วันพระใหญ่ สริดากับองุ่นออกไปทำบุญที่วัดตั้งแต่ตอนกลางวัน คนเป็นป้ายังคงรู้สึกผิด แม้หลานสาวบอกให้ลืมมันไปได้แล้วก็ตาม
“กรวดน้ำไปเยอะ ๆ เลยนะลูก พวกเจ้ากรรมนายเวรมันจะได้ไม่มารังควานเราอีก”
องุ่นบอกหลานสาว สริดาอดยิ้มขันไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ป้าขอน้ำมนตร์จากหลวงพ่อ เพื่อจะมาผสมน้ำอาบ ไล่เสนียดจัญไรออกจากชีวิต
“นายคนนั้นมันติดต่อเรามาอีกไหมส้มหวาน”
หลังจากไม่ได้เอ่ยชื่อศรัณมานาน องุ่นก็เลียบเคียงถามจนได้ สริดาอยากปิดเรื่องที่เขาแวะมาที่บ้านหลายวันก่อนแต่ก็ตัดสินใจบอกความจริงไป
“เวรกรรม ยังกล้ามาอีกหรือนี่ มันมาเซ้าซี้ตอแยอะไรอีกได้ แล้วได้แจ้งตำรวจหรือเปล่าลูก”
“เขายังไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะป้าหงุ่น ไม่ต้องห่วงนะคะ”
สริดารีบบอก
“ป้าหงุ่นอย่าเพิ่งบอกน้องนะคะ แค่เลี้ยงทิวลิป มะนาวก็น่าจะวุ่นพออยู่แล้ว”
“อืม ป้าไม่บอกหรอก แต่ส้มก็อย่าประมาทนะลูก บอกคนงานให้เฝ้าบ้านกันดี ๆ แล้วถ้ามันกลับมาอีกก็โทรแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุกไปเลย”
“ค่ะป้าหงุ่น”
สริดารับคำเพื่อให้ผู้อาวุโสสบายใจ เอาไว้ถ้าศรัณยังไม่ยอมเลิกราจริง ๆ ตอนนั้นเธอค่อยใช้ไม้แข็งกับเขาอย่างที่ป้าบอกก็แล้วกัน
**“เมื่อไรจะหายเห่อลูกสักที ใจคอแกคิดจะฉลองวันเกิดลูกสาวทุกเดือนเลยหรือไง”
องุ่นเริ่มบ่นทันทีที่วางของฝากมากมายลงบนโต๊ะ มนิษากลอกตา
“แล้วใครกันนะที่ไลน์มาบอกว่าครบรอบวันเกิดสามเดือนแล้ว ให้จัดงานฉลองด้วย แถมวันไหนเราไม่ได้ส่งรูปหลานไปให้ดู จะทักมาจี้ทุก ๆ สิบนาทีว่าขอดูรูปหน่อย ๆ”
องุ่นค้อนเพราะที่หลานสาวพูดมามันถูกต้องทุกอย่าง เป็นนางเองที่รักและหลงหลานอย่างธนิยาจนแทบจะหอบเสื้อผ้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วย
“ก็ทิวลิปหลานฉันน่าเกลียดน่าชังเหลือเกินใช่ไหมลูก โอ๋...ยายอยากอุ้มหนูกลับบ้านยายเหลือเกิน”
ทิวลิปส่งเสียงอ้อแอ้มาจากในเปลให้คุณยายองุ่นที่ชะโงกหน้ามาทักทาย แก้มทารกน้อยกลมย้อยและแดงฉ่ำเหมือนลูกมะเขือเทศ ริมฝีปากเล็ก ๆ ขมุบขมิบตลอดเวลาน่าเกลียดน่าชังอย่างที่องุ่นว่าไว้จริง ๆ
สริดาที่เพิ่งไปล้างมือ เช็ดมือจนแห้งแล้วเดินมาหาหลานที่เปลเช่นกัน แต่ทำเพียงยื่นนิ้วไปหาทิวลิปให้มือป้อม ๆ เล็ก ๆ นั้นกำนิ้วมือของเธอไว้รอบ
“ยังไม่กล้าอุ้มอีกหรือพี่ส้ม”
แม่ลูกอ่อนอย่างมนิษาถาม สริดาพยักหน้า
“ใช่จ้ะ ยังไม่กล้า รอหลานคอแข็งกว่านี้อีกหน่อยดีกว่า”
“อยากมีกับเขาบ้างไหมล่ะส้มหวาน”
องุ่นเอ่ยขึ้นมา ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนเป็นป้าถามเช่นนี้ มนิษาหัวเราะหึหึ ส่วนสริดาก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าตามเคย
“เฮ้อ...คิดจะอยู่เป็นโสดไปตลอดเหมือนป้าหรือยังไงล่ะ เข็ดกับผู้ชายเลว ๆ ก็เลยไม่กล้ามีแฟนแล้วหรือยังไง”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ เพียงแต่ว่าส้มยังไม่ได้คาดหวังเรื่องนั้น อยู่คนเดียวแบบป้าองุ่นก็ไม่แย่ไม่ใช่หรือคะ”
“มันไม่แย่หรอกจ้ะ ที่จริงก็สบายใจออกจะตาย แต่ป้ากับส้มไม่เหมือนกันนี่”
“เหมือนสิคะ ถ้าป้าหงุ่นยังไม่แต่งงานแล้วมีความสุขได้ ส้มก็มีความสุขได้เหมือนกัน การแต่งงานไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตหรอกนะคะจริงไหม”
“จริงค่ะ”
แม่ลูกอ่อนอย่างมนิษาตอบแทน
“ถึงตอนนี้มะนาวจะมีลูกมีสามีแล้วแต่ก็กล้าพูดได้ว่าชีวิตจะสมบูรณ์หรือเปล่า ไม่ได้อยู่ที่การมีคู่หรือไม่มีคู่แน่นอน ถ้าพี่ส้มเลือกจะอยู่คนเดียวสวย ๆ โสด ๆ นาวก็สนับสนุนเต็มที่”
“แล้วถ้าพี่สาวหล่อนเขาเจอคนที่เขาอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยขึ้นมาล่ะ”
องุ่นหยั่งเชิง มนิษายักไหล่
“ก็ตามใจพี่ส้ม จะเลือกทางไหนก็ได้ขอแค่พี่ส้มมั่นใจว่านั่นคือความสุขของพี่จริง ๆ ไม่ใช่แค่เพราะสังคมคาดหวังให้ทำ...จริงไหมพี่ส้ม”
“จริงจ้ะ”
“เอาเถอะ ๆ ป้าเข้าใจแล้ว ใครจะรักใครจะแต่งกับใครป้าก็จะโมทนาด้วยเท่านั้น แต่จะไม่ยุ่งด้วยอีกแน่นอน...”
สริดากับมนิษาหัวเราะเบา ๆ พร้อมกัน ป้าองุ่นคงได้บทเรียนสำคัญในวัยเกือบเจ็ดสิบแล้วว่าทุกคนล้วนมีชีวิตและทางเลือกของตัวเอง จะถูกผิดอย่างไรก็ต้องปล่อยให้เจ้าของชีวิตได้เลือกและรับผลนั้นด้วยตัวของเขาเอง...นั่นคือสิ่งที่ควรทำที่สุดแล้ว
**“เสาร์อาทิตย์นี้พี่ติดอบรม ไม่ได้กลับบ้านนะครับหญ้า”
ศรัณโทรบอกภรรยาหลังจากเพิ่งรับคำสั่งจากหัวหน้าฝ่ายให้เขากับเพื่อนวิศวกรอีกสองคนไปสัมมนาสามวันที่โรงแรมในตัวเมือง
“อย่างนั้นหรือคะ”
“พี่อยู่สัมมนาจริง ๆ นะครับ หัวหน้าเพิ่งบอกเมื่อกี้นี้เอง ไอ้พงษ์กับไอ้เชษฐ์ก็ไปด้วย ถ้าไม่แน่ใจโทรถามหัวหน้าก็ได้นะคะ”
“หญ้ายังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยค่ะ”
อุรัศยาตอบกลับ น้ำเสียงดีขึ้น วิศวกรหนุ่มขอคุยกับลูกสาวต่ออีกหลายนาทีก่อนจะวางสาย
ศรัณคิดว่าตัวเองโชคดีที่อุรัศยาไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ และยังทำหน้าที่เมียกับแม่ของลูกได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ภรรยาของศรัณไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการเงินของเขาเลยแม้แต่น้อย ถ้าต้องการหย่าจากเขาจริง ๆ เธอก็สามารถใช้ชีวิตอยู่กับลูกศรได้อย่างสุขสบายด้วยเงินมรดกมหาศาลที่ติดตัวมาแต่เดิม เขาเสียอีกที่ยังต้องพึ่งภรรยาบางครั้งบางคราว ดังนั้นเหตุผลที่เธอให้อภัยย่อมไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเธอยังรักและยังอยากจะให้โอกาสเขาได้ทำหน้าที่พ่อกับสามีที่ดี
แต่แทนที่ศรัณจะสำนึกในความผิด เขากลับคิดว่าตอนนี้จัดการเรื่องครอบครัวของตัวเองได้แล้วก็เหลือแค่ต้องกลับไปขอคืนดีกับสริดาอีกรอบ เขาใช้เวลาเทียวไล้เทียวขื่อหญิงสาวคนนั้นอยู่นานกว่าเธอจะยอมรับหมั้น คงไม่มีทางที่เขาจะยอมแพ้แล้วปล่อยเธอไปได้ง่าย ๆ
ศรัณมาสัมมนาที่โรงแรมจริง ๆ อย่างที่บอกภรรยา แต่เย็นวันอาทิตย์เมื่อการประชุมเสร็จสิ้น เขาไม่ได้ตรงกลับที่พักทันที แต่แวะร้านดอกไม้ สั่งดอกกุหลาบสีแดงช่อที่ใหญ่ที่สุด ดอกตูมสวยสดที่สุด แล้วมุ่งหน้าไปหาสริดาที่บ้านของเธอ แม้รู้ว่ากุหลาบช่อเดียวต่อให้สวยงามเลิศหรูสักแค่ไหนก็ใช่ว่าจะซื้อใจหญิงสาวสักคนได้ง่าย ๆ แต่กุหลาบช่อนี้เป็นเหมือนน้ำหยดแรกที่เริ่มหยดบนก้อนหิน วันนี้เธออาจจะยังปั้นปึ่ง แต่ถ้าเขาอดทนมากพอ ใจที่แข็งเป็นหินของสริดาก็ต้องกร่อนลงสักวันอย่างแน่นอน
สริดาเพิ่งจะขับรถกลับจากไปซื้อของเมื่อเห็นรถของอดีตคนรู้จักจอดอยู่หน้ารั้วบ้าน
หญิงสาวขมวดคิ้ว เมื่อจอดรถไว้หน้ารั้วบ้านก็ต้องทำใจอยู่สักพักกว่าจะยอมลงจากรถศรัณส่งยิ้มอบอุ่นหล่อเหลามาให้ มือประคองช่อกุหลาบช่อใหญ่ไว้ด้วย เธอจ้องดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่หลายดอกที่ถูกจัดอย่างประณีต ไม่ใช่เพราะประทับใจแต่เพราะไม่อยากจะมองหน้าเจ้าของช่อดอกไม้ตรง ๆ“น้องส้ม...พี่คิดถึงส้มจังเลยครับ”ศรัณเอ่ยเสียงนุ่มพลางยื่นช่อกุหลาบให้หญิงสาวที่เขาตั้งใจมาหา แต่หนนี้สริดาไม่แม้แต่จะรักษาน้ำใจด้วยการรับไว้“คราวก่อนส้มพูดชัดแล้วนะคะว่าไม่อยากให้พี่โซ่กลับมาที่นี่อีก”“พี่รู้ แต่พี่คิดถึงส้มมากเกินไป หลายวันมานี้พี่แทบไม่มีสมาธิทำงานเลยนะครับ...ในหัวพี่คิดถึงแต่เรื่องของส้มตลอดเวลา ว่าต้องทำยังไงส้มถึงจะเชื่อว่าพี่รักแล้วก็จริงจังกับส้มจริง ๆ”สริดาถอนหายใจ เหลือจะเชื่อจริง ๆ ผู้ชายคนนี้“กลับไปเถอะค่ะ อย่าให้ส้มต้องไล่ซ้ำซากเลย ส้มเหนื่อย...”“พี่จะกลับแต่อยากให้ส้มรู้ว่าเมียพี่...ภรรยาตามกฎหมายคนนั้น เขายินดีหย่าให้พี่แล้ว อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันท์ผัวเมียมานานหลายปีแล้ว ที่ทนอยู่ก็เพราะลูก แต่ตอนนี้เขายอมรับแล้วว่าเขาก็ไม่อยากแกล้งพี่อีกต่อไป เขาจะหย่าให้ครับ”“ถ้าอย่างนั้
วันพระใหญ่ สริดากับองุ่นออกไปทำบุญที่วัดตั้งแต่ตอนกลางวัน คนเป็นป้ายังคงรู้สึกผิด แม้หลานสาวบอกให้ลืมมันไปได้แล้วก็ตาม“กรวดน้ำไปเยอะ ๆ เลยนะลูก พวกเจ้ากรรมนายเวรมันจะได้ไม่มารังควานเราอีก”องุ่นบอกหลานสาว สริดาอดยิ้มขันไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ป้าขอน้ำมนตร์จากหลวงพ่อ เพื่อจะมาผสมน้ำอาบ ไล่เสนียดจัญไรออกจากชีวิต“นายคนนั้นมันติดต่อเรามาอีกไหมส้มหวาน”หลังจากไม่ได้เอ่ยชื่อศรัณมานาน องุ่นก็เลียบเคียงถามจนได้ สริดาอยากปิดเรื่องที่เขาแวะมาที่บ้านหลายวันก่อนแต่ก็ตัดสินใจบอกความจริงไป“เวรกรรม ยังกล้ามาอีกหรือนี่ มันมาเซ้าซี้ตอแยอะไรอีกได้ แล้วได้แจ้งตำรวจหรือเปล่าลูก”“เขายังไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะป้าหงุ่น ไม่ต้องห่วงนะคะ”สริดารีบบอก“ป้าหงุ่นอย่าเพิ่งบอกน้องนะคะ แค่เลี้ยงทิวลิป มะนาวก็น่าจะวุ่นพออยู่แล้ว”“อืม ป้าไม่บอกหรอก แต่ส้มก็อย่าประมาทนะลูก บอกคนงานให้เฝ้าบ้านกันดี ๆ แล้วถ้ามันกลับมาอีกก็โทรแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุกไปเลย”“ค่ะป้าหงุ่น”สริดารับคำเพื่อให้ผู้อาวุโสสบายใจ เอาไว้ถ้าศรัณยังไม่ยอมเลิกราจริง ๆ ตอนนั้นเธอค่อยใช้ไม้แข็งกับเขาอย่างที่ป้าบอกก็แล้วกัน**“เมื่อไรจะหายเห่อลูกสักที ใจคอ
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่วิศวินต้องกลับออสเตรเลีย จากสนามบินเชียงใหม่ชายหนุ่มต้องไปต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ เขาไม่ได้ให้ใครมาส่งนอกจากลูกพี่ลูกน้อง“แล้วจะกลับมาอีกเมื่อไร”ธีทัตถาม วิศวินหัวเราะ“ฉันยังอยู่ไม่จุใจนายอีกเหรอ นี่ก็อยู่จนแม่นึกว่าฉันจะกลับมาอยู่เชียงใหม่แล้วนะ”“ก็ถาม ๆ ดู เผื่อว่าหนนี้มีอะไรจูงใจให้นายกลับมา”ธีทัตเอ่ยทีเล่นทีจริง“ตกลงแกกับส้มหวานนี่มันยังไงวะ”“ก็ไม่ไงนี่”วิศวินทำเป็นง่วนกับการตรวจเช็คความเรียบร้อยของกระเป๋าและตั๋วโดยสาร“ส้มหวานก็น่ารักดี คุยด้วยแล้วสบายใจ... น่าเห็นใจเขาที่เจอผู้ชายที่ไม่ดี”“ก็เพราะผู้ชายดี ๆ มันไม่กล้าจีบน่ะสิ ไอ้พวกไม่ดีเลยเอาไปกินเสียหมด”“มันก็ต้องมีคนดี ๆ หลงเหลือบ้างล่ะน่า... คนที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับเขาได้ ดูแลเขาได้...”วิศวินเอ่ยเบา ๆ เหมือนตั้งใจจะพูดกับตัวเองถ้าเป็นเมื่อก่อนธีทัตอาจจะยุให้ลูกพี่ลูกน้องเดินหน้าสานสัมพันธ์กับสริดาให้รู้แล้วรู้รอดและเขาจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้ด้วยอีกแรง แต่หลังจากผ่านเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาทั้งร้ายและดี ชายหนุ่มพ่อลูกอ่อนจึงคิดว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติโดยตัวเขาเองไม่ต้องเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
ระหว่างรอธีทัตซื้ออาหารอีสานมาสมทบ สริดาเข้าครัวเพื่อทำอาหารเพิ่มอีกสองสามเมนูเพราะป้าองุ่นก็จะมาร่วมโต๊ะด้วยเช่นกัน“มะนาวไปนั่งดูทีวีรอพี่ข้างนอกไป จะมานั่งทำไมในครัว”เธอบอกน้องสาว มนิษาบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมหยิบข้าวต้มมัดที่นึ่งสุกแล้วใส่จานเดินออกจากครัว ปล่อยให้พี่สาวกับนิดหน่อยช่วยกันล้างผักหั่นผักกันไป นาทีต่อมาวิศวินก็เดินพับแขนเสื้อเข้ามา“พี่วิน จะรับอะไรหรือคะ”“เปล่าครับ พี่จะมาช่วยเป็นลูกมือน่ะ”“ขอบคุณนะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ส้มกับนิดหน่อยทำสองคนก็ไหว พี่วินไปนั่งคุยกับมะนาวเถอะค่ะ”“มะนาวก็ไล่พี่มาช่วยส้มเหมือนกัน” วิศวินอ้างส่งเดช “ให้พี่ช่วยเถอะครับ พี่ทำครัวเป็นนะ”“จริงหรือคะ”เป็นนิดหน่อยที่ถาม ชายหนุ่มพยักหน้ายืนยันพลางเดินไปหยิบมีดทำครัวขึ้นมาหนึ่งเล่ม“ให้พี่หั่นผักให้ดูไหมล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าโม้”สริดาเกรงใจแต่ก็ยอมหลีกทางให้ และฝีมือหั่นผักด้วยความเร็วและเนี้ยบระดับพ่อครัวมืออาชีพก็ทำให้สองสาวอ้าปากค้าง“โอ้โห...อย่างกับที่เขาแข่งทำอาหารในโทรทัศน์แน่ะพี่ส้ม”นิดหน่อยร้องอย่างตื่นเต้น วิศวินหัวเราะเบา ๆ“ตอนพี่จบไฮสกูล...หมายถึงม.ปลายน่ะ พี่ไปเรียนเป็นเชฟอยู่เกือบสามปีเ
ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากศรัณกลับไปกับครอบครัวของเขาในวันนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะเขาเองก็ไม่กล้าโผล่กลับมาให้เห็นหน้าอีก ทำเพียงส่งข้อความมาขอโทษสริดาและบอกว่าจะกลับมาอธิบายทุกอย่างทีหลัง“ส้มหวานเป็นไงบ้างวะไอ้ธี”วิศวินถามธีทัตหลังผ่านงานหมั้นไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ เพราะตั้งแต่วันนั้นเขาก็ยังไม่ได้เจอสริดาเลย ครั้นจะไปหาเธอที่บ้านหรือส่งข้อความไปก็ไม่แน่ใจว่าจะยิ่งทำให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า“เห็นมะนาวบอกว่าก็ยังสบายดีนะ อาจมีโกรธบ้างแต่รวม ๆ ก็เหมือนทำใจได้”“แปลก แล้วจะเอายังไงต่อกับผู้ชายคนนั้น ครอบครัวเขา เมียเขา จะมาเอาเรื่องอะไรอีกไหม”วิศวินยังถามต่อด้วยความเป็นห่วง ธีทัตส่ายหน้า“เท่าที่รู้ ทางนั้นไม่ได้ติดต่ออะไรมาอีก คงไม่อยากยุ่งกับเราเหมือนกัน มีแต่เมียฉันนี่ล่ะที่ร่ำ ๆ จะไปเอาเรื่องนายศรัณให้ได้ นี่ฉันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งต่อความยาวสาวความยืด ไม่อย่างนั้นป่านนี้มะนาวตัวดีบุกศาลากลางแล้ว แม่เจ้าประคุณกะจะไปบู๊ทั้ง ๆ ที่ท้องโย้อยู่นั่นแหละ”ธีทัตหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่ก็พอเข้าใจว่าถ้าผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนมาเจอสถานการณ์แบบนี้ก็คงจะขำไม่ออก นึกแล้วก็โชคดีจริง ๆ ที่น้อง
“ส้มครับ...ไม่ว่าใครจะพูดอะไร พี่อยากให้ส้มเชื่อใจพี่นะครับ”“ส้มไม่เข้าใจค่ะ”“พี่รักส้มนะ รักจริง ๆ แล้วพี่จะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทีหลัง”“อธิบายเรื่องอะไรคะ พี่โซ่พูดให้ชัด ๆ ได้ไหม ส้มงงไปหมดแล้ว”แต่ศรัณไม่มีเวลาอธิบายเพราะหฤทัยจูงมือพี่สะใภ้ก้าวอาด ๆ มาหา ชายหนุ่มหน้าซีดเป็นกระดาษ อุรัศยามองสามีที่สวมใส่ชุดไทยประยุกต์หล่อเหลาจัดเต็มแถมยังยืนเคียงข้างหญิงสาวอีกคนแต่งตัวโทนเดียวกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าสถานะของสองคนนี้คืออะไร...สริดาผงะไปเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวที่เธอยังไม่รู้จักจู่ ๆ ก็สะอื้นเสียงดัง น้ำตาร่วงพรู มารดาของศรัณโอบกอดหญิงสาวคนนั้นไว้ ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ดูอ่อนวัยที่สุด กำลังจ้องเธออย่างรังเกียจ“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”“ที่ถามนี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอ...”“ซ่า เดี๋ยวพี่พูดเอง”ศรัณพยายามปรามน้องสาว แต่ถึงตอนนี้แม้แต่ช้างก็ฉุดหฤทัยไม่อยู่แล้ว“จะพูดอะไร จะบอกเมียน้อยพี่หรือไงว่าที่กำลังร้องไห้อยู่นี่คือเมียตัวจริง เมียหลวง!”มีเสียงอุทานและฮือฮารอบข้างดังขึ้นเบา ๆ สีเลือดเผือดหายไปจากใบหน้าของสริดาทันที“ส้ม ฟังพี่ก่อนนะครับ...”เป็นอีกครั้งที่ศรัณยังไม่มีโอกาสได้แก้ตัว เพราะมนิษาท
แสงแดดอ่อนยามเช้าทาบทอทั่วลานสนามหญ้าที่ตัดแต่งอย่างประณีต เก้าอี้ไม้สีขาวรูปทรงวินเทจจัดเรียงเป็นระเบียบรองรับแขกเหรื่อได้หลายสิบคน ดอกกุหลาบขาว ลิลลี่ และไฮเดรนเยีย ถูกจัดแต่งสวยงามประดับประดาไว้ทุกมุมของบริเวณจัดงานเล็ก ๆ ที่แสนจะอบอุ่นและอ่อนหวานแห่งนั้นด้านหน้าเวทียังมีกุหลาบขาว คาเนชั่น และดอกยิปโซ คุมโทนให้เข้ากันกับโซฟาหรูสีงาช้างสำหรับคู่หมั้นและผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ฉากหลังประดับด้วยอักษรภาษาอังกฤษตัวเอสสองตัวซ้อนกันแทนชื่อย่อของสริดากับศรัณศรัณอาสาดูแลเรื่องงานหมั้นในวันนี้ทั้งหมด เขาเลือกซื้อแพ็คเกจจัดงานที่ดูแลเบ็ดเสร็จทั้งสถานที่ อาหาร เครื่องแต่งกาย แต่งหน้าทำผม และยังดูแลไปถึงรูปแบบพิธีกรรมในการหมั้นหมายแบบไทย ๆ ชายหนุ่มนึกดีใจที่สริดากับป้าองุ่นเสนอให้จัดงานเล็ก ๆ ที่มีเฉพาะญาติและคนสนิทกันเท่านั้น ถึงกระนั้นฝ่ายของเขาก็มีเพียงนายอนุสรณ์ผู้เป็นพ่อเท่านั้นที่มาร่วมงานหมั้นของลูกชายได้อนุสรณ์บอกว่านารีติดโควิดจึงมาด้วยกันในวันนี้ไม่ได้ โชคดีที่ดูเหมือนว่าญาติของฝ่ายหญิงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร แต่เขากระซิบบอกลูกชายแล้วตั้งแต่เมื่อวันก่อนที่มาถึงเชียงใหม่‘…แม่แกน่ะ หัวเด
“ฟังแล้วอย่าเพิ่งโกรธหรือพูดอะไรนะ ฟังแม่ให้จบก่อน”หฤทัยเริ่มนึกสนุก รีบนั่งขัดสมาธิใกล้แม่ หยิบหมอนมาหนุนข้อศอก ตั้งท่าฟังอย่างตั้งอกตั้งใจแต่รอยยิ้มสนุกก็ค่อย ๆ เลือนหายไปเมื่อนารีเล่าเรื่องที่ลูกชายมาขอให้ไปสู่ขอผู้หญิงคนหนึ่งที่เชียงใหม่ และยังขอร้องให้ปิดบังเรื่องนี้จากอุรัศยา ผู้ที่เป็นสะใภ้อย่างถูกต้องตามกฎหมายหฤทัยขบกรามกรอด ๆ และอดทนฟังอย่างไม่ปริปากตามที่แม่ขอไว้ จนเมื่อนารีพูดจบหญิงสาวก็แทบจะฉีกหมอนแทนการพุ่งไปห้องนอนพี่ชายแล้วทำร้ายเขาแทน“นี่เขาส่งมันไปทำงาน แต่มันดันไปมีเมียน้อยเนี่ยนะแม่! แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร รู้หรือเปล่าว่าไอ้โซ่มันมีลูกมีเมียแล้ว”เมื่อโกรธจัด การเรียกพี่ชายอย่างให้ความเคารพก็ดูเหมือนจะไม่จำเป็น“มันบอกว่าทางนั้นก็ยังไม่รู้ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงหรือเปล่า”“ถ้าเขาไม่รู้ก็ยิ่งชั่วหนัก นอกใจเมียแล้วยังไปหลอกผู้หญิง แบบนี้มันผิดวินัยนะแม่ ถ้าผู้หญิงเขารู้เขาเอามันออกจากราชการได้เลยนะ”“มันรู้ทุกอย่างแหละซ่า พี่ชายแกมันรู้หมดอะไรผิดอะไรถูก แต่มันจะทำ แถมยังขอให้แม่ไปขอเมียให้”“แล้วแม่ก็จะไปหรือไง”“จะไปได้ยังไงล่ะ แค่คิดฉันก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว
เป็นไปตามคาด มนิษาโวยวายเสียงดังจนคนฟังหูแทบแตกเมื่อสริดาโทรศัพท์ไปบอกว่าอีกหนึ่งเดือนจะมีงานหมั้นของเธอกับศรัณ“มะนาว ใจเย็น ๆ ก่อนสิ”คนเป็นพี่พยายามเอ่ย“ถามจริงเถอะ นี่คิดดีแล้วใช่ไหม หมั้นกับไอ้...กับเขาน่ะ”“ไม่รู้ ไม่ได้คิด”“อ้าว! ทำไมพูดแบบนี้ล่ะพี่ส้ม เรื่องแบบนี้ไม่คิดได้ยังไง”สริดานิ่งไป... เงียบนานจนคนเป็นน้องเอะใจ“พี่ส้ม ฟังอยู่หรือเปล่า”“อือ...อยู่”“เป็นอะไร ตกลงมันยังไงกันแน่”“...”ไม่มีคำตอบ แต่มนิษาเหมือนได้ยินเสียงคนถอนหายใจหนัก ๆ ความโกรธหายไปทันที หญิงสาวที่กำลังท้องโตกดโทรศัพท์แนบหูแรงขึ้นราวกับยังได้ยินไม่ชัดพอ“พี่ส้มอยู่ที่ไหน เดี๋ยวนาวไปหา”“ไม่เอา ไม่ต้องมา พี่เป็นห่วง”“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เดี๋ยวให้พี่ธีไปส่งก็ได้ พี่ธีอยู่บ้าน...ให้นาวไปหานะ”“เจอกันที่ร้านกาแฟดีกว่า พี่ไม่อยากให้คนอื่นได้ยินน่ะ”นี่ก็แปลกที่สุด...ตลอดชีวิตของมนิษาไม่เคยเห็นพี่สาวทำตัวลับลมคมในแบบนี้ สริดาบอกชื่อร้านกาแฟแถวบ้าน หญิงสาวรับปากก่อนจะรีบวางสาย แต่งตัว และขอให้ธีทัตพาไปส่งที่ร้านอย่างรวดเร็ว**เพราะคิดว่าภรรยาของเขาควรได้พูดคุยกับพี่สาวอย่างเป็นส่วนตัว ธีทัตจึงขอตัวไปเดินเ