Share

บทที่ 1882

Auteur: โมเนโต้
“ท่านทั้งสอง หัวหน้าเผ่าของเราไม่ได้โกหกพวกคุณ พวกเราคือเผ่าเก้าเทพ เขาเป็นหัวหน้าเผ่า และตอนนี้ผมก็เป็นผู้ช่วยหัวหน้าเผ่าเก้าเทพ!” ออสตินเริ่มหยิ่งผยองมากขึ้นเมื่อเขาคิดว่าเผ่าเก้าเทพจะกลายเป็นหนึ่งในกองกำลังหลักที่ดีที่สุดได้อย่างไร เขามองไปที่อีกฝ่ายอย่างเย็นชาในขณะที่เขาพูด “พวกคุณควรจะจดจำชื่อเผ่าเก้าเทพของเราเอาไว้ กองกำลังของเราจะยึดครองโลกราวกับพายุทีเดียว!”

“พรืด!” ฝ่ายตรงข้ามหัวเราะออกมาทันที

ผู้อาวุโสคนหนึ่งจากตำหนักโลหิตแกร่งกล้าถึงกับกุมท้องในขณะที่เขาหัวเราะเยาะ “ฮ่าฮ่า! คุณคิดจะทำให้ผมหัวเราะจนตายได้ยังไง? วางแผนที่จะครองโลก? คุณคิดว่าเราไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณในตอนนี้นั้นเหรอ? คุณเป็นคนเดียวในขั้นที่หนึ่งระดับทะลวงวิญญาณ และผู้ชายคนนั้นก็ยังอยู่ในขั้นที่เจ็ดระดับเทพสูงสุดเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น พลังการต่อสู้ของเขาเทียบได้กับปรมาจารย์ในขั้นที่หนึ่งระดับทะลวงวิญญาณเท่านั้น”

ผู้อาวุโสชะงักไปก่อนที่จะพูดต่อ “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมยังสงสัยอยู่หน่อย ๆ ว่า ถ้าวางแผนจะหลอกเราทำไมออสตินถึงไม่ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าซะเองล่ะ? ทำไมคุณถึงปล่อยให้หนุ่มน้อยที่มีทักษะยุทธต่ำกว่าคุ
Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application
Chapitre verrouillé

Related chapter

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1883

    "นี่มันอะไรกัน?!" ผู้ช่วยเจ้าตำหนักโลหิตแกร่งกล้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติทันทีที่หมัดของพวกเขาปะทะกัน ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขานี้แข็งแกร่งอย่างปฏิเสธไม่ได้ และดูเหมือนว่าพลังการต่อสู้ของเขาจะไม่พลังของคนที่อยู่ในขั้นที่หนึ่งระดับทะลวงวิญญาณ คู่ต่อสู้ของเขาดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเขาเสียด้วยซ้ำตู้ม!ในวินาทีต่อมา ผู้ช่วยเจ้าตำหนักโลหิตแกร่งกล้าก็ถูกส่งให้บินถลาไป เขากระอักเลือดออกมาจากริมฝีปาก ก่อนจะกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง“อั่ก! พรวด!”ผู้ช่วยเจ้าตำหนักโลหิตแกร่งกล้ามองคู่ต่อสู้ด้วยแววตาประหลาดใจ และเขาตกใจมากจนได้แต่จมอยู่ในห้วงความรู้สึกในไม่ช้าสก็อตต์ เดวิส เจ้าตำหนักโลหิตแกร่งกล้าก็ค้นพบบางสิ่งและอุทานออกมาว่า “นี่ไม่ถูกต้อง! เขาไม่ได้อยู่ในขั้นที่เจ็ดระดับเทพสูงสุด ชายหนุ่มคนนี้แท้จริงแล้ว… เขาอยู่ในขั้นที่หนึ่งระดับทะลวงวิญญาณ!”"เป็นไปไม่ได้! เขาจะทะลวงผ่านได้รวดเร็วเช่นนี้ได้ยังไง?” ผู้อาวุโสหลายคนของตำหนักโลหิตแกร่งกล้ารู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากพวกเขาแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น“ถูกต้อง เขาทะลวงระดับเร็วเกินไป ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะอยู่ในขั้นที่

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1884

    “ฮ่าฮ่า! พวกคุณคงไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นใช่ไหมล่ะ? ยังมีอีกหลายเรื่องเลยล่ะที่คุณคงคิดไม่ถึง!” ออสตินหัวเราะเสียงดังและในไม่ช้าสมาชิกของเผ่าเก้าเทพ ก็ต้อนคู่ต่อสู้ของพวกเขาเสียจนมุม“ผมจะทำให้พวกคุณได้ลิ้มรสพลังของหมัดมังกรคู่!” เฟนด์ไม่คิดที่จะปล่อยให้เรื่องราวยืดเยื้อนานนัก เมื่อเกิดความคิดแล่นขึ้นในหัว เขาจึงหมอบลงเล็กน้อยและในไม่ช้าก็ใช้กระบวนท่าหมัดมังกรคู่ หมัดคลื่นพลังฉีขนาดมหึมาปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาสองคลื่นหมัดพลังฉีทั้งสองดูเหมือนจะสูงหลายร้อยเมตรและดูน่าเกรงขามมากกว่าก่อนหน้านี้เสียอีกสมาชิกทั้งสองของตำหนักโลหิตแกร่งกล้าเองก็สร้างยักษ์ตัวใหญ่ที่มีสีทองอร่ามและพุ่งไปข้างหน้าเช่นกันถึงอย่างนั้นยักษ์ตัวนี้ก็ไม่สามารถเทียบได้กับกำปั้นสีทองขนาดใหญ่ของเฟนด์และมีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของกำปั้นของชายหนุ่ม"แย่แล้ว การโจมตีของเราไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ เราเสร็จแน่!” ใบหน้าของสก็อตต์ซีดลงในขณะที่เขามองไปที่กำปั้นสีทองที่เข้ามาใกล้พวกเขาขึ้นเรื่อย ๆ“เจ้าตำหนักทำไมทักษะยุทธนี้ถึงดูคุ้นตานัก? มันดูเหมือนทักษะยุทธจากเผ่ากระหายเลือดเลย นี่เป็นทักษะที่ค่อนข้างทรงพลัง แต่เด็ก

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1885

    ชายอีกคนที่อยู่ในขั้นที่เก้าระดับเทพสูงสุดก็ต้องการหนีจากวงล้อมไปในทิศทางดังกล่าวเช่นกัน เขาหน้าซีดเพราะตกใจเมื่อเห็นฉากนี้ และหันหนีไปทางอื่นเพื่อที่จะหลบหนีเสียงการต่อสู้อันน่าสยดสยองยังคงดำเนินต่อไปจนถึงช่วงบ่ายก่อนที่มันจะจบลงแม้ว่าเฟนด์และคนอื่น ๆ จะช่วยฆ่าคนของฝ่ายตรงข้าม แต่สมาชิกตำหนักโลหิตแกร่งกล้าหลายแสนคนก็มีจำนวนมากเกินไป ท้ายที่สุดแล้ว จำนวนคนราวหนึ่งพันถึงสองพันคนก็​โชคดี​พอ​ที่จะ​หนีไปได้“ฮ่าฮ่า! เราเกือบจะกวาดล้างพวกเขาทั้งตำหนัก แต่บางคนกลับโชคดีและให้หนีเข้าไปในป่าทัน เราจัดการคนพวกนั้นไม่ได้ แต่ผมคิดว่าพวกเขาเหลือกันเพียงหนึ่งถึงสองพันคนเท่านั้น ฮ่าฮ่า!” ออสตินหัวเราะออกมาเสียงดังหลังจากการต่อสู้จบลง พวกเขาฆ่าคนของฝ่ายตรงข้ามไปมากมาย แต่เผ่าเก้าเทพกับเผชิญกับความสูญเสียสมาชิกไปเพียงสองพันถึงสามพันคนเท่านั้น มีหลายพันคนได้รับบาดเจ็บ แต่หากพูดรวม ๆ แล้ว นับว่าเป็นชัยชนะที่น่าตกใจทีเดียว"ใช่ ผมเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเราจะสามารถกวาดล้างตำหนักที่เราเคยหวาดกลัวพวกเขาในอดีตได้ ฮ่า ๆ…! นับจากนี้ตำหนักโลหิตแกร่งกล้าก็นับว่าใกล้จะถึงคราวอวสานแล้ว!” ผู้อาวุโสอีกคนอุทาน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1886

    “นับว่ายอดเยี่ยมไปเลย หัวหน้าเผ่า คุณเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุชั้นยอดระดับสาม และคุณก็เป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งทางจิตใจสูงมาโดยตลอด ฮ่าฮ่า… ตราบใดที่หัวหน้าเผ่าเต็มใจที่จะค้นคว้าทักษะยุทธนี้ คุณอาจเชี่ยวชาญในทักษะนี้เลยก็ได้ เมื่อถึงตอนนั้น พลังการต่อสู้ของคุณจะเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอน!” คีแรนมีรอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ ทุกคนมีความหวังต่อเผ่าเก้าเทพเฟนด์พยักหน้าและดูรายละเอียดของตำราก่อนที่จะพูด "การฝึกทักษะยุทธนี้ซับซ้อนและผมต้องการเวลาในการค่อย ๆ ศึกษา แต่หากผมสามารถฝึกฝนทักษะยุทธนี้ได้พลังการต่อสู้ของผมก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทักษะนี้ถูกแบ่งออกเป็นสามผนึกและแต่ละผนึกก็แข็งแกร่งกว่าผนึกขั้นก่อนหน้าด้วย!”"จริงหรือ? นับว่าเป็นเรื่องดี! ทั้งนี้เราจะได้ประโยชน์อย่างมาก และเราได้รับอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงสุดจำนวนมากพอสมควรจากคนเหล่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีทักษะยุทธและทักษะศิลปยุทธอีกมากมายด้วย!” คีแรนกล่าวอย่างมีความสุข “หัวหน้าเผ่า การบ่มเพาะโอสถของคุณย่อมต้องใช้วัตถุดิบมากมาย หลังจากจัดแจงทุกอย่างแล้วเราจะนำส่วนผสมเหล่านั้นมาให้คุณ และคุณจะสามารถเลือกของที่จำเป็นต้องใช้ได้เอง!”

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1887

    เขาไม่เคยคาดคิดว่าเฟนด์จะแต่งตั้งเขาเป็นผู้อาวุโสลำดับที่เก้าของเผ่าขึ้นมาดื้อ ๆ และวางแผนที่จะให้เขาดูแลนักเล่นแร่แปรธาตุรุ่นต่อไปของเผ่า อาจกล่าวได้ว่าเขาได้รับมอบหมายในงานที่สำคัญของเรา"ไม่ต้องกังวล ในอนาคตคุณสามารถขอส่วนผสมที่คุณต้องการได้จากเผาโดยตรง เราจะร่วมมือกับคุณในเรื่องของการบ่มเพาะโอสถ แน่นอนว่าพลังยุทธของคุณก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเนื่องจากความแข็งแกร่งทางจิตใจของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทักษะการบ่มเพาะโอสถของคุณไม่น้อยเลยทีเดียว!” เฟนด์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเอ่ยเสริม"ไม่ต้องกังวล ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดูแลนักเล่นแร่แปรธาตุของเผ่าเรา” เควินพูดอย่างจริงจัง“ใครจะไปรู้ว่าเรามีนักเล่นแร่แปรธาตุที่ทรงพลังอยู่ในเผ่าของเราด้วย? ฮ่าฮ่า… ผมนึกมาตลอดว่าจะมีนักเล่นแร่แปรธาตุที่แข็งแกร่งเพียงคนเดียวเท่านั้น! แต่ปรากฎว่ามีนักเล่นแร่แปรธาตุอีกคนหนึ่งที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ขั้นต้นระดับสามอยู่ที่นี่ด้วย!” ออสตินและคนอื่น ๆ ตื่นเต้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เดิมทีพวกเขาคิดว่าในเผ่าของพวกเขาจะมีนักเล่นแร่แปรธาตุแค่เพียงคนเดียวเสียอีก และยังนึกกังวลว่าเฟนด์ต

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1888

    “เกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ยังไง? พวกเขาเดินทางไปถึงที่นั่นแล้วเหรอ? การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้วงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสชายที่ยืนอยู่ข้างข้าง ๆ อ้าปากค้างหลังจากได้ยินสิ่งนี้ เขาก็มีสีหน้ามืดมนเช่นกันแต่นายท่านโลเดอร์พูดทั้งรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า… ไม่ใช่แค่เริ่มการต่อสู้หรอก ผมคิดว่าตอนนี้การต่อสู้น่าจะจบลงแล้วด้วยซ้ำ! แต่ผมก็ค่อนข้างอยากรู้ ว่าผู้คนที่มาจากดินแดนรกร้างกำลังซ่อนตัวอยู่ในตำหนักคลื่นเมฆาหรือกองทัพทั้งเก้ากันแน่? แต่ไม่ว่าพวกเขาจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ตอนนี้พวกเขาก็คงถูกฆ่าไปแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดี!”นายท่านโลเดอร์หยุดก่อนที่จะพูดต่อ “แน่นอน เพราะคุณมีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบคำถาม พอถึงพวกคุณจะไม่บอกว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน แต่พอคนของพวกผมกลับมา เขาก็ต้องแจ้งเรื่องนี้ให้ผมทราบอยู่ดี!”ผู้อาวุโสหญิงมีสีหน้ามืดมนอย่างมากบนใบหน้า เธอตอบกลับไปหลังจากเงียบไปสองสามวินาที “พวกเขาราวสามหมื่นคนไปที่ตำหนักคลื่นเมฆาและที่เหลืออยู่ที่กองทัพทั้งเก้า ไม่คิดเลยว่าพวกคุณได้ส่งตำหนักโลหิตแกร่งกล้าไปยังกองทัพทั้งเก้า หากเป็นเช่นนี้พวกเขาคงรอดกันไม่มากนัก หากพวกเขารอด ก็คงรอดไม่มากนักหรอก!”“คุณพูดถูก ผมเ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1889

    ผู้อาวุโสชายพยักหน้าและพูดว่า “ตอนนี้กองทัพทั้งเก้าอาจจะมีปัญหา พวกเขามีศัตรูเข้าหามากมาย ในขณะที่พวกเขามีคนจากดินแดนรกร้างอยู่ด้วยเพียงไม่กี่แสนคนเท่านั้น แม้ว่าจำนวนของพวกมันจะนับว่าไม่น้อยแต่พลังการต่อสู้โดยรวมของพวกเขาก็อยู่ในระดับหนึ่งจากห้าดาวเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถต่อกรกับตำหนักโลหิตแกร่งกล้าได้ ดังนั้นผมจึงคาดการณ์ว่าคนของกองทัพทั้งเก้าจะหลบหนีได้ยาก!”“อ่า น่าเสียดายสำหรับอัจฉริยะอย่างเฟนด์ วู๊ด ฉันได้ยินจากคนของตำหนักคลื่นเมฆาว่าเขามีพรสวรรค์ในการต่อสู้ของเด็กนั่นน่าทึ่งมาก ช่างน่าเสียดาย!"ผู้อาวุโสหญิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้อีกครั้ง “เมื่อกลับไปถึง ฉันจะไปสำรวจจำนวนที่เหลือของสมาชิกตำหนักคลื่นเมฆา ฉันเชื่อว่าหากมีคนที่สามารถหลบหนีได้ พวกเขาจะไปที่ตำหนักของพวกเราเพื่อหาที่หลบภัย”“อืม งั้นก็กลับกันเถอะ!”หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกันสักพัก พวกเขาก็กลับไปที่ตำหนักของตัวเองในขณะนั้นเฟนด์และคนอื่น ๆ ล้วนมีความสุขอย่างมาก พอตกกลางคืนก็เตรียมพักผ่อนกันตามสมควร“นี่มันสุดยอดไปเลยเราได้รับชัยชนะอย่างงดงาม!”เซเลน่าและเฟนด์นั่งอยู่ในลานบ้าน พวกเขามองไปยังดวงจันทร์บนท้องฟ้า แต่เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1890

    “ถ้าอย่างนั้นเดือนนี้คุณคงต้องพยายามอย่างหนัก หากพวกเขาส่งนักสู้ในขั้นที่เจ็ดระดับเทพสูงสุดมาจริง ๆ ด้วยระดับพลังยุทธและพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของคุณคงเทียบอะไรกับพวกเขาไม่ได้!”หลังจากที่เซเลน่าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็พูดว่า “อย่างน้อยคุณก็ต้องเข้าไปในขั้นที่สามหรือสี่ในระดับทะลวงวิญญาณ ใช่ไหม?”เฟนด์ยังพูดในขณะที่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ใช่แล้วล่ะ ถ้าผมใช้เพียงโอสถชั้นเลิศระดับสามในการบ่มเพาะตัวเอง แม้ว่าผมจะสามารถรักษาระดับการบ่มเพาะของตัวเองให้คงที่ได้ แต่อย่างมากผมก็คงจะสามารถทะลวงเข้าไปในขั้นที่สองระดับทะลวงวิญญาณได้เท่านั้น การสร้างความก้าวหน้าในขณะที่เราอยู่ในทะลวงวิญญาณนั้นยากกว่าเดิม เว้นแต่ผมจะ…”เฟนด์ไม่ได้พูดต่อจนจบประโยค แต่เซเลน่าก็เดาความคิดของเฟนด์ได้ “เว้นแต่คุณจะสามารถบ่มเพาะโอสถระดับสี่ได้สำเร็จในช่วงเดือนนี้ และหลังจากบ่มเพาะโอสถระดับสี่สำเร็จแล้วเท่านั้น ระดับการบ่มเพาะของคุณจึงจะสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างมาก ถูกไหม?”"ถูกต้อง!"เฟนด์พยักหน้าและจับมือเซเลน่า “นั่นเป็นเหตุผลที่คืนนี้ผมอาจไม่มีเวลาอยู่กับคุณ” เขากล่าว “ผมต้องบ่มเพาะตัวเองเพื่อพยายามรักษาระดับพลังย

Latest chapter

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2455

    ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2454

    ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2453

    เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2452

    พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2451

    “สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2450

    ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2449

    เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2448

    กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2447

    ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status