Home / รักโบราณ / มู่ตาน บุปผาท้าชะตา / บุปผาท้าชะตา ตอนที่ 1

Share

บุปผาท้าชะตา ตอนที่ 1

last update Last Updated: 2025-05-09 15:48:07

 ร่างเล็กนั่งอยู่ข้างชายชราริมถนนในตลาดที่มีผู้คนมากมาย พวกเขาถูกไล่ให้มานั่งอยู่ท้ายตลาดแห่งนี้จากขอทานอีกกลุ่มที่ยึดพื้นที่ตรงกลางตลาดเอาไว้

“ทำไมเราไม่ขายของละเจ้าคะ ท่านปู่” เสียงเล็กเอ่ยถามอย่างสงสัย นางนั่งมองพ่อค้าแม่ค้าที่ตะโกนขายของอยู่นานเลยเกิดสงสัยว่าทำไมพวกนางไม่ขายของบ้าง

“ไม่ได้หรอกนะ” ชายชราเอ่ยขึ้นเสียงแหบแห้ง

“ทำไมหรือเจ้าคะ” นางไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายชราต้องการจะสื่อว่าเหตุใดถึงขายไม่ได้

“พวกเราเป็นขอทาน หากขายของจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อของมาขายเล่า อีกอย่างหากเรามีเงินขึ้นมา พวกขอทานกลุ่มอื่นที่เห็นก็จะมาแย่งชิงจากเจ้าไปอย่างโหดเหี้ยม”

ขึ้นชื่อว่าขอทานไม่มีทางที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้นั้นคือสิ่งที่เขาเคยประสบมาแล้ว

“เราแจ้งทางการไม่ได้หรือ” มู่ตานถามอย่างสงสัย

“พวกเขาไม่สนใจเราหรอกนะมู่ตาน” ดวงตากลมโตมองชายชราอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ แล้วนั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างเขาเช่นนั้นจนมืดค่ำ แต่ทั้งสองคนก็ไม่มีใครให้เงินมาเลย แม้แต่อาหารก็ไม่มี มู่ตานลูบท้องน้อย ๆ ของตนเองที่ร้องประท้วงมาตั้งแต่เช้าด้วยความหิว

“เดี๋ยวปู่ลองหาผลไม้ป่าให้นะ” อวิ๋นเซียงไห่บอกเด็กน้อยอย่างสงสาร เขาเองก็หิวเช่นกันแต่ก็พอทนได้เพราะก็เป็นเช่นนี้อยู่บ่อย ๆ บางครั้งไม่มีอะไรกินเลยถึงสองสามวันเขาก็ผ่านมันมาแล้ว

“เจ้าค่ะ” มู่ตานพยักหน้าน้อย ๆ อย่างเชื่อฟังแม้จะหิวเพียงใดแต่นางก็ไม่งอแงเลยเพราะเข้าใจสถานการณ์ของตนเองดี

“กลับกันเถอะ” ทั้งสองคนเดินออกจากท้ายตลาดไปยังวัดล้างที่อยู่ ระหว่างทางเดินกลับชายชราก็พยายามเพ่งมองหาผลไม้ป่าให้เด็กน้อยกินประทังความหิว พวกเขาโชคดีได้แอปเปิลป่ามาลูกหนึ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ ลูกมันเล็กเท่ากำปั้นของมู่ตานเท่านั้นเอง เด็กน้อยเห็นดังนั้นจึงกัดหนึ่งคำแล้วยื่นให้ท่านปู่ของนางกินบ้าง

“ไม่เป็นไร เจ้ากินเถอะ” มือเหี่ยวย่นดันแอปเปิลลูกนั้นกลับให้นางกินต่อ

“ไม่เอาเจ้าค่ะ ท่านปู่ก็หิว” เขายิ้มอ่อนให้นางอย่างสงสารในชะตาชีวิต มือเหี่ยวย่นรับมากัดคำหนึ่งเล็ก ๆ แล้วยื่นคืนให้นาง มู่ตานยิ้มกว้างขึ้นมาทันทีก่อนจะกัดไปหนึ่งแล้วยื่นให้ท่านปู่ของนางอีก นางทำเช่นนี้จนหมดลูกแม้มันจะไม่ได้ช่วยให้อิ่มขึ้นมาเลยแต่นางกลับยิ้มอย่างมีความสุข

เมื่อพวกเขากลับมาถึงวัดล้างก็ต้องตกใจเพราะมีคนกลุ่มหนึ่งยึดครองพื้นที่ของพวกเขาไปแล้ว

“ที่ตรงนี้พวกข้าจองแล้ว!! พวกเจ้าไปที่อื่นเสีย!!!” เสียงเข้มดุเอ่ยขึ้นอย่างหยิ่งผยอง สายตาที่มองมาพร้อมที่เข้าทำร้ายทั้งสองคนได้ทุกเมื่อหากไม่ยินยอมให้พวกมัน

“ไป ๆ พวกข้าจะไปที่อื่น” ชายชราจูงมือมู่ตานออกมาจากวัดนั้นอย่างรีบร้อนเพราะกลัวร่างเล็กถูกทำร้าย

“ท่านปู่ เราจะไปนอนที่ไหนกันเจ้าคะ” มู่ตานถามขึ้นอย่างหวาดกลัว นางตกใจเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้

“คืนนี้ เราคงต้องหาที่นอนกันใหม่ เจ้าอดทนหน่อยนะ” เสียงแหบแห้งบอกอย่างปลอบประโลมเด็กน้อยไม่ให้ตื่นกลัว

“เจ้าค่ะ” มู่ตานเอ่ยอย่างเชื่อฟัง ทั้งคู่เดินลงมาตามทางเดิมที่พึ่งขึ้นไป ขาเป๋ ๆ ที่เดินลากมาเริ่มปวดขึ้นมาเรื่อย ๆ อวิ๋นเซียงไห่จึงตัดสินใจพาเด็กน้อยไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากถนนที่เดิน

“คืนนี้เรานอนกันที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ปู่หาที่นอนใหม่ให้” เขาบอกเด็กน้อยอย่างรู้สึกผิด

“เจ้าค่ะ ข้านอนได้” มู่ตานเดินไปนั่งลงตรงโคนต้นพิงร่างเล็กกับลำต้นนั้นก่อนจะเงยหน้ายิ้มหวานให้ผู้เป็นปู่ อวิ๋นเซียงไห่พาร่างกายชรา ของตนเองมานั่งลงข้างมู่ตานก่อนจะกอดนางเอาไว้กันลมหนาวตอนกลางคืน

“ปู่กอดเจ้านะ จะได้อุ่น ๆ” น้ำเสียงที่บอกสั่นเครือเล็กน้อยด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่ชีวิตของเด็กคนหนึ่งต้องมาเจอกันอะไรเช่นนี้

“กอด ๆ เจ้าค่ะ ข้ากอดท่านปู่” มือน้อย ๆ พยายามโอบร่างผอมแห้งของท่านปู่ของนางเอาไว้จนชายชราน้ำตาซึม ใครหนอก็ช่างใจร้ายนัก

“นอนเถอะ” เขาบอกเด็กน้อยให้นอนได้แล้ว มู่ตานยิ้มหวานก่อนจะหลับตาลงตามที่ท่านปู่ของนางบอก

ค่ำคืนที่หนาวเหน็บผ่านไปอย่างทรมาน สองร่างที่กอดกันกลมสั่นเล็กน้อยทุกครั้งที่สายลมพัดผ่าน มู่ตานร้องขอในใจ ว่าขอให้สายลมใจดีกับนางหน่อย ไม่พัดมาแล้วได้หรือไม่ ท่านปู่ของนางตัวสั่นไปหมดแล้ว แต่นางก็ทำได้แค่เพียงแค่ภาวนาเท่านั้น

เช้าวันต่อมาดวงตากลมโตกะพริบปรับให้เข้ากับแสงที่สาดส่องลงมา นางลุกขึ้นนั่งอย่างมึนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะนึกทุกอย่างออก มู่ตานมองท่านปู่ของนางที่ยังนอนหลับอยู่จึงเอื้อมมือไปปลุก

“ท่านปู่เจ้าคะ ทำไมตัวท่านปู่เย็นจัง” มู่ตานแตะตามตัวอวิ๋นเซียงไห่ก็พบว่ามันเย็นมากจนนางใจหาย เพราะมันคล้ายกับมารดาของนางที่ตัวเย็นแบบนี้แล้วนางก็จากมู่ตานไป

“ท่านปู่ ฮือ! ท่านปู่ ฮึก! ฮือ! ท่านปู่ตื่นสิเจ้าคะ อย่าทิ้งข้าไว้คนเดี๋ยว ท่านปู่ ฮือ!!”

เด็กน้อยเริ่มร้องไห้เรียกชายชราที่นอนอยู่ แต่ไม่ว่าจะเรียกอย่างไรเขาก็ไม่รู้สึกตัวเสียที จนนางเริ่มร้องไห้หนักขึ้นอย่างห้ามตนเองไม่ได้ เด็กน้อยกลัวไปหมด กลัวว่าท่านปู่จะทิ้งนางไปอีกคน เมื่อเรียกเท่าไรท่านปู่ของนางก็ไม่ตอบ ร่างเล็กจึงทิ้งตัวนอนลงเช่นเดิม แขนเล็ก ๆ นั้น พยายามกอดร่างเย็นเฉียบของชายชราเอาไว้เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้เขา น้ำตามากมายไหลอาบแก้มจนเปียกชุ่มเสื้อของอวิ๋นเซียงไห่

“ฮือ! ฮึก! ฮือ!!” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังอยู่อย่างนั้นจนกระทั่ง นางรับรู้ถึงแรงกอดจากคนที่นางนอนกอดอยู่ ร่างเล็กยิ่งร้องหนักกว่าเดิมอีก

“ร้องไห้ทำไมหือ” เสียงแหบแห้งถามขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง มือเหี่ยวย่นก็พยายามลูบหลังปลอบประโลมร่างเล็กที่ร้องไห้ไม่หยุด

“ท่านปู่ ท่านปู่ ฮือ!!” มู่ตานเอาแต่ร้องเรียกชายชราอยู่อย่างนั้นทั้งยังกอดเขาแน่นขึ้นด้วย 

“ปู่อยู่นี้ อยู่กับเจ้า ไม่ต้องกลัว” อวิ๋นเซียงไห่พยายามปลอบเด็กน้อยให้ใจเย็นลง

“ท่านปู่ ฮือ ฮึก ฮือ ฮึก” มู่ตานเรียกไปร้องไห้ไปอยู่อย่างนั้นกว่าจะสงบลงได้

“ปู่ไม่เป็นอะไรแล้ว” เสียงพูดช่างแหบแห้งจนแสบลำคอไปหมด แต่ชายชราก็หาได้สนใจไม่ มู่ตานลุกขึ้นนั่งมือเล็กเช็ดน้ำตาของตนเองปอย ๆ อย่างน่าสงสาร

“ท่านปู่หิวหรือไม่ ข้าจะไปหาผลไม้ป่ามาให้นะเจ้าคะ” ร่างเล็กรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในป่าลึกขึ้นระหว่างทางนางหักกิ่งไม้เล็กไปด้วย

“มู่ตานเจ้ารอปู่ก่อน!! เดินเข้าไปอย่างนั้นเกิดหลงขึ้นมาจะทำอย่างไร!!”

อวิ๋นเซียงไห่พยายามพาร่างกายที่ไม่ค่อยจะดีนักของตนเองตามเด็กน้อยไป เพราะกลัวนางจะเกิดอันตรายและพลัดหลงเอาได้

“ข้าไม่หลงเจ้าค่ะ ท่านปู่ไม่ต้องตามมา” มู่ตานหันกลับไปบอกชายชราไม่ให้ตามตนเองมาเพราะเป็นห่วงเขา

“ไม่เป็นไร ปู่ไปกับเจ้าได้” เขาบอกเช่นนั้น แต่ด้วยร่างกายนี้ก็แทบจะไม่มีแรงเดินแล้ว ไม่รู้ว่าต้องเดินลึกเข้าไปเท่าไรจึงจะเจอผลไม้สักลูกแต่ทั้งสองคนก็เลือกที่เดินไปข้างหน้า

“ท่านปู่ แอปเปิลเจ้าค่ะ” นิ้วเล็กชี้ขึ้นไปบนต้นไม้มีแอปเปิลสุกอยู่สองสามลูกพวกเขายิ้มออกมาอย่างดีใจ อวิ๋นเซียงไห่รีบหาไม้เพื่อสอยเอามันลงมา เมื่อได้มาแล้วทั้งสองคนก็นั่งกินกันที่ใต้ต้นของมันนั่นแหละ เพราะหมดแรงจะเดินแล้ว

“เราเดินเข้ามาไกลมากแล้ว” อวิ๋นเซียงไห่พูดขึ้น ถึงแม้จะอยู่ที่วัดล้างแห่งนั้นมานานแต่ก็ไม่เคยเข้ามาในป่ารอบ ๆ วัดเลยสักครั้ง ด้วยตนเองแก่แล้ว หากพบเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น ก็กลัวจะเอาตัวไม่รอด แต่ตอนนี้ด้วยความหิวและความขลาดเขลาจำต้องพาเด็กน้อยเข้ามาเสี่ยงในป่าแห่งนี้

“ข้าจำทางออกได้เจ้าค่ะ” มู่ตานเอ่ยขึ้น นางมีสิ่งหนึ่งที่พิเศษมากนั้นคือการมองทุกอย่างผ่านตาหรือได้ยินเพียงครั้งเดียวก็สามารถจดจำได้ทั้งหมด เรื่องนี้มารดาของนางไม่ให้บอกกับผู้ใดเพราะกว่าจะเป็นภัยกับตัวนาง

“ถึงออกไปได้ก็ใช่ว่าจะมีที่ให้อยู่อีกแล้ว ขอทานกลุ่มนั้นคงยึดทุกอย่างในวัดเอาไว้แล้วละ” ชายชราเอ่ยอย่างหมดหนทางแล้วที่จะพาเด็กน้อยกลับไป

“ไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะ พวกเราอยู่ในป่าก็ได้ ในนี้มีของกินเยอะแยะเลย”

“เฮ้อ มันไม่ง่ายอย่างนั้น เจ้าจะนอนที่ไหนเล่า จะอยู่อย่างไรหากฝนตกหรือความหนาวเย็นมาเยือน”

อวิ๋นเซียงไห่เอ่ยเตือนร่างเล็กที่คิดง่ายไป แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่านางยังเด็ก จึงไม่มีความคิดที่ซับซ้อนอะไร

“เราเดินเข้าไปอีกหน่อยได้ไหมเจ้าคะ ข้าได้กลิ่นหอมเย็น ๆ ของดินที่เปียกน้ำ”

มู่ตานบอก นางได้กลิ่นดินมาแต่ไกลมันคล้ายกับกลิ่นดินเวลาที่ฝนตกลงมา นางจึงอยากจะเข้าไปดูเพื่อจะเจอลำธารหรือสายน้ำ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มู่ตาน บุปผาท้าชะตา   ตอนพิเศษ (End)

    อายุครรภ์ของมู่ตานตอนนี้ห้าเดือนแล้ว ท้องของนางใหญ่มากเวลาลุกนั่งหรือเดินต้องมีคนคอยประคองอยู่ตลอด ท่านหมอแจ้งว่าในท้องของนางอาจมีถึงสามชีวิตที่อยู่ในนั้น สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เหวินฟงหนานดีใจเลยสักเมื่อรู้เช่นนั้นแล้ว“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านหมอก็บอกแล้วหากดูแลตัวเองให้ดีข้ากับจะต้องปลอดภัยแน่นอนท่านอย่ากังวลนักเลย”มู่ตานพยายามเอ่ยปลอบผู้เป็นสามีที่ตอนนี้เอาแต่ตามติดนางไม่ห่างเลย“อืม ข้าเชื่อว่าเจ้ากับลูกจะต้องปลอดภัยแน่” แม้ปากจะบอกเช่นนั้นแต่สีหน้าของชายหนุ่มกลับไม่ได้ดีขึ้นเลยสักนิดเดียว มือหนาลูบท้องของฮูหยินตนเองเบา ๆ ราวกับต้องการจะสื่อสารกับเจ้าตัวเล็กในท้องจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาสามเดือนแล้ว ตลอดสามเดือนที่ผ่านมามู่ตานไม่ได้มีอาการใดที่น่าเป็นห่วงเลยสักนิดจนกระทั่งวันนี้ นางรู้สึกเจ็บหน่วงตั้งแต่เช้าจึงรีบให้คนไปตามท่านหมอมาดูอาการ เมื่อตรวจดูแล้วกลับพบว่านางกำลังจะคลอดแล้วซึ่งนั้นก็ไม่แปลกอะไรสำหรับท้องแฝดที่จะคลอดก่อนกำหนดด้วยระยะอายุครรภ์กว่าแปดเดือนถือว่าผ่านพ้นช่วงเวลาที่อันตรายมาได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นการคลอดบุตรแต่ละครั้งก็ถือว่าอันตรายมากอยู่ดีเหวินกงอวิ๋นเชิญ

  • มู่ตาน บุปผาท้าชะตา   บุปผาท้าชะตา ตอนที่ 34

    “ตำแหน่งของนางงั้นหรือ ข้าให้ท่านพูดอีกครั้ง ตำแหน่งของใครนะ” ดวงตาแข็งกร้าวของฟางมู่ตานจ้องมองคนมองอย่างน่ากลัว“ขะ…ของเจ้า” จางหวั่นเมี่ยวม่คิดเลยว่าหญิงสาวคนหนึ่งจะมีแรงกดดันมากถึงเพียงนี้“เจ้าค่ะ ของข้า” ฟางมู่ตานกวาดสายตามองพวกเขาทั้งสามคนอย่างช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่อยากระบายมานาน“เรื่องนี้พวกท่านโทษข้าไม่ได้นะเจ้าคะ นิสัยของคนเราส่วนใหญ่มักขึ้นอยู่กับคนที่เลี้ยงดูมา มารดาเป็นเช่นไร บุตรก็ไม่ต่างกัน พวกท่านตามใจนาง อยากได้อะไรก็เพียงชี้นิ้วสั่ง อยากทุบตีใครก็มีบิดาช่วยปิดเรื่องให้ การที่ข้าถูกนำไปทิ้งนั้นถือเป็นโชคดีของข้ามากทีเดียวนะเจ้าคะ ท่านว่าหรือไม่”มู่ตานมองสบตากับผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิด แต่กลับเป็นฟางหมิงชิงเสียเองที่ต้องหลบตานาง“หากวันนั้นท่านไม่ติดนิสัยชอบสั่งให้คนอื่นทำงานให้ ข้าก็คงไม่รอด เรื่องนี้คงต้องขอบคุณท่านแล้ว ต่อจากนี้ไป ข้าไม่ใช่คนตระกูลฟางอีกแล้ว ข้าแต่งเข้าตระกูลเหวินแล้ว จะเป็นหรือตาย ก็เป็นคนตระกูลนี้ อย่าคิดจะด่าข้าว่าอกตัญญูเพราะฟางมู่ตานตายไปตั้งแต่ที่ท่านให้คนเอานางไปฆ่าทิ้งแล้ว”มู่ตานชี้หน้าฟางหมิงชิงทันทีที่เขากำลังจะเอ่ยปาก วัน

  • มู่ตาน บุปผาท้าชะตา   บุปผาท้าชะตา ตอนที่ 33

    อาภรณ์สีแดงสดถูกปลดออกทีละชิ้นอย่างเบามือจนเผยให้เห็นร่างบางขาวเนียนผ่องของหญิงสาว เหวินฟงหนานถึงกลับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อสัดส่วนที่สมบรูณ์แบบปรากฏอยู่ตรงหน้าฟางมู่ตานหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย ยิ่งเห็นสายตาของเหวินฟงหนานที่มองมา นางยิ่งทำอะไรไม่ถูก จึงตัดสินใจก้าวลงอ่างน้ำไปเพื่อให้มันช่วยอำพรางร่างกายของนาง แต่นั้นกลับเป็นความคิดที่ผิดยิ่ง เหวินฟงหนานยกยิ้มมุมปากก่อนจะสลัดเสื้อผ้าออกจากตัวอย่างรวดเร็วระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นจากน้ำหนักของคนที่พึ่งลงอ่างน้ำมาทำเอาฟางมู่ตานนั่งนิ่งไม่กล้าขยับ ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อถูกฝ่ามือร้อนแตะเข้าเบา ๆ ที่ไหล่เนียนมือหนาวักน้ำขึ้นพร้อมกับลูบไล้เบา ๆ ตั้งแต่ไหล่ขาวลงไปที่ต้นแขนเล็ก ริมฝีปากร้อนกดจูบลงที่ไหล่นวลอย่างแผ่วเบาทำเอาหญิงสาวถึงกับตัวแข็งทื่อเมื่อถูกสัมผัส เขาปัดผมยาวของหญิงสาวออกแล้วกดจูบลงอีกครั้งที่หลังคอระหงจนมู่ตานเผลอปล่อยเสียงที่น่าอายออกมาเหวินฟงหนานก็ยกยิ้มอย่างพอใจทันที“ไม่ต้องกลัว ข้าจะถนอมเจ้าอย่างถึงที่สุดเด็กดี” เสียงกระซิบข้างหูแผ่วเบาทั้งมือที่ลูบไล้ไปตามร่างกายยิ่งทำให้ฟางมู่ตานสะท้านร่างกายไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน นา

  • มู่ตาน บุปผาท้าชะตา   บุปผาท้าชะตา ตอนที่ 32

    ชายหนุ่มลงจากหลังม้าเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวในทันทีด้วยใบหน้าอิ่มความสุขจนทุกคนสัมผัสได้ เขามองหญิงสาวไม่วางตาก่อนจะรับมือนางมาจากชิงหมิงแล้วส่งขึ้นรถม้าด้วยตนเองอย่างใส่ใจเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วขบวนรับตัวเจ้าสาวก็ออกเดินทางจากจวนแห่งนี้เคลื่อนไปยังจวนตระกูลเหวินที่ไม่อยู่ไกลกันนัก ขบวนเจ้าสาวยาวเหยียดสุดสายตาทั้งสินเดิมของมารดาทที่ได้กลับมาแม้ไปทั้งหมดก็ตาม สินเดิมพระราชทาน และเดิมที่ฝ่ายเจ้าบ่าวเติมเข้ามาให้ ทำเอาคนที่เห็นถึงกับอิจฉาตาร้อนโดยเฉพาะคนที่แอบหนีมาอย่างฟางถิงอิงมองทุกอย่างตรงหน้าอย่างคับแค้นใจยิ่งพิธีมากมายที่ต้องทำแม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ดูเหมือนทั้งคู่จะยังยิ้มได้ด้วยใบหน้าอิ่มเอม ฟางหมิงชิงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้ด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่ก็ไม่มีใครใส่ใจนักเพราะก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเพราะเหตุใด เมื่อถึงเวลายกน้ำชาเขายังนั่งนิ่งไม่ยอมรับน้ำชาจากบ่าวสาวจนเหวินฟงหนานเงยหน้าขึ้นมามองด้วยรอยยิ้มว่าเขาเป็นอันใด แต่สายตาที่ฟางหมิงชิงได้สบนั้นกลับเยือกเย็นจนสามารถแช่แข็งเขาได้เลยมืออันสั่นเทายื่นออกไปรับน้ำชาจากบ่าวสาวช้า ๆ มันสั่นจนน้ำชาหกออกจากถ้วยเล็กน้อยแต่ก็ต้

  • มู่ตาน บุปผาท้าชะตา   บุปผาท้าชะตา ตอนที่ 31

    ฟางถิงอิงยืนนิ่งไม่กล้าขยับไปไหนมือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่นมันมีทั้งความรู้สึกอับอาย ทั้งโมโห ที่แค้นเคืองตีกันวุ่นไปหมดในหัวของนาง ดวงตากลมโตเริ่มแดงก่ำขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะมีน้ำใสไหลอาบลงมาอย่างไม่อาจห้าม“อิงเอ๋อร์!! เกิดอะไรขึ้น!!” จางหวั่นเมี่ยวที่เห็นว่าบุตรสาวออกจากจวนมานานแล้วยังไม่กลับเสียที่จึงออกมาตาม เห็นผู้คนมุงอยู่ตรงนี้หลายคนจึงเดินเข้ามาดูด้วยอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะเห็นบุตรสาวยืนอยู่กลางวงล้อมของผู้คนในสภาพน้ำตานองหน้า ทั้งยังตื่นตระหนกมากด้วย“พวกเจ้าทำอะไรนาง!! ฟางมู่ตานเจ้าทำอะไรลูกข้า!!” จางหวั่นเมี่ยวตวาดลั่นพร้อมกับรั้งบุตรสาวมาไว้ด้านหลังอย่างปกป้อง“แม่รองถามผิดหรือไม่ ท่านไม่ลองถามบุตรสาวสุดที่รักของท่านดูก่อนเล่า ว่ามาหาเรื่องข้าด้วยเหตุใด มาพูดจาให้ร้ายข้า ฮึก ทำให้ข้านึกถึงเรื่องราวที่เลวร้าย ทั้งที่ข้าต้องการลืมมันไป ฮึก ข้าต่างหากที่เป็นผู้ถูกกระทำ ฮึก ฮือ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็มาจากท่านไม่ใช่หรือ ที่เอาข้าไปทิ้งไว้เช่นนั้น ฮืออ!!”นอกจากจะเรียกจางหวั่นเมี่ยวว่าแม่รองแล้ว มู่ตานยังทำในสิ่งที่พวกเขาต้องตกตะลึงตาค้างยิ่งกว่า จะมีอะไรเรียกความเห็นใจจากทุ

  • มู่ตาน บุปผาท้าชะตา   บุปผาท้าชะตา ตอนที่ 30

    เมื่อกลับมาถึงจวนสิ่งที่ฟางมู่ตานเห็นเป็นอย่างแรกเลยนั้นคือความวุ่นวายของบ่าวไพร่ที่กำลังขนย้ายต้นกล้วยไม้ขึ้นรถม้า“จะย้ายมันไปที่ไหนกันหรือ” มู่ตานเอ่ยถามบ่าวรับใช้คนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านนางไป“คุณชายให้คนย้ายไปที่จวนใหญ่ที่เมืองหลวงขอรับ” เมื่อได้คำตอบแล้วมู่ตานก็ถามหาคนสั่งการต่อก่อนจะเดินไปหาชายหนุ่มตามที่บ่าวรับใช้บอกมาร่างสูงสง่าของเหวินฟงหนานกำลังนั่งอ่านสมุดบัญชีของเดือนนี้อย่างตั้งใจ แต่พอรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวในห้องเขาก็เงยหน้าขึ้นมาดูทันที“ข้าได้ยินว่าท่านสั่งให้บ่าวรับใช้ขนต้นกล้วยไม้ไปที่เมืองหลวง จะทำอะไรหรือเจ้าคะ” หญิงสาวเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ว่างตัวหนึ่งในห้อง“เจ้าลืมงานแต่งของเราหรือ” เหวินฟงหนานเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับมองหญิงสาวไปด้วย“ไม่ลืมเจ้าค่ะ ท่านจะให้มันในงานหรือเจ้าคะ”“ใช่ กล้วยไม้นั้นถือว่าหาได้ยากยิ่งน้อยคนนักที่จะสามารถเลี้ยงมันได้เช่นนี้ อีกอย่างเจ้าก็ชอบมันมากไม่ใช่หรือ ข้าจึงให้คนใช้มันร่วมกับดอกโบตั๋นประดับในงาน”“ท่านช่างใส่ใจยิ่งนัก” ฟางมู่ตานเอ่ยยิ้ม ๆ แต่หากฟังให้ดีมันแฝงด้วยน้ำเสียงประชดประชันอยู่เล็กน้อยไม่จริงจังนักนางรู้ดีว่าเจตนาของชายหนุ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status