ทุกอย่างบนใบหน้าและเรือนร่างของหลิงหวางสามารถทำให้บุรุษและสตรีต่างหมายปอง มู่เหรินมองตามอย่างนึกอิจฉา ดูดีเกินหน้าเกินตาเขาไปแล้ว! เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วทำให้เขานึกสงสัยในใจไม่ได้ว่า คนแบบไหนกันที่จะเอาชนะใจคนตรงหน้าได้
“เจ้าคล้ายกับเหวินหวางมาก หากยังเยาว์วัยเท่าเหวินหวางคงไม่ต่างกันมาก” มู่เหรินเอ่ยความเห็นขณะที่จ้องมองคนตรงหน้าเงียบๆ ดวงตาคมกริบมองค้อนมาอย่างไม่พอใจ เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างไม่เข้าใจ “ข้ากับเขาเป็นพี่น้องร่วมบิดาจะคล้ายกันไม่เห็นจะแปลก แต่อยู่กับข้าไยต้องกล่าวถึงผู้อื่นด้วย ข้าขอตัวไปอาบน้ำ” มู่เหรินมองตามร่างสูงที่ผละจากไปทางห้องอาบน้ำยังมึนงง เขาพูดอะไรผิด? หรือว่า... เขาเม้มริมฝีปากเน้นขณะที่สายตายังมองตามเงาร่างที่หายไปห้องอาบน้ำ ก่อนจะถอนหายใจเรืมู่เหรินกวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ ที่แห่งนี้เป็นที่พักของประมุขหรือก็คือตำหนักของศิษย์พี่หมิงตงฟาง เขาไม่ได้แปลกใจเพราะที่นี่ให้ความรู้สึกสงบขณะเดียวกันก็เหมือนจะอ้างว้างเสวี่ยฉุนความหมายของมันคือบริสุทธิ์ราวกับหิมะ แม้หิมะจะขาวเพียงใดเขาก็ยังมองเห็นฝุ่นละอองที่ปะปนไปกับหิมะเช่นเดียวกับศิษย์พี่ที่หัวใจมีสิ่งปนเปื้อนไปเสียแล้ว แม้ศิษย์พี่ไม่ได้กล่าวอันใดเขาก็มิได้โง่งมจนดูไม่ออก ยามนี้ทำได้แค่วางตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่งศิษย์น้องเท่านั้น จอกชาอุ่นร้อนถูกรินมาให้อย่างตั้งใจ หลายวันก่อนที่มาอยู่ที่นี่ศิษย์พี่หมิงตงฟางก็พักอยู่ตำหนักใกล้เคียงเท่านั้น นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่ แม้บรรยากาศรอบกายจะเหน็บหนาวแต่ก็มิได้เป็นปัญหากับผู้ฝึกยุทธ ความรู้สึกสบายกายและใจยามที่ดื่มชา “ชานี้มีชื่อว่าชาสงบใจ” มู่เหรินเงยหน้ามองคนตรงหน้าที่มีรอยยิ้มน้อยๆ ขณะที่กล่าวบอก เขาก้มมองจอกชาในมืออีกครั้งก่อนจะเอ่ยถามเสียงล้อเลียนที่ทำให้ศิษย์พี่หมิงส่ายหน้าเบาๆ “ท่านต้องใช้ชาสงบใจกับตนเอ
ทุกอย่างบนใบหน้าและเรือนร่างของหลิงหวางสามารถทำให้บุรุษและสตรีต่างหมายปอง มู่เหรินมองตามอย่างนึกอิจฉา ดูดีเกินหน้าเกินตาเขาไปแล้ว! เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วทำให้เขานึกสงสัยในใจไม่ได้ว่า คนแบบไหนกันที่จะเอาชนะใจคนตรงหน้าได้ “เจ้าคล้ายกับเหวินหวางมาก หากยังเยาว์วัยเท่าเหวินหวางคงไม่ต่างกันมาก” มู่เหรินเอ่ยความเห็นขณะที่จ้องมองคนตรงหน้าเงียบๆ ดวงตาคมกริบมองค้อนมาอย่างไม่พอใจ เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างไม่เข้าใจ “ข้ากับเขาเป็นพี่น้องร่วมบิดาจะคล้ายกันไม่เห็นจะแปลก แต่อยู่กับข้าไยต้องกล่าวถึงผู้อื่นด้วย ข้าขอตัวไปอาบน้ำ” มู่เหรินมองตามร่างสูงที่ผละจากไปทางห้องอาบน้ำยังมึนงง เขาพูดอะไรผิด? หรือว่า... เขาเม้มริมฝีปากเน้นขณะที่สายตายังมองตามเงาร่างที่หายไปห้องอาบน้ำ ก่อนจะถอนหายใจเรื
แม้ภาพเหตุการณ์นี้ไม่มีคนภายนอกพบเห็น แต่ก็สร้างความครั่นคร้ามให้ผู้พบเห็นภายหลังเป็นจำนวนมาก ถึงจะไม่รู้ตัวการแต่ก็ทุกคนก็สามารถเดาออกว่าผู้ใดเป็นคนลงมือ เรื่องราวในวันนี้ยังคงโด่งดังไปทั่วยุทธภพเช่นเดียวกับนามของมู่เหริน หลิงหวางกลับมาที่อารามเมฆขาวอีกครั้ง แต่เมื่อก้าวเข้าห้องของตนเองกลับชะงักงันเมื่อสบเข้ากับดวงตาเรียวคมที่ให้ความรู้สึกกดดันราวกับเด็กหนีเที่ยว แววตาที่เคยเยือกเย็นอ่อนแสงลงเมื่อเห็นอุปกรณ์ทำแผลที่มู่เหรินนำมาด้วย แม้ไม่ได้เอ่ยถามแต่เขากลับเข้าใจว่าคนตรงหน้าต้องการพูดอะไร “เสี่ยวมู่ท่านจะโกรธข้าหรือไม่” หลิงหวางยังไม่บอกว่าตนไปที่ใดมาแต่เอ่ยถามด้วยความกังกล ในโลกแห่งนี้คนที่เขาห่วงใยความรู้สึกมากที่สุดก็คือมู่เหริน “เหตุผลที่ข้าต้องโกรธละ”
“น่าสนุก” ฉัวะ!! ตุ๊บ!! ประมุขพรรคดาวตะวันตกเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อสายตา ก้มมองกลางอกตนเองที่ยามนี้เป็นรูกลมเท่ากำปั้นทะลุไปเบื้องหลังโลหิตไหลทะลักออกมาอย่างน่ากลัว ขณะที่ผู้ที่ลงมือยืนอยู่ห่างกว่าสิบจ้าง ดวงตามันฉายแววไม่ยินยอมรับกับความตาย มันเป็นถึงประมุขพรรคแต่ต้องมาตายเพราะผู้เยาว์ไร้ชื่อผู้หนึ่งเท่านั้น! หลิงหวางมองภาพตรงหน้าอย่างสงบ การสังหารคนเป็นเรื่องปกติในชีวิตของเขา นี่มิใช่ครั้งแรกที่ต้องสังหารผู้คนเขาเคยปลิดชีวิตคนตั้งแต่ห้าขวบด้วยซ้ำไป จากที่การต่อสู้ยืดเยื้อมานานเขาควรจะจบลงเสียทีเพราะยังมีศัตรูที่คอยจะหันคมดาบเข้าหาเขาอยู่ที่นี่อีกมาก อีกทั้งตัวเขาเองก็ยังมีหน้าที่ดูแลมู่เหริน แม้อีกฝ่ายจะไม่ต้อง
เคร้ง เคร้ง คร้ง กระบี่สองเล่มฟาดฟันกันอย่างรุนแรงจนเกิดประกายไฟออกมาอย่างน่าหวาดหวั่น สองร่างที่พุ่งเข้าหากันด้วยความเร็วและโหมรันกันมามากกว่าหนึ่งร้อยกระบวนท่ายังไม่มีผู้ใดจะยอมพ่ายแพ้ วรยุทธของคนทั้งคู่ต่างมิได้อ่อนด้อย เพียงแต่ประมุขดาวตะวันตกความเร็วนั้นยังนับว่าเป็นรองหลิงหวางอยู่หนึ่งขั้น ทว่าฝีมือและประสบการณ์ของมันมีมากกว่าหลิงหวางอย่างมีอาจเทียมเท่า แต่ก็ไม่อาจทำให้หลิงหวางหลุดจากความเยือกเย็นไปได้ “เจ้าหนู มอบชีวิตของเจ้ามาซะ!” ประมุขพรรคดาวตะวันตกตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด พลังลมปราณที่แผ่ออกมานั้นรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม หลิงหวางหรี่ตามองและเหยียดยิ้มมุมปากก่อนจะบอกเสียงเรียบ
มู่เหรินพลิ้วกายหลบการโจมตีได้อย่างทันท่วงที ร่างสูงหยุดนิ่งไม่ได้ขยับการเคลื่อนไหวอีก ดวงตาเรียวคมมองที่เข้ามาใหม่อย่างพิจารณา จากอาภรณ์สีม่วงที่สวมใส่ทำให้รู้ว่าเป็นคนของพรรคดาวตะวันตกและท่าทางจะเป็นบรรดาลูกศิษย์ที่มีฝีมืออยู่บ้าง ใบหน้าคมคายไร้ความรู้สึกดวงตาข้างซ้ายมีรอยกากะบากแผลหนึ่งอย่างเด่นชัด มันไม่ได้ดูน่าหวาดกลัวแต่กลับมีเสน่ห์ให้อีกฝ่าย “เจ้าหรือที่สังหารน้องข้า” น้ำเสียงเย็นยิ่ง ดูไร้ความรู้สึกเอ่ยขึ้นแม้จะเป็นคำถามธรรมดาแต่ก็สร้างความกดดันให้กับผู้พบเห็น แต่ไม่ใช่คนอย่างมู่เหริน “เปล่า มิใช่ข้า” มู่เหรินตอบกลับเสียงเรียบ เขาไม่ได้โป้ปดก็คนที่สังหารห่านลู่ก็คือหลิงหวางนี่น่ะ &nb