ทุกสายตาเบิกกว้างปากอ้าตกตะลึงคล้ายมองสิ่งที่เป็นอัศจรรย์ที่สุดบนดินแดนนี้ ซินเยว่หาได้สนใจสายตาพวกนั้นนางเดินตามจิ่งเม่ยเข้าไปที่ประทับที่จัดเอาไว้ให้เชื้อพระวงศ์ สองบุรุษที่กำลังประลองกันบนลานประลองมองมาที่จิ่งเม่ยฮุ่ยหลิงและคนสุดท้ายที่เดินตามมา ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองยกยิ้มขึ้นอย่างดีใจ
"ซินเยว่เจ้ามาถึงแล้วหรือ"
จิ่งเฟิงรีบเข้ามาทักทายสตรีที่เขารอมาหลายวันหญิงสาวพยักหน้า
"ข้านึกว่าเจ้าถูกเจ้าตัวโตเขมือบไปแล้ว "
จิ่งเฟิงยังคงเอ่ยหยอกเย้าซินเยว่อย่างนึกสนุก
"ก็เกือบไปแต่คนอย่างข้าหนังเหนียวไม่ตายง่ายๆ หรอกและข้ามีของมาฝากพวกเจ้าทั้งสองคน"
ซินเยว่ยื่นแขนไปด้านหน้าเจ้าอสรพิษดำที่พันอยู่เลื้อยออกมาจากแขนของนาง ขยายตัวใหญ่โตเท่าตอนที่พวกเขาพบมันในครั้งแรก เจ้าอสรพิษดำกระพือปีกบินขึ้นไปบนฟ้ามันบินวนไปรอบๆ ส่งเสียงคำรามดังก้องสะท้านไปทุกทิศ บุรุษหนุ่มทั้งสองเมื่อเห็นเจ้าอสรพิษดำที่มีปีกและขาก็ตกใจเป็นอย่างมาก ดูท่าทางมันจะร้ายกว่าตอนที่พบในป่าพวกเขาชักกระบี่ออกมาเตรียมประจัญบานอีกรอบ ซินเยว่หัวเราะออกมาอย่างรื่นเริงที่เห็นใบหน้าซีดเผือดของเชื้อพระวงศ์หนุ่มทั้งสอง
"เป็นอย่างไรพอใจกับของฝากของข้าหรือไม่"
ซินเยว่ยืนหัวเราะอยู่ด้านข้างเจ้าอสรพิษดำ ที่ตอนนี้บินโฉบลงมา ยืนอยู่ข้างกายของนางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"อสรพิษดำนี่นี่!!มันอันใดกัน เจ้าคิดจะแกล้งเราให้หัวใจวายตายอีกรอบใช่หรือไม่"
จิ่งเหลยเอ่ยออกมาเสียงสั่นเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เจ้าอสรพิษตัวโต
“ซินเยว่เจ้าดูผู้คนที่อยู่รอบลานประลองสิหน้าตาตลกยิ่ง"
จิ่งเฟิงที่ตอนนี้พึ่งได้สติกลับมาชี้ชวนให้ซินเยว่มองดูผู้คนรอบลานประลองเบี่ยงเบนความอับอายของตนเอง
"เจ้าก็ไม่ได้ต่างจากพวกเขาเลยสักนิดเดียวดูหน้าตนเองเสียก่อนซีดเป็นไก่ต้ม"
ซินเยว่หัวเราะเสียงใสอย่างอารมณ์ดี
"เจ้าทำอย่างไรมันถึงติดตามเจ้ามาหรือเจ้าทำพันธสัญญากับมันแล้ว"
จิ่งเหลยที่เดินตามเข้ามาทีหลังเอ่ยถามซินเยว่อย่างสนใจ นางช่างเก่งกาจยิ่งนักสามารถกำราบเจ้าอสรพิษดำขั้นแปดให้อยู่ใต้อาณัติด้วยตัวคนเดียว
"ข้ามิได้ทำพันธสัญญาอันใด มันแค่ตามข้ามาเที่ยวแคว้นจิ่งก็เท่านั้นเอง"
ซินเยว่ยังไม่เลิกเอ่ยหยอกเย้าสหายทั้งสอง
"เอาล่ะเจ้าทั้งสองกลับไปประลองกันได้แล้ว ที่ข้ามาที่นี่เพราะอยากดูเจ้าต่อสู้กันรู้หรือไม่ "
เชื้อพระวงศ์หนุ่มทั้งสองพยักหน้าให้แก่กันแล้วกลับขึ้นไปบนลานประลองอีกครั้ง เมื่อรอบด้านสงบลงผู้คนหันมาให้ความสนใจซินเยว่อีกครั้ง พวกเขาอยากทราบว่าสตรีที่งดงามราวกับนางเซียนผู้นี้เป็นผู้ใดกัน นางเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์แคว้นจิ่งหรือเป็นสหายขององค์หญิงจิ่งเม่ย นางช่างงดงามและเก่งกาจยิ่งนัก ถึงกับมีอสรพิษดำขั้นแปดไว้ในครอบครอง
เชื้อพระวงศ์หนุ่มทั้งสองบนเวทีลานประลอง ต่อสู้กันอย่างดุเดือดอย่างไม่มีใครออมมือให้กันเพราะในครั้งนี้ พวกเขาต่างก็อยากโดดเด่นอยู่ในสายตาของซินเยว่นั่นเอง
หลังจากที่เสร็จสิ้นการประลองกำลังของเชื้อพระวงศ์หนุ่ม พวกเขาพาซินเยว่กลับไปพักที่ตำหนักองค์หญิงจิ่งเม่ย หลายคนที่เข้าร่วมชมการประลองของสองเชื้อพระวงศ์ต่างก็อยากรู้จักซินเยว่ว่านางเป็นผู้ใดแต่ก็ไม่กล้าอาจหาญตามมา เพราะถึงอย่างไรการที่นางอยู่กับเชื้อพระวงศ์นั่นหมายถึงนางย่อมเป็นคนสำคัญหรืออาจเป็นทายาทของขุมกำลังที่ใดที่หนึ่งก็เป็นได้ พวกเขาไม่อาจทำตัวเสียมารยาทหรือล่วงเกินนาง
ซินเยว่เปลี่ยนชุดที่ตนเองใส่มาเป็นชุดของสตรีแคว้นจิ่งด้วยการช่วยเหลือของนางกำนัลของจิ่งเม่ย ซินเยว่เดินออกมาด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ
"พวกเจ้าว่าข้าดูแปลกไปหรือไม่ มันไม่ดูรุ่มร่ามเกินไปหรือพวกเจ้าเดินกันได้อย่างไรเจ้ารู้หรือไม่ว่านางกำนัลของเจ้ากว่าจะแต่งตัวให้ข้าเสร็จเรียบร้อยใช้เวลานานเพียงใด"
ซินเยว่บ่นกระปอดกระแปดแต่มือก็ไม่วายจับนั่นจับนี่บนร่างกายของตนเองโดยไม่ได้เงยหน้ามองสองเชื้อพระวงศ์หนุ่ม องค์หญิงจิ่งเม่ยและฮุ่ยหลิงที่ตอนนี้ตะลึงงันไปเรียบร้อยแล้ว ซินเยว่ในชุดสีชมพูอ่อนสดใสด้านนอกสวมทับด้วยผ้าคลุมตัวยาวบางเบาขับเน้นให้ผิวพรรณของนางที่ขาวอยู่แล้วยิ่งเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น มิใช่เพียงบุคคลทั้งสี่ที่ตกตะลึงแม้เเต่นางกำนัลในตำหนักก็ถูกความงามของซินเยว่เเช่เเข็งไปเรียบร้อยแล้ว
ใบหน้าของซินเยว่นั้นถูกตกแต่งอย่างบางเบา ขับเน้นที่ดวงตาและคิ้ว ปากอวบอิ่มถูกทาด้วยชาดสีแดงสดแต่ไม่ได้ทำให้นางดูน่าเกลียดแต่อย่างใด ตรงกลางหน้าผากนางกำนัลวาดรูปดอกหางหงส์สีแดงยิ่งทำให้ใบหน้าของซินเยว่โดดเด่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
"พวกเจ้าเป็นอันใดกันไม่ได้ยินที่ข้าพูดกับพวกเจ้าหรือข้ารู้ว่าข้างดงามแต่เเบบนี้มันออกจะเกินไปนะ"
นางเอ่ยเย้าสหายทั้งหลายของตนกว่าที่ทั้งสี่จะได้สติกลับคืนมาซินเยว่ก็มายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
"จิ่งเหลยจิ่งเฟิง ข้ามีบางสิ่งจะให้เจ้าทั้งสองก่อนที่พวกเจ้าจะเข้าร่วมการประลองยุทธในครั้งนี้"
เชื้อพระวงศ์หนุ่มทั้งสองพยักหน้าพร้อมกันสายตายังคงมองซินเยว่คล้ายต้องมนต์สะกด เจ้าตัวได้แต่ถอนหายใจยาว
"นอกจากข้าและน้องรองยังมีลูกหลานของขุนนางตระกูลใหญ่แคว้นจิ่งส่งคนเข้าร่วมการประลองครั้งนี้ด้วย"
"ถ้าอย่างนั้นเจ้าสองคนมีเวลาเพียงสองวันในการฝึกฝนครั้งนี้"
ซินเยว่คว้าขวดกระเบื้องเคลือบใส่น้ำทิพย์มรกต สองขวดออกมาจากมิติที่มองดูคล้ายนางเอาออกมาจากในแขนเสื้อของตนเอง
"ดื่มเข้าไปซะ"
ซินเยว่สั่งจิ่งเหลยและจิ่งเฟิงส่วนจิ่งเม่ยที่เคยได้ดื่มน้ำนี้แล้วก็เข้าใจในทันทีว่าซินเยว่ต้องการทำสิ่งใด สองเชื้อพระวงศ์หนุ่มมิรอให้ซินเยวเอ่ยย้ำอีกรอบรีบเทน้ำทิพย์มรกตลงในคอของตนเองทันที ฉับพลันพวกเขารู้สึกร้อนผะผ่าวร่างกายเจ็บปวดคล้ายกระดูกถูกบดเป็นผุยผง แสบร้อนไปทั้งตัวแต่ก็ยังกัดฟันทน
ในคราแรกพวกเขาคิดว่าหรือนี่จะเป็นยาพิษ จะเป็นไปได้อย่างไรซินเยว่ไม่มีทางวางยาพิษพวกเขาแน่ แต่ในเวลาต่อมาร่างกายของทั้งสองเชื้อพระวงศ์หนุ่มคล้ายมีสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็นถูกขับออกมาตามรูขุมขนมากมาย และพวกเขารู้สึกโล่งสบายยิ่งนักคล้ายร่างกายถูกปลดเปลื้องจากบางสิ่ง
"พี่ใหญ่พี่รองกลิ่นตัวพวกท่านช่างเหม็นเน่ายิ่งนัก"
จิ่งเม่ยใช้มือปิดจมูกแล้วพูดออกมาอย่างรังเกียจ เชื้อพระวงศ์หนุ่มทั้งสองมองดูตนเองแล้วรู้สึกเห็นด้วยกับสิ่งที่น้องสาวพูดกับตน จึงรีบขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดทันที ซินเยว่จิ่งเม่ยและฮุ่ยหลิงยังคงนั่งเล่นอยู่ในสวนของตำหนักองค์หญิง พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่ซินเยว่อยู่ในป่าอย่างออกรส
"คุยอะไรกันอยู่หรือท่าทางน่าสนุกเชียวน้องห้า"
บุรุษรูปร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในสวนของตำหนักองค์หญิงที่ที่สามสาวกำลังนั่งคุยกันอย่างรื่นเริง พวกนางหันไปมองผู้ที่มาใหม่เป็นจุดเดียว
"พี่สาม"
จิ่งเม่ยเอ่ยชื่อผู้มาใหม่อย่างตกใจเพราะนางไม่คาดฝันว่าจะได้พบเขาในตำหนักของนาง ที่ผ่านมาจิ่งเม่ยคิดว่าเขาเกลียดนางสองพี่น้องยิ่งนัก องค์ชายสามผู้นี้คอยแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทกับพี่ชายของนางมาเป็นเวลานาน แล้วเหตุใดวันนี้เขาถึงได้มาที่ตำหนักของนาง กระทำตนคล้ายที่ผ่านมาไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น
"เช่นนั้นหมายความว่าที่น้ำตกนั่นข้าไม่ได้ฝันไปเจ้าไปที่นั่นใช่หรือไม่ บอกข้ามานะถ้าขืนกล้าโกหกกริชของข้าจะไม่ได้ปักที่อกของเจ้าจะเป็นที่หัวของเจ้าแทน"ซินเยว่แยกเขี้ยวขู่ฟ่อเป็นลูกแมวแต่ไป๋เยี่ยนหลงหาได้กลัวการขู่ขวัญของลูกแมวน้อยตัวนี้ไม่ เขายังคงใช้สายตามองนางอย่างรักใคร่บุรุษผมสีเงินกระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ ทำให้ใบหน้าของซินเยว่ที่กำลังมองเขาอยู่นั้นแดงซ่านอย่างช่วยไม่ได้ ชิ เจ้ากล้าเอาใบหน้าอันหล่อเหลานั่นมาล่อลวงข้าเช่นนั้นหรือข้าไม่หลงกลเจ้าหรอกไป๋เยี่ยนหลงพยักหน้าเป็นเชิงบอกนางว่านางไม่ได้ฝันไป สายตาที่ยังมองปากเล็กๆ ที่อวบแสนอิ่มของนางเคี้ยวขนมหมุบหมับอย่างเพลิดเพลิน มือข้างหนึ่งหยิบขนมเข้าปากมืออีกข้างก็ถือถ้วยชาที่ไป๋เยี่ยนหลงคอยบริการรินให้นางอยู่ตลอด ผู้ติดตามและเหล่าองครักษ์ของไป๋เยี่ยนหลงมองการกระทำของทั้งสองด้วยสายตาแปลกประหลาดนายท่านเหตุใดต้องคอยนั่งรินน้ำชาให้สตรีนางนี้ ถึงนางจะงดงามมากเพียงใดแต่ก็ใช่ว่าไม่เคยมีสตรีที่งดงามเข้าหานายท่านเลย แล้วนางเป็นผู้ใดพวกเขาไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของนาง หรือว่านางจะเป็นองค์หญิงของแคว้นจิ่งพวกเขาได้เเต่คิดกันไปต่างๆ นานาเยี่ยจื่อมองกา
ไป๋เยี่ยนหลงเอ่ยเรียบๆ ไม่ใส่ใจท่าทางฟาดงวงฟาดงาของซินเยว่ เขายกมือเรียวยาวขึ้นทัดผมของนางไว้ที่ใบหูเล็กอย่างเบามือท่าทางทะนุถนอม สร้างความริษยาแก่ลี่ผิงและสตรีที่มาร่วมงานชุมนุมโดยรอบ"แต่เจ้ากอดนาง""นั่นไม่ใช่กอดนางสะดุดล้มข้าเพียงรับนางไว้เท่านั้น สำหรับข้านั่นไม่เรียกว่ากอดหญิงเดียวที่ข้าจะกอดในโลกใบนี้มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น เจ้าตัวโง่งม"ซินเยว่ที่ตอนเเรกกระเง้ากระงอดพอได้ฟังคำพูดอันน่าอายของไป๋เยี่ยนหลง ใบหน้าของนางตอนนี้แดงก่ำจนแทบจะคั้นเลือดออกมาได้แล้ว ใบหูเล็กๆ น่ารักของนางเมื่อยามที่นางเขินอายมันช่างน่ามองยิ่งนัก ไป๋เยี่ยนหลงหัวใจถึงกับกระตุกเมื่อมองใบหน้างามของนาง'เพียงแค่มองใบหน้าเขินอายของนางข้าถึงกับ.........นางช่างเป็นมนุษย์ที่น่ารักน่าใคร่ยิ่งนัก'ไป๋เยี่ยนหลงทนมองใบหน้างามของซินเยว่ที่กำลังเขินอายอย่างน่ารักไม่ไหวจึงก้มลงหอมแก้มเจ้าตัวโง่งมของเขาเสียฟอดใหญ่อย่างไม่สนใจสายตาผู้ใด เขาคือเจ้าผู้ครองแผ่นดินไป๋หลงหาต้องสนใจสายตามดปลวกไม่ ไป๋เยี่ยนหลงคิดอย่างเข้าข้างตัวเอง" เจ้านี่มัน... ช่างหน้าไม่อายยิ่งนัก"ซินเยว่ยกมือขึ้นกุมแก้มของตนเอาไว้ถลึงตาใส่คนหน้าไม่อายท
ซินเยว่ที่ยังคงตกตะลึงอยู่นางจำได้กลิ่นอายของเขาเสียงของเขาบุรุษผู้นั้นที่นางคะนึงหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ซินเยว่ไม่ได้ขืนตัวออกจากอ้อมแขนของเขา นางเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเลื่อนลอยผู้คนรอบด้านเองต่างก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน ที่เห็นเจ้าผู้ครองแผ่นดินไป๋หลงเดินเข้าไปสวมกอดสตรีที่มีใบหน้างดงามปานเซียนสาวผู้นั้นแต่ก็มิมีผู้ใดกล้าปริปากเพราะพวกเขายังคงรักชีวิตตนเอง เมื่อซินเยว่ได้สติกลับคืนมานางดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขาแล้วตะโกนอย่างสุดเสียงอย่างลืมตัว"ไป๋เยี่ยนหลงเจ้าคนหน้าตายเจ้าหลอกลวงข้าเจ้าหักหลังข้า ข้าจะฆ่าเจ้า"ซินเยว่คว้ากริชออกมาจากมิติกำลังจะแทงไปที่ไป๋เยี่ยน หลง แต่ก่อนที่กริชนั้นจะแทงเข้าที่หน้าอกของเขาพลังปราณสีม่วงจากด้านหลังของเขากระแทกเข้าที่หน้าอกของซินเยว่ที่ไม่ทันระวังตัวอย่างจัง นางกระเด็นออกไปหลายจั้งแล้วกระอักเลือดออกมา เสี่ยวเป่าที่นอนหมอบอยู่บนโต๊ะกระโดดออกมากลายร่างเป็นสัตว์อสูรสีดำคำรามเสียงดังกึกก้องทะลุฟ้าจนผู้เข้าร่วมงานชุมนุมประลองยุทธต้องยกมือขึ้นปิดหูซินเยว่ใช้เเขนยันกายตัวเองลุกขึ้นมองผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังไป๋เยี่ยนหลงอย่างโหดเหี้ยม สตรีนางนั้นที่เขาเห็นไป๋เย
นางส่ายหัวให้ตัวเองที่ดันลืมตัวว่าได้หลุดพูดภาษาโลกเก่าของตัวเองออกมา ซินเยว่คล้องแขนจิ่งเม่ยและฮุ่ยหลิงเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อย่างสนุกสนาน โดยมีสายตาของผู้คนรอบข้างมองพวกนางอย่างนึกเอ็นดูสตรีที่มีใบหน้างดงามทั้งสามโดยเฉพาะนางผู้นั้นที่เดินนำหน้าช่างงดงามยิ่งนักหาได้ยากยิ่งในแผ่นดินนี้ พวกเขามองพวกนางอย่างเพลิดเพลินโดยที่เจ้าตัวทั้งสามไม่ได้สนใจกับสายตาของพวกเขาที่มองมาเมื่อมีผู้ที่ชื่นชมย่อมมีผู้ที่อิจฉา สตรีที่เดินชมงานที่อยู่โดยรอบทั้งจากต่างแคว้นและจากจวนขุนนางต่างมองตามทั้งสามคนด้วยสายตาริษยา ถึงแม้พวกเขาจะยอมรับว่าพวกนางงดงามแต่ก็ยากจะยอมรับเรื่องที่ถูกบุรุษข้างกายหมางเมินเอาแต่หันมองสตรีอื่นที่ไม่ใช่พวกตนเมื่อไม่มีสิ่งใดให้น่าสนใจแล้วจิ่งเม่ยจึงชวนซินเยว่กับฮุ่ยหลิงเข้าไปดูการประลองในรอบคัดเลือก เมื่อเดินเข้าไปถึงทางเข้าลานประลองซินเยว่ตาโตร้องออกมาอย่างตื่นตะลึง"โอ้โหคนมากมายถึงเพียงนี้เราจะเข้าไปได้อย่างไรงานยิ่งใหญ่กว่าที่ข้าจินตนาการไว้เสียอีกนะเนี่ย"จิ่งเม่ยส่ายหัวให้กับอาการตกตะลึงจนเกินเหตุของซินเยว่ ความจริงในจินตนาการของนางคิดว่าการจัดงานประลองยุทธอาจจะเหมือนง
"เจ้าไม่คิดจะเเนะนำคุณหนูท่านนี้แก่พี่สามของเจ้าให้รู้จักบ้างหรือ"จิ่งเม่ยรู้จุดประสงค์ขององค์ชายสามผู้นี้ในทันที"นางคือสหายของข้าจากแคว้นฉิงนามหยางซินเยว่"จิ่งเม่ยเเนะนำซินเยว่แบบขอไปที ดูอย่างไรองค์ชายผู้นี้ก็ไม่ได้บังเอิญผ่านมาอย่างแน่นอน"ข้าคือองค์ชายสามนามว่าจิงซานเยี่ยยินดีที่ได้รู้จักคุณหนูหยาง"จิ่งซานเยี่ยรีบแนะนำตัวเองแก่สาวงามที่เขาพึงใจตั้งแต่เเรกเห็น และด้วยอำนาจขององค์ชายสามเช่นเขาที่ไม่น้อยหน้าไปกว่าองค์รัชทายาทอย่างจิ่งเหลยนางไม่มีทางปฏิเสธเขาแน่ จิ่งซานเยี่ยคิดไปเองคนเดียวองค์ชายจิ่งซานเยี่ยยังคงยืนอยู่เพื่อรอที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับหญิงงามที่เขาพึงใจ แต่ซินเยว่ที่มองลักษณะท่าทางของจิ่งเม่ยออกว่านางมิใคร่จะชอบใจบุรุษผู้นี้ดังนั้นซินเยว่จึงไม่แม้แต่จะปรายตามองเชื้อพระวงศ์หนุ่มคนนั้น นางรู้สึกรังเกียจสายตาที่เขามองมาที่นางอย่างเปิดเผยว่าต้องการอะไร สร้างความอึดอัดใจให้แก่ซินเยว่ยิ่งนัก ก่อนที่จะได้คุยกันไปมากกว่านี้ จิ่งเหลยและจิ่งเฟิงก็เดินเข้ามาช่วยนางอย่างรู้เวลา"ข้ารู้สึกแปลกใจยิ่งนักที่เห็นน้องสามอยู่ที่นี่ เจ้ามาทำอันใดหรือ"จิ่งเหลยถามออกไปเสียงเรียบป
ทุกสายตาเบิกกว้างปากอ้าตกตะลึงคล้ายมองสิ่งที่เป็นอัศจรรย์ที่สุดบนดินแดนนี้ ซินเยว่หาได้สนใจสายตาพวกนั้นนางเดินตามจิ่งเม่ยเข้าไปที่ประทับที่จัดเอาไว้ให้เชื้อพระวงศ์ สองบุรุษที่กำลังประลองกันบนลานประลองมองมาที่จิ่งเม่ยฮุ่ยหลิงและคนสุดท้ายที่เดินตามมา ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองยกยิ้มขึ้นอย่างดีใจ"ซินเยว่เจ้ามาถึงแล้วหรือ"จิ่งเฟิงรีบเข้ามาทักทายสตรีที่เขารอมาหลายวันหญิงสาวพยักหน้า"ข้านึกว่าเจ้าถูกเจ้าตัวโตเขมือบไปแล้ว "จิ่งเฟิงยังคงเอ่ยหยอกเย้าซินเยว่อย่างนึกสนุก"ก็เกือบไปแต่คนอย่างข้าหนังเหนียวไม่ตายง่ายๆ หรอกและข้ามีของมาฝากพวกเจ้าทั้งสองคน"ซินเยว่ยื่นแขนไปด้านหน้าเจ้าอสรพิษดำที่พันอยู่เลื้อยออกมาจากแขนของนาง ขยายตัวใหญ่โตเท่าตอนที่พวกเขาพบมันในครั้งแรก เจ้าอสรพิษดำกระพือปีกบินขึ้นไปบนฟ้ามันบินวนไปรอบๆ ส่งเสียงคำรามดังก้องสะท้านไปทุกทิศ บุรุษหนุ่มทั้งสองเมื่อเห็นเจ้าอสรพิษดำที่มีปีกและขาก็ตกใจเป็นอย่างมาก ดูท่าทางมันจะร้ายกว่าตอนที่พบในป่าพวกเขาชักกระบี่ออกมาเตรียมประจัญบานอีกรอบ ซินเยว่หัวเราะออกมาอย่างรื่นเริงที่เห็นใบหน้าซีดเผือดของเชื้อพระวงศ์หนุ่มทั้งสอง"เป็นอย่างไรพอใจกับของฝาก