“ปล่อยนาง!! ปล่อยหลานข้า!!” มือเหี่ยวย่นพยายามดึงมือของชายผู้นั้นออกแต่ก็ไม่เป็นผล ซ้ำยังสร้างความรำคาญและไม่พอใจให้กับมันอีกด้วย
“ไอ้แก่นี่!! อยากตายมากใช่ไหม!! ข้าจะจัดการให้!!!” มันพูดเสียงเหี้ยมก่อนจะปล่อยหญิงสาวแล้วเดินเข้าไปหาชายชราแทน มู่ตานที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบเข้าไปขว้างเอาไว้
“อย่าทำอะไรท่านปู่ ข้าขอร้อง พวกท่านอยากได้อะไรก็เอาไปแต่อย่าทำร้ายคนเลยนะเจ้าคะ”
มู่ตานพยายามขอร้องพวกมันเอาไว้ แขนเรียวกอดผู้เป็นปู่เอาไว้แน่นไม่ให้ใครเข้ามาทำร้ายได้
“มีเงินอยู่แค่นี้จะไปพออะไร!! ข้าวสารก็มีอยู่น้อยนิดของมีค่าอื่นก็ไม่มี!!!”
ชายอีกคนที่รื้อค้นบ้านเดินมาเข้ามาหาเพื่อนของมัน น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก
“งั้นก็เอานังเด็กนี้ไปขาย หน้าตางดงามเช่นนี้ของให้หอคณิกาคงได้ราคาดีไม่น้อย” สายตาที่มองไปยังมู่ตานช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก
“พวกแกได้เงินกับของไปแล้วก็ปล่อยพวกเราไปสิ อย่าทำอะไรพวกเราเลย ข้าขอร้องละ”
อวิ๋นเซียงไห่ขอร้องทั้งยังก้มหัวโขกพื้นให้พวกมันด้วยเขาหวังเพียงความเมตตาเล็กน้อยจากพวกมันเท่านั้น
“ใครจะเอาคนแก่ ๆ ไร้ประโยชน์ไปด้วย คนที่ข้าต้องการคือนางต่างหาก”
รอยยิ้มอันน่ารังเกียจผุดขึ้นบนใบหน้าของพวกมันทั้งสองคนจนมู่ตานรู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตนเอง
“มานี่!!” มือหยาบกร้านคว้าจับข้อมือขาวของมู่ตานเต็มแรงจนรู้สึกเจ็บก่อนจะกระชากตัวนางออกมาจากผู้เป็นปู่
“ไปกันได้แล้ว!!!” ชายคนหนึ่งเก็บข้าวของที่ปล้นมาได้เดินนำออกไปในขณะที่อีกคนฉุดกระชากร่างบางของมู่ตานออกไปท่ามกลางหิมะขาวโพลน
“ท่านปู่! ฮือ! ท่านปู่!!” มือน้อย ๆ พยายามเอื้อมไปหาผู้เป็นปู่ที่พยายามลากขาของตนเองเดินตามออกมาหานาง
“ตานเอ๋อร์!! อย่าเอานางไป!!! ตานเอ๋อร์!!!” ชายชราพยายามลากตนเองไปหาหลานสาวของเขา
“โอ๊ย!!!” มู่ตานกัดเข้าที่ข้อมือของชายคนนั้นเต็มแรงจนมันปล่อยข้อมือนาง หญิงสาวรีบวิ่งกลับไปหาผู้เป็นปู่แต่ก็ถูกคนที่นางกัดวิ่งตามมากระชากเอาไว้
เพี๊ยะ!!
แรงตบทำเอาร่างเล็กล้มลงกับพื้นหิมะ มุมปากอวบอิ่มมีเลือดไหลซึมออกมาบ่งบอกถึงแรงที่ใช้นั้นมากเพียงใด ใบหน้าขาวนวลขึ้นเป็นรอยมืออย่างชัดเจนจนนางต้องกัดฟันข่มความเจ็บเอาไว้
“ตานเอ๋อร์!!!” อวิ๋นเซียงไห่ผวาเข้าไปหาหลานสาวด้วยความตกใจที่นางถูกทำร้าย
“ใจเย็น เดี๋ยวเสียของหมด ราคาก็ตกกันพอดี” เพื่อนอีกคนรีบห้ามปรามทันที ยิ่งนางบอบซ้ำมากเท่าไรราคาที่ขายได้ก็จะตกลงไปด้วยเขาต้องการขายนางให้ได้ราคาที่ดีที่สุด
“เกะกะจริงไอ้แก่นี่!!” มันเดินเข้ามาดึงชายชราออกอย่างแรงจนเขาล้มลงไปในหิมะ
“ท่านปู่!!” มู่ตานพยายามจะเข้าไปดูผู้เป็นปู่ด้วยความเป็นห่วง แต่กลับถูกรั้งเอาไว้แล้วลากให้เดินตามพวกมันไป แต่นางก็ไม่ยินยอมพยายามดิ้นจนสุดแรง ทั้งทุบ ทั้งกัดแต่ก็ไม่เป็นผล
ฉึบ!!!
มีดเล่มยาวปักเข้ากลางหลังชายที่ดึงมู่ตานจนทะลุไปด้านหน้า มันหันกลับมามองชายชราด้วยสายตาอาฆาต ก่อนจะล้มลงไปแน่นิ่งกับพื้น ในขณะที่หญิงสาวยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อวิ๋นเซียงไห่ก็ดึงหลานสาวให้ลุกขึ้นพยายามดันให้หนีไป เพราะตนเองคงวิ่งไปด้วยไม่ไหวแล้ว
“รีบไปเร็ว!!!” ผู้เป็นปู่ดันให้หลานสาวรีบวิ่งไป แต่มู่ตานคว้าแขนผอมแห้งนั้นเอาไว้แน่นพยุงให้ไปด้วยกัน
ฉึบ!!!
“อึก!” อวิ๋นเซียงไห่ชะงักนิ่งไป ชายชรารู้สึกชาหนึบไปทั้งแผ่นหลังก่อนจะล้มลงไปต่อหน้ามู่ตาน
“ท่านปู่!!” ร่างเล็กผวากอดร่างผู้เป็นปู่เอาไว้อย่างหวาดกลัว มือของนางเปือนไปด้วยเลือดสีแดง เสียงที่ร้องเรียกผู้เป็นปู่ฟังดูเจ็บปวดแทบขาดใจ
“ท่านปู่อย่าเป็นอะไรนะเจ้าคะ! ท่านปู่!! อยู่กับตานเอ๋อร์ก่อน ฮึก!! ฮืออ ท่านปู่!!!”
ร่างบางกอดชายชราเอาไว้แน่น น้ำตาไหลอาบแก้มนวลอย่างน่าสงสาร
“ลุกขึ้น!! เสียเวลาข้ามานานแล้ว!!” ชายที่ฟันร่างอวิ๋นเซียงไห่ฉุดกระชากมู่ตานให้ลุกขึ้นตามมาอย่างไร้ปรานีมันไม่สนใจร่างของเพื่อนที่นอนตายอยู่ด้วยซ้ำ
“ปล่อยนะ!! ท่านปู่!!! ฮืออ ฮืออ ท่านปู่!! ปล่อยข้า!!!”
มู่ตานพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของชายคนนั้นเพื่อกลับไปหาปู่ของนาง
“โว๊ย!! ได้ถ้าอยากตายตามมันนักข้าก็จะสนองให้!!!” มันเอ่ยขึ้นเสียงเหี้ยม ก่อนจะยกดาบขึ้นสูงหวังฆ่าหญิงสาวให้ตายในดาบเดี๋ยว เพื่อตัดความรำคาญ มู่ตานหลับตาลงไม่ขัดขื้นอะไรทั้งนั้น เพราะนางไม่เหลือใครแล้ว จึงตัดสินใจจะไปกับผู้เป็นปู่ของนางด้วย
“อย่า อย่าทำนาง มู่ตาน” เสียงแหบแห้งของชายชราดังขึ้นอย่างแผ่วเบาเรียกสติหญิงสาวขึ้นมา ร่างเล็กไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนพุ่งตัวเข้าใส่ชายคนนั้นเต็มแรงจนชายคนนั้นเสียหลักก่อนจะวิ่งไปหยิบดาบของชายที่ตายขึ้นมาหันกลับไปแทงชายคนนั้นจนทะลุ
“แก กะ กล้าทำ…ร้าย…ข้า” ชายคนนั้นไม่คิดว่าหญิงสาวตัวบอบบางและขี้กลัวจะกล้าทำร้ายมันเช่นนี้ นิ้วหนาชี้หน้าหญิงสาวอย่างอาฆาตก่อนจะล้มลงไปตรงหน้านาง มู่ตานยืนมือสั่น ตัวสั่นไปหมดด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนกกับสิ่งที่ทำลงไป
“มู่ตาน ตานเอ๋อร์” เสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกนางอย่างอ่อนแรง มู่ตานรีบไปดูผู้เป็นปู่ทันที
“ท่านปู่ จะ…เจ็บมากหรือไม่เจ้าคะ” หญิงสาวนั่งลงข้างชายชรามือเรียวสั่นเล็กน้อยขณะที่จับมือเหี่ยวย่นเอาไว้อย่างแผ่วเบา
“มะ…ไม่เจ็บ ปู่ไม่เจ็บเลย เจ้าเล่าเจ็บหรือไม่” มือเหี่ยวไร้เรี่ยวแรงพยายามเอื้อมเช็ดน้ำตาให้หลานสาวตัวน้อยของเขา
“ข้า ข้าจะพาท่านปู่ไปหาหมอนะเจ้าคะ” มู่ตานเอ่ยอย่างร้อนรน มือเรียวพยายามช้อนตัวชายชราขึ้นแต่กลับถูกรั้งเอาไว้
“ไม่ต้อง ไม่ต้องแล้ว ฮึก!! อ่า” อวิ๋นเซียงไห่หอบหายใจแผ่ว เขารู้ว่าไม่ไหวแล้ว นั้นยิ่งทำให้มู่ตานร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดและทรมานยิ่ง นางต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียอีกครั้งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“ท่านปู่ ฮึก อยู่กับข้าก่อนนะเจ้าคะ ท่านยังไม่เห็นข้าได้ปักปิ่นเลย ท่านสัญญาแล้วว่าจะปักปิ่นให้ข้า มองข้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ฮือออ! ฮือออ!”
“ปู่ ขอ…โทษ ขอโทษเจ้า มีชีวิตอยู่ต่อให้ดี อยู่ต่อไปนะ ตานเอ๋อร์ของ…ปู่” สิ้นเสียงนั้นร่างผอมแห้งกระตุกหนึ่งครั้งก่อนจะแน่นิ่งไป
“ฮือออ!! ฮือออ ท่านปู่!!! ฮึกก ฮือออ!! อย่างทิ้งข้า ท่านปู่ ฮึก ฮือออ!!”
เสียงร้องไห้แทบขาดใจช่างสียดแทงหัวใจคนที่ได้ยินเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าชาวบ้านแถวนั้นไม่รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้น แต่ไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งต่างหาก ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ทุกคนล้วนต้องปกป้องตนเองล้วนเอาตัวรอด ถึงอยากช่วยก็ต้องมองคนที่อยู่ข้างหลังด้วยเช่นกัน พวกเขาได้แต่ข่มตาหลับปิดหูตนเองไม่ให้ได้ยินเสียงร้องไห้นั้น ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องที่ผ่านไปโดยที่พวกเขาทำเป็นมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
เสียงร้องไห้แทบขาดใจท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บ ยิ่งทำให้ใจคนเย็นชาและตายด้านมากขึ้น เมื่อร้องจนไม่เหลือน้ำตาให้ไหลแล้ว มู่ตานมองรอบกายด้วยแววตาว่างเปล่า นางลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลพยายามลากร่างอันเย็นเฉียบของชายชรากลับเข้าไปในบ้านหลังน้อยของพวกเขา
นางวางร่างไร้ลมหายใจของอวิ๋นเซียงไห่ลงบนเตียงจัดการห่มผ้าให้อย่างเบามือ นั่งลงข้างร่างเย็นเฉียบของผู้เป็นปู่ นางใช้มือน้อย ๆ ที่บัดนี้แดงไปหมดจากการถูกหิมะกัด เช็ดหิมะที่ติดอยู่ตามใบหน้าและผมออกให้ปู่ของนาง น้ำตาที่คิดว่าไม่เหลือให้ไหลแล้วกลับรินรดลงบนกายเย็นของผู้เป็นปู่หยดแล้วหยดเล่า
“ท่านปู่หลับแล้ว หลับให้สบายนะเจ้าคะ ไม่ต้องห่วงข้า ข้าจะมีชีวิตที่ดีให้ได้ ไม่ให้ท่านต้องเป็นห่วง”
“…..”
“ตานเอ๋อร์ลาท่านปู่ตรงนี้นะเจ้าคะ ท่านนอนหลับให้สบาย ตานเอ๋อร์ไปก่อนนะเจ้าคะ”
หญิงสาวลุกจากขึ้นเดินออกไปจากบ้านของนางช้า ๆ ก้มลงหยิบดาบขึ้นมาก่อนจะแทงลงบนร่างของชายฉกรรจ์ทั้งสองคนครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยใบหน้าเย็นชา เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดมากมายผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง หน้าตาก็เปื้อนไปด้วยเลือดอย่างน่าหวาดกลัว เมื่อแทงจนพอใจแล้วนางก็ทิ้งดาบลงข้างพวกเขาก่อนจะเดินจากไปอย่างเหม่อลอย ราวกับร่างไร้วิญญาณ
ท่ามกลางหิมะขาวโพลนร่างเล็กของหญิงสาวผู้หนึ่งเดินด้วยเท้าเปล่าอย่างเหม่อลอย ดวงตาไร้แววนั้นมองทุกอย่างรอบกายอย่างเย็นชา
“หยุดด!!!” รถม้าคันหนึ่งที่วิ่งมากลางหิมะหยุดลงตรงหน้าหญิงสาวพอดี
“อยากตายหรืออย่างไรถึงได้มาเดินกลางถนนท่ามกลางหิมะเช่นนี้!!!”
คนขับรถม้าตะโกนขึ้นอย่างหัวเสีย แต่กลับได้รับเพียงสายตาเรียบนิ่งของหญิงสาวไปเท่านั้น เมื่อเพ่งมองดีดีแล้วเขาถึงกับผงะเพราะเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยเลือดของคนตรงหน้า
“ปล่อยนาง!! ปล่อยหลานข้า!!” มือเหี่ยวย่นพยายามดึงมือของชายผู้นั้นออกแต่ก็ไม่เป็นผล ซ้ำยังสร้างความรำคาญและไม่พอใจให้กับมันอีกด้วย“ไอ้แก่นี่!! อยากตายมากใช่ไหม!! ข้าจะจัดการให้!!!” มันพูดเสียงเหี้ยมก่อนจะปล่อยหญิงสาวแล้วเดินเข้าไปหาชายชราแทน มู่ตานที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบเข้าไปขว้างเอาไว้“อย่าทำอะไรท่านปู่ ข้าขอร้อง พวกท่านอยากได้อะไรก็เอาไปแต่อย่าทำร้ายคนเลยนะเจ้าคะ”มู่ตานพยายามขอร้องพวกมันเอาไว้ แขนเรียวกอดผู้เป็นปู่เอาไว้แน่นไม่ให้ใครเข้ามาทำร้ายได้“มีเงินอยู่แค่นี้จะไปพออะไร!! ข้าวสารก็มีอยู่น้อยนิดของมีค่าอื่นก็ไม่มี!!!”ชายอีกคนที่รื้อค้นบ้านเดินมาเข้ามาหาเพื่อนของมัน น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก“งั้นก็เอานังเด็กนี้ไปขาย หน้าตางดงามเช่นนี้ของให้หอคณิกาคงได้ราคาดีไม่น้อย” สายตาที่มองไปยังมู่ตานช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก“พวกแกได้เงินกับของไปแล้วก็ปล่อยพวกเราไปสิ อย่าทำอะไรพวกเราเลย ข้าขอร้องละ”อวิ๋นเซียงไห่ขอร้องทั้งยังก้มหัวโขกพื้นให้พวกมันด้วยเขาหวังเพียงความเมตตาเล็กน้อยจากพวกมันเท่านั้น“ใครจะเอาคนแก่ ๆ ไร้ประโยชน์ไปด้วย คนที่ข้าต้องการคือนางต่างหาก”รอยยิ้มอันน่ารังเก
“กลิ่นดินหรือ” ชายชราถามอย่างแปลกใจยิ่งที่ได้นางพูดอย่างนั้น“เจ้าค่ะ ข้าได้กลิ่นของมัน” มู่ตานตอบเสียงอ่อยแต่ไม่กล้าว่าเพราะเหตุใดนางถึงได้กลิ่น“ถ้าเจ้าอยากไป เช่นนั้นก็ลองไปกันดู” อวิ๋นเซียงไห่เลือกที่จะเชื่อเด็กน้อยเพราะก็ไม่อยากจะขัดใจนาง เมื่อเดินลึกเข้าไปอีกหน่อย พวกเขาก็เจอกับลำธารเล็ก ๆ สายหนึ่ง ชายชรากับเด็กน้อยยิ้มออกมาอย่างดีใจ มู่ตานวิ่งไปที่น้ำก่อนจะใช้สองมือน้อย ๆ ของนางรองน้ำใสขึ้นดื่ม“น้ำใสมากเลยเจ้าค่ะท่านปู่” มู่ตานหันมาบอกผู้เป็นปู่เสียงใสพร้อมยิ้มกว้างส่งมาให้ อวิ๋นเซียงไห่เองก็รีบเข้าไปดื่มน้ำเช่นกันเพราะคอแห้งมากจนมันแสบร้อนไปหมด“ต้นไม้ในนี้มีแต่ต้นใหญ่ ๆ นะเจ้าคะ” มู่ตานมองไปอีกฝั่งของธารน้ำ ทางฝั่งนั้นมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นเรียงรายเต็มไปหมดดูแล้วน่าจะอุดมสมบรูณ์ว่าฝั่งนี้มากเลยทีเดียว“ท่านปู่ ตรงนั้นมีโพรงด้วยเจ้าค่ะ” นิ้วน้อย ๆ ชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง โพรงต้นกลางขนาดใหญ่สามารถให้คนเข้าไปหลบได้ด้วยซ้ำ ทั้งสองจึงตัดสินใจข้ามลำธารไปตรงโพรงต้นไม้นั้นเมื่อมาถึงก็พบว่ามันเป็นโพรงขนาดใหญ่มากจริง ๆ สามารถให้พวกเขาเข้าไปนั่งได้สบาย ๆ อีกทั้งโดยรอบยังมีรากไม้ใหญ่ช่วยก
ร่างเล็กนั่งอยู่ข้างชายชราริมถนนในตลาดที่มีผู้คนมากมาย พวกเขาถูกไล่ให้มานั่งอยู่ท้ายตลาดแห่งนี้จากขอทานอีกกลุ่มที่ยึดพื้นที่ตรงกลางตลาดเอาไว้“ทำไมเราไม่ขายของละเจ้าคะ ท่านปู่” เสียงเล็กเอ่ยถามอย่างสงสัย นางนั่งมองพ่อค้าแม่ค้าที่ตะโกนขายของอยู่นานเลยเกิดสงสัยว่าทำไมพวกนางไม่ขายของบ้าง“ไม่ได้หรอกนะ” ชายชราเอ่ยขึ้นเสียงแหบแห้ง“ทำไมหรือเจ้าคะ” นางไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายชราต้องการจะสื่อว่าเหตุใดถึงขายไม่ได้“พวกเราเป็นขอทาน หากขายของจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อของมาขายเล่า อีกอย่างหากเรามีเงินขึ้นมา พวกขอทานกลุ่มอื่นที่เห็นก็จะมาแย่งชิงจากเจ้าไปอย่างโหดเหี้ยม”ขึ้นชื่อว่าขอทานไม่มีทางที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้นั้นคือสิ่งที่เขาเคยประสบมาแล้ว“เราแจ้งทางการไม่ได้หรือ” มู่ตานถามอย่างสงสัย“พวกเขาไม่สนใจเราหรอกนะมู่ตาน” ดวงตากลมโตมองชายชราอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ แล้วนั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างเขาเช่นนั้นจนมืดค่ำ แต่ทั้งสองคนก็ไม่มีใครให้เงินมาเลย แม้แต่อาหารก็ไม่มี มู่ตานลูบท้องน้อย ๆ ของตนเองที่ร้องประท้วงมาตั้งแต่เช้าด้วยความหิว“เดี๋ยวปู่ลองหาผลไม้ป่าให้นะ” อวิ๋นเซียงไห่บอกเด็กน้อยอย่างสงสาร เข
เด็กหญิงตัวน้อยถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ที่วัดล้างเพียงลำพัง นางคือ ฟางมู่ตาน คุณหนูใหญ่ตระกูลฟาง บุตรสาวคนโตของเสนาบดีกรมการคลัง นางถูกนำมาทิ้งไว้ที่นี่ หลังจากผู้เป็นมารดาเสียชีวิตลงท่านพ่อของนางกล่าวว่า นางเป็นตัวนำความโชคร้ายมาสู่ตระกูล ไม่สมควรที่จะอยู่ให้ใครต้องตายอีก จึงให้คนนำนางมาทิ้งที่วัดล้างนอกเมืองโดยไร้คนดูแล ทั้งที่นางพึ่งจะสิบขวบเท่านั้น เด็กหญิงที่แสนน่ารักนี้ ใครจะรู้เล่าว่านางซ่อนความสามารถอันใดเอาไว้มากมาย“นังหนู เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว” ชายแก่คนหนึ่งถามนางขึ้นพร้อมกับเดินเข้าไปหา มู่ตานที่เห็นคนแปลกน่าท่าทางน่ากลัวก็ถอยหนีทันที“อย่าเข้ามานะ! ฮึก!! ฮึก!! ฮืออ!!!” เด็กหญิงร้องไห้ออกมาด้วยความกลัวและตกใจ นางถูกสาวใช้คนหนึ่งของแม่รองพามาที่นี่ โดยบังคับให้นางขึ้นรถม้ามา ไม่มีข้าวของติดกายมาเลยสักอย่างเดียว สิ่งเดียวที่นางมีคือหวีสับแกะสลักรูปดอกโบตั๋นที่ผู้เป็นแม่ทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า“ไม่ต้องร้อง ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก” น้ำเสียงแหบแห้งพร้อมกับมือเหี่ยวย่นเอื้อมไปใกล้เด็กน้อย เพื่อจะดูว่านางเป็นอันใดหรือไม่“จริงหรือเจ้าคะ ฮึก!” น้ำเสียงเล็ก ๆ เอ่ยถามอย่างหวาดระแวง ด