แม้หลี่ซูเจินจะปฏิเสธเสียงแข็งไปในตอนแรกที่ถูกตามให้มาทำงานที่ร้านขายข้าวตระกูลหู แต่พอถูกยื่นข้อเสนอเป็นค่าจ้างจำนวนที่มากโขชนิดที่นางต้องตาลุกวาว หญิงสาวก็เปลี่ยนใจ
“ไฉไฉ วันนี้อยู่บ้านกับท่านตาเล็ก ห้ามก่อกวนให้ท่านวุ่นวายนะจ๊ะ” สั่งเสียลูกสาวอย่างดี แต่ก็ไม่ได้คิดว่านางจะก่อเรื่องได้ เพราะที่นี่ไม่มีใครรู้จักพวกตน ถึงจะมีคนรู้จักแต่หกปีที่ผ่านผัน ใครๆ ก็คงหลงลืมเรื่องราวของตระกูลหลี่และคุณหนูหลี่ซูเจินไปกันหมดแล้ว “ตอนเย็นแม่จะกลับมา วันนี้แม่จะซื้อไก่ตัวอ้วนๆ มาด้วย เราจะกินไก่กันให้ท้องแตกไปเลย!” “เย้ๆๆ กินไก่” เด็กน้อยดีใจกระโดดโลดเต้นไปทั้งห้อง เหลียงซือยิ้มเอ็นดู เขาไปหาของเล่นของเด็กบ้านอื่นที่เลิกใช้แล้วเอามาให้หลานเล่น อย่างน้อยก็แก้ขัดไปพลางๆ “รีบไปเถอะซูเจิน ไม่ต้องห่วงทางนี้ อาจะดูแลไฉไฉให้เอง” เมื่อไม่มีห่วงอะไรแล้ว หญิงสาวก็รีบมาที่ร้านข้าวตระกูลหู ไม่เจอตาเฒ่าหัวงูแล้ว แต่เจอผู้ชายอีกคนแต่งตัวเป็นคุณชายมานั่งที่คิดเงินแทน เขาเห็นนางแล้วก็ยิ้มแห้งๆ เหมือนเกรงๆ รีบเดินมาต้อนรับ “พี่สาวท่านนี้คงเป็นแม่นางซูเจินที่จะมาทำงานเสมียนเป็นแน่” เขาทักทายก่อน “ข้าชื่อหูเยี่ยนฉาง เป็นคนสกุลหู ต่อไปนี้ข้าจะมาอยู่เฝ้าร้านกับเจ้า ถ้ามีอะไรก็เรียกข้าได้ เช่นถ้ามีลูกค้าใหญ่ๆ หรือเรื่องอะไรที่ไม่เข้าใจ ข้าจะอยู่ร้านจนกว่าจะถึงตอนปิดร้านเลย” “คุณชายหู เรียกข้าว่าซูเจินเฉยๆ ก็พอเจ้าค่ะ ว่าแต่...ท่านเป็นนายจ้างใช่หรือไม่เจ้าคะ” ถามเพราะยังสับสนกับเรื่องเมื่อวาน ผู้คนมากมายพวกนั้นคือใครกัน “คือเมื่อวานนี้เหมือนมีคนที่น่าจะเป็น...เอ่อ...สำนักคุ้มกันหรือเปล่าเจ้าคะ มาจัดการเรื่องผู้เฒ่าหูให้ ข้าก็เลยสงสัย” “อ้อๆ ใช่ๆ พวกเขา เอ๊ย! ตระกูลหูของเราได้ว่าจ้างสำนักคุ้มกันมาจากทางใต้ เอาไว้ดูเรื่องทุกเรื่องให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย” เขาโกหก แต่ก็เป็นสิ่งที่คนตระกูลหูทุกคนต้องยอมรับและพูดให้ตรงกัน ถ้ายังอยากจะมีชีวิตสุขสบายบนกองเงินกองทองที่สำนักบูรพาให้ “เอาล่ะๆ เลิกคุยเล่นกันได้แล้ว เจ้าไปทำงานเถอะ วันนี้จะมีข้าวเปลือกมาส่งจากพ่อค้าแดนเหนือ เป็นตัวอย่างข้าวที่เสนอให้เราพิจารณา เห็นลุงข้า...หูซีห่าว บอกว่าเจ้ารู้เรื่องประเภทของข้าวเป็นอย่างดี คงจะตรวจสอบได้กระมัง” “ได้แน่นอนเจ้าค่ะสบายใจได้เลย” ซูเจินตอบกลับเสียงสดใส จะมีอะไรดีไปกว่าการได้ใช้ความรู้ความสามารถที่ตนเองมีเพื่อการทำมาหากินอีกเล่า “เชิญคุณชายหูไปนั่งพัก ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เริ่มจากการทำระเบียนประวัติของสินค้าทั้งหมดในร้าน เรียบร้อยแล้วข้าจะส่งให้ตรวจสอบเจ้าค่ะ!” “ทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้ขอรับท่านหัวหน้าองครักษ์” หูเยี่ยนฉางรายงานพฤติกรรมทั้งหมดที่คอยจับสังเกตหลี่ซูเจิน แม้จะไม่รู้ว่าหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรจะให้เขานั่งเฝ้าลูกจ้างหญิงทำไม แต่ชายหนุ่มเป็นคนฉลาดมากกว่าลุงของเขาหูซีห่าว เลยคิดว่าหุบปากให้เงียบที่สุด และตอบในสิ่งที่ถูกถามก็พอ ซึ่งเขาคิดถูก “และนี่คือระเบียนร้านค้าที่นางเป็นคนทำขอรับ ถึงข้าน้อยจะดูเหลวไหลไปบ้าง แต่ก็ได้เรียนหนังสือจากสำนักตงฟางจบการศึกษาขั้นสูงสุด ข้าน้อยตรวจสอบสมุดนี้แล้วพบว่านางมีความรู้ความเชี่ยวชาญ และละเอียดรอบคอบมากๆ เลยขอรับ อ้อๆ วันนี้มีพ่อค้าเอาตัวอย่างข้าวมาให้ดูด้วย นางก็สามารถวิเคราะห์ได้เป็นฉากๆ เลยขอรับ ว่าข้าวแบบนี้น่าจะปลูกที่ไหน คุณภาพแบบนี้เกิดอะไร ความชื้นของของ ไปจนแมลงมอดที่ปะปน นี่ถ้าบอกว่านางเคยคลุกคลีกับของพวกนี้จนเชี่ยวชาญ ข้าน้อยก็จะไม่แปลกใจเลยขอรับ แต่ก็คงจะแปลกอยู่ดี เพราะสตรีที่เป็นชาวบ้าน ไฉนเลยจะรู้ลึกรู้ละเอียด ราวกับคุ้นเคยกับมันมานาน” เจิ้งห่าวหรานรับสมุดระเบียนมาเปิดดู เห็นลายมือที่เขียนอย่างเรียบร้อยแบบบรรจง ตัวอักษรเท่ากันทุกอักขระ ก็พอรู้แล้วว่านางเป็นคนมีการศึกษาจริงๆ “ขอบใจมาก แล้วเจ้าให้ค่าจ้างนางไปแล้วเรียบร้อยดีหรือไม่” “เรียบร้อยดีขอรับ ได้ยินว่านางจะเอาไปซื้อไก่ให้ลูกสาว ข้าน้อยเลยแนะนำให้ไปที่โรงเตี๊ยมเยว่เลี่ยง เพราะพ่อครัวที่นั่นทำไก่ได้อร่อยที่สุด แหมว่าแล้วก็อยากไปร่ำสุราดูสาวๆ ร่ายรำเสียเหลือเกิน...” พูดไปแล้วก็ทำท่าเปรี้ยวปาก โรงเตี๊ยมเยว่เลี่ยงตอนกลางวันคนมักจะไปนั่งกินอาหาร ส่วนกลางคืนก็จะเปิดเป็นโรงเตี๊ยมที่บางครั้งก็จะมีสาวๆ นางรำมาเต้นระบำให้ดู นับว่าเป็นที่เปิดเผยไม่น้อยมิใช่ซ่องโสเภณีแต่อย่างใด แต่กลับไปกระตุกใจเจิ้งห่าวหรานขึ้นมา เพราะที่นั่นคือจุดเกิดเหตุที่เขาได้พรากพรหมจรรย์สตรีปริศนาไปหนึ่งคน! “ข้ากลับแล้ว วันนี้ดีมาก พรุ่งนี้ก็ขอให้ทำตัวปกติ ให้ดีต่อไปเช่นกัน” ชายหนุ่มลุกขึ้น คิดว่าต้องรีบติดตามหญิงสาวไป อย่างน้อยเผื่อจะได้เห็นอะไรดีๆ “ซานตัง เอาระเบียนนี้กลับไปตรวจสอบด้วย และพรุ่งนี้ให้เอามาคืนก่อนที่ร้านข้าวสารตระกูลหูจะเปิด สตรีผู้นั้นจะได้ไม่สงสัยว่าทำไมระเบียนการค้าหายไป” “ขอรับหัวหน้า แล้วนี่เราจะกลับหน่วยกันเลยหรือไม่ขอรับ” “ไม่ล่ะ เจ้ากับพวกลูกน้องกลับไปเถอะ จัดงานตามที่สั่งให้เรียบร้อย วันนี้คงไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะรายงานความคืบหน้าเรื่องอื่นกับสำนักบูรพาเอง” เขาไม่รอให้ทุกคนแยกย้าย แต่เป็นคนจากไปก่อนคนแรก ตอนนี้ร้อนใจนัก ค่อนข้างมั่นใจว่านางคือหญิงคนนั้นแม้ยังไม่พิสูจน์ ที่สำคัญได้ยินจากหูเยี่ยนฉางแล้วว่าลูกของนางเป็นผู้หญิงและอายุห้าปี ก็อยากจะรีบเจอตอนนี้เลย “เด็กอายุห้าปี ถ้านับจากเหตุการณ์ตอนนั้น นี่ก็ผ่านมาหกปีแล้ว” เขาคิดในใจ “อาจเป็นเด็กที่เกิดจากเหตุการณ์ครั้งนั้นก็เป็นได้! ไม่ได้การล่ะ ข้าต้องให้นางยอมรับว่ามันใช่จริงๆ”สองปีผ่านไป...หลังจบเรื่องวุ่นวายในราชสำนัก ก็ใช้เวลาไปเกือบปี ทำให้ฤกษ์หมั้นหมายเสียหาย องค์ชายฟู่เหรินจึงเสนอว่าให้ใช้ฤกษ์อภิเษกไปเลยในคราวเดียว นั่นคือหมั้นและแต่งในวันเดียวกันย่อมไม่มีใครขัดขวางอยู่แล้ว เพราะใครๆ ต่างก็อยากให้องค์ชายใหญ่เป็นฝั่งเป็นฝาเพื่อที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งต่อไป แต่เป็นเขาเองที่ชิงทูลองค์จักรพรรดิก่อน ว่าไม่ต้องการขึ้นเป็นรัชทายาท“เจ้าเป็นลูกคนโต ถ้าเจ้าไม่เป็นรัชทายาท แล้วเจ้าจะเป็นอะไร”พระบิดาถามเขาในวันนั้น และเขาที่มีพระชายาอยู่เคียงข้าง ก็ตอบทันควัน“กระหม่อมจะเป็นหมอ จะรักษาผู้คนโดยไม่แบ่งแยกฐานะ นี่ก็เป็นการดูแลไพร่ฟ้าในฐานะเชื้อพระวงศ์เช่นกัน...”องค์จักรพรรดิอยากจะขัด แต่พอเห็นโอรสกับชายาของเขาจับมือกันไว้แน่นราวกับว่าได้ร่วมกันตัดสินใจเรื่องนี้มาทั้งคู่ ก็ได้แต่ระลึกไปถึงพระสนมอิงหลันผู้ล่วงลับ นางไม่เคยมีใครรักชอบให้เขา แต่งงานเพราะหน้าที่ แต่ตลอดเวลานางก็ทำได้ดี กระทั่งอบรมสั่งสอนบุตรก็ยังทำได้ไม่มีบกพร่อง เป็นเขาเองที่กักขังนางไว้ในวังหลวงนี้จนวันตาย“เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาแล้วก็ไปปกครองเมืองต้าหลี่ก็แล้วกัน” จักรพรรดิพูดถึงเมืองใหญ่ที่สุดที่อย
“ข้าจะไปช่วยเขา สนามพลังแบบนั้นต้องมีคนคุ้มกัน ไม่อย่างนั้นอาจเป็นอันตราย” นางหันไปบอกสองคนข้างหลัง “ท่านพาลูกปลาตัวกลมไปที่บ้านยายเฒ่าตาบอดก่อน แล้วข้าจะตามไปทีหลัง”“คงไม่ต้องแล้ว” เป็นฮัวฮัวที่พูดขึ้น สายตานางมองไปอีกทางแล้วก็ชี้นิ้วไปข้างหน้า “ท่านพ่อกับพวกอาๆ มาช่วยพวกเราแล้ว เย้!”เกิดการปะทะระหว่างนักฆ่าลึกลับกับพวกองครักษ์เสื้อแพรที่มากันเต็มรูปแบบ เพราะตอนนี้ได้จัดการภายในราชสำนักเสร็จสิ้น จึงตามออกมากวาดล้างทั้งหมดที่เหลือข้างนอกในคราวเดียว“ถวายการอารักขาองค์ชายใหญ่!” เสียงเจิ้งห่าวหรานหัวหน้าองครักษ์ตะโกนก้อง “ไฉไฉ ฮัวฮัว หลบไปอยู่ในที่ปลอดภัย เร็ว!”เมื่อพ่อสั่งก็มีอย่างเดียวคือห้ามต่อต้าน สามสายลับต่างวัยวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ไกลๆ และคอยดูห่างๆ พวกเขาไม่ได้เก่งต่อสู้สักคน แค่พอมีวิชาและเอาตัวรอดเป็นเท่านั้น ในเมื่อองครักษ์มาแล้ว ก็ควรให้เป็นหน้าที่ของคนมีความสามารถแล้วกัน“นั่น...เสียงอะไร” เพราะความเป็นคนหูดีที่สุดของไฉไฉทำให้ได้ยินอะไรแปลกๆ นางรู้ทันทีว่ามีคนแอบอยู่แถวนั้นและกำลังจะหนี หันไปมองหน้าน้องสาว เห็นนางจ้องอยู่เช่นกัน แสดงว่ารู้แล้ว “ฮัวฮัว พี่เพิ่งเจอว่าเหลือลู
“นี่เจ้า! ริอ่านติดสินบนเจ้าพนักงานตั้งแต่ยังเด็ก ท่านพ่อตีเจ้าตายแน่ๆ! ตุ่นภูเขา! แล้วท่านเป็นผู้ใหญ่ประสาอะไร พาเด็กห้าขวบมาในสถานที่แบบนี้ ท่านเองก็ต้องถูกลงโทษด้วยแน่นอน!”“โฮ่! แมวพันหน้า อย่าเพิ่งพูดมากเลยดีกว่า ถ้าไม่ได้ข้ากับลูกปลาตัวกลมเมื่อครู่ ท่านเองก็คงไม่เหลือซาก”“นี่พวกเจ้า...พูดอะไรกัน ข้างงไปหมด” ฟู่เหรินที่ฟังสายลับสามคนสามวัยเถียงกันด้วยภาษาอะไรก็ไม่รู้ช่างปวดหัวนัก “เดี๋ยวก่อน ทำไมเราต้องมาเถียงกันในเวลานี้ นี่มันหน้าสิ่วหน้าขวาน! พวกนักฆ่าตามมาถึงตัวแล้ว!”“ลูกหินของข้าหมดแล้ว! พี่ใหญ่ ท่านเอาที่ข้าให้ไว้มาด้วยหรือเปล่า” ฮัวฮัวแบมือหาพี่สาวทันที ไฉไฉรีบล้วงเสื้อ ปรากฏว่ามีแต่หมั่นโถวตากแดดร่วงลงมาหลายชิ้น “พี่ใหญ่! แล้วก็ชอบห้ามข้ากินของหวานตอนกลางคืน แต่พี่กลับพกติดตัวตอนหนีพวกนักฆ่าออกมาแบบนี้ จะให้ข้าคิดยังไงกัน!”“นี่ทำไมข้าถึงได้พกหมั่นโถวออกมาขนาดนี้เนี่ย ข้าต้องหยิบเสื้อมาผิดตัวแน่ๆ” นางคิดไปถึงเหตุผลว่าทำไมต้องหยิบเสื้อมาใส่ แล้วก็ดันเกิดหน้าแดง เพราะตอนนั้นเกือบได้สานสัมพันธ์กับฟู่เหรินอยู่แล้วเชียว “โอ๊ย! ไม่รู้แล้ว พวกเราหาอาวุธเอาเท่าที่มีรอบตัวสู้ไป
“หา...หมายความว่า...ว้าย!”พรึ่บ!ไฉไฉมัวแต่เถียงกับองค์ชายเลยไม่ทันระวังตัว นางก้าวพลาดลงไปในบ่อที่ขุดไว้ดักสัตว์ แม้จะไม่เจ็บเท่าไรเพราะกลิ้งม้วนตัวลงไปพอดี แต่หลุมนี้ลึกมาก เรียกว่าเป็นความซวยจริงๆ“องค์ชาย! ท่านวิ่งไปข้างหน้าอีกไม่เท่าไรจะเจอต้นไม้สองง่าม มีกระท่อมของยายเฒ่าตาบอดอยู่ไม่ไกลจากนั้น” นางตะโกนบอกเขาเสียงดัง “ที่นั่นเป็นจุดนัดพบของสายลับกับองครักษ์ ท่านจะปลอดภัย”“ไม่ได้! รอก่อน ข้าจะช่วยเจ้าเอง” ฟู่เหรินลงไปนอนแนบพื้นแล้วพยายามส่งมือเข้าไปหา “ข้าจะไม่หนีไปคนเดียว ถ้าจะรอด เราต้องรอดไปด้วยกัน!”“โอ๊ย! ท่านนี่โง่จริง ข้าให้ท่านหนีไปก่อนเพราะท่านเป็นตัวถ่วง ยังไม่รู้ตัวอีก” เสียงหญิงสาวแผดขึ้นมา “ท่านมันอ่อนแอจึงเป็นตัวภาระ นี่ข้ามีแผนแล้ว ข้ามีระเบิดพลุติดตัวไว้ยามฉุกเฉิน ข้าจะยิงใส่พวกมัน แล้วท่านจะมาอยู่แถวนี้ให้เกะกะทำไมเล่า!”หญิงสาวโกหก นางไม่มีของที่ว่า แต่ทำเป็นชูอะไรก็ไม่รู้ขึ้นมา เพื่อให้เขาสบายใจ“ระเบิดพลุอะไรของเจ้าหา นั่นมันหมั่นโถวตากแดดที่เอาไว้ปิ้งกินกับน้ำผึ้งที่น้องสาวชอบไม่ใช่หรือไง แล้วนี่พกมาทำไมเนี่ย!” เขาพูดแบบนั้นนางเลยได้หันดู อ้าวจริงด้วย ไม่ร
โอ๊ย!...อุ้บ!”ไฉไฉดึงหูฟู่เหรินเหมือนที่เห็นหลี่ซูเจินทำเจิ้งห่าวหรานมาตั้งแต่นางจำความได้ ท่านแม่ดึงหูท่านพ่อทีไร ท่านพ่อมีอันได้ยอมแพ้ เพราะมันเจ็บ!มือหนึ่งดึงหู อีกมืออุดปากเขาแน่นไม่ให้ร้อง แต่เพียงครู่เดียวก็ปล่อยมือที่บิดหูออกแล้วไปกระซิบ“ข้างนอกเป็นนักฆ่าที่ตั้งใจลอบฆ่าท่านมาตั้งแต่ที่ตลาดแล้ว และท่านคงคิดไม่ผิด ฝู่เตี้ยวเป็นหนอนจริงๆ ตอนนี้พวกเราถึงได้ตกอยู่ในอันตราย”“ขืนยังอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ยังไงพวกเราก็คงได้ตาย” ฟู่เหรินได้พูดเป็นคำแรกตนที่เอามือลูบหูตัวเองป้อยๆ คิ้วขมวดตึง มองไปข้างนอกยังเห็นห่ามีดบินอยู่เลย “ข้าจะพาเจ้าออกไปเอง เจ้าหลบข้างหลังข้าไว้ก็แล้วกัน”กลายเป็นไฉไฉที่คิ้วขมวดไปด้วย เพราะสำหรับนางแล้วฟู่เหรินหาได้เป็นวรยุทธ์ไม่ ซ้ำยังอ่อนแอจนไม่รู้ว่ามีชีวิตรอดจากวังหลวงมาถึงวันนี้ได้อย่างไร ถึงนางไม่เก่งอะไรมาก แต่อย่างน้อยก็รู้หลักพื้นฐาน และเอาตัวรอดเก่งด้วย “ท่านอยู่ข้างหน้าข้า คงอยากเป็นเป้าเคลื่อนที่กระมัง” นางเอื้อมมือขึ้นไปบนเตียง ควานหาลูกหินของฮัวฮัวอีกชุด ซึ่งมันเป็นชุดสุดท้ายแล้ว “นี่แหละองค์ชาย ท่านคงยังไม่รู้ว่าอะไร ข้าถูกท่านพ่อจับไปฝึกเป็นสา
“ฝู่เตี้ยวคงไม่ได้อยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก” นางบอก หลังคาดการณ์จากสิ่งที่ฮัวฮัวบอกไว้ก่อนกลับบ้านไป พฤติกรรมประหลาดของขันทีน้อย คือเขาชอบหายไปไหนในช่วงที่ฟู่เหรินจะไม่มีทางรับรู้ ฮัวฮัวสะกดรอยตามแบบห่างๆ จึงรู้ว่าฝู่เตี้ยวต้องไปพบใครมาแน่ๆ แต่คงไม่ใช่ฝ่ายเดียวกัน เพราะฝ่ายเดียวกันนี้ก็มีเพียงหน่วยองครักษ์กับคนของเซี่ยงกงกงเท่านั้นเอง ประจวบเหมาะกับที่อยู่ดีๆ ตำแหน่งขององค์ชายถูกเปิดเผย จึงไม่มีทางคิดเป็นอื่นไปได้เลย นอกจาก... “ฝู่เตี้ยวคือหนอนบ่อนไส้สินะ” ฟู่เหรินพูดขึ้นมาเอง เป็นไฉไฉที่ต้องหันหน้าไปมอง เพราะเขาพูดเหมือนรู้ว่านี่มันเรื่องอะไร ชายหนุ่มสั่นหน้าด้วยความหดหู่ใจ “อะไรคือสิ่งที่ทำให้ฝู่เตี้ยวที่อยู่กับข้ามาตั้งแต่อายุสิบปีกลับมาหักหลังข้าได้” “นั่นเป็นเรื่องที่ต้องไปสืบภายหลัง แต่ตอนนี้...” ข้างนอกเงียบเกินไป ราวกับไม่มีแม้แต่เสียงของสายลมราตรี หญิงสาวล้วงไปใต้เตียงแล้วหยิบดาบที่เป็นอาวุธประจำตัวซึ่งซุกซ่อนไว้เผื่อเวลาฉุกเฉิน “เราต้องรอดไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน ได้โปรดอยู่ข้างหลังข้าก็พอ” “อาหง ท่าทีเจ้าเปลี่ยน หรือว่าความจริง...เจ้ามีสถานะอื่น”