"ที่ข้ามาในวันนี้เพียงมาเยี่ยมเยียนท่านน้าและอยากพบปะน้อง เยว่เอ๋อเท่านั้นหาได้มีเจตนาอื่น ถ้าหากทำให้ท่านน้าไม่สบายใจข้าต้องขออภัย เช่นนั้นวันนี้ข้าขอตัวก่อนวันหน้าหากมีโอกาสข้าจะมาคารวะท่านอีกครั้ง"
ฉิงอิงหลางไม่ดึงดันที่จะอยู่ต่อถึงอย่างไรเขาก็รู้แล้วว่านางอยู่ที่นี่วันหน้ายังมีเวลาอีกมาก พูดจบก็ทำท่าจะเดินออกไปแต่มีเสียงเรียกมาจากทางด้านหลัง
"เดี๋ยวก่อน พวกท่านไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกแล้วข้าไม่มีธุระอันใดจะคุยกับพวกท่าน ข้าคิดว่าข้าบอกท่านไปแล้วตั้งแต่ที่เมืองเยว่กว่างว่าข้าได้ตัดขาดจากตระกูลหยาง เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาพวกท่านอย่าได้มาที่นี่อีกเลย"
ซินเยว่เดินเข้ามาในโถงรับแขกช้าๆ ด้วยท่วงท่าสบายๆ ไม่มีท่าทางเกรงกลัวทั้งสองคนเลยสักนิดเดียว
"หวังว่าพวกท่านจะเข้าใจที่ข้าพูด เชิญ"
พูดจบนางก็ออกปากไล่พวกเขาทันที
"เยว่เอ๋อนี่เจ้า.......ข้าเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของเจ้าถึงอย่างไรในกายเจ้าก็มีเลือดเนื้อของตระกูลหยางครึ่งหนึ่งเจ้าพูดเช่นนี้ไม่กลัวว่าจะโดนสวรรค์ลงโทษเอาหรือ"
ซินเยว่แค่นเสียงหึ ออกมาหนึ่งทีแล้วไม่ปรายตามองหยางจิ่งเทียนอีกเลย หยางจิ่งเทียนได้แต่กำหมัดแน่นอยู่เช่นนั้นแต่เขาไม่สามารถทำสิ่งใดได้ เขาสะบัดเเขนเสื้อด้วยความโมโหเเล้วเดินออกไปจากเรือนทันที
เมื่อฉิงอิงหลางและหยางจิ่งเทียนกลับไปแล้วซินเยว่ก็เอ่ยขอโทษเซวี่ยฟังเฟยที่นางไม่ได้บอกเรื่องที่พบหยางจิ่งเทียนที่หอประมูลเมืองเยว่กว่าง นางไม่คิดว่าเขาจะหานางพบได้เร็วถึงเพียงนี้
"แล้วไป๋เยี่ยนหลงเล่า"
ตั้งแต่ที่นางออกมานอกห้องยังไม่เจอบุรุษผมสีเงินที่ปกติจะนั่งประจำที่หน้าระเบียงแต่วันนี้กลับไม่เห็นแม่เงา
"คุณชายไป๋เห็นว่ามีธุระที่ต่างเมืองออกไปตั้งแต่สามวันก่อนลูกมีอะไรหรือ"
ซินเยว่ขมวดคิ้วแค่นเสียงหึ! หนึ่งที
"เจ้าคนโกหกไหนว่าจะอยู่ปกป้องข้ากันแล้วตอนนี้หายหัวไปไหน คอยดูนะกลับมาข้าจะ................"
ซินเยว่ยังพูดไม่ทันจบเสียงทุ้มก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง
"จะทำอันใดหรือ หืมมมม"
นางตัวแข็งทื่อไปทันทีไม่คิดว่าเขาจะกลับมาเวลานี้
"จะทำขนมให้ท่านทาน"
นางจะทำอันใดเขาได้เล่าเจ้าคนน่าตายนี่กลับมาเวลาไหนไม่กลับดันมาเวลาที่นางกำลังนินทาเขาเนี่ยนะ ช่างกลับมาได้เวลาที่เหมาะเจาะเสียจริง ซินเยว่ทำหน้าปูเลี่ยนยืนอยู่ข้างมารดา
"ทำหน้าอันใดของเจ้า น่าขันยิ่งนักถึงตัวข้าจักไม่อยู่แต่ข้าก็ทิ้งองครักษ์เงาไว้ที่นี่ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น"
"เหอะ"
ซินเยว่สะบัดหน้าไปอีกทาง ในสายตาของไป๋เยี่ยนหลงท่าทางเช่นนี้ของนางช่างน่ารักยิ่งนัก ไป๋เยี่ยนหลงถึงกับตกใจในความคิดของตนที่นับวันจะไม่สามารถดึงนางออกไปจากห้วงความคิดของเขาได้
ทางด้านซ่งเว่ยหลงเมื่อได้ยินน้องสาวเล่าว่าวันนี้มีบุรุษมาเยือนที่เรือนของเซวี่ยฟังเฟยเขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก เหตุใดถึงได้มีบุรุษมาที่เรือนของนางอีกแล้ว
"พี่ใหญ่หากท่านไม่ทำอะไรสักอย่างแม่นางเซวี่ยต้องตกเป็นของผู้อื่นเป็นแน่ ถ้าท่านยังขืนใจเย็นอยู่อย่างนี้ถ้าหากนางตบแต่งให้ผู้อื่นเมื่อถึงตอนนั้นข้าไม่มานั่งปลอบใจท่านหรอกนะ เพราะทั้งหมดนี้เป็นความผิดของท่าน "
ซ่งอวี้อวิ๋นพูดกระตุ้นให้พี่ชายคิดตามหากเขาชวดพี่สะใภ้คนนี้ไม่รู้ว่าเมื่อใดพี่ชายของนางจะได้เจอคนที่ใช่เช่นนี้อีก บางทีอาจไม่มีอีกแล้วก็ได้ นางไม่นึกรังเกียจที่เซวี่ยฟังเฟยจะมาเป็นพี่สะใภ้ของนางถึงแม้นางจะเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เพราะนางเข้าใจดีว่าไม่มีสตรีนางใดอยากเป็นหม้ายถ้าไม่ถึงที่สุดนางคงไม่ขอหย่าออกมาอยู่กับบุตรสาวลำพังเช่นนี้ นางรู้ดีกว่าใครเพราะนางเองก็ทนสามีไม่ได้จึงได้ขอหย่า แล้วหอบลูกมาอยู่หมู่บ้านในหุบเขากับพี่ชาย
ซ่งอวี้อวิ๋นอายุห่างจากซ่งเว่ยหลงหลายปีแต่นางไม่เคยเห็นเขาเกี้ยวพาสตรีนางใดหน้าที่ตำแหน่งงานของเขาก็ไม่แย่ บิดามารดาของนางเคยให้พี่ชายดูตัวก็หลายหน แต่เพราะเจ้าพี่ชายของนางแข็งเป็นก้อนหินเช่นนี้จึงยังมิได้แต่งงานสักที
แต่ครั้งนี้ต่างออกไปแม้ซ่งเว่ยหลงไม่เคยเอ่ยปากแต่นางก็พอจะมองออกว่าเขาให้ความสำคัญกับเซวี่ยฟังเฟยเพียงใด ซ่งอวี้อวิ๋นได้เเต่เอาใจช่วยพี่ชายให้กล้าเอ่ยปากขอแต่งงานกับเซวี่ยฟังเฟยเสียทีมิเช่นนั้นชาตินี้คงหมดโอกาสเข้าหอ
เซวี่ยฟังเฟยนั่งป้อนขนมที่พึ่งทำเสร็จใหม่ๆ ให้เสี่ยวเป่าได้ชิม อยู่ที่โต๊ะรับเเขกริมระเบียงหน้าบ้าน เสี่ยวเป่าผงกหัวขึ้นดูผู้มาใหม่เมื่อเห็นว่าเป็น ผู้ใดก็ก้มหน้าก้มตากินขนมไม่สนใจอีกฝ่าย ซ่งเว่ยหลงหน้าตาถมึงทึงเดินเข้ามาในเรือนราวกับพายุ เขายังไม่ทันได้นั่งลงเซวี่ยฟังเฟยก็เอ่ยปากขึ้นเสียก่อน
"ท่านมาเรื่องบุรุษสองคนที่มาบ้านข้าเมื่อเช้าหรือ"
เซวี่ยฟังเฟยยังคงมีสีหน้านิ่งเรียบคล้ายนางไม่ได้ให้สนความสนใจกับเรื่องที่ซ่งเว่ยหลงต้องการจะคุยกับนาง นางเอาแต่ป้อนขนมเสี่ยวเป่าอยู่อย่างนั้น ซ่งเว่ยหลงพยักหน้าเขานั่งลงตรงข้ามกับเซวี่ยฟังเฟยนางรินน้ำชาให้เขาพร้อมเอ่ยขึ้นเบาๆ
"องค์ชายสามแห่งคว้นฉิงและแม่ทัพหยางจิ่งเทียน พวกเขามาที่นี่เพราะต้องการพบเยว่เอ๋อและ....."
นางหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้นแล้วชำเลืองตามองปฏิกิริยาของเขา ทำให้ผู้ที่นั่งฟังอยู่แทบจะหยุดหายใจ
"มาเยี่ยมข้า"
เมื่อซ่งเว่ยหลงได้ยินเซวี่ยฟังเฟยพูดชื่อหยางจิ่งเทียน หัวใจของเขากระตุกไปทันที ใช่ซ่งเว่ยหลงรู้ดีว่าหยางจิ่งเทียนเป็นใครเขาคือสามีเก่าของเซวี่ยฟังเฟย ซ่งเว่ยหลงเคยพบแม่ทัพหยางอยู่สองสามครั้งตอนที่เขายังเป็นองครักษ์หลวงอยู่ เขามาที่นี่อาจมีจุดประสงค์เพื่อต้องการขอให้เซวี่ยฟังเฟยกลับมาคืนดีแล้วตามเขากลับไปอยู่ที่เมืองหลวงอีกครั้งและเขามีสิทธิ์นั้น
ถึงอย่างไรหยางจิ่งเทียนก็เป็นสามีและบิดาของบุตรสาวนาง ถ้าทั้งสองจะกลับมาคืนดีกันก็ไม่มีสิ่งใดผิดแล้วตัวเขาเล่าจะทำอย่างไร ตอนนี้คงไม่เหลือพื้นที่สำหรับคนอย่างเขาแล้วสินะ สามีเก่าของนางเป็นถึงแม่ทัพแห่งแคว้นฉิงตัวเขาเป็นเพียงชาวบ้านต่ำต้อยจะสามารถนำมาเทียบกันได้อย่างไร ซ่งเว่ยหลงนั่งจ้องหน้าเซวี่ยฟังเฟยที่เล่นกับเสี่ยวเป่าเหมือนไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้กำลังเป็นปัญหาสำหรับพวกเขาสองคน
ซ่งเว่ยหลงกระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เมื่อคิดว่าสตรีคนแรกและคนเดียวที่เขาปักใจรักกำลังจะกลายเป็นของชายอื่น ตลอดชีวิตนี้เขาไม่เคยรู้สึกกับหญิงใดเหมือนที่รู้สึกกับเซวี่ยฟังเฟย ความรู้สึกนี้ยังไม่ทันจะได้เริ่มความรักของเขาก็ต้องจบลงเช่นนี้หรือ
'สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมกับเขาเสียเลย'
ซ่งเว่ยหลงตัวสั่นกำหมัดเเน่นเขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหันหลังเดินออกไปจากเรือนของเซวี่ยฟังเฟย เขาไม่ต้องการให้นางเห็นน้ำตาของเขา ถึงแม้เขาจะไม่ได้ครองคู่กับนางแต่เขาก็ปรารถนาให้นางมีแต่ความสุขไม่ต้องการให้นางรู้สึกผิดเรื่องของเขาและเขายอมรับการตัดสินใจของนาง
"ท่านจะยอมแพ้เรื่องของข้าหรือ......... บุรุษขี้ขลาด"
เสียงหวานดังขึ้นด้านหลัง ซ่งเว่ยหลงชะงักนิ่งไป
"ท่านไม่สนใจความรู้สึกของข้าเลยเช่นนั้นหรือ หรือท่านคิดว่าจะยัดเยียดข้าให้ผู้ใดก็ได้แล้วก็กลับไปตีอกชกตัวอยู่ที่เรือน แล้วโทษว่าเป็นความผิดของสวรรค์เช่นนั้นใช่หรือไม่"
นางมองความคิดของเขาออกทุกอย่าง
"ถ้าเช่นนั้นก็เชิญท่านกลับไปเถิดข้าไม่มีอันใดจะเอ่ยกับท่านอีก ต่อไปท่านอย่าได้กลับมาเหยียบที่เรือนหลังนี้อีก"
ซ่งเว่ยหลงหันกลับมามองเซวี่ยฟังเฟยอีกครั้งเขาตกใจกับคำพูดของนางเป็นอย่างมาก จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรให้เขาตายเสียดีกว่า หากไม่ให้พบหน้านางอีกซ่งเว่ยหลงก้าวยาวๆ เข้าหาเซวี่ยฟังเฟย ดึงนางเข้ามาในอ้อมอกแกร่งเขากอดนางเเน่นเสียจนนางหายใจไม่ออก เซวี่ยฟังเฟยตีแขนเขาเบาๆ ไปสองที
"ซ่งเว่ยหลงข้าขอถาม ท่านจะรับเซวี่ยฟังเฟยเป็นฮูหยินไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจนท่านยังจะกุมมือเซวี่ยฟังเฟยไม่ทอดทิ้ง จะซื่อสัตย์ต่อนาง จะรักและดูแลนางตลอดไปจนชั่วชีวิตหรือไม่ ""ข้ายอมรับ"ซ่งเว่ยหลงเอ่ยเสียงทุ้มกังวานหนักแน่น เสียงของเขาดังสะท้อนอยู่ในใจของเซวี่ยฟังเฟยซ้ำๆ"เซวี่ยฟังเฟย ท่านจะรับซ่งเว่ยหลง เป็นสามีไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจนท่านยังจะกุมมือซ่งเว่ยหลงไม่ทอดทิ้ง จะซื่อสัตย์ต่อกัน จะรักและดูแลกันตลอดไปชั่วชีวิตหรือไม่ ""ข้ายอมรับ"เซวี่ยฟังเฟยเอ่ยเสียงใสกังวาน เมื่อกล่าวจบทั้งสองก็กุมมือของกันและกันแน่น บนแท่นพิธีซินเยว่เมื่อได้ยินคำตอบรับของคนทั้งสองบนใบหน้างามก็ผุดรอยยิ้มขึ้นจางๆ"ถ้าเช่นนั้นข้าขอประกาศให้ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้"จบคำของซินเยว่ คนในงานส่งเสียงฮือฮากันใหญ่"อะเเฮ่ม เอ่อ อันหลังสุดเอาไว้ทำกันสองคนก็ได้"ซินเยว่เอ่ยขึ้นเบาๆ ให้ได้ยินเพียงเเค่สามคนซ่งเว่ยหลง กระตุกยิ้มร้ายที่มุมปากก้มลงอุ้มเซวี่ยฟังเฟยทะยานหายออกจากงานไปทันทีซินเยว่ได้แต่ยิ้มให้คนสำคัญทั้งสองที่เล่นใหญ่กว่าที่นางวางแผนเอาไว
ช่างทำให้คนรู้สึกว้าเหว่ยิ่งนักเสียงในใจของนางดังขึ้นนานแค่ไหนแล้วนะที่นางมาเกิดใหม่ในแผ่นดินนี้ เเต่มันช่างเหมือนกับว่านางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยกี่แล้วเดือนที่เขามาอยู่ที่บ้านของนางและนางก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยบางทีเขาอาจแต่งงานแล้วเขาอาจจะมีครอบครัวอยู่ที่อื่น แล้วเขามาอยู่กับนางทำไมเขาทำดีกับนางทำไมพูดทำไมว่านางเป็นของเขาคำถามมากมายพรั่งพรูออกมาจากความคิดของซินเยว่พร้อมหยดน้ำตาเอ่อคลอไหลจากดวงตาสีรัตติกาลไม่ขาดสายก้อนสะอื้นตีขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอนางไม่สามารถกลั้นมันเอาไว้ได้อีกแล้ว อยากทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยากลืมภาพของเขากับสตรีนางนั้น อยากให้เขานั่งอยู่ตรงนี้คอยปลอบใจนางเหมือนที่ผ่านมาเสียงร้องไห้ดังออกมาอย่างขมขื่นใจโดยที่นางไม่เคยรู้ตัวเลยว่านางชอบเขาถึงเพียงนี้ แค่เพียงเห็นเขาตระกองกอดหญิงอื่นถึงได้รู้ตัวว่านางรู้สึกเจ็บปวดเพียงใด เกิดมาสองครั้งแต่ไม่เคยมีความรักนางจึงไม่รู้วิธีรับมือกับมันเสี่ยวเป่าเมื่อเห็นซินเยวนั่งกอดเข่าร้องไห้ใบหน้างามเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา เหตุใดนางร้องไห้มันก็ไม่เข้าใจเพียงแต่รู้สึกเจ็บปวดไปด้วยเท่านั้น และมันก็ไม่รู้ว่านี่คือค
ซินเยว่เอ่ยเย้ามารดาเล็กน้อยแล้ว หันมาสั่งเจ้าก้อนขนให้ไปกับนาง เซวี่ยฟังเฟยไม่รู้ว่าซินเยว่จะทำอะไรนางได้แต่มองตามไปด้วยความสงสัยหลายวันแล้วที่ซินเยว่ไม่เห็นหน้าของไป๋เยี่ยนหลงเขาหายไปโดยไม่ได้บอกว่าจะไปที่ใด เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงานแต่งงานของมารดาจึงลืมนึกถึงเขาไป ตอนนี้นางคิดเพียงว่าเขาอาจจะออกไปทำธุระเช่นครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมาจึงมิได้สนใจซินเยว่พาเสี่ยวเป่าทะยานออกจากเรือนริมเขาด้วยวิชาทะยานเมฆาที่นางชำนาญ วันนี้นางจะจัดการเรื่องของหม่าชิวหนิงให้เรียบร้อยแล้วไปรับชุดเจ้าสาวและเครื่องประดับที่ร้านขายผ้าในเมืองเยว่กว่างซินเยว่แต่งตัวด้วยชุดสีขาวปักลายดอกโบตั๋นสีชมพูใช้ผ้าโปร่งสีขาวปิดหน้าครึ่งล่างเอาไว้ นางแต่งตัวคล้ายคุณหนูในจวนสกุลใหญ่ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านๆ มานางมักแต่งตัวด้วยชุดคล่องตัวและจะรวบผมขึ้นเฉกเช่นบุรุษเมื่อถึงหน้าประตูเมืองเยว่กว่าง ซินเยว่ก็สังเกตเห็นรถม้าที่คุ้นเคยวิ่งไปทางหอประมูลจันทราด้วยความสงสัยนางจึงตามไปดู ซินเยว่ยืนอยู่หน้าร้านขายเครื่องประดับที่สั่งทำให้เซวี่ยฟังเฟย แต่อยู่ห่างจากหอประมูลจันทราไม่มาก รถม้าจอดลงด้านหน้าหอประมูลบุรุษที่นางคุ้นตาลงมาจากรถม้าด้
ชาวบ้านคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาเขากลัวว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะโกรธ จึงโยนความผิดทั้งหมดให้หม่าชิวหนิง ซ่งเว่ยหลงปกติเเล้วเขาจิตใจดีมีคุณธรรมแต่ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคน อื่นหากเขาออกหน้าให้สองแม่ลูกเช่นนี้แล้วหมายความว่าพวกนางย่อมสำคัญจริงๆ"ใช่ๆ"หญิงวัยกลางคนที่เคยนินทาเซวี่ยฟังเฟยกับหม่าชิวหนิงกล่าวเสริมเพื่อเอาตัวรอด"นางหลงรักท่านหัวหน้าหมู่บ้านเลยมายุยงพวกเราให้เกลียดชังสองแม่ลูก หวังว่าจะได้แต่งให้ท่านพวกข้าแค่หูเบาไปเท่านั้นท่านหัวหน้าหมู่บ้านได้โปรดอย่าถือโทษเราเลย"ชาวบ้านก้มหน้าไม่กล้าสู้หน้าซ่งเว่ยหลง หม่าชิวหนิงได้แต่กัดฟันด้วยความโกรธที่นางถูกชาวบ้านหักหลัง"พวกเจ้าขอโทษผิดคนแล้วที่เจ้าต้องขอโทษคือพวกนางถึงจะถูก"ซ่งเว่ยหลงชี้ไปที่เซวี่ยฟังเฟยและซินเยว่ ชาวบ้านจึงหันไปกล่าวขออภัยทั้งสองคนเสียงอ่อย"ช่างเถอะข้าไม่โทษพวกเจ้า แค่ต่อไปนี้อย่ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่อีก "พูดจบซินเยว่ก็โบกมือทำท่าไล่ให้พวกเขากลับไป เมื่อชาวบ้านเห็นว่าได้โอกาสจึงรีบจากไปทันที ซ่งเว่ยหลงหันมาหาตัวการที่สร้างเรื่องขึ้นในวันนี้"หม่าชิวหนิงข้ามิเคยรักหรือมีใจให้เจ้าข้ามิเคยให้ความหวังอันใดแก่เจ้า อย่าได้คิดไปเ
หม่าชิวหนิงหน้าดำคร่ำเครียดกวาดตามองไปรอบๆ ทุกคนต่างมีสีหน้าประหลาดใจไม่แพ้กัน นางปลดปล่อยพลังสีเหลืองออกมากางเป็นม่านพลังแต่ใครจะรู้ พลังอันไร้ตัวตนฝ่าทะลวงม่านพลังของหม่าชิว หนิงเข้ามาแล้วลงมือตบอีกสองฉาดเพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!ร่างของหม่าชิวหนิงโงนเงนเสียหลักลงไปกองกับพื้นนางกระอักเลือดออกมาคำโต ในนั้นมีฟันสีขาวสองซี่หลุดปนออกมาด้วย นางกรีดร้องเสียงดังถูกตบไปหลายทีแต่ไม่สามารถมองเห็นว่าผู้ใดทำร้ายนาง"ใครมันกล้าทำร้ายข้า"หม่าชิวหนิงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว"ต้องเป็นเจ้าแน่นางเด็กปีศาจเจ้าต้องใช้วิชามารบางอย่างทำร้ายข้า"หม่าชิวหนิงชี้หน้าซินเยว่ชาวบ้านต่างหันมามองนางเป็นตาเดียว"อ้าวๆ ท่านป้าเหตุใดใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ชาวบ้านทุกคนก็เห็นว่าข้ายืนอยู่กับที่ตลอดเวลามิได้ขยับไปที่ใด ข้าว่าอาจเป็นเพราะปากท่านเหม็นก็เป็นได้สวรรค์จึงได้ลงโทษ พวกเจ้าก็ระวังตัวเอาไว้ด้วยเล่าพูดเรื่องที่ไม่เป็นความจริงระวังสวรรค์จะลงโทษเหมือนนาง"ซินเยว่หัวเราะออกมาท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อนกับท่าทางเกรี้ยวกราดของหม่าชิวหนิงและนางยังทำเหมือนเรื่องที่ชาวบ้านมาชุมนุมที่หน้าเรือนของนางไม่ใช่เรื่องของนาง"นี่แล้วพวกเจ้าทุกค
หยางจิ่งเทียนตะโกนถามออกไปอย่างยากเย็นเพราะในโพรงปากของเขาเต็มไปด้วยเลือดที่กระอักออกมา ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าฉิงอิงหลางจะหาเสียงของตนเจอทุกอย่างก็จบลงไปแล้ว"พลังสีน้ำเงินนั่น หรือว่าท่านคือ......"ซ่งเว่ยหลงหันมาทางฉิงอิงหลางประสานมือทำท่าคารวะ"ขออภัยที่กระหม่อมมิได้เปิดเผยตัวกระหม่อมคืออดีตหัวหน้าองครักษ์ของฝ่าบาท นามว่าซ่งเว่ยหลง"ฉิงอิงหลางตาโตเขาเคยได้ยินมาว่าเมื่อหลายปีก่อนเคยมีองครักษ์ที่มีพรสวรรค์อยู่ผู้หนึ่ง เขามีพลังปราณสีน้ำเงินตั้งแต่อายุยังน้อยฝีมือเก่งกาจมิอาจหาผู้ใดเทียบได้ เเต่ไม่รู้ด้วยเพราะเหตุใดเขาได้ลาออกจากการเป็นองครักษ์ในวังหลวงและหายตัวไปไม่เคยทราบข่าวคราวจนกระทั่งตอนนี้ ฉิงอิงหลางรู้แล้วว่าองครักษ์คนนั้นคือบุรุษร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้"หามิได้ข้าเพียงแปลกใจที่ท่านลาออกจากการเป็นหัวหน้าองครักษ์หลวงแต่มาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ริมชายเเดนเช่นนี้"ฉิงอิงหลางตอบซ่งเว่ยหลงด้วยความยำเกรงขึ้นหลายส่วน ซ่งเว่ยหลงมิได้ตอบอันใดเขาเดินไปประจันหน้ากับหยางจิ่งเทียนที่นอนกุมบาดแผลอยู่ที่พื้นยังไม่สามารถลุกขึ้นมาได้"เจ้ายังคิดอยากจะสู้กับข้าอีกหรือไม่ ข้าไม