก็เท่านั้น"

เซิ่นหรูซวงไม่ได้สนใจคำพูดของซิงฟานโหรว

เธอมองตรงเข้าไปในดวงตาที่เย็นชาของซิงจือเหยียน "ซิงจือเหยียน ที่ผ่านมาฉันผิดเอง ฉันควรจะพูดกับนายให้ชัดตั้งแต่แรก จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดอีก"

สายตาของซิงจือเหยียนยังคงเหมือนเดิม ยังคงเย็นชาตามปกติ

"ตอนนี้ฉันจะบอกคุณให้ชัดเจนว่า ฉันไม่ชอบคุณแล้วจริง ๆ"

นิ้วมือของซิงจือเหยียนที่วางอยู่บนไหล่ของเว่ยอวิ่นลู่ขยับเล็กน้อย

เว่ยอวิ่นลู่ตกใจเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของซิงจือเหยียน

เมื่อเห็นซิงจือเหยียนจ้องมองไปที่เซิ่นหรูซวง หัวใจของเธอก็เต้นแรง

เซิ่นหรูซวงพูดต่อ "เมื่อก่อนฉันผิดเอง ฉันชอบคนผิด ฉันตาบอดเอง ฉันมันหน้าไม่อายที่ไปชอบคุณ"

"ฉันรู้ตัวแล้วว่าผิด และฉันจะแก้ไขมันให้ได้"

"แต่หลังจากนี้ ฉันจะไม่มีความคิดที่น่ารังเกียจแบบนี้อีกต่อไปแล้ว และจะรักษาระยะห่างจากคุณ หลังจากนี้จะไม่ล่วงเกินคุณอีก"

เมื่อได้สารภาพออกมาว่าความรู้สึกของตัวเองน่ารังเกียจเพียงใด เซิ่นหรูซวงกลับรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด เหมือนก้อนหินหนักอึ้งที่กดทับใจถูกยกออกไป

หลังจากมองเข้าไปในดวงตาของซิงจือเหยียนเป็นเวลานาน เซิ่นหรูซวงก็หยิบจดหมายรักที่เธอลืมไปแล้วขึ้นมา

แล้วฉีกมันต่อหน้าซิงจือเหยียนจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ซิงจือเหยียนดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมาเพื่อขัดจังหวะ "เซิ่นหรูซวง"

"ขอพูดประโยคสุดท้าย ซิงจือเหยียน จากนี้ไป ฉันจะขีดเส้นแบ่งระหว่างเราสองคนให้ชัดเจน"

เมื่อพูดจบ เธอก็โน้มตัวลงเล็กน้อยต่อหน้าซิงจือเหยียน

เธอจึงไม่ได้เห็นแววตาที่ตกใจเล็กน้อยของซิงจือเหยียนก่อนที่เขาจะเม้มริมฝีปากและขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

เมื่อเธอยืนขึ้น เซิ่นหรูซวงก็สังเกตเห็นว่าเว่ยอวิ่นลู่และซิงฟานโหรวหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ในห้องเหลือเพียงแค่เธอกับซิงจือเหยียนสองคน

หัวใจของเธอเต้นแรง

ตอนนี้เอง ที่เธอได้ตระหนักถึงแผนการชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

เซิ่นหรูซวงหันหลังกลับทันที และเห็นประตูห้องปิดลง ทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ

เธอไม่มีเวลาที่จะดูปฏิกิริยาของซิงจือเหยียน ก็รีบวิ่งไปที่ประตูห้อง บิดลูกบิดประตูอย่างสุดกำลังเพื่อพยายามเปิดประตู

แต่หลังจากบิดไปหลายครั้ง ลูกบิดประตูก็หลุดออกมาอยู่ในมือของเธอ

ลูกบิดประตูเสียอีกแล้ว

เหมือนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในชาติก่อนเลย

หัวใจของเซิ่นหรูซวงเต้นระรัว จนแทบจะกระเด็นออกมาจากอก

ข้างหลังเธอ เสียงหายใจของซิงจือเหยียนเริ่มหอบแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ต้องยอมรับว่า เว่ยอวิ่นลู่คำนวณเวลาได้แม่นยำเหลือเกิน

ฤทธิ์ยาในร่างกายของซิงจือเหยียนเริ่มออกฤทธิ์แล้ว

เซิ่นหรูซวงรู้สึกโล่งใจที่เธอได้พูดเคลียร์ทุกอย่างชัดเจน และยังอาเจียนเอาน้ำผลไม้ที่ดื่มเข้าไปออกหมด

เธอหันหลังกลับ แผ่นหลังพิงแนบกับประตูห้อง และมองซิงจือเหยียนด้วยความระมัดระวัง

ซิงจือเหยียนกำลังนั่งพิงขอบเตียง มือทั้งสองข้างกุมศีรษะไว้ ใบหูแดงก่ำ เสียงหายใจเริ่มหอบแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขาพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมฤทธิ์ยาในร่างกาย

เซิ่นหรูซวงเม้มปากแน่น ถือลูกบิดประตูไว้ด้วยความระมัดระวัง

เธอคิดว่า ถ้าซิงจือเหยียนพุ่งเข้ามา เธอจะใช้ลูกบิดประตูในมือทุบไปที่ตัวของซิงจือเหยียนอย่างแรง

"ซิงจือเหยียน ประตูเสีย เปิดไม่ออก เดี๋ยวก็มีคนมาเปิดให้ คุณใจเย็นๆ นะ"

ซิงจือเหยียนหอบหายใจอย่างหนัก เงยหน้าขึ้นมองเธอพร้อมกับขมวดคิ้ว ดวงตาสีดำเรียวยาวมีรอยเส้นเลือดขึ้น ริมฝีปากเม้มแน่น เปล่งเสียงแหบแห้งออกมา

"เธอรู้ว่าฉันโดนวางยา?"

ความสงสัยในตาของซิงจือเหยียนชัดเจนเกินไป ทำให้เซิ่นหรูซวงรู้สึกขัดตา

"แทนที่จะมาสงสัยฉัน สู้ไปสงสัยเว่ยอวิ่นลู่ที่ให้คุณดื่มน้ำผลไม้ดีกว่าเหรอ"

ซิงจือเหยียนจ้องมองเธอเขม็ง ดวงตาสีแดงก่ำ เส้นเลือดที่หน้าผากปูดขึ้นมา เหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังจะเสียสติ

หัวใจของเซิ่นหรูซวงเต้นระรัว มือก็กำแน่นขึ้นเรื่อย ๆ

ผ่านไปพักใหญ่ ซิงจือเหยียนก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างสอดเข้าไปในผมของเขา เส้นเลือดที่หลังมือปูดขึ้นมาแสดงถึงความอดทนอดกลั้น

เซิ่นหรูซวงไม่อาจสบายใจได้

เธอรู้ดีว่ายาที่เว่ยอวิ่นลู่ให้นั้นเป็นยารุนแรง แม้แต่คนที่ควบคุมตัวเองได้ดีอย่างซิงจือเหยียนก็ยังต้องเสียสติไปหมดเมื่อฤทธิ์ยาออกฤทธิ์

ตอนนี้เธอทำได้เพียงแค่ภาวนาให้เว่ยอวิ่นลู่นำคนมาให้เร็วที่สุด

เวลาผ่านไปทีละวินาที ซิงจือเหยียนยังคงไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ

เซิ่นหรูซวงเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะไอออกมาเบา ๆ

เสียงนั้นดังชัดเจนท่ามกลางความเงียบภายในห้อง

วินาทีต่อมา ซิงจือเหยียนก็ลุกขึ้นจากเตียง ปลายตาสีแดงก่ำเหมือนสัตว์ร้ายที่จ้องมองเหยื่อ ก้าวขายาว ๆ เข้ามาใกล้เธอทีละก้าว

เซิ่นหรูซวงเบิกตากว้าง รีบยกมือที่ถือลูกบิดประตูขึ้น

ทันใดนั้น ซิงจือเหยียนคว้าข้อมือของเธอไว้ บีบแรงจนกล้ามเนื้อด้านในเจ็บระบม

ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้เธอจำต้องปล่อยมือ ทำให้ลูกบิดประตูล่วงลงสู่พื้น

พริบตาเดียว ซิงจือเหยียนก็ยกเธอขึ้นพาดไหล่

แล้วโยนเธอลงบนเตียงอย่างแรง

เซิ่นหรูซวงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว คว้าหมอนข้างเหวี่ยงใส่หน้าซิงจือเหยียนที่กำลังจะพุ่งเข้ามา

“ซิงจือเหยียน ใจเย็น ๆ นะ ฉันคือเซิ่นหรูซวงนะ!”

ซิงจือเหยียนพุ่งเข้ามาทันที มือคู่ใหญ่จับข้อมือของเธอไว้ ร่างกายที่หนักและร้อนผ่าวของเขากดทับเธอเอาไว้

ดวงตาที่สับสนและแดงก่ำของซิงจือเหยียนนั้นเด่นชัดอยู่ในความมืด

เขาหอบหายใจอย่างแรง ค่อย ๆ ก้มศีรษะลง ปิดกั้นริมฝีปากของเธอด้วยริมฝีปากของเขา ลิ้นที่ร้อนผ่าวของเขาดันเปิดริมฝีปากของเธอออก

ในขณะนั้น สัญญาณเตือนในสมองของเฉินหรูซวงดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

เธอกัดฟันแล้วยกขาขึ้นถีบไปที่ท้องของซิงจือเหยียน

ซิงจือเหยียนเจ็บปวด เซิ่นหรูซวงมุดออกมาจากใต้ร่างของเขาเหมือนปลาไหลและวิ่งไปที่ห้องน้ำ

ขณะที่มือของเธอเพิ่งจะแตะลูกบิดประตู ซิงจือเหยียนก็พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง กดร่างเธอแนบไปกับประตูห้อง

เมื่อรู้สึกว่ามือของซิงจือเหยียนกำลังคลำหาอยู่ที่เอวของเธอ เธอกัดฟันแน่น “ซิงจือเหยียน ได้สติสักทีเถอะ!”

เสียงของซิงจือเหยียนแหบทุ้ม ลมหายใจที่ร้อนผ่าวพ่นรดไปที่ใบหน้าของเธอ มือใหญ่ทั้งสองข้างกุมเอวของเธอไว้แน่น "จะหนีไปไหน?"

หางตาของเซิ่นหรูซวงสั่นเทิ้ม "ซิงจือเหยียน คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?"

“ฉันไม่ใช่เว่ยอวิ่นลู่ คุณตั้งสติหน่อยสิ!”

ใบหน้าที่ร้อนผ่าวของซิงจือเหยียนแนบไปกับใบหน้าของเธอ พึมพำ "ลู่ลู่?"
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 263

    จอภาพขนาดใหญ่ด้านหลังยังคงฉายคลิปวิดีโอต่อไป บทเพลงเปียโนที่เคอซานเหมยบรรเลงในวิดีโอนั้นเหมือนกับบทเพลงที่เซิ่นหรูซวงบรรเลงทุกประการ ประสานเสียงกันได้อย่างลงตัวผู้ชมด้านล่างเวทีต่างพากันส่งเสียงฮือฮาเพราะเว่ยอวิ่นลู่พูดยอมรับกับปากของตัวเองว่าลอกเลียนแบบเพราะเว่ยอวิ่นลู่ไม่ใช่เคอซานเหมย และเคอซานเหมยเป็นคนคนหนึ่งที่มีอยู่จริงข้อมูลที่ถาโถมเข้ามานั้นท่วมท้นมากเสียจนกรรมการและผู้ชมด้านล่างเวทีต่างตกตะลึง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา“เธอเตรียมตัวมาดีมากเลยนี่” เซิ่นหรูซวงได้ยินเสียงเย็นเยียบของตัวเอง พยายามระงับซ่อนความโกรธที่แทบไม่มีคนรู้เอาไว้ “เธอเคยสืบค้นข้อมูลของเคอซานเหมยมาก่อน ถึงได้รู้เรื่องของเธอมากขนาดนี้”หยาดน้ำตาสีใสหยดลงมาจากปลายหางตาของเว่ยอวิ่นลู่ เธอยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกคิดถึงปนโล่งใจ ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกพร้อมยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ “หรูซวง ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอเข้าใจฉันผิด ฉันเองก็เข้าใจ”“แต่ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจฉันบ้าง ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอเองก็วางแผนให้อาเหมยและห่วงใยเธอมากขนาดนี้ ถ้าฉันรู้ บางทีฉันคงไม่เลือกเดินเส้นทางนี้หรอก”ในขณะที่พูด เธอก็ยิ้มรา

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 262

    หลังจากคลิปวิดีโอเริ่มฉายไปได้ประมาณครึ่งนาที ผู้ชมต่างเงียบกริบทุกคนต่างฟังออกได้ในทันทีว่าในคลิปวิดีโอ เคอซานเหมยกำลังเล่นเพลง ‘ความปรารถนา’ท่าทีของแฟนคลับของเว่ยอวิ่นลู่เปลี่ยนจากความดูถูกเหยียดหยามในตอนแรกเป็นความประหลาดใจ และในท้ายที่สุดใบหน้าของพวกเขาก็แข็งค้างพวกเขาหยิบโทรศัพท์ออกมา รีบร้อนพิมพ์ค้นหาเวลาที่เร็วที่สุดที่เพลง ‘ความรัก’ ของเว่ยอวิ่นลู่ปล่อยออกมาด้วยนิ้วมือสั่นเทาถ้าเว่ยอวิ่นลู่ไม่ใช่เคอซานเหมย ถ้าอย่างนั้นระหว่างเพลง‘ความปรารถนา’ และเพลง ‘ความรัก’ ก็ต้องมีเรื่องการลอกเลียนแบบเข้ามาเกี่ยวพันอย่างแน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาว่าเพลงเปียโนสองเพลงนี้เพลงไหนถูกปล่อยออกมาก่อนกัน และเพลงไหนที่ลอกเลียนแบบวันที่ถ่ายทำคลิปวิดีโอแสดงไว้อย่างชัดเจนที่มุมขวาบนของจอภาพสิ่งที่ต้องหาตอนนี้คือวันที่เพลง ‘ความรัก’ ของเว่ยอวิ่นลู่ปล่อยออกมา“เดี๋ยวก่อน ดูบนเวทีสิ”แฟนคลับคนนั้นยังไม่ทันได้กดค้นหาก็โดนคนด้านข้างขัดจังหวะขึ้นเสียก่อนเขาเงยหน้าขึ้นมองบนเวที สายตาจ้องเขม็งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เว่ยอวิ่นลู่เดินจากที่นั่งผู้ชมขึ้นไปยังบนเวที เวลานี้ เธอยืนอยู่

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 261

    ไม่กี่วินาทีต่อมา ภาพก็ปรากฏชัดเจนมากขึ้นเป็นภาพของห้องเปียโนที่แสนเรียบง่าย พร้อมเปียโนที่แค่มองก็เห็นได้ว่าเป็นเปียโนราคาถูกหนึ่งหลัง และหญิงสาวงดงามสะอาดตาที่สวมชุดเดรสลายดอกไม้เรียบ ๆ รวบผมครึ่งศีรษะ เธอก้มศีรษะลงมาเล็กน้อย ปอยผมคลอเคลียอยู่บริเวณด้านข้างใบหน้า“ครูคะ โอเคแล้วค่ะ”น้ำเสียงใสซื่อไร้เดียงสาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนเยาว์ดังก้องขึ้นในวิดีโอ หญิงสาวที่ปรากฏในวิดีโอไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา น่าจะเป็นเสียงของคนที่กำลังถ่ายวิดีโอเมื่อได้ยินเสียงนี้ คนส่วนใหญ่ในห้องแสดงล้วนรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมากขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิด เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เร็วสิคะคุณครู ไม่ต้องเขินหรอก บทบรรเลงเสียงเปียโนที่เพราะขนาดนี้เราก็ต้องอัดไว้ให้ดีสิคะ”ทุกคนค่อย ๆ หันไปมองเซิ่นหรูซวงช้า ๆ และกระจ่างแจ้งในทันทีเสียงในคลิปวิดีโอคล้ายกับเสียงของเซิ่นหรูซวงในตอนนี้มาก ดังนั้นคนที่ถ่ายคลิปวิดีโออยู่คือเซิ่นหรูซวง!หญิงสาวในคลิปวิดีโอเอียงศีรษะพลางยิ้มบาง ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความระอาใจ แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “โอเค ถ้าเธอบอกว่าได้ก็คือได้ล่ะนะ”“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนค่ะ!”

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 260

    เว่ยอวิ่นลู่กำมือแน่น แต่สีหน้าก็ยังดูนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากยิ่งเป็นช่วงเวลาแบบนี้ ยิ่งต้องใจเย็นและคุมสถานการณ์ให้ได้นิ่งเท่านั้นถึงจะชนะ ไม่ให้เซิ่นหรูซวงได้ทำสำเร็จแน่เว่ยอวิ่นลู่เอาแต่จ้องมองไปที่เวทีตลอด แล้วสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของเวทีนั้นทันทีสายตาเธอชะงักไปนิดนึง มีแววตาบางอย่างฉายวาบขึ้นมา แล้วเธอก็ค่อย ๆ ก้มหน้าลง“เป็นอะไรไป?”ซิงจือเหยียนเหมือนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้อย่างกะทันหัน แล้วกระซิบข้างหูเธอ เสียงที่พูดออกมาก็นุ่มทุ้มใจของเว่ยอวิ่นลู่เต้นตึกตักนิดนึง เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก คุณไม่ต้องกังวลนะ”ดวงตาที่สวยคมเข้มของซิงจือเหยียนดูลึกลับและมืดมิดไปอีกท่ามกลางบริเวณที่นั่งผู้ชมที่ค่อนข้างมืดสลัว เขาหล่อจนเกินจริงมาก ๆ เว่ยอวิ่นลู่มองแล้วก็หน้าแดงใจเต้น “มองฉันแบบนี้ทำไมเหรอ?”ซิงจือเหยียนพูดว่า “ฉันจำได้ว่าเพลงของเซิ่นหรูซวงมีจุดขัดแย้งกับเพลงของเธออยู่หน่อยนะ”เว่ยอวิ่นลู่ตะลึงไปเล็กน้อยถ้าเธอจำไม่ผิด เรื่องบทเพลงนี้ ซิงจือเหยียนเคยได้ยินเซิ่นหรูซวงเล่นแค่ครั

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 259

    “เพลงที่เล่นไม่ใช่เพลง “ความรัก” ของเว่ยอวิ่นลู่เหรอ? เป็นเพลง “ความปรารถนา” ของเคอซานเหมย แต่นั่นก็เป็นผลงานของเว่ยอวิ่นลู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?"“เซิ่นหรูซวงบ้าไปแล้วหรือ? เอาอีกแล้ว? บทเรียนครั้งเดียวยังไม่ทำให้เธอยอมแพ้อีกเหรอ ก็บอกไปหมดแล้วว่าเคอซานเหมยก็คือนามแฝงของเว่ยอวิ่นลู่ไม่ใช่หรือไง? ไม่รู้จักจบจักสิ้นจริง ๆ!”“นั่นสิ ฉันว่าเธอคงอิจฉา เห็นเว่ยอวิ่นลู่กำลังจะคว้าแชมป์ ก็เกิดอิจฉาตาร้อน ทำเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ดี คนอื่นก็อย่าหวังมีความสุขด้วยทำนองนั้น!”จวงเหมยจับใจความชื่อของเคอซานเหมยได้อย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้ว แววตามีความประหลาดใจแวบหนึ่งเมื่อมีทีมรักษาความปลอดภัยอยู่ตรงนั้น กลุ่มผู้ชมก็ไม่ได้พูดคุยกันนาน พวกเขาถูกบังคับให้หยุดพูด ทำให้จวงเหมยอยากฟังต่อก็ทำไม่ได้ชื่อของเคอซานเหมย ดูเหมือนเธอจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เธอก็เผลอหันไปมองเว่ยอวิ่นลู่ที่อยู่ด้านหลังซ้ายมือโดยไม่ตั้งใจเพียงแวบเดียวเท่านั้น ความสงสัยในใจของจวงเหมยก็ยิ่งลึกมากขึ้นถึงแม้เว่ยอวิ่นลู่จะยังคงรักษาความสงบและอ่อนโยนเหมือนปกติ แต่จวงเหมยก็สังเกตเห็นความรู้สึกกังวลและความกลัว

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 258

    ซิงจือเหยียนพูดเสียงเบาว่า “ได้สิ เดี๋ยวฉันให้ผู้ช่วยจัดการ เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”เว่ยอวิ่นลู่เม้มปากยิ้ม “ขอบคุณนะคะ อาเหยียน”จวงเหมยขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกเสียดายการแข่งขันเปียโนเย่ว์ไห่รอบชิงชนะเลิศให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ของผู้เข้าแข่งขันมาโดยตลอด ดังนั้นเกณฑ์การให้คะแนนในรอบชิงชนะเลิศจึงแตกต่างจากรอบแรกและรอบคัดเลือกเล็กน้อย โดยมีคะแนนสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานอิสระอยู่ที่ห้าเปอร์เซ็นต์ ถึงแม้สัดส่วนจะไม่สูงมากนัก แต่ก็สามารถส่งผลต่อคะแนนและอันดับโดยรวมได้ดังนั้นผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ จึงเลือกเล่นเพลงที่พวกเขาแต่งขึ้นเองมีแค่เซิ่นหรูซวงเท่านั้นที่ไม่ได้เลือกเพลงที่ตัวเองแต่งซ้ำยังเป็นเพลงที่เว่ยอวิ่นลู่แต่งขึ้นมาอีกด้วยนั่นหมายความว่า คะแนนห้าเปอร์เซ็นต์ของเซิ่นหรูซวงหายไป ถ้าเธอไม่ได้บรรเลงได้ยอดเยี่ยมจนน่าทึ่งจริง ๆ ก็คงยากที่จะสู้กับผู้เข้าแข่งขันเก่ง ๆ คนอื่นได้เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนระหว่างเซิ่นหรูซวงกับเว่ยอวิ่นลู่แล้ว จวงเหมยก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีคนที่มาในงานส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับของเว่ยอวิ่นลู่ จวงเหมยภาวนาให้แฟนคล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status