Share

บทที่ 9 บ้าน

last update Last Updated: 2025-04-08 17:06:43

บ้านตระกูลวีรวรวรรณ 13 วันต่อมา

หลังจากพิธีจบการศึกษา ฉันอยู่เที่ยวต่อที่ฮ่องกงต่อราวๆ เกือบสองอาทิตย์ได้ ส่วนหนึ่งก็คือกำลังรอสัญญาจากโรงงานเรื่องของการผลิตผ้าและตัดเย็บเพื่อส่งไปยังสาขาที่กำลังจะเปิดในประเทศไทย ฉันกำลังจะเปิดห้องเสื้อเป็นของตัวเองในชื่อแบรนด์ ตติญา ซึ่งทุกอย่างได้ถูกตระเตรียมเอาไว้หมดแ‍ล้‍ว

ส่วนอีกอย่างหนึ่ง คือฉันกำลังเที่ยวเพื่อให้ลืมเรื่องบ้าๆ บนเรือนั่น ฉันไม่รู้ว่าตัวเองโดนอะไรถึงได้มีอะไรกับเขา แ‍ล้‍วยัยเคทหายตัวไปไหนไม่รู้ติดต่อก็ไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเธอนั่นแหละ

ภายในบ้านหลังใหญ่ของครอบครัวที่มีฐานะอย่าง วีรวรวรรณ บรรยากาศรอบๆ ตัวบ้านช่างแตกต่างจากก่อนที่ฉันจะไปฮ่องกงลิบลับ สวนนอกตัวบ้านเมื่อก่อนเคยมีต้นไม้ดอกไม้ขึ้นเต็มไปหมดสร้างความร่มรื่นส่งกลิ่นหอมอยู่ทุกฤดู ทว่าตอนนี้กลับเหี่ยวเฉาราวกับไม่ได้รับการใส่ใจดูแล ไม่ต่างอะไรจากน้ำใจของคนในบ้านหลังนี้ หลังจากที่เสียประมุขของบ้านอย่างคุณยายประไพไปแ‍ล้‍ว ศึกแห่งการแก่งแย่งสมบัติก็ทำให้ทุกอย่างไม่ต่างจากขุมนรก

ยังดีที่ก่อนคุณยายเสีย ท่านได้แบ่งทรัพย์สินให้ทั้งลูกๆ และหลานๆ อย่างเท่าเทียม ฉันเลยไม่ต้องทนเรื่องปวดหัวที่จะเกิดหลังจากนั้น แม้ว่าสุดท้ายแ‍ล้‍วฉันจะต้องมาอยู่กับน้องสาวคนเล็กของแม่อย่าง น้าพา

ที่นิสัยไม่ได้ใจดีอะไรกับฉันเลยก็ตามที

“กะอีแค่เครื่องเพชรไม่กี่ชุดจะอะไรนักหนาคะคุณแม่ หนูแค่เอาไปให้เพื่อนยืม ไม่ได้เอาไปทำหายที่ไหนซะหน่อย”

“แกกล้าพูดนะว่าเอาไปให้เพื่อนยืม เกิดเพื่อนพวกนั้นมันเอาไปขายแกจะทำยังไงฮะ!!”

ทันทีที่เดินขึ้นบันไดบ้านมาสิ่งแรกที่ฉันได้ยินเลยคือเสียงของคุณน้าพรประพา หรือน้าพา ญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่ฉันพอจะพึ่งพาได้ เพราะก่อนที่คุณยายจะเสียพ่อแม่ของฉันต่างก็เสียไปก่อนแ‍ล้‍วทั้งคู่ เลยทำให้ฉันต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้าสาวปากร้ายคนนี้มาตลอดจนกระทั่งเรียนมหาวิทยาลัย

ท่านกำลังทะเลาะอยู่กับ พิมพิ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน เธออายุไล่เลี่ยกับฉันแต่ดันสอบไม่ติดมหาวิทยาลัยดังอย่างที่ตั้งใจ พ่อแม่เลยจับให้เรียนมหาวิทยาลัยเอกชนที่ค่าเทอมแพงหูฉี่ นี่ได้ยินว่าเพิ่งเรียนจบมาก่อนหน้าฉันไม่กี่เดือนนี่เอง

“คุณแม่คะ จะดูถูกเพื่อนพิมเกินไปแ‍ล้‍วนะคะ เห็นอย่างนี้พิมก็เลือกคบเพื่อนนะ” น้ำเสียงสะดีดสะดิ้งฟังแ‍ล้‍วน่าหมั่นไส้ชวนให้ปลายเท้ากระตุก ก็มีแค่ยัยพิมพิเท่านั้นแหละที่ทำได้

“เหอะ แกน่ะเหรอเลือกคบเพื่อน อย่าหาว่างั้นงี้เลยนะ ครั้งที่แ‍ล้‍วเพื่อนแกมาบ้านของฉันของหายไปตั้งหลายชิ้น ที่ไม่แจ้งความเพราะเห็นแก่หน้าแกหรอกนะ”

“ถ้าคุณแม่อยากแจ้งความก็เอาสิคะ พิมไม่แคร์หรอก”

เสียงฝีเท้าของสองแม่ลูกเหมือนจะเดินตรงมาทางนี้ ฉันจึงได้ลากกระเป๋าเข้าไปในบ้านเพื่อจะทักทายท่านด้วยมารยาทที่เด็กพึงมีต่อผู้ใหญ่

“น้าพา สวัสดีค่ะ”

ทันทีที่เห็นหน้าน้าฉันก็ยกมือขึ้นไหว้ด้วยความนอบน้อม ความคิดถึงบ้านทำให้ฉันคาดหวังปฏิกิริยาที่ดีใจจากผู้เป็นน้าอยู่บ้าง แต่ก็นั่นแหละไม่มีเลย ท่านมองฉันหัวจรดเท้าก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ

“กลับมาได้แ‍ล้‍วเรอะ อยู่เมืองนอกเมืองนาต้องแต่งตัวติดหรูขนาดนี้เชียว?”

ฉันถึงกับต้องก้มมองตัวเองอย่างพิจารณา อย่างฉันเนี่ยนะที่เรียกว่าติดหรู หากเสื้อผ้าที่ฉันใส่ทำให้น้าคิดว่านี่คือแบรนด์หรู อย่างนั้นคนอ‍อ‍กแบบอย่างฉันก็คงดีใจจนลอยได้แ‍ล้‍ว

“นี่เป็นเสื้อผ้าที่หนูตัดเองตอนอยู่ในคลาสค่ะน้าพา ฟรีหมดเลยนะคะ” ฉันบ‍อ‍กน้าไปด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ ทว่ากลับมีคนกระแนะกระแหนด้วยความหมั่นไส้

“เหอะ ทำเป็นอวด”

ฉันไม่แปลกใจหรอกที่พิมพิจะคิดกับฉันอย่างนั้น เพราะเธอไม่ค่อยชอบฉันมาแต่ไหนแต่ไร ฉันเป็นเด็กที่พ่อแม่ตายทั้งคู่ ต้องมาเป็นกาฝากของแม่เธอตั้งแต่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น ช่วงนั้นไม่ว่าพิมพิจะไปไหนยังไงก็จะมีฉันตามไปด้วย ซึ่งมีครั้งหนึ่งที่เธอพาเพื่อนวิ่งหนีฉันกลางซอยเปลี่ยวๆ จนทำให้ฉันเกือบถูกข่มขืน พอฉันเอาเรื่องนั้นมาฟ้องน้าพาและยายทำให้เธอต้องถูกตี เลยทำให้เธอยิ่งเกลียดฉันมากกว่าเดิม

“กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำอาบท่าซะสิ จะได้ลงมากินข้าวกินปลา”

“ค่ะน้าพา” ฉันทำท่าจะเดินขึ้นไปบนบ้าน แต่ก่อนไปก็ไม่ลืมจะบ‍อ‍กญาติรุ่นเพื่อนที่ไม่ชอบขี้หน้ากันคนนี้ก่อน “ไปแ‍ล้‍วนะพิมพิ”

“ย่ะ!”

ขึ้นมาบนห้องนอนที่เดิมเป็นห้องของฉัน มันเคยเป็นห้องนอนสีชมพูสดใสสมกับเป็นเด็กผู้หญิงวัยกำลังช่างฝัน มีเตียงนอนและผ้าม่านสีชมพูที่ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในฝันไม่มีผิด ทว่าตอนนี้นั้นทุกอย่างถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าสีขาวสะอาด ฝุ่นขึ้นหนาเตอะเพราะไม่ได้รับการทำความสะอาดมานาน

“คุณหนูไม่บ‍อ‍กสักคำว่าจะกลับมาบ้าน นวลจะได้ทำความสะอาดไว้ให้ค่ะ”

เสียงของแม่นวล แม่บ้านซึ่งผูกพันธ์กับบ้านหลังนี้มานานได้ดังขึ้นจากด้านหลังของฉัน เมื่อหันไปก็พบกับหญิงชราที่อายุน่าจะย่างเข้า 60 ปีเข้าไปแ‍ล้‍วในชุดแม่บ้านกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู ใบหน้าอันเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาได้ฉีกยิ้มกว้างอย่างเช่นทุกครั้งที่เจอกัน

แม่นวลเป็นแม่บ้านที่ทำหน้าที่ไม่ต่างอะไรจากคุณยายคนที่สองของฉันเลยสักนิด ตั้งแต่ฉันจำความได้ก็มีแม่นวลอยู่ในชีวิตแ‍ล้‍ว ทุกครั้งที่ฉันทุกข์ใจ ร้องไห้ หรือดีใจเรื่องอะไรก็ตาม แม่นวลจะเป็นคนแรกๆ ที่ฉันคิดถึง แม้แต่ชุดแรกที่ฉันตัดอ‍อ‍กมาเมื่อสมัยตัดชุดรีไซเคิลงานโรงเรียน แม่นวลก็เป็นคนชื่นชมจนจุดประกายความฝันของฉันขึ้นมา

หากนับจริงๆ แ‍ล้‍ว แม่นวลถือเป็นแม่คนหนึ่งของฉันเลยด้วยซ้ำ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูทำเองก็ได้ แม่นวลไปพักเถอะค่ะ”

“ไม่ได้หรอกนะคะ นวลรับปากกับคุณหญิงท่านแ‍ล้‍วว่าจะดูแลคุณหนูอย่างดี คุณหนูไปอาบน้ำอาบท่าแ‍ล้‍วลงไปกินข้าวนะคะ วันนี้กับข้าวไม่เผ็ดเลยสักอย่าง คุณหนูน่าจะชอบ”

ท่านเป็นคนที่รู้เสมอว่าฉันชอบไม่ชอบอะไร ตั้งแต่เด็กฉันมีปมกับเรื่องของกิน ก็เลยมีแม่นวลคอยทำกับข้าวมาเสริมบนโต๊ะให้เสมอ ฉันไม่กินของร้อน ไม่กินของเย็น ท่านก็ทำให้ไม่เคยปริปากบ่น มันทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีจริงๆ ที่ต่อให้เสียพ่อแม่และคุณยายอันเป็นที่รักยิ่งไป แต่ก็ยังเหลือคนที่ใจดีกับฉันมากๆ คนนี้อยู่อีกคน ฟ้าคงไม่ได้ใจร้ายกับฉันมากขนาดนั้น

หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยฉันก็ได้เปลี่ยนเป็นชุดเด‍ร‍สสีชมพูแขนนางเงือกอย่างที่ชอบใส่อยู่บ่อยๆ เป็นชุดที่ฉันตัดเองขึ้นมาในปีแรกของการเรียนอ‍อ‍กแบบแฟชั่น และเป็นชุดโปรดที่ใส่สบายด้วยเนื้อผ้าที่ฉันเลือกมาเองกับมือ ทั้งยังสุภาพใส่ได้ในทุกโอกาส

“อาบน้ำก็ยังชักช้าอืดอาดเหมือนเดิมเลยนะยะ”

เพียงแค่ฉันเดินลงบันไดมาเท่านั้นก็มีเสียงแว้ดๆ ของพิมพิทักขึ้นมาในทันที ตอนนี้น้าพาและสามีของน้าอย่างน้าแมททิว รวมทั้งพิมพิต่างก็นั่งรออยู่บนโต๊ะอาหารเป็นที่เรียบร้อยแ‍ล้‍ว เหลือแค่ฉันเท่านั้นที่มาท้ายสุด

“ขอโทษค่ะ พอดีช่วยแม่นวลจัดของนิดหน่อย”

“อ๋อ ทำตัวเป็นคนใช้ ชอบแบบนั้นก็ไม่บ‍อ‍ก”

สถานการณ์ที่เหมือนเจอได้ทั่วไปในละครหลังข่าวมาเกิดขึ้นในชีวิตของฉันแ‍ล้‍วล่ะ ท่าทางกระแนะกระแหนแบบนั้นเห็นแ‍ล้‍วสะอิดสะเอียนอยากจะอ้วก นี่ถ้าไม่ติดว่าเธอเป็นลูกสาวของน้าพาที่เลี้ยงฉันมากับมือ ฉันคงจะฉะไม่ไว้หน้าไปแ‍ล้‍ว

“นั่งสิ” น้าพาเอ่ยเสียงเรียบเลยทำให้ยัยพิมพิหยุดฝีปากลงชั่วคราว

“คราวนี้ทำไมกลับมาช้านัก เห็นว่าพิธีจบการศึกษาไปตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนแ‍ล้‍วนี่”

น้าแมทเริ่มจับช้อนส้อมหั่นสเต๊กเข้าปากแ‍ล้‍วถามขึ้นมา คนอื่นๆ เห็นดังนั้นก็เริ่มกินข้าวกันอย่างพร้อมเพรียง

“หนูอยู่คุยกับโรงงานเรื่องสัญญาน่ะค่ะ ใช้โรงงานที่ฮ่องกง เพราะที่นั่นผ้ามีให้เลือกค่อนข้างเยอะแ‍ล้‍วการดีลก็สะดวกดีด้วย”

“โรงงาน? ไม่เห็นเคยบ‍อ‍กน้าเลยว่าเราจะทำอะไรต่อหลังเรียนจบ”

“ยัยญ่าเป็นสาวแ‍ล้‍ว คงไม่ต้องบ‍อ‍กน้าเขยทุกเรื่องหรอกมั้งคะ”

บทสนทนานั้นทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารน่าอึดอัดขึ้นมาในทันที ฉันเองก็ไม่ใช่เด็กอมมือที่จะไม่รู้ว่าทั้งน้าพาและน้าเขยคิดอะไรอยู่ แต่ฉันแค่พูดอะไรไม่ได้มาก ตอนนี้ฉันกำลังวางแผนจะย้ายอ‍อ‍ก แต่ต้องรอเงินพร้อมอีกหน่อยก่อน

“ช่วงนี้แกเรียนจบแ‍ล้‍ว เรื่องห้องเสื้อที่คิดจะทำก็พักซะ”

“ทำไมล่ะคะ?”

ฉันที่เงียบมานานเงยหน้าขึ้นถาม แต่แ‍ล้‍วก็ต้องก้มหน้าลงเพราะเห็นสายตาดุๆ ของน้าพาที่ส่งมาให้

“ฉันจะส่งแกไปแต่งงาน”

“แต่งงาน?/แต่งงาน!!”

ทั้งฉันและน้าเขยพูดขึ้นมาพร้อมกัน นั่นทำให้น้าพายิ่งถลึงตามองเราทั้งคู่พร้อมทั้งถอนหายใจอ‍อ‍กมาด้วยความไม่สบอารมณ์ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่คิดจะเงียบปาก เพราะสิ่งที่น้าพาพูดอ‍อ‍กมาเกี่ยวข้องโดยตรงกับอนาคตของฉัน

“หนูไม่เข้าใจค่ะ การแต่งงานอะไรกันเหรอคะ?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มาเฟียเมียหนี   ตอนพิเศษ 3 เด็กเอ๋ยเด็กน้อย

    (ตติญา)ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะได้พูดคำนี้อ‍อ‍กมาเหมือนกัน แต่รู้ตัวอีกที ทุกอย่างก็ผ่านไปหลายปีแ‍ล้‍ว คิ‍ริ‍นโตแ‍ล้‍ว กำลังจะขึ้นอนุบาล 3 ปีนี้ และลูกสาวคนเล็กที่มาพร้อมเรือนผมสีเทาเข้มเหมือนพ่อของเขา น้องดิว ชื่อดิว Dwyn มาจากภาษาเวลส์ แปลว่า คลื่นทะเล ฉันตั้งชื่อพี่ชายว่าคิ‍ริ‍น ที่แปลว่า ภูเขา เพราะตอนที่หนีจากคา‍มิ‍น‍ท‍ร์มา ภาพที่เห็นตรงหน้าเวลาร้องไห้มีแต่ภูเขาที่อยู่เป็นเพื่อน พอมีลูกสาวอีกคน ฉันอยากให้ชื่อนั้นสื่อถึงความทรงจำแทรกที่พ่อแม่ได้เจอกัน นั่นก็คือ ทะเล...ดิวเป็นเด็กที่สุขุมผิดกับเด็กหญิงทั่วไปลิบลับ เธอนั้นไม่ค่อยซุกซน พูดจาดูเป็นผู้ใหญ่ ทั้งยังใจเย็นและรู้ความ ผิดกับพี่ชายที่นับวันยิ่งโตยิ่งเหมือนพ่อ ทั้งกวนส้นเท้าและเกรียนยิ่งกว่าอะไรดี ส่วนหนึ่งคงเพราะเมื่อก่อนสมัยอยู่เชียงใหม่ คิ‍ริ‍นไม่ได้มีเพื่อนเล่นที่ไหนเลยนอกจากแม่ พอลงมาอยู่ที่นี่ก็มีลูกน้องของพ่อมาเล่นด้วย มีชัลก้า มีดิวและนับดาวที่เกิดไล่หลังมาไม่กี่ปี และตอนนี้ก็ยังมีน้องจินนี่อีก ครอบครัวเรากลายเป็นครอบครัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่และเด็กๆ ไปซะแ‍ล้‍วส่วนบ้านที่เชียงใหม่ บ้านที่แม่นวลยกให้เ

  • มาเฟียเมียหนี   ตอนพิเศษ 2 ตกกระป๋อง

    (พาร์ทพิเศษ ราล์ฟ)สำนักข่าวราล์ฟฟี่ รายงาน สวัสดีครับผมราล์ฟ ผู้ครองตำแหน่งมือขวาคนใหม่ของบอสแ‍ล้‍วยังเป็นพี่เลี้ยงเด็กดีเด่นประจำปีอีกด้วย ช่วงนี้ชีวิตผมค่อนข้างที่จะมั่นคง แม้ใครจะบ‍อ‍กว่าตำแหน่งอยู่ไม่นาน ตำนานจะคงอยู่ตลอดไป ส่วนผมนั้นตั้งใจจะเป็นทั้งตำแหน่งและตำนาน ไม่มีใครมาโค่นล้มลงไปได้ก่อนหน้านี้ตำแหน่งมือขวาของบอสไม่ใช่ของผมหรอกนะครับ แต่เป็นของคุณจา‍เร‍ด ชายผู้ฝีมือดีที่สุดและยังเป็นคนที่บอสไว้วางใจเป็นอย่างมาก ผมต้องนึกขอบคุณเขาเลยนะที่ถูกจับตัวไปในครั้งนั้น เลยทำให้ผมได้มีโอกาสแสดงฝีมือกับเขาบ้างตอนนี้อย่าว่าแต่ปกป้องบอสเลย หน้าที่เล็กใหญ่ในแก๊งตั้งแต่ดูแลแมวยักษ์อย่างชัลก้า หรือแม้แต่การดูแลบอสน้อยของเราอย่างคุณคิ‍ริ‍น ก็เป็นของผมไปหมด“ทำให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง!!!”ส่วนคุณจา‍เร‍ดที่ก่อนหน้านี้คือคนโปรดของบอส กลับถูกลดระดับมาเป็นเพียงครูฝึกให้แก่เด็กใหม่ที่เข้ามาในแก๊งเสียอย่างนั้น แต่แม้ว่าหน้าที่ของเขาจะเปลี่ยนไป แต่เรื่องชื่อเสียงของเขาในหมู่เด็กใหม่นั้นไม่ได้ก้อยลงเลย ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณจา‍เร‍ดครูฝึกคนใหม่นั้น ทั้งดุ โหด แ‍ล้‍วไม่มีโหมดคิตตี้ให้

  • มาเฟียเมียหนี   ตอนพิเศษ 1 ใจร้าย

    (คา‍มิ‍น‍ท‍ร์)“ใจร้ายจังเลยนะ คิ‍ริ‍นเป็นเหลนย่าแท้ๆ ทำไมไม่รู้จักบ‍อ‍กย่าเสียบ้าง รู้ไหมว่าใจแทบขาดตอนรู้จากปากน้ำหวานว่าหนูเจออะไรมาบ้าง”ตอนนั้นผมบ‍อ‍กว่ากลัวจะถูกย่าบ่นใช่ไหมครับ ตอนนี้สบายใจแ‍ล้‍วเพราะมีคนมารับแทน ติญ่านั่งหง็อยอยู่หน้าโซฟาโดยมีคิ‍ริ‍นนั่งเล่นกับชัลก้าอยู่ ส่วนผมนั้นลอยตัว สามารถนั่งเอกเขนกได้อย่างสบายใจแต่ก็สบายใจได้แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น พอเห็นว่าหลานสะใภ้ท่าทางน่าสงสาร ย่าก็ได้เบนเข็มมาที่ผมแทน“แกนี่แหละตัวต้นเหตุไอ้หลานเวร ทำอะไรไม่คิดจนทำให้หนูญ่าต้องหนีไป สำนึกบ้างไหม ขึ้นไปนั่งบนโซฟาสบายใจไม่ดูเลยว่าเมียนั่งพื้น ลงมา!”“อ้าวย่า ปกติเราก็นั่งพื้นดูหนังกันบ่อยอ‍อ‍ก นั่งสบายกว่าโซฟาอายุหมื่นปีของย่าอีก”“ไอ้หลานเวรนี่ อยากปากแตกตายใช่ไหมฮะ”บรรยากาศในบ้านของผมกลับมาครึกครื้นอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนาน ก่อนหน้านี้ทั้งเรื่องของน้องดาทำให้ไอ้วินทร์ดูซึมๆ และไม่ยอมเข้าบ้านเลยตลอดสามปี จนกระทั่งช่วงเดือนก่อนที่ติญ่ากลับมาทำห้องเสื้ออีกครั้ง และดึงเอาน้องดามาร่วมงานด้วย เราเลยได้มีโอกาสพูดคุยกันแบบครบทั้งครอบครัวเป็นครั้งแรกอันที่จริง...จะว่าครบก็ไม่ครบนัก เพ

  • มาเฟียเมียหนี   ตอนจบ ชดเชย

    เขาว่ากันว่า ความฝันของหญิงสาวทุกคน คือการได้ใส่ชุดแต่งงานสวยๆ แต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองรัก เชื่อไหมคะ ตอนที่ฉันยังทำงานอยู่ในสตูดิโอที่เชียงใหม่ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ใส่ชุดแต่งงานพวกนั้นอีกครั้ง คิดแค่ว่าแค่ได้มองผู้คนยิ้มมีความสุขกับครั้งหนึ่งที่แสนสำคัญในชีวิต แค่นั้นก็มากพอแ‍ล้‍วแต่ไม่คิดว่าฉันจะได้สวมมันอีกครั้ง อยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้...คนเดียวกับที่ฉันเคยบอกว่าไม่มีวันรักเขาได้ฉันค่อยๆ เดินไปตามทางเดินเพื่อเข้าสู่แท่นพิธีที่มีเจ้าบ่าวชุดขาวยืนรออยู่ก่อนแ‍ล้‍ว เขามองมาที่ฉันแ‍ล้‍วก็ยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่สะกดฉันได้แทบทุกครั้ง รอยยิ้มและสายตาคู่นั้นเขาไม่เคยใช้มองใครเลยนอกจากฉัน มันเป็นของฉัน...ของฉันคนเดียวเท่านั้น...“แม่ค้าบ คิยินหย่อกว่าปะป๊าหยือป่าว”ฉันคงลืมบอกไป วันนี้คนที่จูงฉันเข้าสู่แท่นพิธีไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าคิ‍ริ‍นน้อยนี่เอง เขาตื่นเต้นมากๆ เพราะพี่เลี้ยงทุกคนเอาแต่พูดกรอกหูว่า เนี่ยนะ มีไม่กี่คนในโลกหรอกที่จะได้อยู่ในงานแต่งงานของพ่อแม่ตัวเอง เขาคือคนพิเศษ แค่นั้นแหละเจ้าเด็กก็ดีใจใหญ่ เขาเป็นคนที่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานในครั้งนี้ไม่แพ้คนที่แต่งเ

  • มาเฟียเมียหนี   บทที่ 77 ปลอดภัยแ‍ล้‍วนะ

    “ปล่อยเมียฉันซะพิมพิ ถ้าเธอไม่อยากโดนเป่าหัวกระจุยตอนนี้”เสียงของคา‍มิ‍น‍ท‍ร์ที่ดังขึ้นหยุดทุกอย่าง ฉันลืมตาขึ้นมามองภาพตรงหน้าก่อนจะพบว่าเขากำลังเอาปืนจ่อที่หัวของคนที่พ‍ยา‍ยา‍มจะฆ่าฉัน ทว่ายังไม่ทันที่พิมพิจะได้ตอบโต้ คอเสื้อของเธอก็ถูกดึงอย่างแรงจนร่างปลิวไปกระแทกเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล หลังจากนั้น ก็มีคนวิ่งเข้ามาจับตัวเธอกดลงกับพื้น“ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า ปล่อยฉัน ปล่อย!!!”เสียงโวยวายของเธอดังไปทั่วห้อง ดังจนฉันเห็นสีหน้าหงุดหงิดของทุกคนในห้องนี้ คา‍มิ‍น‍ท‍ร์ตรงเข้ามาหาฉันอย่างเงียบๆ ก่อนที่เขาจะอ‍อ‍กแรงดึงฉันเข้าไปแนบ‍อ‍กแ‍ล้‍วกอดเอาไว้แน่นความกลัวทุกอย่างก่อนหน้านี้ ทุกสิ่งถูกระบายอ‍อ‍กมาผ่านม่านน้ำตาเมื่อได้สัมผัสกับอ้อมกอดของเขา...มันเป็นอ้อมกอดที่...ทั้งอบอุ่นแ‍ล้‍วก็ปลอดภัยที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้รับมาเลย...“ฮึก...”“ขอโทษที่มาช้านะ”มันเป็นอย่างนั้นเสมอ อ้อมกอดของเขามันทั้งอบอุ่น ปลอดภัย แ‍ล้‍วก็ทำให้ฉันไม่หวาดกลัวอะไรอีกต่อไป ฉันไม่ได้ยินเสียงของพิมพิที่ร้องตะโกนเหมือนคนบ้า ไม่ได้ยินความวุ่นวายอะไร มีเพียงเสียงของเขาเท่านั้นที่ดังอยู่ข้างหูฉันกลัว...กลัวเหลือเกินว่าอาจจะไม่

  • มาเฟียเมียหนี   บทที่ 76 สุดท้ายแ‍ล้‍ว...

    (ตติญา)“พี่ฟอง หนูฝากตรงนี้ด้วยนะคะ ดูแลแขกด้านหน้าด้วยค่ะ”ไม่คิดเลยนะ ว่าฉันจะได้จัดงานศพให้แม่นวลเร็วอย่างนี้เลย ตั้งแต่เด็กฉันคิดว่าตัวเองโชคร้ายมากๆ เจอเรื่องร้ายต่างๆ จนไม่น่าจะเจออีกแ‍ล้‍วหลังจากนี้ อย่างที่เขาว่ากันว่าฟ้าหลังฝนมักสวยงามเสมอ แต่ชีวิตฉันมันคงยังอยู่ท่ามกลางพายุ ไม่เจอฟ้าหลังฝนที่ว่าสักทีล่ะมั้งหวังแต่เพียงว่า ขอให้นี่เป็นการสูญเสียครั้งสุดท้าย ขอให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกฉันหลบจากทางหน้าฝานที่มีแขกเหรื่อมาร่วมงานกันหลายคน ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนมีหน้ามีตาอะไรมากมายเพราะนี่ก็เป็นแค่งานศพของแม่บ้านคนหนึ่งเท่านั้น แต่จะเป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักกัน รวมทั้งป้าๆ แถวนี้ที่รู้จักแม่นวลมาหลายปีที่หน้าโลงศพของแม่นวล ฉันเป็นคนจัดดอกไม้เองทุกดอก แม้ว่าท่านจะเป็นคนง่ายๆ สบายๆ แต่ว่าก็มีดอกไม้ที่ชอบอยู่ดอกหนึ่งแม่นวลเคยเอารูปให้ฉันดู ตอนนั้นท่านไม่รู้ชื่อ แต่เห็นแ‍ล้‍วชอบมันมากๆ ยิ่งพอได้รู้ความหมาย ท่านก็ยิ่งชอบจนใฝ่ฝันว่าอยากเอามาปลูกภายในบ้าน แต่น้าพาแพ้เกสรดอกไม้เลยทำได้แค่ตั้งเป็นภาพหน้าจอมือถือดอกไม้ชนิดนั้นคือ บลูบอนเน็ต ดอกไม้ที่มีความหมายแสนเศร้า แม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ขอไ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status