Home / รักโบราณ / มารเร้นกายดับแสงดารา / ตอนที่ 8 ตัวตนจื่อเถิง

Share

ตอนที่ 8 ตัวตนจื่อเถิง

last update Last Updated: 2024-12-23 07:00:39

มังกรดำโผล่หน้าเหนือศีรษะของอิงฮวาอ้าปากรอเขมือบร่างบางที่มิอาจหลีกหนีได้ทัน หากแต่แสงจากกระบี่เซียนกำลังง้างปากของมังกรดำเอาไว้ไม่ยอมให้มันบดขยี้

จื่อเถิงและหยางซีอวิ๋นยังไม่อาจผละจากกองทัพปีศาจที่อยู่รอบตัวได้ ครั้นกำจัดไปหนึ่งก็จะถูกอีกสองถ่วงแข้งขาเอาไว้อย่างรู้งาน

ในเมื่อไม่อาจขย้ำเหยื่อตัวน้อยตรงหน้าได้ มังกรดำจึงเปลี่ยนวิธี ค่อย ๆ ดูดกลืนพลังชีวิตของอิงฮวาแทน

เส้นสายสีขาวจาง ๆ ถูกดึงยืดออกจากร่างเซียนน้อยทีละนิดจนนางไม่อาจกลั้นเสียงร้องเจ็บปวดได้ค่อย ๆ หมดแรงต้านทานจนปากของสัตว์อสูรเริ่มปิดลงได้เรื่อย ๆ

“ศิษย์พี่...” เสียงหอบเหนื่อยล้าของอิงฮวาพึมพำอยู่ลำพัง คิดในใจว่าวันนี้ตนเองอาจจะไม่รอดจึงร่ายพลังน้อยนิดที่เหลืออยู่ส่งสัญญาณให้พวกเขา

ดวงไฟสีขาวพุ่งเข้าหาจื่อเถิงกับหยางซีอวิ๋นในพริบตาจึงทันได้หันรอยยิ้มสุดท้ายของศิษย์น้องเล็กที่กำลังจะถูกมังกรดำเขมือบอยู่รอมร่อ

เหตุการณ์นี้กระตุ้นให้จื่อเถิงเปิดผนึกเทพดาราออกส่วนหนึ่งเกิดรอยอักขระโบราณขึ้นที่แขนของนางพลันพลังเทพดาราส่วนนั้นโจมตีมังกรดำอย่างรุนแรง

หยางซีอวิ๋นรุดเข้าไปอุ้มร่างอิงฮวาจากที่ตรงนั้น โดยไม่รู้เลยว่าเวลานี้จื่อเถิงกลายเป็นเป้าหมายของมังกรดำไปแล้ว

เฉินซือหยางสัมผัสได้ถึงพลังเทพจึงมองมายังต้นทาง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏ “ในที่สุดก็เจอนางแล้ว”

ตัวตนของเทพดาราที่ถูกปกปิดมาสิบแปดปี บัดนี้กระจ่างแจ้งแก่สายตาของลูกน้องปีศาจ การค้นหาอันยาวนานสิ้นสุดลงเสียแล้ว

ทว่า อาจารย์จากสำนักม่านหยกผู้หนึ่งรีบเข้าหาจื่อเถิงทันควันราวกับรู้อะไรบางอย่าง

“เลี่ยงหวง เฟยฮวา” เขาเรียกศิษย์สำนักตนเอง “พานางหนีไปให้ไกลจากที่นี่”

ศิษย์ทั้งสองนิ่งงันไปชั่วขณะพลางนึกถึงคำพูดของอาจารย์เมื่อไม่นานมานี้จึงพยักหน้ารับรู้แล้วสลัดปีศาจที่ต่อกรอยู่ด้วยออกพลางขยับประชิดตัวจื่อเถิงทันที

หยางซีอวิ๋นได้รับคำสั่งจากอาจารย์ให้ดูแลจื่อเถิง เข้าใจถ่องแท้ในวันนี้ว่าเหตุใดนางจึงเป็นคนสำคัญที่ต้องปกป้อง

ศิษย์สำนักเซียนทั้งห้าคนจึงหลบเร้นหนีจากสมรภูมิท่ามกลางความวุ่นวายในเมืองหนาน

โจวเหวินหลงพลาดท่าถูกอาจารย์สำนักเซียนหลอกล่อ เขาจึงรายงานหาจอมมารก่อนจะสายไป “นายท่าน ข้าพบนางแล้วขอรับ”

กงจื่อเย่ยิ้มกว้างรอฟังรายละเอียดโดยไม่สนใจกองทัพสวรรค์ตรงหน้า

“ดวงตาสีฟ้า ผมขาวราวหิมะ” ภาพของจื่อเถิงปรากฏในความคิดของกงจื่อเย่ “ฆ่านางเสีย”

“ไม่ได้ขอรับ” โจวเหวินหลงเอ่ยปาก “นางหนีไปแล้ว”

“ไม่ได้เรื่อง!!!” เขาตวาดลั่นไม่สบอารมณ์จนทัพสวรรค์พลอยรู้สึกขนลุกไปด้วย จอมมารถูกตรึงกำลังถึงเพียงนั้นแต่ยังน่ากลัวไม่เปลี่ยนแปลง

กงจื่อเย่พลันนึกเรื่องสนุกออก เขาร่ายพลังมารสีดำดวงใหญ่คลุมพื้นที่บริเวณนั้นตบตากองทัพสวรรค์และเทพอาวุโสก่อนจะแยกวิญญาณของตนออกเป็นสองร่าง

ร่างหนึ่งเสแสร้งแกล้งเล่นละครบนภพสวรรค์เพื่อไม่ให้ผู้ใดรู้ว่าเขาพบเทพดาราผู้เป็นปรปักษ์แล้ว

อีกร่างมีเพื่อตามล่านางแล้วบีบให้ตายด้วยน้ำมือของตนเองอย่างที่เคยว่าไว้

พรึ่บ!!!

เขาปรากฏกายเหนือท้องฟ้าเมืองหนาน กวาดสายตาดูความพินาศที่ลูกน้องทั้งสองคนก่อเอาไว้ด้วยสีหน้าสบายอารมณ์

“ที่แห่งนี้ก็มีพวกน่ารำคาญหรือ” เขาถามมังกรดำที่โอบล้อมตัวเอง

“ขอรับ แดนมนุษย์ยังมีเหล่าเซียนอีกมากมายคอยขัดขวาง” โจวเหวินหลงตอบไปตามความจริง

จอมมารแสยะยิ้มมุมปาก “เทพเซียนข้าก็สังหารมาแล้ว นับประสาอะไรกับมนุษย์เดินดินพวกนี้”

เขาร่ายพลังมารจนท้องฟ้าปั่นป่วนราวกับพายุอันมืดมิดกำลังจะถล่มเมืองหนานให้สาบสูญ

อาจารย์สำนักม่านหยกรู้ทันทีว่าจอมมารถือกำเนิดขึ้นแล้วจึงส่งสัญญาณบอกลูกศิษย์ทั้งหลายให้ระวังตัว ทั้งยังส่งข่าวหาสำนักเซียนอื่น ๆ ในละแวกนั้น แจ้งเตือนถึงหายนะที่กำลังคืบคลานเข้ามา

แม้จะเตรียมพร้อมปะทะกองทัพมารแต่ไฉนเลยจะสู้กับพลังของจอมมารได้ เพียงแค่พริบตาเดียวสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ถูกลบหายออกไปอย่างง่ายดาย

กงจื่อเย่หัวเราะลั่นสนุกสนานกับการทำลายสรรพสิ่งในแดนมนุษย์

คนไร้ทางสู้ ลูกไก่ในกำมือ จะบีบเมื่อใดก็ตาย

จังหวะนั้น เลี่ยงหวงและเฟยฮวากลับสัมผัสได้ว่าอาจารย์และศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักเกือบครึ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย พวกเขาหยุดเดินทางแล้วหันกลับมามองเมืองหนานที่อยู่เบื้องหลัง

มังกรดำและเงาของใครบางคนกำลังลอยอยู่เหนือเมืองหนานท่ามกลางซากปรักหักพัง

“เกิดอันใดขึ้นหรือ” หยางซีอวิ๋นถามเลี่ยงหวงเพราะเห็นสีหน้าของเขาไม่สู้ดี

“ศิษย์สำนักม่านหยกสลายไปแล้ว” เขาเอ่ยปากน้ำเสียงเศร้าสร้อย

“เป็นไปได้อย่างไร” หยางซีอวิ๋นยังคงไม่เชื่อว่าจะมีพลังใดที่ทำลายเซียนขั้นสูงได้ในเพียงพริบตาพลันนึกถึงคำพูดที่อาจารย์ฝากฝังเอาไว้ จึงถามว่า “จอมมารถือกำเนิดขึ้นแล้วหรือ”

เลี่ยงหวงพยักหน้าบอกพวกเขาว่า “อาจารย์สั่งให้พาพวกเจ้าหนีไปให้ไกล อย่ารอช้าอยู่เลย”

แม้จะอาลัยอาวรณ์แต่เขาจำเป็นต้องเร่งให้คนที่เหลือเดินทาง “เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าต้องปกป้องนาง”

“อืม” ศิษย์สำนักดาราสวรรค์มองจื่อเถิง ศิษย์น้องกำลังสงสัยยิ่งนักว่ามีเหตุอันใดที่ทุกคนต้องปกป้องนางมากเพียงนี้ หยางซีอวิ๋นจึงเอ่ยปากบอก “ข้าจะอธิบายทุกอย่างให้ฟัง”

เซียนทั้งห้าขี่กระบี่ทะลุผ่านม่านเมฆรวดเร็วปานสายฟ้า ข้ามแม่น้ำสายใหญ่ ภูเขาสูงชัน ป่าสนทึบจนกระทั่งเข้าเขตใจกลางเมืองจิวหรงจึงได้หยุดพักผ่อนในโรงเตี๊ยม

ครั้นเข้าไปในห้องพักแล้ว จื่อเถิงรีบร่ายพลังรักษาอิงฮวาที่กำลังสลบไสล ใบหน้าซีดเผือดเพราะถูกดูดพลังชีวิตจึงเริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมาบ้าง

นางเอ่ยพึมพำดีใจที่ได้เห็นคนทั้งสองอีกครั้ง “ศิษย์พี่...”

“นอนพักก่อนเถิดอิงฮวา” หยางซีอวิ๋นลูบศีรษะของนางอย่างอ่อนโยนแล้วพยักหน้าให้จื่อเถิง “ได้เท่านี้ก็ดีแล้ว ปล่อยให้นางได้พักสักนิดคงจะดีขึ้นบ้าง”

“เจ้าค่ะ” จื่อเถิงถอนหายใจ หากผ่านพ้นเรื่องราววุ่นวายไปได้ นางจะช่วยอิงฮวาฟื้นคืนพลังชีวิตของตนเองกลับมา

จากนั้นศิษย์สองสำนักจึงนั่งจับเข่าคุยกันถึงเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

“อาจารย์เล่าให้ข้าฟังว่าวันหนึ่งจอมมารจะถือกำเนิดขึ้น หากแต่เขาไม่นึกว่าจอมมารจะเข้ามายุ่งกับภพมนุษย์เช่นนี้” เลี่ยงหวงเกริ่นนำแล้วเล่าต่อ “เจ้าสำนักเกิดนิมิตว่าเทพเซียนในภพสวรรค์จุติมาในแดนมนุษย์เพื่อช่วยเหลือใครบางคน”

“อักขระโบราณที่ปรากฏอยู่บนแขนของเจ้าตรงกับภาพในนิมิตที่อาจารย์เห็น” เฟยฮวากล่าวเสริม “เจ้าอาจจะเป็นเทพผู้มีโชคชะตาเป็นปรปักษ์กับจอมมาร”

“อืม... เขาจึงสั่งให้ข้าพาพวกเจ้าหนีมาให้ไกล แต่ข้าไม่อาจรู้ได้เลยว่าต้องทำอย่างไรถึงจะหยุดหายนะใหญ่หลวงนี้ได้” เลี่ยงหวงส่ายหน้าหมดหนทาง

หนีไปไกลสุดขอบฟ้าแล้วอย่างไร หากไม่มีวิธีรับมือ มิใช่ว่าต้องพ่ายแพ้อยู่ดีหรือ

หยางซีอวิ๋นเอ่ยปากบอกจื่อเถิง “อาจารย์บอกข้าเสมอว่าเจ้ามีพลังเทพซ่อนอยู่ ตามตำรามักกล่าวว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเผชิญด่านเคราะห์ในแดนมนุษย์” เขามองหน้าศิษย์น้อง “หากนั่นเป็นหน้าที่ของเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าคงจะรู้สึกได้ใช่หรือไม่ว่าเจ้าต้องทำอันใดบ้าง”

จื่อเถิงย่นคิ้วสีหน้าจริงจัง เมื่อครู่ที่นางระเบิดพลังเทพออกมาเพื่อช่วยอิงฮวา ผนึกบางส่วนถูกเปิดออกจนนางได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่งพึมพำอยู่ในความคิดชั่วขณะ

“เก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ต้นไม้แห่งชีวิตหรือ” จื่อเถิงถามผู้เป็นศิษย์พี่เพราะนางไม่รู้ว่าของสิ่งนั้นคืออะไร

“เมล็ดพันธุ์อย่างนั้นหรือ” เฟยฮวาถามซ้ำ “ตำราในหอสมุดกล่าวไว้ว่าด่านเคราะห์ที่เทพเซียนเผชิญในหนึ่งชีวิตจะให้ผลเป็นเมล็ดพันธุ์ หากสิ่งเหล่านั้นถูกฝังในแก่นวิญญาณ ไม่ว่าเทพเซียนหรือจอมมาร มันจะหยั่งรากลึกลงไปสร้างอารมณ์และปรารถนาทำให้ผู้นั้นอ่อนแอ”

เฟยฮวากล่าวถึงเนื้อความในตำราของสำนักเซียนม่านหยก หากแต่นั่นเป็นตำราที่นางหย่อนเอาไว้ในตอนเป็นเทพบุปผาเพื่อเตรียมให้ตนเองในร่างเซียนสำนักมาพบเจอเพราะคาดการณ์เอาไว้ว่าจอมมารอาจลงมายังภพมนุษย์เพื่อตามหาเทพดารา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 80 ประลองกับอริ

    เดิมทีกงจื่อเย่มักคอยจับตามองสวีลู่ชิงและบุตรชายทุกค่ำคืนอยู่แล้วพอได้เห็นนางกับลูกชายจึงนึกถึงวันวานที่ผ่านมา แม้อยากเข้าไปกอดทั้งคู่มากแค่ไหนกลับต้องอดใจไว้คนหนึ่งจำเรื่องราวพวกเขาไม่ได้ ส่วนอีกคนยังคงโกรธเขาอยู่ แต่จะมีบางคราที่อีนั่วยอมให้เขาเข้าใกล้เพราะเห็นว่ามารดามีความสุขยิ่งนักเวลาได้อยู่ด้วยกันสามคนแทนที่จะได้พูดคุยสนทนาตามประสาคนในครอบครัวเดียวกันเหมือนอย่างทุกวัน เวลานี้กลับถูกมนุษย์หน้าเดิมขัดขวางทำให้เสียเวลามากนัก“เจ้าพูดว่าอันใดนะ ไม่รู้หรือว่าข้าเป็นผู้ใด” คุณชายสกุลลั่วโพล่งออกมาเพราะรู้ว่าอำนาจของเขาในเมืองนี้ไม่เป็นรองใคร แต่กระนั้น สวีต้าเฟิงผู้นี้ไม่เคยสนใจตำแหน่งลาภยศของมนุษย์ สิ่งเหล่านี้ไม่มีค่าอันใดเลยในสายตาของเขา&

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 79 ปลอมตัว

    หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันน่าเศร้าสลดของกงอีนั่วแล้วสวีลู่ชิงเกิดความสงสารคุณชายตัวน้อยขึ้นมาทันใดที่เขาสูญเสียทั้งมารดาและบิดาไปตั้งแต่อายุยังน้อยเวลานี้อาศัยอยู่กับลุงที่เข้มงวด แต่ละวันต้องคอยเล่าเรียนอักษร อ่านตำรา อยู่ในกฎระเบียบจนอึดอัดใจไปหมด พอเห็นนางที่ตลาดจึงคิดถึงมารดาที่ล่วงลับไปจนอดใจไม่ไหว รบเร้าให้บ่าวรับใช้คนสนิททั้งสองปลอมตัวพาเข้ามาหานางที่หอเยว่ส่างครั้นพูดเรื่องที่ต้องพูดจบแล้ว บ่าวสองคนปล่อยให้คุณชายกงได้อยู่ตามลำพังกับนาง หวังว่าเขาจะมีความสุขขึ้นมาบ้าง คิดว่าอย่างน้อยการได้อยู่กับสวีลู่ชิงจะทำให้ลืมชีวิตโดดเดี่ยวไปได้บ้าง“คุณชายกงเจ้าคะ” นางเอ่ยเรียกคนตรงหน้าพลันได้เห็นว่าคุณชายตัวน้อยทำหน้ามุ่ยไม่พอใจที่นางเรียกเขาห่างเหิน

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 78 แขกคนแรก

    ก่อนที่จะทำสิ่งอื่นใดกงจื่อเย่บอกข่าวดีกับนางว่าครอบครัวของนางปลอดภัยแล้วและเวลานี้หลบซ่อนอยู่ที่ใด“เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่หรือไม่ จื่อเย่” สวีลู่ชิงรีบถามด้วยความดีใจ ไม่คิดว่ากงจื่อเย่จะพูดเช่นนี้เพื่อปลอบใจนาง“ข้าไม่โป้ปดหรอกขอรับ” เขายืนยันว่าสิ่งที่พูดเป็นความจริง เพราะนำคำพูดของคุณชายสวีมาบอกนางด้วย“ท่านพ่อ ท่านแม่ไม่เป็นอันใดมากใช่หรือไม่ ตอนนั้น ข้าเห็นพวกเขา...” นางหยุดชะงักเพราะนึกถึงช่วงที่เห็นสภาพคนที่รักถูกวางยาพิษ“คุณหนู ใจเย็น ๆ ก่อนนะขอรับ” ทาสหนุ่มปลอบโยนพลางเล่าให้ฟังว่าเขาช่วยทั้งสามคนมาได้อย่างไร ไม่รวมถึงเสี่ยวมู่ บ่าวคนสนิทของนางที่ตอนนี้คอยดูแลเจ้านายทั้งสามเพียงลำพัง “คุณชายสวีฝา

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 77 ไม่ต้องกลัว

    ร่างของคนสกุลสวีถูกทหารนำใส่รถเข็นไม้ลากเลื่อนมาทิ้งไว้ในป่าลึกเพื่อให้สัตว์ที่อาศัยอยู่มากินถือเป็นการทำประโยชน์อย่างหนึ่งครั้งสุดท้ายในชีวิตทหารนายหนึ่งเหงื่อผุดเต็มใบหน้ารู้สึกว่ามีลางสังหรณ์แปลก ๆ จึงรีบบอกให้เพื่อนที่มาด้วยกันรีบขนศพพวกเขาลงไปกองไว้ที่พื้น“จะเร่งข้าทำไมนักเล่า” เขาบ่นหงุดหงิดที่ถูกรบเร้าให้รีบทำรีบเสร็จ“ไอ้นี่ เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าป่าลึกข้างหน้าชอบมีพวกปีศาจมาเพ่นพ่าน” ทหารคนเดิมพูดพร่ำเพ้อถึงข่าวลือที่ได้ยินมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ส่วนคนที่เหลือต่างพยักหน้าเห็นด้วย หากไม่จำเป็นจะไม่มาเหยียบพื้นที่ตรงนี้เด็ดขาด“กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง ข้าบอกแล้วว่าอย่าไปฟังเรื่องเล่าจากปากคนขี้เมานัก” เขาส่ายหน้าแล้วหันรถเข็นกลับไปที่ทางออกพลันได้ยินเสียงส

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 76 หญิงคณิกา

    คุณหนูสกุลสวีตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงร้องของพวกเขาภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ตะลึงงันจนทำอะไรไม่ถูก หันไปดูบิดาทางซ้าย กวาดตามองไล่เลี่ยมาทางขวา มารดาและพี่ชายกลับอยู่ในอาการไม่ต่างกัน“ท่านพ่อ ท่านแม่” นางตะโกนเสียงดังเรียกสติพวกเขา พยายามประคองใครคนหนึ่งขึ้นมา ร้องเรียกทหารนอกคุกที่ยืนเฝ้าเวรยามด้วยความกลัวสุดขีดทุกคนที่มาถึงต่างมองหน้ากันเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักโทษชั้นสูง หากแต่ประเมินแล้วว่าอาการที่แสดงออกมาเหมือนโดนพิษอะไรสักอย่างจึงทำท่าครุ่นคิดขึ้นมาทันใด“ข้าขอร้อง ตามหมอมารักษาครอบครัวข้าได้หรือไม่” นางอ้อนวอนคนตรงหน้า น้ำตาเอ่อคลอเบ้า“แต่ว่า...” หนึ่งในนั้นลังเลเพราะไม่รู้ว่าคนสกุลสวีถูกใบสั่งจากผู

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 75 สอบเค้น

    หลังจากถูกจับตัวไปครบเจ็ดวันทางการยังคงไม่ได้ข้อมูลใดเพิ่มเติมจากคนสกุลสวี พวกเขายืนยันอย่างเดิมเหมือนทุกครั้งว่าตนเองบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยคิดร่วมมือกับผู้ใดก่อกบฏอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่คำพูดของพวกเขาเป็นเพียงลมปากไร้หลักฐานใด ๆ จึงไม่มีใครเชื่อ อีกทั้งคนเหล่านั้นยังทำหูทวนลมเพราะเป็นพวกเดียวกันกับขุนนางชั่วคืนนั้น“ท่านพ่อ ท่านพี่” สวีลู่ชิงกระซิบเรียกคนทั้งสองที่นิ่งงันสลบไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าและลำตัวมีแต่รอยเขียวช้ำเต็มไปหมด เลือดสีแดงแห้งติดเสื้อผ้าเป็นทางคุณชายสวีลืมตามองผู้เป็นน้องสาว นึกโกรธตัวเองไม่น้อยที่เป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวต้องมาผจญความลำบากเช่นนี้ เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าจะตกหลุมพรางง่ายดายเพียงนั้น“พวกเขาทำอันใดเจ้าหรือไม่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status