ตอนนี้ซินเยว่เขินจนต้องมุดหน้าหลบที่ซอกคอของไป๋เยี่ยนหลงนางตัวสั่นน้อยๆ ด้วยความตกใจระคนขัดเขิน ถึงแม้นางจะเคยเกิดมาแล้วสองรอบแต่นี่เป็นจูบแรกของนางเลยนะ จูบแรกของนาง ใบหน้าเล็กแดงก่ำทำปากบ่นขมุบขมิบคนเดียว
หลังจากที่ซินเยว่ได้สติคืนมานางไม่กล้าดื้อที่จะลงจากตักของไป๋เยี่ยนหลงอีกนางกลัวว่าจะถูกเขาทำโทษอีกครั้ง ซินเยว่ได้แต่บ่นในใจเจ้าคนหน้าหนาทำโทษอะไรกันเอาเปรียบนางชัดๆ คอยดูเถอะนางจะวางยาถ่ายในอาหารของเขา
ซินเยว่ได้เเต่บ่นในใจคนเดียวไม่กล้าเอ่ยออกมาแม้เพียงครึ่งคำกลัวเขาจะเอาคืนมากกว่าเดิม รถม้าออกจากเรือนของซินเยว่วิ่งตามถนนผ่านหมู่บ้านต้งเถียนไปอย่างช้าๆ หม่าชิวหนิงมองตามจนลับสายตาจากนั้นจึงหันมาพูดกับหญิงวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปี
"รถม้านั่นวิ่งมาจากบ้านของหญิงหม้ายแซ่เซวี่ยนี่นา........ หญิงเเพศยาไม่มีสามีแต่กลับพาบุรุษเข้ามาอยู่ในบ้าน"
หม่าชิวหนิงบิดปากพูดออกไปด้วยความริศยา หวังให้หญิงวัยกลางคนเห็นด้วยกับตน ตั้งแต่ได้ยินชาวบ้านเล่าลือว่ามีหญิงหม้ายใบหน้างดงามมาอาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านกับบุตรสาว นางก็บังเกิดความรู้สึกเกลียดชังทั้งๆ ที่นางไม่เคยพบหน้าเซวี่ยฟังเฟยเลยสักครั้ง ยิ่งมีคนเล่าลือว่าซ่งเว่ยหลงไปมาหาสู่เข้านอกออกในบ้านนั้นบ่อยครั้ง นางยิ่งบังเกิดความริศยามากขึ้นทวีคูณ เมื่อมีโอกาสหม่าชิวหนิงมักจะนำเอาเรื่องของเซวี่ยฟังเฟยมาพูดใส่ร้ายให้คนในหมู่บ้านเกิดความเข้าใจผิด
ครั้งก่อนบุตรสาวของนางเล่าเรื่องที่มีบุรุษรูปงามเข้าพักที่เรือนของเซวี่ยฟังเฟย นางจึงนำเรื่องนี้ไปบอกเเก่ซ่งเว่ยหลง เพื่อให้เขาได้ตาสว่างว่านางหญิงม่ายแม่ลูกสองคนนั้นไร้ยางอายเพียงใด
คราแรกที่ได้ยินซ่งเว่ยหลงโกรธจนสติหลุดเขารีบหุนหันไปที่เรือนของเซวี่ยฟังเฟยแต่ตอนกลับออกมากลับมีท่าทางอารมณ์ดีมีความสุขและหลังจากนั้นเขาก็ไปขลุกอยู่ที่บ้านนั้นทุกวัน นั่นยิ่งทำให้นางโกรธแค้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ตั้งแต่สามีของนางตายจากไปหม่าชิวหนิงก็หวังจะได้แต่งเข้าตระกูลซ่ง นางหลงรักซ่งเว่ยหลงมานานแต่ซ่งเว่ยหลงกลับมีท่าทีเฉยชาไม่เคยให้โอกาสนางสักครั้ง ซ่งเว่ยหลงก็เว้นระยะห่างจากนางมาตลอดยิ่งเขาไม่เคยแต่งงานยิ่งทำให้นางปารถนาในตัวเขามากยิ่งขึ้น
"คอยดูเถอะข้าจะทำให้พี่เว่ยหลงหูตาสว่างว่านางหญิงม่ายสองแม่ลูกไร้ยางอายและสำส่อนเพียงใด"
หม่าชิวหนิงมองไปทางรถม้าที่วิ่งหายไปนานแล้วด้วยสายตามุ่งร้าย
ซ่งเว่ยหลงอดีตคือองครักษ์ในวังหลวงด้วยความเบื่อหน่ายในการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในราชสำนัก เขาจึงตัดสินใจลาออกจากการเป็นองครักษ์หลวงแล้วย้ายมาอยู่ที่เมืองเยว่กว่างบ้านเดิมของมารดา กลับมาใช้ชีวิตเรียบง่ายในหมู่บ้านเล็กๆ ริมขุนเขา
บิดามารดาของเขาเสียชีวิตจากไปเมื่อหลายปีก่อนเขาจึงอยู่คนเดียวมาโดยตลอดเมื่อปีกลายน้องสาวของเขา ซ่งอวี้อวิ๋นได้หย่าขาดจากสามีของนาง นางจึงพาบุตรชายย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านต้งเถียนกับเขา
เมื่อรถม้าวิ่งมาถึงเมืองเยว่กว่างและได้จอดลงที่หน้าหอประมูลจันทรา ผู้คนต่างให้ความสนใจว่ารถม้าที่ใช้ม้าวิหคทมิฬเป็นพาหนะคันนี้เป็นของผู้ใด รอเพียงไม่นานบุรุษผมสีเงินในชุดขาวปักลายเมฆคล้อยสีฟ้าที่ชายชุดท่วงท่าองอาจหล่อเหลารัศมีไม่คล้ายมนุษย์ในแผ่นดินนี้ใบหน้าเฉยชาหยิ่งทะนงเหมือนไม่เห็นผู้ใดในใต้หล้าอยู่ในสายตา ก้าวลงมาจากรถม้าจากนั้นมีอีกหนึ่งสตรีชุดสีเขียวใบไผ่ใบหน้างดงามอ่อนหวานท่วงท่าการขยับกายดูเป็นธรรมชาติไม่ปรุงแต่ง
นางลงจากรถม้าลงมายืนคู่กับบุรุษผู้นั้น ช่างเป็นคู่ที่ดูแล้วเหมาะสมกันยิ่งนัก หนึ่งบุรุษหล่อเหลาองอาจหนึ่งสตรีงดงามอ่อนหวานเวลาที่ทั้งสองคนเดินเยื้องย่างคู่กันแลดูคล้ายเทพเซียนลงมาเยือนโลกมนุษย์
เยี่ยจื่อยื่นหยกม่วงมังกรสัญลักษณ์ของหอประมูลจันทราให้องครักษ์ที่เฝ้าประตู องครักษ์ผู้นั้นถึงกับตกใจจนแทบหาเสียงตนเองไม่เจอ แต่เพียงไม่นานเขาก็ได้สติกลับมาและท่าทางของเขานั้นยิ่งนอบน้อมกว่าเดิมทำให้คนที่กำลังมุงดูพวกเขาถึงกับสงสัยในท่าทางของเขา ปกติองครักษ์ของหอประมูลจันทราไม่จำเป็นต้องนอบน้อมหรือไว้หน้าผู้ใด เพราะพวกเขาเป็นองค์กรที่ไม่ขึ้นตรงต่อแคว้นไหนทั้งสิ้นในแผ่นดินชิวหลิง ที่นี่ใช้ความแข็งแกร่งเป็นตัวชี้วัดว่าผู้ใดควรได้รับความนอบน้อมหรือความเคารพ องครักษ์ผู้นั้นรีบทำหน้าที่ต้อนรับและเดินนำทั้งสองไปยังห้องพิเศษที่อยู่ชั้นสามด้วยตนเอง
ห้องพิเศษที่ชั้นสามถูกตกแต่งอย่างหรูหราเพียงเพื่อคนสำคัญของหอประมูลจันทราเท่านั้น จะมีเพียงแค่แขกพิเศษที่พิเศษจริงๆ ที่จะสามารถเข้าใช้ห้องพิเศษแห่งนี้ได้ ผู้ดูแลหอประมูลจันทราเมื่อทราบข่าวจากหัวหน้าผู้คุมว่าผู้ใดมาที่หอประมูลเขาก็รีบตรงดิ่งมาที่ห้องนั้นทันที
" คารวะนายท่านข้าน้อยไม่ทราบว่านายท่านจะมาเยือนหอจันทราในวันนี้"
ผู้ดูแลคุกเข่าลงยกกำปั้นขวาขึ้นแนบอกด้านซ้ายเหมือนที่เยี่ยจื่อเคยทำ เขาพูดอย่างนอบน้อมและชำเลืองมองซินเยว่ที่นั่งจิบชาอยู่ด้านข้างไป๋เยี่ยนหลงเล็กน้อย ผู้ดูแลก้มหน้าลงอย่างเดิมเพราะเกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาทต่อสตรีของนายท่าน
ไป๋เยี่ยนหลงโบกมือให้เขาลุกขึ้น ซินเยว่มองลงไปด้านล่างเห็นผู้คนมากมายที่ชั้นหนึ่ง ส่วนของชั้นสองเป็นห้องส่วนตัวระดับกลางส่วนมากจะเป็นพวกเชื้อพระวงศ์หรือไม่ก็พวกตระกูลขุนนางใหญ่ มีหนึ่งห้องที่ซินเยว่คุ้นหน้าคุ้นตาชายที่นั่งอยู่ด้านในของห้องชั้นสองเขาก็คือแม่ทัพหยาง หยางจิ่งเทียน
“เขามาทำอะไรที่นี่”
ซินเยว่ลุกขึ้นยืนเกาะขอบหน้าต่าง มองลงไปที่ชั้นสองอย่างตกใจ ข้างกายหยางจิ่งเทียนมีบุรุษหน้าตาดีผิวขาวดูสะอาดสะอ้านแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมตัดเย็บอย่างดี ฮุ่ยหลิงมองตามสายตาของซินเยว่ นางก็มีอาการตกใจเช่นเดียวกัน เมืองเยว่กว่างห่างไกลจากเมืองหลวง หลายพันลี้เหตุใดแม่ทัพหยางถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ฮุ่ยหลิงเดินมาจับแขนเสื้อของซินเยว่
"คุณหนู"
ฮุ่ยหลิงมองนางด้วยสายตาไม่สบายใจ ซินเยว่จึงตบหลังมือฮุ่ยหลิงเบาๆ อย่างปลอบประโลม
"ไม่เป็นไรข้าตัดขาดจากเขาแล้ว ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถทำอันใดข้าได้เจ้าก็รู้ เจ้าอย่าลืมตอนนี้ข้ามีพลังปราณแล้ว"
ซินเยว่พูดปลอบให้ฮุ่ยหลิงคลายกังวล ไป๋เยี่ยนหลงมองซินเยว่และฮุ่ยหลิงที่มีสีหน้าไม่สบายใจแล้วมองเลยทั้งสองคนลงไปที่ชั้นสองห้องที่ซินเยว่กำลังมองอยู่ ไป๋เยี่ยนหลงไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมามีเพียงใบหน้าราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์เท่านั้นไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
"มานั่งนี่"
ไป๋เยี่ยนหลงตบไปที่เบาะนวมหนานุ่มด้านข้างเขาเป็นสัญญาณบอกให้ซินเยว่นั่งลง ซินเยว่เดินไปนั่งด้านข้างเขาแต่โดยดี
การประมูลเริ่มขึ้นสิ่งของมีค่าที่ถูกนำมาประมูลในครั้งนี้ถูกประมูลผ่านไปหลายอย่าง แต่ไม่มีสิ่งใดทำซินเยว่ให้ความสนใจเพราะในมิติของนางทุกอย่างที่นี่ไม่สามารถเทียบได้ ของที่นางมียังเป็นสิ่งของที่หาได้ยากในแผ่นดินนี้ ไป๋เยี่ยนหลงมองซินเยว่ที่นั่งปิดปากหาวตาปรือเหมือนจะหลับให้ได้อยู่ตลอดเวลา ยิ่งทำให้เขาเกิดความรู้สึกบางอย่างที่แปลกประหลาดขึ้นในใจ
สตรีนางนี้ไม่มีความเหนียมอายหรือประหม่าเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเขาเลยหรือ ช่างเป็นสตรีที่แปลกประหลาดและแตกต่างจากสตรีทั่วไปยิ่งนัก ไป๋เยี่ยนหลงมองซินเยว่อยู่นานจนทำให้นางรู้สึกตัวว่านางกำลังถูกคนด้านข้างจ้องอยู่
"มีอะไรหรือ"
เห็นเขามองหน้านางอยู่นานแต่ไม่ยอมพูดอะไรสักที"เจ้ามีสิ่งใดที่ต้องการหรือไม่เขาถามซินเยว่เบาๆ นางส่ายหน้าไปมาทำสีหน้าเบื่อหน่าย"ท่านลากข้ามาจากบ้านเพื่อที่จะมาดูอะไรที่น่าเบื่อแบบนี้เนี่ยนะ ช่างเสียเวลาของข้าซะจริงท่านจะรับผิดชอบอย่างไร"ซินเยว่ทำหน้างอง้ำ พานางมาทั้งที่นางไม่เต็มใจแถมยังต้องมาเจอกับคนที่ไม่อยากเจอที่สุด"ข้าคิดว่ามีบางสิ่งที่เจ้าต้องการ"หลังจากที่ไป๋เยี่ยนหลงพูดจบด้านล่างก็บังเกิดเสียงฮือฮาของผู้คนดังขึ้น"เกิดอะไรขึ้นหรือ"ซินเยว่หันไปให้ความสนใจด้านล่าง ผู้ดูแลหอประมูลจันทราที่ก่อนหน้านี้เข้ามาทำความเคารพไป๋เยี่ยนหลงยืนอยู่กลางลานเวทีประมูลด้านข้างมีสาวงามชุดสีแดง ยืนถือถาดสีทองตรงกลางมีกล่องกำมะหยี่สีดำวางอยู่"สิ่งนี้คือของประมูลชิ้นสุดท้ายของวันนี้ บางท่านคงจะทราบดีอยู่แล้วว่าของที่อยู่ในกล่องนี้คือสิ่งใด"ผู้ดูแลกล่าวเสียงดังชัดเจน เขารับกล่องกำมะหยี่จากสาวงามมาวางไว้บนเเท่นศิลาสีดำกลางลานประมูล"สิ่งนี้ก็คือโอสถเพิ่มพลังปราณความบริสุทธิ์เต็มสิบส่วน ซึ่งยังไม่มีผู้ใดเคยมีในครอบครองมาก่อน ผู้ที่กินโอสถนี้เข้าไปสามารถเลื่อนระดับพลังได้ถึงสามขั้นย่อยหนึ่งขั้นให
ตอนนี้ซินเยว่เขินจนต้องมุดหน้าหลบที่ซอกคอของไป๋เยี่ยนหลงนางตัวสั่นน้อยๆ ด้วยความตกใจระคนขัดเขิน ถึงแม้นางจะเคยเกิดมาแล้วสองรอบแต่นี่เป็นจูบแรกของนางเลยนะ จูบแรกของนาง ใบหน้าเล็กแดงก่ำทำปากบ่นขมุบขมิบคนเดียวหลังจากที่ซินเยว่ได้สติคืนมานางไม่กล้าดื้อที่จะลงจากตักของไป๋เยี่ยนหลงอีกนางกลัวว่าจะถูกเขาทำโทษอีกครั้ง ซินเยว่ได้แต่บ่นในใจเจ้าคนหน้าหนาทำโทษอะไรกันเอาเปรียบนางชัดๆ คอยดูเถอะนางจะวางยาถ่ายในอาหารของเขาซินเยว่ได้เเต่บ่นในใจคนเดียวไม่กล้าเอ่ยออกมาแม้เพียงครึ่งคำกลัวเขาจะเอาคืนมากกว่าเดิม รถม้าออกจากเรือนของซินเยว่วิ่งตามถนนผ่านหมู่บ้านต้งเถียนไปอย่างช้าๆ หม่าชิวหนิงมองตามจนลับสายตาจากนั้นจึงหันมาพูดกับหญิงวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปี"รถม้านั่นวิ่งมาจากบ้านของหญิงหม้ายแซ่เซวี่ยนี่นา........ หญิงเเพศยาไม่มีสามีแต่กลับพาบุรุษเข้ามาอยู่ในบ้าน"หม่าชิวหนิงบิดปากพูดออกไปด้วยความริศยา หวังให้หญิงวัยกลางคนเห็นด้วยกับตน ตั้งแต่ได้ยินชาวบ้านเล่าลือว่ามีหญิงหม้ายใบหน้างดงามมาอาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านกับบุตรสาว นางก็บังเกิดความรู้สึกเกลียดชังทั้งๆ ที่นางไม่เคยพบหน้าเซวี่ยฟังเฟยเลยสักครั้ง ยิ่งมีคนเล
ซินเยว่พูดไม่ออกนางได้แต่ยกมือขึ้นโบกไปมาพลางพยักหน้า"เยี่ยนหลง"นางเอ่ยเสียงแผ่วเบาเเต่ชัดเจนในโสตของเขา ซินเยว่เงยหน้าขึ้นสบสายตาที่กำลังมองมาที่นาง ใบหน้าของไป๋เยี่ยนหลงยังคงเรียบเฉยเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงมีเพียงใบหูเท่านั้นที่เเดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด แต่ซินเยว่สังเกตเห็นมันได้นี่เขาอายหรือ ซินเยว่รู้สึกประหลาดใจเพียงแค่นางเอ่ยชื่อเขาเนี่ยนะ ซินเยว่มองหน้าไป๋เยี่ยนหลงตาปริบๆ ตอนนี้นางทำตัวไม่ถูกแล้วเสี่ยวเป่าที่เล่นดินอยู่ที่พื้นนอนกลิ้งไปมาส่งเสียง จิ๊ จ๊ะ คล้ายไม่พอใจที่พวกเขาไม่สนใจมัน"นายท่าน"เยี่ยเฉิงเดินเข้ามาคุกเข่ายกกำปั้นขวาขึ้นแนบอกด้านซ้ายทำท่าคารวะ เขาโบกมือหนึ่งทีให้เยี่ยเฉิงลุกขึ้น ซินเยว่เห็นว่าเยี่ยเฉิงมีเรื่องสำคัญจะคุยกับไป๋เยี่ยนหลงนางจึงอุ้มเสี่ยวเป่าเดินมาหามารดาที่นั่งคุยกับซ่งเว่ยหลงที่ระเบียงหน้าบ้าน คล้อยหลังซินเยว่เยี่ยเฉิงกางม่านพลังป้องกันเสียง"นายท่านมีการปะทะกันของสองกลุ่มทำให้เทพโอสถหนีไปได้ข้าน้อยไร้ความสามารถขอนายท่านโปรดลงโทษ "ไป๋เยี่ยนหลงยังคงเงียบเหม่อมองออกไปที่ซินเยว่"ตามต่อไป"พูดเพียงเท่านั้นไป๋เยี่ยนหลงก็เดินตรงไปหาซินเยว่ที่ระเบียงหน้าบ
"แม่จะไปรู้จักพวกเขาได้อย่างไรเขาบอกว่าเป็นสหายของลูกที่กำลังออกท่องเที่ยวผ่านมาทางนี้เลยแวะมาเยี่ยมเจ้า"ซินเยว่กลอกตาท่าทางหงุดหงิด ท่านแม่ท่าทางพวกเขาดูเหมือนเป็นสหายของข้าหรือท่านถูกคนพวกนั้นหลอกแล้วซินเยว่เค้นสมองคิดหาทางไล่สามคนนั้นกลับไป นางไม่อยากให้มารดารู้เรื่องที่นางเป็นตีนแมวย่องเข้าเรือนผู้อื่น ตอนนี้นางมีชนักติดหลังอยู่จึงโวยวายมากไม่ได้ อีกอย่างนางสู้พวกนั้นไม่ได้อย่างเเน่นอนหากสู้กันเรือนของนางคงพังไม่เหลือชิ้นดี และท่านแม่กับฮุ่ยหลิงอาจเป็นอันตรายได้ ซินเยว่ได้แต่ตอบรับไปส่งๆ เอาไว้ค่อยหาวิธีขับไล่พวกเขาไปทีหลัง"ชะ......ใช่ๆ ข้าลืมไปได้อย่างไรพวกเขาเป็นสหายของข้าเอง "ซินเยว่กัดฟันพูดนางลอบปาดเหงื่อบนหน้าผาก ได้แต่คาดโทษพวกเขาเอาไว้ในใจ"เช่นนั้นเราเข้าไปด้านในกันเถอะ”ซินเยว่ดันหลังมารดาเข้าไปก่อน เจ้าพวกนี้ทำให้อายุขัยของนางลดลงไปหลายปีเลยทีเดียว"คารวะคุณชาย..........."ซินเยว่ทำท่าประสานมือค้อมตัวแล้วมองหน้าบุรุษผมสีเงินสลับกับบุรุษทั้งสองที่อยู่ด้านหลัง เยี่ยจื่อเข้าใจสายตาที่ส่งมาเป็นคำถามของนางทันที" ข้าคือองครักษ์นามว่าเยี่ยจื่อและเยี่ยเฉิงส่วนท่านนี้คือคุณ
"นี่ นี่!!!......"คู่มือการใช้มิติจิตซินเยว่ถึงกับคิ้วกระตุกอะไรจะสะดวกขนาดนั้นอย่างกับซื้อของออนไลน์แล้วแถมคู่มือการใช้งานแบบนั้นเลย ซินเยว่อ่านวิธีใช้มิติจิตของนางคร่าว ๆ คือถ้าพลังเพิ่มในนี้ก็อุดมสมบูรณ์ เข้าออกโดยการใช้จิตควบคุม น้ำในบ่อ คือน้ำทิพย์มรกตใช้ดื่มเพื่อเพิ่มพลังปราณ ใช้ปรุงโอสถจะทำให้เม็ดยาที่หลอมขึ้นมามีคุณภาพมากกว่าเดิมห้าเท่าขวดที่วางบนชั้นคือโอสถหายากที่แผ่นดินชิวหลิงนี้ที่เคยบันทึกเอาไว้ในตำราโบราณ แต่ไม่เคยมีใครสามารถหลอมมันขึ้นมาได้มาก่อนตำราบนชั้นคือตำราสมุนไพรปราณธรรมดาหาง่ายไปจนถึงสมุนไพรปราณในตำนาน ถ้ารู้ว่าที่นี่มีตำราสมุนไพรตั้งแต่แรกนางคงไม่ต้องไปเสี่ยงตายที่ร้านตาเฒ่าคนนั้น และตำราฝึกพลังจิตหืม!!!"พลังจิตหรือ"ซินเยว่ให้ความสนใจตำราเล่มนี้เป็นพิเศษนางใช้เวลาในกระท่อมไปนานเท่าใดไม่รู้จนกระทั่งรู้สึกถึงเจ้าก้อนขนที่ตอนนี้ ใช้อุ้งเท้าหน้าเขี่ยๆ ที่ขาของนาง"ว่าอย่างไรเจ้าตัวน้อย ......ไม่สิเจ้ามีชื่อหรือไม่"ซินเยว่ถามมัน เจ้าก้อนขนส่ายหน้าทำตาปริบๆ"เช่นนั้นให้ข้าตั้งชื่อให้เจ้าดีหรือไม่ ชื่ออะไรดีนะที่ฟังดูแล้วไพเราะและจำได้ง่าย”ซินเยว่นิ่งคิดเล็กน
ยามห้าย (21.00-22.59) ท้องนภากระจ่างใสไร้เมฆหมอกดวงดารานับล้านกระจายเกลื่อนทั่วท้องฟ้า เสียงหวีดหวิวเป็นท่วงทำนองคล้ายเพลงพิณแว่วมาตามสายลมมองขึ้นไปไร้ที่สิ้นสุด ดวงตาสีดำสนิททอประกายแวววาวไม่ต่างจากสีของท้องนภาในยามนี้กะพริบขึ้นลงทำให้ขนตางอนยาวของนางกระพือตาม มองดูคล้ายปีกผีเสื้อสีดำกำลังโบยบิน ดวงหน้างามเด่นขาวราวหยกเหมันต์ชั้นดีตัดกับความมืดยามราตรีเห็นเด่นชัดซินเยว่ในชุดสีดำรวบผมตึงด้วยผ้าผูกผมสีแดงยืนอยู่หน้าร้านขายตำราร้านเล็กท้ายตลาดในเมืองเยว่กว่าง นางยกผ้าสีดำขึ้นมาปิดใบหน้าครึ่งล่างเห็นเพียงดวงตาดำขลับ ซินเยว่กระตุกยิ้มร้ายเมื่อนึกถึงสีหน้าตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ในวันพรุ่งนี้ซินเยว่ทะยานตัวขึ้นไปบนหลังคาของร้านหนังสือ ไต่ไปตามแนวหลังคากระโดดลงไปในสวนที่น่าจะเป็นด้านหลังของร้านหนังสือ ไฟในห้องหลังร้านหนังสือดับลงไปนานแล้ว เพื่อความไม่ประมาทซินเยว่ได้จุดกำยานยาสลบโยนเข้าไปให้ห้องอีกที"หึหึ รับรองหลับยันเช้าแน่"ซินเยว่หัวเราะเบาๆ แล้วค้นหาตำรารายชื่อสมุนไพรปราณเล่มเก่าที่นางหมายตาทันที นางจำได้ว่าตาเฒ่าหยิบตำรามาจากตรงนี้นี่นา ซินเยว่มองไปที่ชั้นตำรารอบๆ ตัวนาง ตอนนี้ซินเยว่ไม่จำเ