หญิงสาวขมวดคิ้ว เมื่อจอดรถไว้หน้ารั้วบ้านก็ต้องทำใจอยู่สักพักกว่าจะยอมลงจากรถ
ศรัณส่งยิ้มอบอุ่นหล่อเหลามาให้ มือประคองช่อกุหลาบช่อใหญ่ไว้ด้วย เธอจ้องดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่หลายดอกที่ถูกจัดอย่างประณีต ไม่ใช่เพราะประทับใจแต่เพราะไม่อยากจะมองหน้าเจ้าของช่อดอกไม้ตรง ๆ
“น้องส้ม...พี่คิดถึงส้มจังเลยครับ”
ศรัณเอ่ยเสียงนุ่มพลางยื่นช่อกุหลาบให้หญิงสาวที่เขาตั้งใจมาหา แต่หนนี้สริดาไม่แม้แต่จะรักษาน้ำใจด้วยการรับไว้
“คราวก่อนส้มพูดชัดแล้วนะคะว่าไม่อยากให้พี่โซ่กลับมาที่นี่อีก”
“พี่รู้ แต่พี่คิดถึงส้มมากเกินไป หลายวันมานี้พี่แทบไม่มีสมาธิทำงานเลยนะครับ...ในหัวพี่คิดถึงแต่เรื่องของส้มตลอดเวลา ว่าต้องทำยังไงส้มถึงจะเชื่อว่าพี่รักแล้วก็จริงจังกับส้มจริง ๆ”
สริดาถอนหายใจ เหลือจะเชื่อจริง ๆ ผู้ชายคนนี้
“กลับไปเถอะค่ะ อย่าให้ส้มต้องไล่ซ้ำซากเลย ส้มเหนื่อย...”
“พี่จะกลับแต่อยากให้ส้มรู้ว่าเมียพี่...ภรรยาตามกฎหมายคนนั้น เขายินดีหย่าให้พี่แล้ว อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันท์ผัวเมียมานานหลายปีแล้ว ที่ทนอยู่ก็เพราะลูก แต่ตอนนี้เขายอมรับแล้วว่าเขาก็ไม่อยากแกล้งพี่อีกต่อไป เขาจะหย่าให้ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ยินดีกับผู้หญิงคนนั้นด้วยนะคะ หลีกทางเถอะค่ะ ส้มจะเข้าบ้าน”
“ส้ม...”
ศรัณก้าวมาใกล้เธอมากขึ้น
“ส้ม...พี่รักส้มคนเดียว ตอนนี้พี่ไม่มีใครแล้ว ส้มจะไม่ให้โอกาสพี่จริง ๆ หรือ”
“ค่ะ ไม่มีโอกาสอะไรทั้งนั้น เพราะส้มไม่ได้รักพี่มาตั้งแต่แรก”
“ไม่จริงหรอก ถ้าไม่รักจะหมั้นกับพี่ทำไมตั้งแต่แรก”
ศรัณอยากจะใจเย็นกว่านี้ แต่เขาเริ่มเบื่อที่ต้องอดกลั้นอีกต่อไป แขนยาวยื่นมาจนเกือบสัมผัสเส้นผมของเธอ สริดาถอยหนีด้วยความตกใจ
จังหวะนั้นเองที่เสียงเข้ม ๆ แทรกขึ้น
“ส้มหวานพูดชัดแล้วนะครับว่าไม่ต้อนรับคุณอีก!”
หญิงสาวหันขวับ ไม่อยากเชื่อสายตาว่าวิศวินยืนอยู่ตรงนี้ ไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไร แต่วิศวินไม่ได้มองมาที่เธอ ชายหนุ่มร่างสูงกำลังจ้องหน้าชายอีกคนเขม็ง
ศรัณจำไอ้หน้าหล่อคนนี้ได้ทันที แม้จะเคยเจอกันแค่หนเดียว
“แล้วคุณมายุ่งอะไรกับเรื่องของผมกับคู่หมั้นผม”
“ยังกล้าเรียกส้มว่าคู่หมั้นอีกหรือวะ!”
ชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึง ถึงกับปราดเข้าไปประชิดตัวของอีกฝ่าย แม้ไม่ได้สัมผัสตัวแม้แต่น้อยแต่ก็ทำให้ศรัณตกใจจนผงะถอย ดอกไม้ช่อใหญ่หลุดจากมือ
“เฮ้ย! คะ...คุณทำอย่างนี้ไม่ถูกนะ อันธพาลหรือไง”
“ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณสักนิด”
“ก็เห็นอยู่ว่าคุณพยายามจะทำร้ายร่างกายผม ผมแจ้งตำรวจได้เลยนะ”
“ก็ดีครับ ไปโรงพักกันตอนนี้เลยก็ดี ผมจะได้ให้ส้มฟ้องคุณเหมือนกันโทษฐานที่หลอกลวงผู้หญิง ถึงอย่างไรข้าราชการอย่างคุณก็ต้องผิดแน่ ๆ แล้วเมียของคุณเองก็คงอยากรู้ด้วยว่าคุณยังไม่เลิกตอแยทางนี้”
“อย่ายุ่งกับเมียผม!”
ศรัณเผลอตวาดเพราะกลัวความผิด นั่นเท่ากับเขาสารภาพแล้วว่าเรื่องหย่าอะไรนั่นก็โกหกตอแหลอีกตามเคย
วิศวินยังจ้องหน้าเขม็ง
“ผมไม่ยุ่งหรอกถ้าคุณยอมกลับไปดี ๆ แล้วไม่ต้องกลับมาตอแยส้มหวานอีก เราเตือนครั้งนี้อีกครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย ถ้ามีใครสักคนในพวกเราเห็นหน้าคุณอีก ผมจะถือว่าคุณเป็นตัวปัญหา แล้วสาบานได้เลยว่าจะทำทุกอย่างเพื่อทำลายชีวิตหน้าที่การงานของคุณให้ย่อยยับไม่ได้ผุดได้เกิด”
น้ำเสียงวิศวินไม่กระโชกโฮกฮาก แต่เหี้ยมเกรียมและชัดเจนทุกถ้อยทุกคำ ศรัณกัดฟันกรอด ตัวเองยังมีชนักติดหลังและยังมีอะไรให้ต้องเสียอีกเยอะ วิศวกรหนุ่มไม่ต้องกดเครื่องคิดเลขก็คำนวณได้ว่าหากเขาคิดจะดึงดันต่อไปไอ้ผู้ชายคนนี้มันคงจะเอาจริง และถึงเวลานั้น ความเสียหายคงมากเกินกว่าที่เขาจะรับได้
ศรัณมองหน้าสริดาอีกครั้งเหมือนอยากสั่งลา สายตาอาลัยอาวรณ์ทำให้วิศวินอยากจะควักลูกตาหมอนี่ออกมาเหลือเกิน โชคดีที่เขาไม่ต้องอดกลั้นนานเกินไปเพราะวินาทีต่อมาศรัณก็ตัดใจยอมกลับไปที่รถของตัวเองแล้วขับออกไปโดยมีสายตาคมกร้าวจ้องเขม็งตามหลังจนลับสายตา
“พี่วิน...มาได้ยังไงคะนี่”
สริดายังไม่หายจากอาการตกตะลึง ชายหนุ่มหันมายิ้มให้เธอเขิน ๆ ดูแตกต่างจากชายหนุ่มผู้แข็งกร้าวเมื่อครู่เป็นคนละคน
“สวัสดีครับส้ม หวังว่าเมื่อกี้พี่คงไม่ได้ทำเกินไปใช่ไหม”
“ไม่เลยค่ะ ส้มต้องขอบคุณพี่วินมาก ๆ แต่ที่กำลังตกใจคือจู่ ๆ พี่วินก็มาอยู่ตรงนี้ นี่มาเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไรคะ”
“ก็เพิ่งมาถึงนี่เองครับ ออกจากสนามบินก็เอากระเป๋าไปเก็บที่บ้านนายธีแล้วก็ยืมรถขับมาที่นี่เลย”
“มาที่นี่ หมายถึงมาแถวนี้น่ะหรือคะ”
“ไม่ใช่ครับ ที่นี่หมายถึงบ้านนี้ พี่ตั้งใจขับรถมาที่นี่...มาหาส้ม...”
สริดามองเขาเหมือนเห็นตัวประหลาด วิศวินกลับไปออสเตรเลียแล้วหลายสัปดาห์ ระหว่างนั้นก็ไม่เคยติดต่อมาหาเธอเลยสักครั้งจนเธอทำใจแล้วว่าคงจะไม่ได้เจอกันอีกเร็ว ๆ นี้
แล้วตอนนี้เขากลับปรากฏตัวอย่างได้จังหวะ แถมยังบอกว่าตั้งใจมาหาเธออีกด้วย...
แม้จะยังมึนงงสับสนแต่หญิงสาวก็มีสติพอที่จะเชิญเขาเข้าไปคุยกันในบ้าน แม้ไม่อยากชวนผู้ชายเข้าบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดินแต่ก็คงจะดีกว่ายืนคุยกันอยู่หน้ารั้วนั้นอย่างแน่นอน
**“พี่ดอกรักกำลังทำกับข้าวมื้อเย็น พี่วินจะอยู่กินด้วยกันก็ได้นะคะ”
สริดาบอกเสียงเรียบเมื่อยกน้ำกับขนมจานเล็ก ๆ มารับ ‘แขก’ วิศวินโชคดีกว่าผู้ชายอีกคนตรงที่อย่างน้อยเธอก็เชิญเขาเข้าบ้าน
“ขอบคุณครับ ถ้าไม่รังเกียจพี่ก็อยากจะขอฝากท้องสักมื้อ”
“คงจะรังเกียจไม่ได้หรอกค่ะ อย่างน้อยพี่วินก็ช่วยส้มไว้”
“นายคนนั้นเขายังมาบ่อย ๆ อยู่อีกหรือครับ”
สีหน้าวิศวินเครียดขึ้นเมื่อนึกถึงตัวปัญหา หญิงสาวส่ายหน้า
“เปล่าหรอกค่ะ เขาก็หายไปสักพักแล้ว บังเอิญเหลือเกินที่เขาเพิ่งจะมาอีกครั้งวันนี้แล้วพี่วินก็มาพร้อมกันพอดี”
“พี่ไม่ควรปล่อยส้มไว้แบบนี้เลย”
ชายหนุ่มหลุดปากออกมาเบา ๆ สริดาสะดุดหู
“เอ่อ เมื่อกี้พี่วินบอกว่าตั้งใจขับรถมาที่นี่ มีอะไรหรือเปล่าคะ ที่จริงถ้ามีธุระอะไร โทรมาก็ได้นะคะ”
“พี่ไม่อยากโทรครับ อยากมาหาส้มด้วยตัวเองมากกว่า”
“มีธุระอะไรกับส้มหรือคะ”
“ก็...แค่อยากแวะมาทักทายน่ะครับ”
“อ้อ...ค่ะ”
หญิงสาวไม่รู้จะเอ่ยอะไรต่อ วิศวินจึงอธิบาย
“พี่มาจัดการเรื่องบ้านที่ภูเก็ตน่ะครับ แม่กับอดัมมีแพลนจะมีพักร้อนอยู่เมืองไทยหลายเดือน พี่ก็เลยมาดูแลบ้านเตรียมไว้ให้พร้อมก่อน”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง แล้วจะไปภูเก็ตวันไหนหรือคะ”
“พรุ่งนี้ครับ ส้มอยากไปเที่ยวภูเก็ตด้วยไหม”
หญิงสาวขมวดคิ้ว เมื่อจอดรถไว้หน้ารั้วบ้านก็ต้องทำใจอยู่สักพักกว่าจะยอมลงจากรถศรัณส่งยิ้มอบอุ่นหล่อเหลามาให้ มือประคองช่อกุหลาบช่อใหญ่ไว้ด้วย เธอจ้องดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่หลายดอกที่ถูกจัดอย่างประณีต ไม่ใช่เพราะประทับใจแต่เพราะไม่อยากจะมองหน้าเจ้าของช่อดอกไม้ตรง ๆ“น้องส้ม...พี่คิดถึงส้มจังเลยครับ”ศรัณเอ่ยเสียงนุ่มพลางยื่นช่อกุหลาบให้หญิงสาวที่เขาตั้งใจมาหา แต่หนนี้สริดาไม่แม้แต่จะรักษาน้ำใจด้วยการรับไว้“คราวก่อนส้มพูดชัดแล้วนะคะว่าไม่อยากให้พี่โซ่กลับมาที่นี่อีก”“พี่รู้ แต่พี่คิดถึงส้มมากเกินไป หลายวันมานี้พี่แทบไม่มีสมาธิทำงานเลยนะครับ...ในหัวพี่คิดถึงแต่เรื่องของส้มตลอดเวลา ว่าต้องทำยังไงส้มถึงจะเชื่อว่าพี่รักแล้วก็จริงจังกับส้มจริง ๆ”สริดาถอนหายใจ เหลือจะเชื่อจริง ๆ ผู้ชายคนนี้“กลับไปเถอะค่ะ อย่าให้ส้มต้องไล่ซ้ำซากเลย ส้มเหนื่อย...”“พี่จะกลับแต่อยากให้ส้มรู้ว่าเมียพี่...ภรรยาตามกฎหมายคนนั้น เขายินดีหย่าให้พี่แล้ว อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันท์ผัวเมียมานานหลายปีแล้ว ที่ทนอยู่ก็เพราะลูก แต่ตอนนี้เขายอมรับแล้วว่าเขาก็ไม่อยากแกล้งพี่อีกต่อไป เขาจะหย่าให้ครับ”“ถ้าอย่างนั้
วันพระใหญ่ สริดากับองุ่นออกไปทำบุญที่วัดตั้งแต่ตอนกลางวัน คนเป็นป้ายังคงรู้สึกผิด แม้หลานสาวบอกให้ลืมมันไปได้แล้วก็ตาม“กรวดน้ำไปเยอะ ๆ เลยนะลูก พวกเจ้ากรรมนายเวรมันจะได้ไม่มารังควานเราอีก”องุ่นบอกหลานสาว สริดาอดยิ้มขันไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ป้าขอน้ำมนตร์จากหลวงพ่อ เพื่อจะมาผสมน้ำอาบ ไล่เสนียดจัญไรออกจากชีวิต“นายคนนั้นมันติดต่อเรามาอีกไหมส้มหวาน”หลังจากไม่ได้เอ่ยชื่อศรัณมานาน องุ่นก็เลียบเคียงถามจนได้ สริดาอยากปิดเรื่องที่เขาแวะมาที่บ้านหลายวันก่อนแต่ก็ตัดสินใจบอกความจริงไป“เวรกรรม ยังกล้ามาอีกหรือนี่ มันมาเซ้าซี้ตอแยอะไรอีกได้ แล้วได้แจ้งตำรวจหรือเปล่าลูก”“เขายังไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะป้าหงุ่น ไม่ต้องห่วงนะคะ”สริดารีบบอก“ป้าหงุ่นอย่าเพิ่งบอกน้องนะคะ แค่เลี้ยงทิวลิป มะนาวก็น่าจะวุ่นพออยู่แล้ว”“อืม ป้าไม่บอกหรอก แต่ส้มก็อย่าประมาทนะลูก บอกคนงานให้เฝ้าบ้านกันดี ๆ แล้วถ้ามันกลับมาอีกก็โทรแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุกไปเลย”“ค่ะป้าหงุ่น”สริดารับคำเพื่อให้ผู้อาวุโสสบายใจ เอาไว้ถ้าศรัณยังไม่ยอมเลิกราจริง ๆ ตอนนั้นเธอค่อยใช้ไม้แข็งกับเขาอย่างที่ป้าบอกก็แล้วกัน**“เมื่อไรจะหายเห่อลูกสักที ใจคอ
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่วิศวินต้องกลับออสเตรเลีย จากสนามบินเชียงใหม่ชายหนุ่มต้องไปต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ เขาไม่ได้ให้ใครมาส่งนอกจากลูกพี่ลูกน้อง“แล้วจะกลับมาอีกเมื่อไร”ธีทัตถาม วิศวินหัวเราะ“ฉันยังอยู่ไม่จุใจนายอีกเหรอ นี่ก็อยู่จนแม่นึกว่าฉันจะกลับมาอยู่เชียงใหม่แล้วนะ”“ก็ถาม ๆ ดู เผื่อว่าหนนี้มีอะไรจูงใจให้นายกลับมา”ธีทัตเอ่ยทีเล่นทีจริง“ตกลงแกกับส้มหวานนี่มันยังไงวะ”“ก็ไม่ไงนี่”วิศวินทำเป็นง่วนกับการตรวจเช็คความเรียบร้อยของกระเป๋าและตั๋วโดยสาร“ส้มหวานก็น่ารักดี คุยด้วยแล้วสบายใจ... น่าเห็นใจเขาที่เจอผู้ชายที่ไม่ดี”“ก็เพราะผู้ชายดี ๆ มันไม่กล้าจีบน่ะสิ ไอ้พวกไม่ดีเลยเอาไปกินเสียหมด”“มันก็ต้องมีคนดี ๆ หลงเหลือบ้างล่ะน่า... คนที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับเขาได้ ดูแลเขาได้...”วิศวินเอ่ยเบา ๆ เหมือนตั้งใจจะพูดกับตัวเองถ้าเป็นเมื่อก่อนธีทัตอาจจะยุให้ลูกพี่ลูกน้องเดินหน้าสานสัมพันธ์กับสริดาให้รู้แล้วรู้รอดและเขาจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้ด้วยอีกแรง แต่หลังจากผ่านเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาทั้งร้ายและดี ชายหนุ่มพ่อลูกอ่อนจึงคิดว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติโดยตัวเขาเองไม่ต้องเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
ระหว่างรอธีทัตซื้ออาหารอีสานมาสมทบ สริดาเข้าครัวเพื่อทำอาหารเพิ่มอีกสองสามเมนูเพราะป้าองุ่นก็จะมาร่วมโต๊ะด้วยเช่นกัน“มะนาวไปนั่งดูทีวีรอพี่ข้างนอกไป จะมานั่งทำไมในครัว”เธอบอกน้องสาว มนิษาบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมหยิบข้าวต้มมัดที่นึ่งสุกแล้วใส่จานเดินออกจากครัว ปล่อยให้พี่สาวกับนิดหน่อยช่วยกันล้างผักหั่นผักกันไป นาทีต่อมาวิศวินก็เดินพับแขนเสื้อเข้ามา“พี่วิน จะรับอะไรหรือคะ”“เปล่าครับ พี่จะมาช่วยเป็นลูกมือน่ะ”“ขอบคุณนะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ส้มกับนิดหน่อยทำสองคนก็ไหว พี่วินไปนั่งคุยกับมะนาวเถอะค่ะ”“มะนาวก็ไล่พี่มาช่วยส้มเหมือนกัน” วิศวินอ้างส่งเดช “ให้พี่ช่วยเถอะครับ พี่ทำครัวเป็นนะ”“จริงหรือคะ”เป็นนิดหน่อยที่ถาม ชายหนุ่มพยักหน้ายืนยันพลางเดินไปหยิบมีดทำครัวขึ้นมาหนึ่งเล่ม“ให้พี่หั่นผักให้ดูไหมล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าโม้”สริดาเกรงใจแต่ก็ยอมหลีกทางให้ และฝีมือหั่นผักด้วยความเร็วและเนี้ยบระดับพ่อครัวมืออาชีพก็ทำให้สองสาวอ้าปากค้าง“โอ้โห...อย่างกับที่เขาแข่งทำอาหารในโทรทัศน์แน่ะพี่ส้ม”นิดหน่อยร้องอย่างตื่นเต้น วิศวินหัวเราะเบา ๆ“ตอนพี่จบไฮสกูล...หมายถึงม.ปลายน่ะ พี่ไปเรียนเป็นเชฟอยู่เกือบสามปีเ
ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากศรัณกลับไปกับครอบครัวของเขาในวันนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะเขาเองก็ไม่กล้าโผล่กลับมาให้เห็นหน้าอีก ทำเพียงส่งข้อความมาขอโทษสริดาและบอกว่าจะกลับมาอธิบายทุกอย่างทีหลัง“ส้มหวานเป็นไงบ้างวะไอ้ธี”วิศวินถามธีทัตหลังผ่านงานหมั้นไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ เพราะตั้งแต่วันนั้นเขาก็ยังไม่ได้เจอสริดาเลย ครั้นจะไปหาเธอที่บ้านหรือส่งข้อความไปก็ไม่แน่ใจว่าจะยิ่งทำให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า“เห็นมะนาวบอกว่าก็ยังสบายดีนะ อาจมีโกรธบ้างแต่รวม ๆ ก็เหมือนทำใจได้”“แปลก แล้วจะเอายังไงต่อกับผู้ชายคนนั้น ครอบครัวเขา เมียเขา จะมาเอาเรื่องอะไรอีกไหม”วิศวินยังถามต่อด้วยความเป็นห่วง ธีทัตส่ายหน้า“เท่าที่รู้ ทางนั้นไม่ได้ติดต่ออะไรมาอีก คงไม่อยากยุ่งกับเราเหมือนกัน มีแต่เมียฉันนี่ล่ะที่ร่ำ ๆ จะไปเอาเรื่องนายศรัณให้ได้ นี่ฉันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งต่อความยาวสาวความยืด ไม่อย่างนั้นป่านนี้มะนาวตัวดีบุกศาลากลางแล้ว แม่เจ้าประคุณกะจะไปบู๊ทั้ง ๆ ที่ท้องโย้อยู่นั่นแหละ”ธีทัตหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่ก็พอเข้าใจว่าถ้าผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนมาเจอสถานการณ์แบบนี้ก็คงจะขำไม่ออก นึกแล้วก็โชคดีจริง ๆ ที่น้อง
“ส้มครับ...ไม่ว่าใครจะพูดอะไร พี่อยากให้ส้มเชื่อใจพี่นะครับ”“ส้มไม่เข้าใจค่ะ”“พี่รักส้มนะ รักจริง ๆ แล้วพี่จะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทีหลัง”“อธิบายเรื่องอะไรคะ พี่โซ่พูดให้ชัด ๆ ได้ไหม ส้มงงไปหมดแล้ว”แต่ศรัณไม่มีเวลาอธิบายเพราะหฤทัยจูงมือพี่สะใภ้ก้าวอาด ๆ มาหา ชายหนุ่มหน้าซีดเป็นกระดาษ อุรัศยามองสามีที่สวมใส่ชุดไทยประยุกต์หล่อเหลาจัดเต็มแถมยังยืนเคียงข้างหญิงสาวอีกคนแต่งตัวโทนเดียวกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าสถานะของสองคนนี้คืออะไร...สริดาผงะไปเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวที่เธอยังไม่รู้จักจู่ ๆ ก็สะอื้นเสียงดัง น้ำตาร่วงพรู มารดาของศรัณโอบกอดหญิงสาวคนนั้นไว้ ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ดูอ่อนวัยที่สุด กำลังจ้องเธออย่างรังเกียจ“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”“ที่ถามนี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอ...”“ซ่า เดี๋ยวพี่พูดเอง”ศรัณพยายามปรามน้องสาว แต่ถึงตอนนี้แม้แต่ช้างก็ฉุดหฤทัยไม่อยู่แล้ว“จะพูดอะไร จะบอกเมียน้อยพี่หรือไงว่าที่กำลังร้องไห้อยู่นี่คือเมียตัวจริง เมียหลวง!”มีเสียงอุทานและฮือฮารอบข้างดังขึ้นเบา ๆ สีเลือดเผือดหายไปจากใบหน้าของสริดาทันที“ส้ม ฟังพี่ก่อนนะครับ...”เป็นอีกครั้งที่ศรัณยังไม่มีโอกาสได้แก้ตัว เพราะมนิษาท
แสงแดดอ่อนยามเช้าทาบทอทั่วลานสนามหญ้าที่ตัดแต่งอย่างประณีต เก้าอี้ไม้สีขาวรูปทรงวินเทจจัดเรียงเป็นระเบียบรองรับแขกเหรื่อได้หลายสิบคน ดอกกุหลาบขาว ลิลลี่ และไฮเดรนเยีย ถูกจัดแต่งสวยงามประดับประดาไว้ทุกมุมของบริเวณจัดงานเล็ก ๆ ที่แสนจะอบอุ่นและอ่อนหวานแห่งนั้นด้านหน้าเวทียังมีกุหลาบขาว คาเนชั่น และดอกยิปโซ คุมโทนให้เข้ากันกับโซฟาหรูสีงาช้างสำหรับคู่หมั้นและผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ฉากหลังประดับด้วยอักษรภาษาอังกฤษตัวเอสสองตัวซ้อนกันแทนชื่อย่อของสริดากับศรัณศรัณอาสาดูแลเรื่องงานหมั้นในวันนี้ทั้งหมด เขาเลือกซื้อแพ็คเกจจัดงานที่ดูแลเบ็ดเสร็จทั้งสถานที่ อาหาร เครื่องแต่งกาย แต่งหน้าทำผม และยังดูแลไปถึงรูปแบบพิธีกรรมในการหมั้นหมายแบบไทย ๆ ชายหนุ่มนึกดีใจที่สริดากับป้าองุ่นเสนอให้จัดงานเล็ก ๆ ที่มีเฉพาะญาติและคนสนิทกันเท่านั้น ถึงกระนั้นฝ่ายของเขาก็มีเพียงนายอนุสรณ์ผู้เป็นพ่อเท่านั้นที่มาร่วมงานหมั้นของลูกชายได้อนุสรณ์บอกว่านารีติดโควิดจึงมาด้วยกันในวันนี้ไม่ได้ โชคดีที่ดูเหมือนว่าญาติของฝ่ายหญิงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร แต่เขากระซิบบอกลูกชายแล้วตั้งแต่เมื่อวันก่อนที่มาถึงเชียงใหม่‘…แม่แกน่ะ หัวเด
“ฟังแล้วอย่าเพิ่งโกรธหรือพูดอะไรนะ ฟังแม่ให้จบก่อน”หฤทัยเริ่มนึกสนุก รีบนั่งขัดสมาธิใกล้แม่ หยิบหมอนมาหนุนข้อศอก ตั้งท่าฟังอย่างตั้งอกตั้งใจแต่รอยยิ้มสนุกก็ค่อย ๆ เลือนหายไปเมื่อนารีเล่าเรื่องที่ลูกชายมาขอให้ไปสู่ขอผู้หญิงคนหนึ่งที่เชียงใหม่ และยังขอร้องให้ปิดบังเรื่องนี้จากอุรัศยา ผู้ที่เป็นสะใภ้อย่างถูกต้องตามกฎหมายหฤทัยขบกรามกรอด ๆ และอดทนฟังอย่างไม่ปริปากตามที่แม่ขอไว้ จนเมื่อนารีพูดจบหญิงสาวก็แทบจะฉีกหมอนแทนการพุ่งไปห้องนอนพี่ชายแล้วทำร้ายเขาแทน“นี่เขาส่งมันไปทำงาน แต่มันดันไปมีเมียน้อยเนี่ยนะแม่! แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร รู้หรือเปล่าว่าไอ้โซ่มันมีลูกมีเมียแล้ว”เมื่อโกรธจัด การเรียกพี่ชายอย่างให้ความเคารพก็ดูเหมือนจะไม่จำเป็น“มันบอกว่าทางนั้นก็ยังไม่รู้ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงหรือเปล่า”“ถ้าเขาไม่รู้ก็ยิ่งชั่วหนัก นอกใจเมียแล้วยังไปหลอกผู้หญิง แบบนี้มันผิดวินัยนะแม่ ถ้าผู้หญิงเขารู้เขาเอามันออกจากราชการได้เลยนะ”“มันรู้ทุกอย่างแหละซ่า พี่ชายแกมันรู้หมดอะไรผิดอะไรถูก แต่มันจะทำ แถมยังขอให้แม่ไปขอเมียให้”“แล้วแม่ก็จะไปหรือไง”“จะไปได้ยังไงล่ะ แค่คิดฉันก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว
เป็นไปตามคาด มนิษาโวยวายเสียงดังจนคนฟังหูแทบแตกเมื่อสริดาโทรศัพท์ไปบอกว่าอีกหนึ่งเดือนจะมีงานหมั้นของเธอกับศรัณ“มะนาว ใจเย็น ๆ ก่อนสิ”คนเป็นพี่พยายามเอ่ย“ถามจริงเถอะ นี่คิดดีแล้วใช่ไหม หมั้นกับไอ้...กับเขาน่ะ”“ไม่รู้ ไม่ได้คิด”“อ้าว! ทำไมพูดแบบนี้ล่ะพี่ส้ม เรื่องแบบนี้ไม่คิดได้ยังไง”สริดานิ่งไป... เงียบนานจนคนเป็นน้องเอะใจ“พี่ส้ม ฟังอยู่หรือเปล่า”“อือ...อยู่”“เป็นอะไร ตกลงมันยังไงกันแน่”“...”ไม่มีคำตอบ แต่มนิษาเหมือนได้ยินเสียงคนถอนหายใจหนัก ๆ ความโกรธหายไปทันที หญิงสาวที่กำลังท้องโตกดโทรศัพท์แนบหูแรงขึ้นราวกับยังได้ยินไม่ชัดพอ“พี่ส้มอยู่ที่ไหน เดี๋ยวนาวไปหา”“ไม่เอา ไม่ต้องมา พี่เป็นห่วง”“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เดี๋ยวให้พี่ธีไปส่งก็ได้ พี่ธีอยู่บ้าน...ให้นาวไปหานะ”“เจอกันที่ร้านกาแฟดีกว่า พี่ไม่อยากให้คนอื่นได้ยินน่ะ”นี่ก็แปลกที่สุด...ตลอดชีวิตของมนิษาไม่เคยเห็นพี่สาวทำตัวลับลมคมในแบบนี้ สริดาบอกชื่อร้านกาแฟแถวบ้าน หญิงสาวรับปากก่อนจะรีบวางสาย แต่งตัว และขอให้ธีทัตพาไปส่งที่ร้านอย่างรวดเร็ว**เพราะคิดว่าภรรยาของเขาควรได้พูดคุยกับพี่สาวอย่างเป็นส่วนตัว ธีทัตจึงขอตัวไปเดินเ