“ส้มครับ...ไม่ว่าใครจะพูดอะไร พี่อยากให้ส้มเชื่อใจพี่นะครับ”
“ส้มไม่เข้าใจค่ะ”
“พี่รักส้มนะ รักจริง ๆ แล้วพี่จะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทีหลัง”
“อธิบายเรื่องอะไรคะ พี่โซ่พูดให้ชัด ๆ ได้ไหม ส้มงงไปหมดแล้ว”
แต่ศรัณไม่มีเวลาอธิบายเพราะหฤทัยจูงมือพี่สะใภ้ก้าวอาด ๆ มาหา ชายหนุ่มหน้าซีดเป็นกระดาษ อุรัศยามองสามีที่สวมใส่ชุดไทยประยุกต์หล่อเหลาจัดเต็มแถมยังยืนเคียงข้างหญิงสาวอีกคนแต่งตัวโทนเดียวกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าสถานะของสองคนนี้คืออะไร...
สริดาผงะไปเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวที่เธอยังไม่รู้จักจู่ ๆ ก็สะอื้นเสียงดัง น้ำตาร่วงพรู มารดาของศรัณโอบกอดหญิงสาวคนนั้นไว้ ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ดูอ่อนวัยที่สุด กำลังจ้องเธออย่างรังเกียจ
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”
“ที่ถามนี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอ...”
“ซ่า เดี๋ยวพี่พูดเอง”
ศรัณพยายามปรามน้องสาว แต่ถึงตอนนี้แม้แต่ช้างก็ฉุดหฤทัยไม่อยู่แล้ว
“จะพูดอะไร จะบอกเมียน้อยพี่หรือไงว่าที่กำลังร้องไห้อยู่นี่คือเมียตัวจริง เมียหลวง!”
มีเสียงอุทานและฮือฮารอบข้างดังขึ้นเบา ๆ สีเลือดเผือดหายไปจากใบหน้าของสริดาทันที
“ส้ม ฟังพี่ก่อนนะครับ...”
เป็นอีกครั้งที่ศรัณยังไม่มีโอกาสได้แก้ตัว เพราะมนิษาที่เพิ่งมาเห็นฉากเหตุการณ์ ปรี่เข้ามายืนข้างพี่สาวทันที พริบตาเดียวร่างสูงใหญ่ของธีทัตก็มายืนซ้อนหลังด้วยเช่นกัน สำหรับเขาแล้วแม้ยังไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไร แต่เมียรักอยู่ที่ไหน ธีทัตก็ต้องอยู่ที่นั่นเสมอ
“อะไร เกิดอะไรขึ้น”
คนอุ้มท้องถามพลางกวาดตามองทุกคนที่ยืนตรงนั้น หญิงสาวคิดเองว่าคงไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทกับใครทั้งนั้นเพราะดูจากสีหน้าแววตาของแต่ละคน คงไม่ได้กำลังให้ศีลให้พรกันอยู่เป็นแน่
หฤทัยที่ท่าทางไม่กลัวใครเหมือนกัน จ้องมนิษาที่อุ้มท้องโย้ ท่าทางเอาเรื่อง
“คุณเป็นใคร”
“แล้วคุณล่ะเป็นใคร นี่งานหมั้นของพี่สาวฉัน เราเชิญแต่แขกที่เรารู้จัก ขออภัยที่ฉันยังไม่รู้จักคุณ”
หฤทัยแสยะยิ้มก่อนจะหัวเราะดูแคลน
“งานพี่เธอเหรอ ฉันก็มางานพี่ชายฉันเหมือนกัน”
“อ้อ...พวกคุณเป็นแขกของคุณศรัณนี่เอง สวัสดีครับ”
ธีทัตเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ไม่แสดงอาการรับรู้บรรยากาศมาคุตรงหน้า และมันได้ผลเพราะทั้งน้ำเสียง รอยยิ้มและบุคลิกของเขา ทำให้หฤทัยที่ตั้งใจมาฟาดฟันเต็มที่ มีท่าทีอ่อนลงไปเล็กน้อย
“ใช่...ใช่ค่ะ ฉันเป็นน้องสาวพี่โซ่ ส่วนนี้ก็แม่แล้วนี่ก็พี่สะใภ้ของฉัน เมียพี่โซ่เอง”
“เมีย!”
มนิษาอุทาน สองมือเท้าสะเอวทันที
“นี่นายมีเมียอยู่แล้วเหรอ นายศรัณ!”
“ใจเย็นก่อนนะครับ ฟังผมอธิบายก่อน”
“ฟังอยู่ รีบอธิบายมาสิ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ วินาทีนี้เลย!”
ธีทัตแตะแขนภรรยา เอ่ยเสียงเบาให้เธอใจเย็น ๆ เพื่อให้โอกาสตัวต้นเรื่องได้อธิบาย น่าขันที่เมื่อเห็นสีหน้าของศรัณยามนี้ ธีทัตกลับรู้สึกเห็นใจขึ้นมา เหมือนกำลังดูสารคดีตอนที่ตำรวจจับคนร้ายได้คาหนังคาเขาและมั่นใจได้เลยว่าฉากต่อไปคนร้ายคนนี้ต้องซี้แหงแก๋
ต่างจากสีหน้าของผู้หญิงอีกคนที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยา ใบหน้านองน้ำตานั้นไม่มีความโกรธเกรี้ยวแต่เต็มไปด้วยความปวดร้าวเสียใจ
น้ำตาของอุรัศยาทำให้ศรัณละล้าละลัง แต่เขาเลือกจะหันมาหาผู้หญิงอีกคนแทน
“ส้มครับ ไปคุยกับพี่ส่วนตัวหน่อยได้ไหม พี่อยากอธิบายเรื่องนี้ให้ส้มฟัง”
“คุยกันตรงนี้เลยดีกว่าค่ะ”
สริดาตอบ วิศวกรหนุ่มอึกอัก ก่อนจะอ้อมแอ้มอธิบายแบบไม่เต็มเสียงนัก
“หญ้าเป็นเมียพี่จริง ๆ พี่เคยแต่งงานแล้วและก็มีลูกสาวหนึ่งคน พี่ตั้งใจจะบอกเรื่องนี้กับส้มภายในวันนี้นะครับ”
“แล้วทำไมไม่บอกก่อนหน้านี้คะ ถ้าแฟนพี่โซ่ไม่มาวันนี้ ส้มจะได้รู้ความจริงเมื่อไรคะ”
สริดาย้อนถาม ความสงบนิ่งเริ่มพังทลาย ไม่ได้เสียใจแต่โกรธที่ถูกปิดบังในเรื่องที่สำคัญที่สุด... เขาต้องเห็นเธอโง่มากแค่ไหนจึงได้หลอกลวงจนนาทีสุดท้ายแบบนี้
“อะไร เกิดอะไรขึ้น มีใครเป็นอะไร”
องุ่นที่เพิ่งจะออกจากห้องน้ำเดินเข้ามาสมทบด้วยความสงสัยเมื่อเห็นทุกคนยืนจับกลุ่มกันสีหน้าเคร่งเครียด
มนิษาเฉลยอย่างฉับไว
“ไม่มีใครเป็นอะไรหรอกป้าหงุ่น ก็แค่ภรรยาของนายศรัณคนโปรดของป้าหงุ่นเขามาร่วมแสดงความยินดีด้วยเท่านั้นเอง”
“ภรรยาใครนะ”
“ภรรยานายศรัณ เมียของนายโซ่คนนี้ไง!”
“คุณพระ! นี่หล่อนพูดอะไรน่ะยัยมะนาว”
มนิษาหันไปทางหฤทัยอย่างเสียไม่ได้
“คุณคะ ช่วยสงเคราะห์ป้าฉันทีเถอะ แกไม่รู้ว่าพี่ชายคุณมีเมียแล้ว ฉันพูดเองแกก็ไม่ฟังหรอก”
องุ่นมองหฤทัยกับนารี สีหน้าเหลอหลา หฤทัยยังคงหน้าบึ้งตอนที่เอ่ย
“ใช่ค่ะคุณป้า พี่ชายฉันมีเมียแล้วและก็ยังไม่ได้เลิกกันด้วย เขายังรักใคร่กันดี นี่พวกคุณไม่รู้มาก่อนจริง ๆ หรือว่าพี่ชายฉันมันมีลูกมีเมียแล้ว หรือว่ารู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้”
“อ้าว! พูดดี ๆ นะคุณ ถ้าพวกฉันรู้ อย่าว่าแต่งานหมั้นวันนี้เลย แม้แต่บ้านฉันก็จะไม่ให้มาเหยียบ ไหน ๆ พวกคุณก็มาแล้ว ลากพี่คุณกลับไปเสียเลยตอนนี้ดีกว่า ดีนะที่ยังไม่ได้เริ่มพิธี”
“เดี๋ยวก่อนสิยัยนาว ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ แกจะพังงานหมั้นพี่สาวแกอย่างนี้ได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ ป้ายังไม่รู้อีกหรือว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไอ้คนที่ป้าชอบนักหนามันมาหลอกพี่ส้มอยู่นะ นี่ถ้าเมียเขาไม่โผล่มาพวกเราก็คงจะเป็นควายให้มันหลอกจนจบงานนั่นแหละ”
“ผมไม่ได้คิดจะหลอกส้มหวานนะครับ ผมรักส้มจริง ๆ”
อุรัศยาปล่อยโฮเสียงดังเมื่อได้ยินสามีประกาศว่ารักผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าตัวเอง เธอวิ่งกลับออกไปจากงานทันที ศรัณทำท่าเหมือนจะวิ่งตามแต่ยังมีแก่ใจหันมาหาสริดาและองุ่น
“ผมว่าคุณรีบตามภรรยาคุณไปก่อนเถอะครับคุณศรัณ ตอนนี้คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือเธอนะครับ”
ธีทัตเอ่ยเสียงเข้ม ศรัณจึงตัดใจวิ่งตามอุรัศยาไป
อนุสรณ์ที่ยืนนิ่งอึ้งอยู่นาน พยายามเอ่ยคำขอโทษแทนลูกชาย แต่ดูเหมือนคำนั้นจะสายไปเสียแล้ว
ในที่สุดพิธีหมั้นก็ต้องล้มเลิกโดยที่ยังไม่ทันได้เริ่ม โชคดีที่แขกที่ได้รับเชิญเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกันอยู่แล้ว ทุกคนจึงเดินทางกลับด้วยความเข้าใจและเห็นใจ
ครอบครัวของศรัณลากตัวเขากลับนครสวรรค์ สริดาไม่ยอมเจอหน้าเขาอีก องุ่นก็เช่นกัน คนเป็นป้าแทบจะร้องไห้ด้วยความเจ็บใจที่โดนชายหนุ่มรุ่นลูกหลอกลวงมาได้ถึงขนาดนี้ หลานสาวของนางเกือบจะได้เป็นเมียน้อยเพราะนางคนเดียวแท้ ๆ
“ป้าขอโทษจริง ๆ นะลูก ส้มเอ๊ย...”
องุ่นซับน้ำหูน้ำตาระหว่างทางกลับบ้าน
“ใครจะคิดล่ะ หน้าตาก็ดี หน้าที่การงานก็เป็นหลักเป็นฐาน แต่ดันเป็นคนแบบนี้เสียได้ ต่อไปนี้ป้าจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของใครแล้ว ป้าเข็ดแล้วจริง ๆ ลูกเอ๊ย”
มนิษาได้แต่ส่ายหน้าทั้งเวทนาทั้งขบขัน นี่คือเหตุผลที่คนเราไม่ควรไปก้าวก่ายการตัดสินใจในชีวิตของใครก็ตาม แม้จะอ้างว่ารักหรือหวังดีก็ไม่สมควร เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมาก็คงไม่สามารถรับผิดชอบสุขทุกข์ของคนคนนั้นไปได้ตลอดชีวิตอย่างแน่นอน
หญิงสาวขมวดคิ้ว เมื่อจอดรถไว้หน้ารั้วบ้านก็ต้องทำใจอยู่สักพักกว่าจะยอมลงจากรถศรัณส่งยิ้มอบอุ่นหล่อเหลามาให้ มือประคองช่อกุหลาบช่อใหญ่ไว้ด้วย เธอจ้องดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่หลายดอกที่ถูกจัดอย่างประณีต ไม่ใช่เพราะประทับใจแต่เพราะไม่อยากจะมองหน้าเจ้าของช่อดอกไม้ตรง ๆ“น้องส้ม...พี่คิดถึงส้มจังเลยครับ”ศรัณเอ่ยเสียงนุ่มพลางยื่นช่อกุหลาบให้หญิงสาวที่เขาตั้งใจมาหา แต่หนนี้สริดาไม่แม้แต่จะรักษาน้ำใจด้วยการรับไว้“คราวก่อนส้มพูดชัดแล้วนะคะว่าไม่อยากให้พี่โซ่กลับมาที่นี่อีก”“พี่รู้ แต่พี่คิดถึงส้มมากเกินไป หลายวันมานี้พี่แทบไม่มีสมาธิทำงานเลยนะครับ...ในหัวพี่คิดถึงแต่เรื่องของส้มตลอดเวลา ว่าต้องทำยังไงส้มถึงจะเชื่อว่าพี่รักแล้วก็จริงจังกับส้มจริง ๆ”สริดาถอนหายใจ เหลือจะเชื่อจริง ๆ ผู้ชายคนนี้“กลับไปเถอะค่ะ อย่าให้ส้มต้องไล่ซ้ำซากเลย ส้มเหนื่อย...”“พี่จะกลับแต่อยากให้ส้มรู้ว่าเมียพี่...ภรรยาตามกฎหมายคนนั้น เขายินดีหย่าให้พี่แล้ว อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันท์ผัวเมียมานานหลายปีแล้ว ที่ทนอยู่ก็เพราะลูก แต่ตอนนี้เขายอมรับแล้วว่าเขาก็ไม่อยากแกล้งพี่อีกต่อไป เขาจะหย่าให้ครับ”“ถ้าอย่างนั้
วันพระใหญ่ สริดากับองุ่นออกไปทำบุญที่วัดตั้งแต่ตอนกลางวัน คนเป็นป้ายังคงรู้สึกผิด แม้หลานสาวบอกให้ลืมมันไปได้แล้วก็ตาม“กรวดน้ำไปเยอะ ๆ เลยนะลูก พวกเจ้ากรรมนายเวรมันจะได้ไม่มารังควานเราอีก”องุ่นบอกหลานสาว สริดาอดยิ้มขันไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ป้าขอน้ำมนตร์จากหลวงพ่อ เพื่อจะมาผสมน้ำอาบ ไล่เสนียดจัญไรออกจากชีวิต“นายคนนั้นมันติดต่อเรามาอีกไหมส้มหวาน”หลังจากไม่ได้เอ่ยชื่อศรัณมานาน องุ่นก็เลียบเคียงถามจนได้ สริดาอยากปิดเรื่องที่เขาแวะมาที่บ้านหลายวันก่อนแต่ก็ตัดสินใจบอกความจริงไป“เวรกรรม ยังกล้ามาอีกหรือนี่ มันมาเซ้าซี้ตอแยอะไรอีกได้ แล้วได้แจ้งตำรวจหรือเปล่าลูก”“เขายังไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะป้าหงุ่น ไม่ต้องห่วงนะคะ”สริดารีบบอก“ป้าหงุ่นอย่าเพิ่งบอกน้องนะคะ แค่เลี้ยงทิวลิป มะนาวก็น่าจะวุ่นพออยู่แล้ว”“อืม ป้าไม่บอกหรอก แต่ส้มก็อย่าประมาทนะลูก บอกคนงานให้เฝ้าบ้านกันดี ๆ แล้วถ้ามันกลับมาอีกก็โทรแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุกไปเลย”“ค่ะป้าหงุ่น”สริดารับคำเพื่อให้ผู้อาวุโสสบายใจ เอาไว้ถ้าศรัณยังไม่ยอมเลิกราจริง ๆ ตอนนั้นเธอค่อยใช้ไม้แข็งกับเขาอย่างที่ป้าบอกก็แล้วกัน**“เมื่อไรจะหายเห่อลูกสักที ใจคอ
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่วิศวินต้องกลับออสเตรเลีย จากสนามบินเชียงใหม่ชายหนุ่มต้องไปต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ เขาไม่ได้ให้ใครมาส่งนอกจากลูกพี่ลูกน้อง“แล้วจะกลับมาอีกเมื่อไร”ธีทัตถาม วิศวินหัวเราะ“ฉันยังอยู่ไม่จุใจนายอีกเหรอ นี่ก็อยู่จนแม่นึกว่าฉันจะกลับมาอยู่เชียงใหม่แล้วนะ”“ก็ถาม ๆ ดู เผื่อว่าหนนี้มีอะไรจูงใจให้นายกลับมา”ธีทัตเอ่ยทีเล่นทีจริง“ตกลงแกกับส้มหวานนี่มันยังไงวะ”“ก็ไม่ไงนี่”วิศวินทำเป็นง่วนกับการตรวจเช็คความเรียบร้อยของกระเป๋าและตั๋วโดยสาร“ส้มหวานก็น่ารักดี คุยด้วยแล้วสบายใจ... น่าเห็นใจเขาที่เจอผู้ชายที่ไม่ดี”“ก็เพราะผู้ชายดี ๆ มันไม่กล้าจีบน่ะสิ ไอ้พวกไม่ดีเลยเอาไปกินเสียหมด”“มันก็ต้องมีคนดี ๆ หลงเหลือบ้างล่ะน่า... คนที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับเขาได้ ดูแลเขาได้...”วิศวินเอ่ยเบา ๆ เหมือนตั้งใจจะพูดกับตัวเองถ้าเป็นเมื่อก่อนธีทัตอาจจะยุให้ลูกพี่ลูกน้องเดินหน้าสานสัมพันธ์กับสริดาให้รู้แล้วรู้รอดและเขาจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้ด้วยอีกแรง แต่หลังจากผ่านเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาทั้งร้ายและดี ชายหนุ่มพ่อลูกอ่อนจึงคิดว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติโดยตัวเขาเองไม่ต้องเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
ระหว่างรอธีทัตซื้ออาหารอีสานมาสมทบ สริดาเข้าครัวเพื่อทำอาหารเพิ่มอีกสองสามเมนูเพราะป้าองุ่นก็จะมาร่วมโต๊ะด้วยเช่นกัน“มะนาวไปนั่งดูทีวีรอพี่ข้างนอกไป จะมานั่งทำไมในครัว”เธอบอกน้องสาว มนิษาบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมหยิบข้าวต้มมัดที่นึ่งสุกแล้วใส่จานเดินออกจากครัว ปล่อยให้พี่สาวกับนิดหน่อยช่วยกันล้างผักหั่นผักกันไป นาทีต่อมาวิศวินก็เดินพับแขนเสื้อเข้ามา“พี่วิน จะรับอะไรหรือคะ”“เปล่าครับ พี่จะมาช่วยเป็นลูกมือน่ะ”“ขอบคุณนะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ส้มกับนิดหน่อยทำสองคนก็ไหว พี่วินไปนั่งคุยกับมะนาวเถอะค่ะ”“มะนาวก็ไล่พี่มาช่วยส้มเหมือนกัน” วิศวินอ้างส่งเดช “ให้พี่ช่วยเถอะครับ พี่ทำครัวเป็นนะ”“จริงหรือคะ”เป็นนิดหน่อยที่ถาม ชายหนุ่มพยักหน้ายืนยันพลางเดินไปหยิบมีดทำครัวขึ้นมาหนึ่งเล่ม“ให้พี่หั่นผักให้ดูไหมล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าโม้”สริดาเกรงใจแต่ก็ยอมหลีกทางให้ และฝีมือหั่นผักด้วยความเร็วและเนี้ยบระดับพ่อครัวมืออาชีพก็ทำให้สองสาวอ้าปากค้าง“โอ้โห...อย่างกับที่เขาแข่งทำอาหารในโทรทัศน์แน่ะพี่ส้ม”นิดหน่อยร้องอย่างตื่นเต้น วิศวินหัวเราะเบา ๆ“ตอนพี่จบไฮสกูล...หมายถึงม.ปลายน่ะ พี่ไปเรียนเป็นเชฟอยู่เกือบสามปีเ
ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากศรัณกลับไปกับครอบครัวของเขาในวันนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะเขาเองก็ไม่กล้าโผล่กลับมาให้เห็นหน้าอีก ทำเพียงส่งข้อความมาขอโทษสริดาและบอกว่าจะกลับมาอธิบายทุกอย่างทีหลัง“ส้มหวานเป็นไงบ้างวะไอ้ธี”วิศวินถามธีทัตหลังผ่านงานหมั้นไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ เพราะตั้งแต่วันนั้นเขาก็ยังไม่ได้เจอสริดาเลย ครั้นจะไปหาเธอที่บ้านหรือส่งข้อความไปก็ไม่แน่ใจว่าจะยิ่งทำให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า“เห็นมะนาวบอกว่าก็ยังสบายดีนะ อาจมีโกรธบ้างแต่รวม ๆ ก็เหมือนทำใจได้”“แปลก แล้วจะเอายังไงต่อกับผู้ชายคนนั้น ครอบครัวเขา เมียเขา จะมาเอาเรื่องอะไรอีกไหม”วิศวินยังถามต่อด้วยความเป็นห่วง ธีทัตส่ายหน้า“เท่าที่รู้ ทางนั้นไม่ได้ติดต่ออะไรมาอีก คงไม่อยากยุ่งกับเราเหมือนกัน มีแต่เมียฉันนี่ล่ะที่ร่ำ ๆ จะไปเอาเรื่องนายศรัณให้ได้ นี่ฉันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งต่อความยาวสาวความยืด ไม่อย่างนั้นป่านนี้มะนาวตัวดีบุกศาลากลางแล้ว แม่เจ้าประคุณกะจะไปบู๊ทั้ง ๆ ที่ท้องโย้อยู่นั่นแหละ”ธีทัตหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่ก็พอเข้าใจว่าถ้าผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนมาเจอสถานการณ์แบบนี้ก็คงจะขำไม่ออก นึกแล้วก็โชคดีจริง ๆ ที่น้อง
“ส้มครับ...ไม่ว่าใครจะพูดอะไร พี่อยากให้ส้มเชื่อใจพี่นะครับ”“ส้มไม่เข้าใจค่ะ”“พี่รักส้มนะ รักจริง ๆ แล้วพี่จะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทีหลัง”“อธิบายเรื่องอะไรคะ พี่โซ่พูดให้ชัด ๆ ได้ไหม ส้มงงไปหมดแล้ว”แต่ศรัณไม่มีเวลาอธิบายเพราะหฤทัยจูงมือพี่สะใภ้ก้าวอาด ๆ มาหา ชายหนุ่มหน้าซีดเป็นกระดาษ อุรัศยามองสามีที่สวมใส่ชุดไทยประยุกต์หล่อเหลาจัดเต็มแถมยังยืนเคียงข้างหญิงสาวอีกคนแต่งตัวโทนเดียวกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าสถานะของสองคนนี้คืออะไร...สริดาผงะไปเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวที่เธอยังไม่รู้จักจู่ ๆ ก็สะอื้นเสียงดัง น้ำตาร่วงพรู มารดาของศรัณโอบกอดหญิงสาวคนนั้นไว้ ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ดูอ่อนวัยที่สุด กำลังจ้องเธออย่างรังเกียจ“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”“ที่ถามนี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอ...”“ซ่า เดี๋ยวพี่พูดเอง”ศรัณพยายามปรามน้องสาว แต่ถึงตอนนี้แม้แต่ช้างก็ฉุดหฤทัยไม่อยู่แล้ว“จะพูดอะไร จะบอกเมียน้อยพี่หรือไงว่าที่กำลังร้องไห้อยู่นี่คือเมียตัวจริง เมียหลวง!”มีเสียงอุทานและฮือฮารอบข้างดังขึ้นเบา ๆ สีเลือดเผือดหายไปจากใบหน้าของสริดาทันที“ส้ม ฟังพี่ก่อนนะครับ...”เป็นอีกครั้งที่ศรัณยังไม่มีโอกาสได้แก้ตัว เพราะมนิษาท
แสงแดดอ่อนยามเช้าทาบทอทั่วลานสนามหญ้าที่ตัดแต่งอย่างประณีต เก้าอี้ไม้สีขาวรูปทรงวินเทจจัดเรียงเป็นระเบียบรองรับแขกเหรื่อได้หลายสิบคน ดอกกุหลาบขาว ลิลลี่ และไฮเดรนเยีย ถูกจัดแต่งสวยงามประดับประดาไว้ทุกมุมของบริเวณจัดงานเล็ก ๆ ที่แสนจะอบอุ่นและอ่อนหวานแห่งนั้นด้านหน้าเวทียังมีกุหลาบขาว คาเนชั่น และดอกยิปโซ คุมโทนให้เข้ากันกับโซฟาหรูสีงาช้างสำหรับคู่หมั้นและผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ฉากหลังประดับด้วยอักษรภาษาอังกฤษตัวเอสสองตัวซ้อนกันแทนชื่อย่อของสริดากับศรัณศรัณอาสาดูแลเรื่องงานหมั้นในวันนี้ทั้งหมด เขาเลือกซื้อแพ็คเกจจัดงานที่ดูแลเบ็ดเสร็จทั้งสถานที่ อาหาร เครื่องแต่งกาย แต่งหน้าทำผม และยังดูแลไปถึงรูปแบบพิธีกรรมในการหมั้นหมายแบบไทย ๆ ชายหนุ่มนึกดีใจที่สริดากับป้าองุ่นเสนอให้จัดงานเล็ก ๆ ที่มีเฉพาะญาติและคนสนิทกันเท่านั้น ถึงกระนั้นฝ่ายของเขาก็มีเพียงนายอนุสรณ์ผู้เป็นพ่อเท่านั้นที่มาร่วมงานหมั้นของลูกชายได้อนุสรณ์บอกว่านารีติดโควิดจึงมาด้วยกันในวันนี้ไม่ได้ โชคดีที่ดูเหมือนว่าญาติของฝ่ายหญิงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร แต่เขากระซิบบอกลูกชายแล้วตั้งแต่เมื่อวันก่อนที่มาถึงเชียงใหม่‘…แม่แกน่ะ หัวเด
“ฟังแล้วอย่าเพิ่งโกรธหรือพูดอะไรนะ ฟังแม่ให้จบก่อน”หฤทัยเริ่มนึกสนุก รีบนั่งขัดสมาธิใกล้แม่ หยิบหมอนมาหนุนข้อศอก ตั้งท่าฟังอย่างตั้งอกตั้งใจแต่รอยยิ้มสนุกก็ค่อย ๆ เลือนหายไปเมื่อนารีเล่าเรื่องที่ลูกชายมาขอให้ไปสู่ขอผู้หญิงคนหนึ่งที่เชียงใหม่ และยังขอร้องให้ปิดบังเรื่องนี้จากอุรัศยา ผู้ที่เป็นสะใภ้อย่างถูกต้องตามกฎหมายหฤทัยขบกรามกรอด ๆ และอดทนฟังอย่างไม่ปริปากตามที่แม่ขอไว้ จนเมื่อนารีพูดจบหญิงสาวก็แทบจะฉีกหมอนแทนการพุ่งไปห้องนอนพี่ชายแล้วทำร้ายเขาแทน“นี่เขาส่งมันไปทำงาน แต่มันดันไปมีเมียน้อยเนี่ยนะแม่! แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร รู้หรือเปล่าว่าไอ้โซ่มันมีลูกมีเมียแล้ว”เมื่อโกรธจัด การเรียกพี่ชายอย่างให้ความเคารพก็ดูเหมือนจะไม่จำเป็น“มันบอกว่าทางนั้นก็ยังไม่รู้ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงหรือเปล่า”“ถ้าเขาไม่รู้ก็ยิ่งชั่วหนัก นอกใจเมียแล้วยังไปหลอกผู้หญิง แบบนี้มันผิดวินัยนะแม่ ถ้าผู้หญิงเขารู้เขาเอามันออกจากราชการได้เลยนะ”“มันรู้ทุกอย่างแหละซ่า พี่ชายแกมันรู้หมดอะไรผิดอะไรถูก แต่มันจะทำ แถมยังขอให้แม่ไปขอเมียให้”“แล้วแม่ก็จะไปหรือไง”“จะไปได้ยังไงล่ะ แค่คิดฉันก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว
เป็นไปตามคาด มนิษาโวยวายเสียงดังจนคนฟังหูแทบแตกเมื่อสริดาโทรศัพท์ไปบอกว่าอีกหนึ่งเดือนจะมีงานหมั้นของเธอกับศรัณ“มะนาว ใจเย็น ๆ ก่อนสิ”คนเป็นพี่พยายามเอ่ย“ถามจริงเถอะ นี่คิดดีแล้วใช่ไหม หมั้นกับไอ้...กับเขาน่ะ”“ไม่รู้ ไม่ได้คิด”“อ้าว! ทำไมพูดแบบนี้ล่ะพี่ส้ม เรื่องแบบนี้ไม่คิดได้ยังไง”สริดานิ่งไป... เงียบนานจนคนเป็นน้องเอะใจ“พี่ส้ม ฟังอยู่หรือเปล่า”“อือ...อยู่”“เป็นอะไร ตกลงมันยังไงกันแน่”“...”ไม่มีคำตอบ แต่มนิษาเหมือนได้ยินเสียงคนถอนหายใจหนัก ๆ ความโกรธหายไปทันที หญิงสาวที่กำลังท้องโตกดโทรศัพท์แนบหูแรงขึ้นราวกับยังได้ยินไม่ชัดพอ“พี่ส้มอยู่ที่ไหน เดี๋ยวนาวไปหา”“ไม่เอา ไม่ต้องมา พี่เป็นห่วง”“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เดี๋ยวให้พี่ธีไปส่งก็ได้ พี่ธีอยู่บ้าน...ให้นาวไปหานะ”“เจอกันที่ร้านกาแฟดีกว่า พี่ไม่อยากให้คนอื่นได้ยินน่ะ”นี่ก็แปลกที่สุด...ตลอดชีวิตของมนิษาไม่เคยเห็นพี่สาวทำตัวลับลมคมในแบบนี้ สริดาบอกชื่อร้านกาแฟแถวบ้าน หญิงสาวรับปากก่อนจะรีบวางสาย แต่งตัว และขอให้ธีทัตพาไปส่งที่ร้านอย่างรวดเร็ว**เพราะคิดว่าภรรยาของเขาควรได้พูดคุยกับพี่สาวอย่างเป็นส่วนตัว ธีทัตจึงขอตัวไปเดินเ