ฉันตัดสินใจจะก้าวต่อไปเพราระไม่ว่าจะช้าจะเร็วยังไงฉันก็ต้องตายอยู่ดี และไม่ต้องการรอให้โอยามะลงมือ ฉันจะไม่ยอมให้เขาลากฉันกลับไปเป็นสินค้าเด็ดขาด ฉันไม่อยากตกนรกทั้งเป็นแบบนั้น
จ๋อม~
เมื่อก้าวแรกที่เท้าได้สัมผัสกับน้ำเย็นเฉียบทำเอาฉันสั่นสะท้าน แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ฉันยังคงก้าวต่อไปเรื่อยๆ จนระดับน้ำจากตาตุ่มไต่ระดับสูงขึ้นมาถึงหน้าแข้ง หัวเข่า ต้นขา เอว จนกระทั่งถึงหน้าอก
“ฮานะ!”
ใครสักคนตะโกนเรียกชื่อฉันดังมาจากด้านหลัง ฉันชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงแต่ไม่ได้คิดจะหันหลังกลับไป ข้างหลังไม่มีพื้นที่สำหรับฉันอีกแล้ว ไม่มีที่ให้ฉันยืน ไม่มีใครสักคนต้องการฉัน ไม่มีเลย...
“ฮานะ กลับมานะ!”
เสียงตะโกนเหมือนจะดังขึ้น แต่เพียงไม่นานมันก็ถูกสายลมพัดให้เลือนหายไป
“ฮานะ ทำบ้าอะไรของเธอ!” ต้นแขนของฉันถูกกระชากไว้ สายตาของคนที่วิ่งตามลงมาดูกรุ่นโกรธ
“ปล่อยฮานะนะ!”
“หยุดบ้าสักที เธอกำลังทำให้คนอื่นเขาแตกตื่น ไม่รู้รึไง!” พี่ยูตะตะคอกบอกพร้อมกับเขย่าตัวฉันแรงๆ เพื่อเตือนสติ พอได้มองไปรอบตัวฉันถึงได้รู้ว่าทุกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังกำลังมองฉันด้วยแววตาตื่นตกใจจริงๆ
ขนาดอยากตาย ฉันยังทำให้คนอื่นเดือดร้อนเลย…
“กลับขึ้นไปคุยกันให้รู้เรื่อง” ถูกพี่ยูตะกระชากให้เดินตามเขากลับขึ้นมา
“คิดจะทำบ้าอะไรของเธอฮานะ!” ยูริแผดเสียงใส่ฉันอีกคน เธอยืนรออยู่ที่ริมฝั่ง พอฉันเดินมาถึง เธอก็โผเข้ามาสวมกอดฉันไว้แน่น
“ฉันขอโทษ แต่อย่าทำอะไรแบบนี้อีกเลยนะฮานะ”
ฉันสับสนไปหมด เมื่อกี้นี้เธอเป็นคนไล่ฉันมา แต่ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายพูดว่าขอโทษ ร้องห่มร้องไห้
“เมื่อกี้นี้ฉันแค่กลัวมากก็เลยทำอะไรไม่คิด ไม่คิดว่ามันจะทำให้เธอคิดสั้น เรากลับบ้านกันนะฮานะ ฉันจะพาเธอกลับบ้านเอง”
“ฉัน...”
ฉันพูดไม่ออก สะอึกสะอื้นตัวโยนแล้วกอดยูริแน่น
“รีบไปกันเถอะ” พี่ยูตะเร่ง ก่อนที่พวกเราจะรีบพากันเดินมาขึ้นรถของพี่ยูตะที่จอดอยู่ไม่ไกล
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไร เราเป็นเพื่อนกันนี่” ยูริจนตาหยี คำว่าเพื่อนที่เธอพูดออกมาทำให้ฉันน้ำตารื้น รู้สึกร้อนผ่าวที่กระบอกตา
“รีบไปกันได้แล้ว ไม่ใช่เวลาจะมัวมาซาบซึ้ง” เสียงดุๆ จากคนด้านหน้าทำให้เราแยกย้ายกันขึ้นรถ
พี่ยูตะพูดถูกว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ฉันจะมัวมาซาบซึ้งใจหรือนั่งร้องไห้ เพราะถ้าคนของโอยามะมาเห็นฉันตอนนี้ ทั้งฉัน พี่ยูตะและยูริคงต้องเดือดร้อนกันหมด
“จริงๆ พี่ยูตะกับยูริไม่จำเป็นต้องช่วยฮานะก็ได้”
“ไม่ได้!” ยูริหันมาเอ็ดฉันเสียงดัง “เราเป็นเพื่อนกัน จะทิ้งให้เธอเดือดร้อนอยู่คนเดียวได้ยังไง อีกอย่างเรื่องทั้งหมดมันเป็นความคิดของฉันเอง เพราะฉะนั้นฉันต้องมีส่วนรับผิดชอบ”
“แต่ว่า...”
“ไม่แต่อะไรทั้งนั้น เมื่อกี้นี้ฉันแค่ตกใจกลัวมากไปหน่อยก็เลยทำไม่ดีกับเธอ เธอยังโกรธฉันอยู่เหรอฮานะ”
“เปล่าๆ ฉันเข้าใจ เพราะฉันเองก็กลัวมากเหมือนกัน” ฉันสารภาพอย่างไม่อาย สายตาเหลือบมองไปที่พี่ยูตะที่ยังคงขับรถต่อไปเงียบๆ ฉันรู้ว่าเขาได้ยินทุกอย่าง และก็เข้าใจดีว่าฉันกับยูริกำลังคุยกันเรื่องอะไร เพราะเขาเองก็รู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรก
“งั้นก็เชื่อฉันนะ ฉันกับพี่ยูตะจะพาเธอไปซ่อนเอง แต่ก่อนอื่นเราต้องไปเก็บเสื้อผ้าแล้วก็ของใช้ที่จำเป็นก่อน เดี๋ยวพี่ยูตะจะไปส่ง”
“อืม” ฉันรีบตอบตกลงทันที เม้มริมฝีปากแน่นแล้วมองออกไปด้านนอกระหว่างที่พี่ยูตะกำลังขับรถพาฉันกลับไปที่หอพัก
ฉันพักอยู่ที่หอพักหญิงใกล้ๆ กับโรงเรียน จะได้ไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส่วนเรื่องค่าเทอมก็ได้ทุนจากโรงเรียนซึ่งฉันมีหน้าที่แค่รักษาระดับของผลการเรียนเอาไว้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนด นอกจากนั้นฉันก็ยังทำงานพาร์ทไทม์เป็นพนักงานที่ร้านขายไก่ทอดใกล้ๆ กันกับหอพักในช่วงวันหยุดด้วย
“ฮานะ เดี๋ยวเธออ้อมไปทางด้านหลังนะ ฉันกับพี่ยูตะจะรอที่รถ นี่โทรศัพท์ฉัน ถ้ามีอะไรให้รีบโทรมา หรือถ้าฉันเห็นอะไรไม่ชอบมาพากล ฉันก็จะรีบโทรไปบอก” ยูริย้ำพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้
“เดี๋ยว!”
“มีอะไรเหรอคะพี่ยูตะ”
“เอามาเฉพาะของที่จำเป็น แล้วก็เร็วที่สุดด้วย” พี่ยูตะกำชับเสียงเข้ม ฉันพยักหน้าตอบเพราะเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงอะไร
หัวใจเต้นตึกๆ เหมือนเมื่อตอนที่แอบย่องขึ้นไปที่คอนโดของโอยามะไม่มีผิด สายตามองสอดส่องไปรอบๆ เพื่อระมัดระวังตัวเอง
ฟุ่บ!
“บ้าจริง ทำไมพวกมันถึงได้มากันเร็วแบบนี้ล่ะ!”
“ตกลงนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” ฉันอดไม่ได้ที่จะถาม และคิดว่าคนที่ยังนั่งอยู่กับฉันนี่แหละที่น่าจะตอบคำถามฉันได้ดีที่สุด“ฉันไม่รู้”“ไม่จริง เธอต้องรู้สิ ไม่อย่างนั้นเธอจะรับปากผู้ชายคนนั้นได้ยังไง ไหนจะยังเรื่องที่เธอรายงานผู้ชายคนนั่นว่าฉันละเมออีกล่ะ บอกฉันมานะ”“อย่ามาเสียงดังใส่ฉันนะ ฉันบอกว่าไม่รู้ก็คือไม่รู้ หน้าที่ของฉันก็คือมาเฝ้าเธอจนกว่าเธอจะฟื้น แล้วก็รายงานให้คุณคิราวะรู้เท่านั้นเอง” ผู้หญิงคนนั่นอธิบายเสียงเรียบ“ใครคือคิราวะ”“ก็บอดี้การ์ดคนสนิทของคุณโอยามะคนเมื่อกี้นี้ยังไงล่ะ”บอดี้การ์ดของโอยามะงั้นเหรอ“รีบๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ มัวนั่งอึ้งอยู่ทำไมล่ะ”“ปะ...เปลี่ยนทำไม” ฉันถามเสียงสั่น พูดไปมองหน้าเธอคนนั้นสลับกับถุงกระดาษไปอย่างนึกกลัว“ฉันไม่รู้หรอกว่าเปลี่ยนทำไม รู้แต่ว่าคุณคิราวะสั่งให้เปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน หรือเธออยากรอให้เขามาเปลี่ยนให้ก็ตามใจ”คำขู่จากผู้หญิงแปลกหน้าทำให้ฉันเม้มริมฝีปากแน่น กลืนทุกคำปฏิเสธลงไปอย่างไม่มีทางเลือก ภาพในคืนก่อนตอนที่ถูกจับถอดเสื้อผ้าฉายชัดเข้ามาในหัวราวกับถูกตั้งเวลาเอาไว้“มองทำไม หรือเธอคิดว่าฉันโกหก พวกเขาน่ะทำได้ทุกอย่างที่คุณโอ
“ฉันสัญญาว่าฉันจะกลับมา”“อย่าไปนะ”“รอฉันนะฮานะ ฉันจะกลับมารับเธอ”“ไม่ อย่าไป อย่าทิ้งฉันไปนะริว อย่าไป!” ฉันตะโกนร้องเรียกเด็กผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่บนกำแพงสูงจนท่วมหัว แต่ไม่ว่าจะพยายามร้องเรียกเขาเท่าไหร่ เขาก็ไม่ฟังเสียงของฉันเลยริวส่งยิ้มให้ฉันพร้อมกับโบกมือลา เขาย้ำกับฉันว่าเขาจะกลับมาหาฉัน สัญญาเอาไว้ว่าจะไม่ทิ้งฉัน แต่สุดท้าย…หลังจากที่เขาเลือกจะกระโดดลงไปที่อีกฟากหนึ่งของกำแพง เขาก็ไม่เคยกลับมาหาฉันอีกเลย“ริว อย่าทิ้งฉันไป อย่าไปนะ ข้างนอกมันอันตราย”“รอฉันนะ ฮานะ”“ริว กลับมา กลับมาหาฉัน กลับมา!” เสียงของฉันค่อยๆ หายไปในอากาศเมื่อริวไม่กลับมาอีกแล้ว“นี่ ตื่นได้แล้ว ฝันบ้าอะไรของเธอ”ฝัน! บ้าจริง ฉันฝันไปเหรอเนี่ย!สองตาเบิกโพลงขึ้นมาโดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงของใครสักคนที่กำลังเรียกฉันพร้อมกับที่เขย่าเพื่อให้ฉันรู้สึกตัว อาการมึนหัวเข้าจู่โจมทันทีที่ฉันลืมตาจนต้องยกมือขึ้นมากุมขมับ เสียงลมหายใจดังจนน่ากลัวแถมยังร้อนผ่าวจนรู้สึกได้“ตื่นสักทีเถอะ ฉันคิดว่าเธอจะตายไปแล้วซะอีก” ผู้หญิงคนนั้นรำพึงรำพันพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ เตียงใช่! เตียง ฉันนอนอยู่บนเตียงจริงๆ แถมยั
“ฉันคิดว่าเธอจะนอนในนั้นซะอีก”“พวกนาย!”สองตาของฉันเบิกโพลงขึ้นมาทันทีเมื่อได้เผชิญหน้ากับชายชุดดำสองคน ที่เหมือนจะมาดักรอฉันอยู่ตรงนี้นานแล้ว“จะไปด้วยกันดีๆ หรือจะให้ฉันใช้กำลัง”“ไม่ ถอยไปนะ ช่วย...”อุ่ก!เสียงของฉันจุกอยู่ในลำคอเพราะทันทีที่ฉันพยายามจะร้องขอความช่วยเหลือ หนึ่งในพวกมันก็ตรงเข้ามาชกท้องของฉันอย่างรวดเร็ว และรุนแรงมากพอจะทำให้ฉันล้มทั้งยืนเป็นอีกครั้งที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองเฉียดเข้าใกล้ความตายขึ้นเรื่อยๆ สองขาของฉันทรุดลงไปกับพื้น แต่ยังไม่ทันจะล้มลงไปก็กลับถูกอุ้มขึ้นมา“พูดง่ายๆ แต่แรกก็จบ”“ปล่อยเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้นะ!”สิ้นเสียงนั้นร่างกายของฉันก็โงนเงนไปมาเหมือนกำลังถูกยื้อแย่งไปมา“ยูริ”“อดทนไว้ฮานะ โอ๊ย!” เสียงร้องของยูริดังมากจนฉันตกใจ แต่ฉันจะช่วยเธอได้ยังไงในเมื่อฉันยังเอาตัวเองไม่รอดเลย“ตายซะเถอะไอ้พวกสารเลว!”พลั่ก!เสียงเหมือนของแข็งกระทบกัน ซึ่งทันทีที่ได้ยิน ร่างกายของฉันก็ถูกทิ้งลงกับพื้น แรงกระแทกทำให้ฉันรู้สึกจุกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า“ยูริ หนีไป!”“พี่ยูตะ ช่วยยูริกับฮานะ โอ๊ย!” ยูริร้องเสียงดังเมื่อเส้นผมของเธอถูกกระชาก ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวเพราะอา
ฟุ่บ!“บ้าจริง ทำไมพวกมันถึงได้มารวดเร็วแบบนี้ล่ะ!” ฉันรีบถอยกลับมายืนหลบอยู่ในตรอกแคบๆ ก่อนถึงทางเข้าหอพักทางด้านหลังเมื่อกี้นี้เหมือนฉันจะเห็นผู้ชายสองคนมีท่าทีแปลกๆ เดินไปเดินมาอยู่ด้านใน แม้จะไม่แน่ใจนักว่าสองคนที่เห็นจะใช่คนของโอยามะหรือเปล่า แต่เท่าที่ดูจากเสื้อผ้า แว่นดำ รวมถึงบุคลิกที่ดูสง่าผ่าเผยแบบนั้นไม่มีทางใช่ยามประจำหอพักแน่ๆฉันพยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ แล้วชะโงกหน้าออกไปแอบมองให้แน่ใจอีกครั้ง ซึ่งเมื่อพบว่าผู้ชายสองคนที่เห็นเมื่อครู่ยังยืนอยู่ที่เดิมเหมือนกำลังรอใครสักคน ฉันก็ยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมากดโทรหาพี่ยูตะทันทีโทรศัพท์ในมือของฉันคือโทรศัพท์ของยูริ เพราะฉะนั้นถ้าฉันจะโทรส่งข่าวให้สองคนที่กำลังรอฉันอยู่รู้ ฉันก็ต้องโทรหาพี่ยูตะนั่นแหละ“ฮัลโหลพี่ยูตะ” ฉันรีบกรอกเสียงลงไปเมื่อพี่ยูตะกดรับแทบจะในทันที เพราะว่าเขาเองก็คงกำลังลุ้นและรออยู่เหมือนกัน[มีอะไร หรือว่าเจอคนของโอยามะแล้ว]“ไม่แน่ใจค่ะ แต่มีผู้ชายท่าทางแปลกๆ สองคนยืนแถวๆ หอพักทางด้านหลัง ฮานะไม่รู้ว่าใช่คนของโอยามะรึเปล่า”[พวกมันเห็นเธอรึยัง]“ยังค่ะ ฮานะเห็นพวกมันก่อน ก็เลยหลบอยู่ ยังไม่ได้เดินออกไปค่ะ”[ต
ฉันตัดสินใจจะก้าวต่อไปเพราระไม่ว่าจะช้าจะเร็วยังไงฉันก็ต้องตายอยู่ดี และไม่ต้องการรอให้โอยามะลงมือ ฉันจะไม่ยอมให้เขาลากฉันกลับไปเป็นสินค้าเด็ดขาด ฉันไม่อยากตกนรกทั้งเป็นแบบนั้นจ๋อม~เมื่อก้าวแรกที่เท้าได้สัมผัสกับน้ำเย็นเฉียบทำเอาฉันสั่นสะท้าน แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ฉันยังคงก้าวต่อไปเรื่อยๆ จนระดับน้ำจากตาตุ่มไต่ระดับสูงขึ้นมาถึงหน้าแข้ง หัวเข่า ต้นขา เอว จนกระทั่งถึงหน้าอก“ฮานะ!”ใครสักคนตะโกนเรียกชื่อฉันดังมาจากด้านหลัง ฉันชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงแต่ไม่ได้คิดจะหันหลังกลับไป ข้างหลังไม่มีพื้นที่สำหรับฉันอีกแล้ว ไม่มีที่ให้ฉันยืน ไม่มีใครสักคนต้องการฉัน ไม่มีเลย...“ฮานะ กลับมานะ!”เสียงตะโกนเหมือนจะดังขึ้น แต่เพียงไม่นานมันก็ถูกสายลมพัดให้เลือนหายไป“ฮานะ ทำบ้าอะไรของเธอ!” ต้นแขนของฉันถูกกระชากไว้ สายตาของคนที่วิ่งตามลงมาดูกรุ่นโกรธ“ปล่อยฮานะนะ!”“หยุดบ้าสักที เธอกำลังทำให้คนอื่นเขาแตกตื่น ไม่รู้รึไง!” พี่ยูตะตะคอกบอกพร้อมกับเขย่าตัวฉันแรงๆ เพื่อเตือนสติ พอได้มองไปรอบตัวฉันถึงได้รู้ว่าทุกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังกำลังมองฉันด้วยแววตาตื่นตกใจจริงๆขนาดอยากตาย ฉันยังทำให้คนอื่นเดือดร้อนเลย…“
“โอ๊ย! เบาๆ สิยูริ”ปัง!นอกจากยูริจะไม่ฟังเสียงร้องของฉันแล้ว เธอยังปิดประตูบ้านเสียงดังจนฉันสะดุ้งตกใจ“เธอกลับมาทำไม”คำถามจากเพื่อนสนิททำฉันเบิกตาโพลง หน้าอกร้อนวูบเพราะถ้าดูจากสภาพของฉันตอนนี้ มีใครบ้างที่ดูไม่ออกว่าฉันกำลังต้องการความช่วยเหลือ แต่คนที่ฉันเรียกว่าเพื่อนกลับทำหน้าตาเหมือนไม่ยินดีต้อนรับ“ทำไมเธอถามฉันแบบนั้นล่ะ”ใครจะว่าถามโง่ๆ ฉันก็ยอมรับ เพราะตอนนี้ในสมองของฉันไม่มีอะไรอีกแล้วนอกจากความกลัว“กะ ก็แค่แปลกใจน่ะ ฉันไม่คิดว่าเขาจะปล่อยเธอมา”“เธอแปลกใจที่ฉันรอดมาได้ หรือกลัวว่าฉันจะกลับมาทำให้เธอเดือดร้อนกันแน่”“หยุดพูดนะฮานะ”ริมฝีปากของฉันถูกยูริปิดเอาไว้จนแน่น หนำซ้ำยังทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าฉันให้ตาย“ออกไปจากบ้านของฉันซะ เธอไม่ควรมาที่นี่” ยูริตะโกนไล่อย่างไม่ไยดี สะบัดนิ้วพรึ่บไปที่ประตูทำราวกับว่าฉันเป็นตัวน่ารังเกียจ“เธอแค่หลอกใช้ฉันสินะ” ฉันถามเสียงสั่นเพราะอยากจะได้ยินมันจากปากของผู้หญิงที่ฉันเรียกว่าเพื่อนมาตลอดสามปี“อย่ามาโทษฉันนะ เธอเต็มใจไปเองต่างหาก”“ฉันน่ะเหรอเต็มใจ”“ก็ใช่น่ะสิ หรือจะปฏิเสธว่าเธอไม่รู้ว่าอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับมา” ยูริถามเหมือนไม่ร