เทพดาราทนคำพูดประเภทนั้นไม่ไหวจึงหายตัวหนีหน้าจอมมารชั่วพริบตา
ถึงอย่างนั้นแล้ว เขากลับตามนางมาที่หมู่บ้านดอกท้อด้วยจนเหล่าเซียนแตกตื่นลนลานอยู่ไม่สุข
สวีต้าเฟิงนั่งเล่นอยู่นอกชานกับอีนั่วพลันขมวดคิ้วทันใด “อย่าบอกนะว่า...”
อีนั่วรู้ว่าผู้เป็นลุงจะพูดว่าอะไรจึงตอบต่อท้ายให้ “ท่านพ่อยังจำเรื่องราวของท่านแม่ได้เหมือนเดิมขอรับ”
“เป็นไปไม่ได้” เทพวายุส่ายหน้าแต่กลับเห็นภาพจอมมารพยายามโปรยเสน่ห์ให้น้องสาวโดยไม่สนสายตาใครก็เปลี่ยนความคิดแล้วถามหลานชาย
“ข้าสงสัยมานานแล้วว่าเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าบิดามารดาเจ้ารู้สึกเช่นไรกับอีกฝ่าย”
มารน้อยทำสีหน้าจริงจัง ภูมิใจเล่าเรื่องของตนเอง “ท่านพ่อท่านแม่เป็นผู้สร้างต้นไม้แห่งชีวิตในแก่นวิญญาณของข้า ข้าจึงรับรู้ได้ขอรับ”
“อย่างนั้นหรือ” สวีต้าเฟิงถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะดูจากสิ่งที่เขาเห็นในเวลานี้แล้ว น้องสาวน่าจะเหนื่อยไม่น้อยที่กำลังถูกจอมมารตามตื๊อขอความรัก
“ไม่ต้องกังวลหรอกขอรับ ท่านพ่อรักท่านแม่จริง ๆ ข้ายืนยันได้” รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้ามารน้อย “ส่วนท่านแม่ แม้จำไม่ได้ แต่ลึก ๆ แล้วก็ยังคงรักท่านพ่อระคนกับความรู้สึกหลายอย่าง”
“อืม” สวีต้าเฟิงพยักหน้า “แม้จะรู้สึกผิดที่ฝากนางรับผิดชอบบิดาเจ้า แต่เป็นอย่างนั้นก็คงดีกว่าเกิดสงครามปั่นป่วนสามภพกระมัง”
“ท่านพ่อเลิกคิดเรื่องทำลายสามภพตั้งแต่ร้อยปีก่อนแล้วขอรับ” คำพูดของอีนั่วทำให้สวีต้าเฟิงอยากรู้ขึ้นมาจึงโน้มน้าวใจให้หลานชายค่อย ๆ เผยเรื่องราวของจอมมารมาทีละนิด
นับตั้งแต่นั้นมากงจื่อเย่จึงปักหลักอยู่ในหมู่บ้านดอกท้ออย่างเปิดเผย ใครจะเกรงกลัวเขาจนขาสั่นก็ไม่สนเพราะสิ่งเดียวที่เขาสนใจคือสวีลู่ชิง อีกทั้งยังหาเวลาเล่นกับมารน้อย ง้อบุตรชายให้หายโกรธและสั่งงานสมุนทั้งสามให้ดูแลภพมารแทนเขา คอยตรวจตราดูว่าผู้ใดกล้าต่อกร เขาจะได้รีบเข้าจัดการในทันที
ทว่า ความสงบสุขกลับอยู่ได้ไม่นานเพราะยังมีเทพเซียนอีกหลายคนนักที่ไม่เชื่อว่าจอมมารกลับตัวกลับใจได้เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อย ทั้งยังไม่พอใจที่เทพดาราเมินเฉยต่อหน้าที่ของตนเองพาลคิดไปว่านางคงหลงกลตกเป็นทาสของเขาไปเรียบร้อยแล้ว
พวกเขาจึงวางแผนใช้อาวุธเทพบรรพกาลที่ยังคงหลงเหลืออยู่สร้างอาคมบางอย่างกระตุ้นพลังมารที่กงจื่อเย่ควบคุมเอาไว้ให้ปะทุเพราะพวกเขารู้ว่าแก่นวิญญาณของเทพดาราอ่อนแอลงไปมาก หากจอมมารไม่สามารถต้านทานพลังที่กดเอาไว้จนสร้างความโกลาหล พลังเทพบรรพกาลที่อยู่ในตัวของสวีลู่ชิงจะบังคับให้นางทำตามสัญชาตญาณโดยทันที
จอมมารรู้สึกได้ว่าพลังมารไหลเวียนผิดแปลกไปจากเดิม มันทั้งกระตุ้นความกระหายเลือดที่เขาซ่อนเอาไว้ ทั้งพยายามสะท้อนตัวตนออกมาเพื่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเขาและควบคุมสติทั้งหมดของตนเองจึงรีบหายตัวไปจากหมู่บ้านดอกท้อ
กงจื่อเย่ไม่รู้เลยว่าเหตุใดอาการของเขาจึงเป็นเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้า การควบคุมพลังที่กลืนกินเข้าไปง่ายดายยิ่งนัก
เขาพยายามบีบไม่ให้มันแทรกซึมเข้ามาในแก่นวิญญาณของตนเอง ปกป้องต้นไม้แห่งชีวิตที่สวีลู่ชิงเป็นคนหว่านเมล็ดพันธุ์เอาไว้เพราะรู้ว่านั่นเป็นสิ่งเดียวที่เชื่อมระหว่างเขากับนาง ร่างกายจึงเจ็บปวด ทรมานไปทุกส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในไม่ช้า ไอมารสีดำค่อย ๆ โอบร่างเขาทีละนิด ความกดดันอัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
แม้จะตั้งสมาธิจดจ่อมากเพียงใดแต่กลับไม่เป็นผล ไอมารคละคลุ้งเริ่มแผ่กระจายไปทั่วคล้ายกับจะปะทุระเบิดในอีกไม่นาน
หากเป็นกงจื่อเย่คนเดิม เขาคงปล่อยให้มันหลอมหลวมกับร่างกายตนเองแล้วใช้พลังนั้นทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า แต่เวลานี้ยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาดเพราะกลัวว่าจะปลุกพลังเทพบรรพกาลในแก่นวิญญาณที่เปราะบางของสวีลู่ชิง
จนกระทั่งสัมผัสได้ว่าพลังจากอาวุธเทพคือสาเหตุที่ทำให้เขากลายเป็นเช่นนี้จึงร่ายอาคมสะท้อนมันกลับไปหาใครก็ตามที่เกี่ยวข้องพลันหายตัวไปจากที่กบดานเพื่อเอาคืน
การปรากฏตัวของเขาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยบนภพสวรรค์ทำให้เทพเซียนแตกตื่น ไอมารสีดำที่โอบรอบกายเขาสร้างความหวาดวิตกใหญ่หลวง เมื่อเห็นว่าจอมมารกำลังบีบคอเทพชั้นสูงผู้หนึ่งยิ่งคิดเห็นด้วยกับคำตัดสินของผู้อาวุโส
เรื่องที่ว่า มารปีศาจไม่มีทางลืมว่าตัวตนเป็นอย่างไร ชั่วร้ายเสมอต้นเสมอปลายไม่มีแปรเปลี่ยน
เหล่าเทพเซียนจึงรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับกงจื่อเย่ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ไม่เว้นกระทั่งสวีลู่ชิงที่ถูกเรียกตัวมาโดยด่วน
จอมมารพยายามไม่กระตุ้นให้พลังเทพบรรพกาลของนางตื่นขึ้นแต่สิ่งเหล่านั้นกลับทำได้ยากเพราะเวลานี้เขาต้องต่อสู้กับพลังมารที่เคยสวาปามไปเมื่อก่อนหน้ารวมถึงถูกรบกวนจากอาวุธเทพตลอดเวลาจนสติแทบเลือนหาย
เทพปฐพีปรากฏตัวพร้อมอาวุธประจำกายสั่งทหารสวรรค์ล้อมตัวพวกเขา ร่ายอาคมผนึกจอมมารให้ยอมสยบ กระนั้นพลังที่เขามีก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะควบคุมได้
เทพเซียนอาวุโสที่เหลือจึงร่ายอาคมเสริมเข้ามากดพลังชั่วร้ายไม่ให้แผ่ปะทุ
เมื่อสติของจอมมารค่อย ๆ ขาดหายไปบางช่วง พลังเทพบรรพกาลในตัวสวีลู่ชิงตื่นขึ้นทีละนิดคิดเข้าควบคุมร่างเทพดาราแล้วกำจัดจอมมารตามสัญชาตญาณ
สวีต้าเฟิงเพิ่งรู้ข่าวว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกับน้องสาวจึงตามมาช่วย เขารู้อยู่แก่ใจว่านางมีหน้าที่ต้องทำ แต่ก่อนหน้านี้เรื่องราวได้บทสรุปแล้วว่าพวกเขาสามารถอยู่ร่วมกันได้จึงไม่รู้เลยว่าทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปเพราะเหตุใด
“ท่านลุง ทำอย่างไรดี” อีนั่วแอบตามมาเพราะเป็นห่วงบิดามารดา เขาสัมผัสได้ว่าทั้งคู่กำลังตกอยู่ในอันตราย
ฟากบิดาถูกพลังมารที่อยู่ภายในกัดกินเพื่อควบคุมสติของตนเองทั้งยังโดนเทพเซียนร่ายอาคมกำจัดมารลิดรอนกำลังของเขาลงไปหลายส่วน ทางด้านมารดาถูกพลังเทพบรรพกาลบงการอยู่เบื้องหลังบังคับให้นางสังหารจอมมารผู้เหี้ยมโหด
“ท่านลุง แย่แล้ว” อีนั่วตะโกนลั่นพลางเรียกสมุนมารทั้งสามเพราะต้องการคนช่วยเหลือ
“...” เฉินซือหยางโผล่หน้าออกมาตามคำสั่งพลันมองตาสหายทั้งสองเพราะกำลังอยู่กลางวงล้อมของกองทัพสวรรค์
“มารดามันเถอะ หนีทันหรือไม่” หลิวอิงอิงเผลอสบถออกมาแล้วร่ายพลังมารรับมือการโจมตีของทหารอารักขาที่พุ่งเป้ามาหานางโดยเฉพาะ
อีนั่วถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อกำลังพลทั้งสามไม่มีใครช่วยอะไรเขาได้เลยจึงอ้อนวอนสวีต้าเฟิงให้เห็นใจ
“ท่านลุง ขืนปล่อยไปเช่นนี้มีหวังท่านแม่ต้องสังหารท่านพ่อแล้วสลายไปพร้อมกันแน่ ๆ ข้าไม่ยอมหรอกนะขอรับ” มารน้อยกระวนกระวายใจไม่อยากให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นเพราะเขาอุตส่าห์ได้อยู่อย่างสงบกับคนทั้งคู่แล้ว
“บิดาเจ้าคลุ้มคลั่งปานนั้น ส่วนมารดาเจ้ามีหน้าที่ที่ต้องทำ ลืมไปแล้วหรือ”
“บิดาข้าอาละวาดเพราะคนพวกนั้นต่างหากเล่า” อีนั่วชี้ไปยังเทพชั้นสูงคนเดิมที่ยังคงถูกกงจื่อเย่บีบคอตั้งแต่ก่อนหน้านี้ “หากพวกเขาไม่มายุ่ง มีหรือท่านพ่อจะควบคุมพลังของตนเองไม่ได้”
เทพวายุกลายเป็นคนกลางในเรื่องนี้อีกครั้ง ฝ่ายหนึ่งก็เผ่าพันธุ์พวกพ้องตนเอง แต่อีกฝ่ายก็คนในครอบครัวต่างเผ่าพันธุ์ที่เพิ่งจะรู้สึกสนิทสนมเมื่อไม่นานมานี้
มารน้อยอับจนหนทางกลัวว่าจะสูญเสียคนที่รักไป ยิ่งเห็นว่าสวีลู่ชิงปรากฏตัวอยู่ใจกลางลานลงทัณฑ์เพื่อรับอสนีบาตสิบเก้าครั้งก็ยิ่งว้าวุ่น
เสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยงกระหึ่มไปทั่วภพสวรรค์ แสงสีขาวผ่าทะลุร่างเทพดาราอย่างรุนแรงจนนางกระอักเลือดเพราะแก่นวิญญาณที่อ่อนแออยู่เป็นทุนเดิม
หากถูกสายฟ้าอีกไม่ถึงเจ็ดครั้ง นางคงสลายไปก่อนที่จะกลายเป็นอาวุธสังหารจอมมารเสียด้วยซ้ำ แล้วพลังเทพบรรพกาลจะถูกส่งต่อให้บุคคลอื่นรับหน้าที่สำคัญต่อไป
“นายน้อย ทำอย่างนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ” หลิวอิงอิงรู้จักสภาพร่างกายของมารน้อยเป็นอย่างดี นางตะโกนลั่นพยายามปลีกตัวจากคู่ต่อสู้ แต่ทำไม่ได้จึงตะโกนบอกมังกรดำแทน “โจวเหวินหลง ไปห้ามนายน้อยที”
ทันทีที่หันไปมองกลับเห็นว่าร่างมังกรดำถูกเชือกเซียนมัดตัวเอาไว้แทบขยับไม่ได้และเฉินซือหยางกำลังหาทางช่วยสหายอย่างสุดความสามารถ
หลิวอิงอิงจึงทำตาเขียวโพล่งออกมา “สวีต้าเฟิง อย่าปล่อยให้นายน้อยถอนมันออกมาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นได้ตายแน่ ๆ”
เทพวายุไม่เข้าใจว่าสิ่งที่นางพูดหมายถึงอะไร ครั้นจะถามอีกครั้งก็เห็นว่านางถูกเทพชั้นสูงสาดพลังกระเด็นลอยไปไกลแล้ว
มารน้อยตั้งหน้าตั้งตาร่ายพลังมารที่บิดาเคยสอน ค่อย ๆ นำสิ่งนั้นที่หลิวอิงอิงพูดถึงออกมา
“อีนั่ว เจ้าทำอันใด” สวีต้าเฟิงร้องถามพลันได้เห็นดวงตาสีฟ้าของเขากราดเกรี้ยวขึ้นมาทันใดก่อนที่อีนั่วจะปรับให้เป็นดังเดิม
“ต้นไม้แห่งชีวิตของข้า”
“หือ” เมื่อได้ยินคำนั้น สวีต้าเฟิงได้เข้าใจเสียที “ไม่ได้นะอีนั่ว หากทำเช่นนี้เจ้าจะเป็นอันตราย”
“แต่ข้าไม่รู้จะทำอย่างไร” อีนั่วร้องไห้สะอื้นน่าสงสาร “ท่านลุง เชื่อข้าเถอะ หากท่านแม่มีต้นไม้แห่งชีวิตของข้าแล้ว ท่านแม่จะได้สติ แล้วถึงตอนนั้นต้องรับรู้ว่าครั้งนี้ท่านพ่อไม่ได้ทำผิดอันใด”
เปรี้ยง
อสนีบาตถล่มลงมาอีกครั้งต่อหน้าอีนั่ว ร่างกายของเทพดาราแทบต้านทานเอาไว้ไม่ได้
สวีต้าเฟิงปรายตามองทั้งสามแล้วตัดสินใจว่าจะเชื่อสิ่งที่อีนั่วพูดเพราะเขาสัมผัสได้ว่ากงจื่อเย่เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ และคิดว่าจอมมารอาละวาดครั้งนี้ต้องมีเบื้องหลัง
เขาพยายามดึงตัวน้องสาวออกมาจากลานลงทัณฑ์แต่กลับโดนเทพเซียนที่อยู่อีกฝ่ายรุมล้อมขัดขวาง
“ข้าบอกให้ถอยไป” สวีต้าเฟิงตะโกนเสียงดังลั่น ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้ สร้างโอกาสให้อีนั่วประชิดถึงตัวมารดา
“เทพวายุ เจ้าก็ถูกจอมมารครอบงำไปด้วยอีกคนหรืออย่างไร ข้าไม่น่าปล่อยให้เจ้าลงไปที่หมู่บ้านนั่นเลย” หนึ่งในเทพอาวุโสกล่าวผิดหวังที่เขาแสดงท่าทีต่อต้าน
“ข้าไม่ได้เปลี่ยน แต่ข้ามีวิธีที่ดีกว่าในการสยบจอมมารต่างหาก ท่านผู้อาวุโสได้โปรดพินิจดูเถิด” เทพวายุโน้มน้าวใจเหล่าเทพเซียน ส่งสัญญาณให้อีนั่วทำตามที่ตั้งใจเอาไว้
ทว่า ดวงตาสีฟ้าของเทพดาราจ้องอีนั่วอย่างเลือดเย็นโดยที่มารน้อยไม่รู้ตัวว่ากำลังตกเป็นเป้าหมายใหม่เพราะอยู่ใกล้นางมากที่สุด
พลังของเทพดาราจึงถูกหล่อหลอมขึ้นมาเต็มกำลังพร้อมพุ่งใส่มารน้อยทันที แสงสีขาวถูกปล่อยออกมาชั่วพริบตาหมายสังหารภัยอันตราย
จอมมารตระหนักรู้ได้ว่าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นพลันได้สติกลับมา เขาเอาตัวบังอีนั่วไว้จึงถูกพลังเทพดาราซัดเข้าไปไม่ยั้งมือจนเซไปข้าง ๆ ระหว่างที่อีนั่วฝังต้นไม้แห่งชีวิตของเขาไว้ในร่างมารดาได้พอดิบพอดี
“ท่านพ่อ!” มารน้อยร้องลั่นตกใจ เวลานี้ไม่มีต้นไม้แห่งชีวิตควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของเขา อีนั่วจึงเปรียบเสมือนกงจื่อเย่ในอดีตที่กระหายเลือดกลายเป็นมารน้อยไร้ใจ
ไอมารปีศาจคละคลุ้งออกมาจากตัวเขาทีละนิดจนทำให้กองทัพสวรรค์คิดสังหารเขาไปพร้อมกันคราวเดียว
“อีนั่ว!” กงจื่อเย่เรียกสติบุตรชาย พยายามร่ายอาคมควบคุมพลังของเขาเพราะกลัวว่ามารน้อยผู้นี้จะโจมตีเทพดาราที่เป็นปรปักษ์
หากแต่อีนั่วเติบโตขึ้นมาด้วยความรักของคนทั้งสองแม้จะขาดต้นไม้แห่งชีวิตไปสักระยะหนึ่ง เขาก็ยังคงสามารถควบคุมความโกรธของตัวเองเอาไว้ได้จอมมารถอนหายใจแต่กระนั้นโล่งใจได้ไม่นานเพราะเทพอาวุโสประกาศกร้าวว่าเขาและอีนั่วคือศัตรู สั่งเพิ่มกองกำลังล้อมตัวและร่ายเขตแดนกักมารสายฟ้าแลบแปลบปลาบยังทำให้กงจื่อเย่ห่วงสวีลู่ชิงไม่แพ้กันจึงเรียกดาบเขี้ยวอสูรมาจัดการพวกที่ขัดขวางเทพวายุจนถอยร่นแล้วส่งตัวอีนั่วให้เขาดูแลก่อนฝ่าเข้าไปใจกลางพายุอสนีบาตเพื่อรับโทษแทนสวีลู่ชิงเขาฉวยโอกาสตอนเทพดารานิ่งงันเพราะสับสนความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาจากต้นไม้แห่งชีวิตของอีนั่ว เรื่องราวทั้งในอดีตและปัจจุบันผสมปนเปกันจนนางแยกไม่ออกว่าตัวตนใดคือนางกันแน่เวลานั้นสัมผัสได้ว่าใครบางคนกอดนางเอาไว
เทพดาราทนคำพูดประเภทนั้นไม่ไหวจึงหายตัวหนีหน้าจอมมารชั่วพริบตาถึงอย่างนั้นแล้ว เขากลับตามนางมาที่หมู่บ้านดอกท้อด้วยจนเหล่าเซียนแตกตื่นลนลานอยู่ไม่สุขสวีต้าเฟิงนั่งเล่นอยู่นอกชานกับอีนั่วพลันขมวดคิ้วทันใด “อย่าบอกนะว่า...”อีนั่วรู้ว่าผู้เป็นลุงจะพูดว่าอะไรจึงตอบต่อท้ายให้ “ท่านพ่อยังจำเรื่องราวของท่านแม่ได้เหมือนเดิมขอรับ”“เป็นไปไม่ได้” เทพวายุส่ายหน้าแต่กลับเห็นภาพจอมมารพยายามโปรยเสน่ห์ให้น้องสาวโดยไม่สนสายตาใครก็เปลี่ยนความคิดแล้วถามหลานชาย“ข้าสงสัยมานานแล้วว่าเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าบิดามารดาเจ้ารู้สึกเช่นไรกับอีกฝ่าย”มารน้อยทำสีหน้
สวีลู่ชิงฟังเรื่องราวจากบุตรชายแล้วคิดหาเหตุผลร้อยแปดประการสนับสนุนการตัดสินใจของตนเองทั้งยังปรึกษาหารือกับเทพวายุผู้เป็นพี่ชายรวมถึงสมุนมารทั้งสามอีกด้วยนางอยากรู้ว่าสิ่งที่นางคิดทำต่อไปนี้จะเกิดผลกระทบมากน้อยเพียงใดจนได้ข้อสรุปสุดท้ายเทพดาราพาจอมมารไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในเขตแดนสวรรค์ เอ่ยถามความในใจของอีกฝ่ายไม่อ้อมค้อม “เจ้ารู้สึกอย่างไรกับข้า”“...” ดวงตาสีม่วงแดงเต็มไปด้วยข้อสงสัยมากมาย “ทำไมถึงต้องพาข้ามาที่แห่งนี้ด้วยเล่า”“ข้าจำเรื่องราวของตัวเจ้าในอดีตไม่ได้เลย ด่านเคราะห์ครั้งแรกข้ายังจำทุกคนได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่ว่าเจ้าร้ายกาจเสียจนข้าอยากลืมเลือนหรือ”คำพูดของน
หลังเหตุการณ์ลักพาตัวสิ้นสุดลงเรื่องราวของอีนั่วถูกรายงานให้เทียนจวินได้รับรู้ เหล่าเทพเซียนอาวุโสต่างถกเถียงกันหลายชั่วยามด้วยความเคร่งเครียด หาวิธีควบคุมมารน้อยเพราะเกรงว่าเขาจะก่อความวุ่นวายเหมือนที่บิดาเคยทำสวีต้าเฟิงยังคงปกป้องน้องสาวและหลานชายเหมือนอย่างเคย “ข้ารับรองได้ว่าเขาไม่เป็นภัยต่อผู้ใดขอรับ”“ข้ายืนยันว่าอีนั่วเป็นเพียงมารน้อยธรรมดา หาใช่มารร้ายอย่างที่พวกท่านคิด เขาเป็นเพียงบุตรชายของข้า” สวีลู่ชิงเผชิญหน้ากับเทพอาวุโสเวลานี้ความเห็นถูกแบ่งออกเป็นหลายฝ่ายแต่ทุกฝ่ายล้วนแล้วแต่ลงความเห็นว่าอีนั่วไม่ควรเพ่นพ่านอยู่ในแดนสวรรค์ อีกทั้งยังต้องมีกองกำลังคอยจับตามองไม่ให้เขาฉวยโอกาสทีเผลอทำร้ายผู้ใดจนสุดท้ายได้ข้อสรุปว่าให
ดินแดนสุญญตาสถานที่ที่อยู่ระหว่างภพมารและภพสวรรค์ ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าที่รกร้างว่างเปล่าจะมีมารที่มีพลังชั่วร้ายแอบซ่อนตัวอยู่นับพันปีขณะที่กงจื่อเย่กำลังต่อสู้กับหลิ่งปินเพื่อแย่งชิงเทพดารากลับมา กองทัพสวรรค์ของเทพสงครามและสวีต้าเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นเข้าร่วมการศึกสงครามในครั้งนี้ในสายตาของเทพเซียนที่อยู่ตรงนั้น พวกเขาต่างมองว่าศัตรูที่เป็นภัยต่อสามภพมากที่สุดคือกงจื่อเย่ อดีตจอมมารที่เพิ่งจะสูญสลายไปไม่นานไม่ว่าจะมองอย่างไร ร่างกายและพลังที่สมบูรณ์เกินกว่าที่ควรคงเป็นเพราะเขาเร่งกลืนกินพวกเดียวกันอย่างแน่นอน ทั้งยังไม่รู้ว่าสติยังคงอยู่ครบถ้วนหรือเลือนหายแล้วใช้สัญชาตญาณนำทางอยู่กันแน่“ช้าก่อน” สวีต้าเฟิงออกคำสั่งห้ามทหารสวรรค์เคลื่อนไหวก่อนดูลาดเลาฉากการต่อสู้
เมื่อได้ยินเสียงมารน้อยสติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดก็กลับมาสมบูรณ์ แม้จะพยายามส่งกระแสจิตหาอีนั่วสักเท่าใด เขากลับไม่ได้ยินเสียงจากอีกฝ่ายเลย“มันผู้ใดกล้าทำร้ายลูกเมียข้า” พลังมารชั่วร้ายแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ความโกรธกราดเกรี้ยวยิ่งทำให้พลังที่อยู่รอบตัวเขากลายเป็นยาพิษชั้นดีบ่อนทำลายสัตว์อสูรทีละนิดจอมมารสูบกลืนสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าเขาเข้าไปโดยไม่รู้ตัวแทบจะหลงลืมไปชั่วขณะว่าเขาคือผู้ใด พลันลึก ๆ ในใจเหมือนมีสายลมพริ้วไหวพัดผ่านต้นไม้แห่งชีวิตของเขา ดวงตาสีม่วงแดงจึงค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ“เยว่ชิงหรือ” เขาพึมพำสัมผัสความรู้สึกนั้น “เป็นเจ้าจริงหรือ”เขาหลับตาลงปล่อยใจหลงใหลกับสัมผัสอบอุ่นนั้นชั่วขณะ เมื่อพึงพอใจแล้วจึงกลับมาเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรต
จอมมารที่เหลือเพียงเงาดำจาง ๆเดินทางร่อนเร่กลับภพมารตัวคนเดียว ระหว่างทางคอยสูบกินพลังชั่วร้ายที่ผุดขึ้นมาทีละนิดเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างมารปีศาจของตนเองหากแต่ครั้งนี้ทำไปเพื่อกลับคืนร่างเดิมให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ปกป้องครอบครัวเวลานั้นเขาลืมนึกไปเลยว่าตำแหน่งผู้ปกครองภพมารสามารถสั่นคลอนได้ทุกเมื่อ มัวแต่เป็นห่วงกลัวว่าสวีลู่ชิงจะถูกอสนีบาตจนแหลกสลายจึงรีบไปห้ามนางถ้าครั้งนี้กลับมาได้คงต้องวางแผนจัดการไม่ให้มีมารปีศาจตนใดคิดกระด้างกระเดื่องอยากชิงพลังอันกล้าแกร่งของอีนั่วหรือทำร้ายเขาแม้ว่าจะต้องสลายไปอีกครั้งเพราะกฎของสวรรค์ที่มารปีศาจอย่างเขาไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ กงจื่อเย่คิดแล้วว่าแปลงร่างเป็นนกน้อยอยู่กับนางและลูกไม่ได้แย่สักเท่าใดนัก อย่างน้อยก็ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา
เช้าวันหนึ่งในหมู่บ้านดอกท้อนกน้อยสีดำไซ้ขนอยู่ข้าง ๆ สวีลู่ชิงที่นั่งหลับตาฟื้นฟูแก่นวิญญาณของตนเองอยู่เงียบ ๆ ส่วนอีนั่ววิ่งเล่นอยู่กับสมุนจอมมารโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยบรรยากาศภายในหมู่บ้านเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความสดชื่นสนุกสนานจนบางทีพวกเขาลืมไปเลยว่าสาเหตุที่ทำให้ทุกคนมาอยู่ร่วมกันในที่แห่งนี้คืออะไรสวีต้าเฟิงเดินเข้ามาทักทายน้องสาวยามเช้าเหมือนอย่างเคย รอยยิ้มบางประดับบนใบหน้านึกเอ็นดูนางราวกับเป็นเด็กน้อย แต่เวลานี้น้องสาวตัวเล็กในวันวานกลับมีบุตรชายจอมซนเหมือนนางไม่มีผิดเขาจึงรับหน้าที่ดูแลทั้งคู่ด้วยความเต็มใจ ถึงอย่างนั้นแล้วดวงตาสีฟ้ากลับจ้องมองนกน้อยตรงหน้าจิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ (มองหน้าข้า มีเรื่องอันใด)“...” เทพวายุ
สองอาทิตย์ต่อมาสมุนจอมมารทั้งสามล้อมวงก้มมองเจ้าถ่านด้วยความสงสัยว่านกน้อยตัวนี้เป็นมารปีศาจเผ่าพันธุ์ใดกันแน่“ผ่านมานานถึงเพียงนี้ เหตุใดบาดแผลจึงยังไม่หายหรือว่าถูกพลังร้ายกาจของผู้ใดมา” เฉินซือหยางขมวดคิ้วเป็นปมนึกสงสัยเพราะจับตามองอยู่นานแล้ว“พลังเทพอาจจะรักษาไม่ได้เพราะเป็นนกที่มาจากภพมารแต่ถึงอย่างไรพลังของนายน้อยก็ไม่ได้ผลอีก ข้าว่าเจ้าถ่านนี่มีอะไรแปลก ๆ” หลิวอิงอิงวิเคราะห์ตามความรูสึกของตัวเอง มือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับปีกที่เป็นแผลจิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ“เฮอะ ดูสิ ข้าว่ามันบ่นเจ้าใหญ่เลย” โจวเหวินหลงพูดบ้าง คนที่มีสติดีที่สุดอย่างเขาจึงนึกเรื่องบางอย่างออกพลันจ้องมองดวงตาของนกน้อยอีกครั้งหนึ่ง&l