"เยว่เอ๋อเหตุใดลูกอยู่ที่นี่หรือว่าลูกอาศัยอยู่ที่เมืองนี้หรือ "
ซินเยว่ชะงักเล็กน้อย นางถอนหายใจออกมาอย่างนึกรำคาญ จากนั้นจึงหันไปสนทนากับหยางจิ่งเทียน
"อืม"
นางตอบสั้นๆ แต่ไม่เปลี่ยนสีหน้า
"ลูกมาที่หอประมูลนี้กับใคร"
'จะอยากรู้ไปทำไมว่านางมากับใครก็ในเมื่อตัดขาดกันไปแล้ว'
ซินเยว่คิดในใจแต่ไม่ได้เอ่ยออกมา นางหันไปหาไป๋เยี่ยนหลงที่ยืนสีหน้าเรียบเฉยด้านข้าง
"นี่คือคุณชายไป๋เป็นสหายของข้าเจ้าค่ะข้ามากับเขา"
ซินเยว่แนะนำง่ายๆ แต่บุรุษที่ยืนอยู่ด้านข้างหยางจิ่งเทียนเอ่ยทะลุกลางปล้องขึ้น
"เจ้าคือคุณหนูใหญ่หยางใช่หรือไม่"
ซินเยว่หันไปมองเขาด้วยความสงสัย ใครอีกเนี่ย
"ใช่ข้าคือหยางซินเยว่แต่หาใช่คุณหนูใหญ่อีกต่อไป"
ซินเยว่ตอบเขาไปทั้งที่ในใจนึกรำคาญ จะมาสืบสาวประวัติอะไรกันตอนนี้นางอยากกลับบ้านไปหาท่านแม่ของนางแล้ว
"ข้าคือองค์ชายสามฉิงอิงหลางคู่หมายของเจ้า"
เมื่อได้โอกาสฉิงอิงหลางจึงแนะนำตัวแก่ซินเยว่
"อ่อ"
ซินเยว่ตอบสั้นๆ เพียงแค่นั้น ฉิงอิงหลางรู้สึกพึงใจในตัวนางตั้งแต่ที่เห็นนางเดินเข้ามาในหอประมูลจันทราแล้ว แต่ด้านข้างของนางมีบุรุษเดินเคียงมาด้วยเขาไม่รู้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์อันใดกัน จนกระทั่ง ได้รู้จากหยางจิ่งเทียนว่านางคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลหยางอดีตคู่หมายของเขา ถึงแม้นางจะตัดขาดจากตระกูลหยางไปแล้วก็ตามทีแต่เขายังมีสิทธิ์ในตัวนางอยู่
เมื่อก่อนฉิงอิงหลางทราบว่าเขาต้องหมั้นหมายกับสตรีที่ไร้พลังปราณเขาก็รู้สึกเดียดฉันท์และหาทางบ่ายเบี่ยงการหมั้นมาโดยตลอด หากเขาทราบมาก่อนว่าหยางซินเยว่มีใบหน้าที่งดงามถึงเพียงนี้เขาคงจะยอมแต่งนางให้เป็นสนมของเขานานแล้วแม้นางจะไร้พลังปราณก็ตามทีฉิงอิงหลางคิดในใจ
ตอนนี้เมื่อได้พบนางแล้วเขาจะไม่มีทางปล่อยนางไปเด็ดขาด ฉิงอิงหลางมองซินเยว่ด้วยสายตาปรารถนา นางหาใช่คนโง่สิ่งที่ฉิงอิงหลางพูดออกมานางย่อมเข้าใจความหมายแต่มีหรือที่นางจะยอม
"ขออภัยองค์ชายสามข้าหยางซินเยว่ได้ตัดขาดจากตระกูลหยางแล้วข้าหาใช่คุณหนูใหญ่อีกต่อไป คุณหนูใหญ่ของตระกูลหยางคือหยาง หลันฮวา"
หยางจิ่งเทียนหน้าเสียทันที เมื่อได้ฟังคำพูดตัดขาดที่ออกมาจากปากบุตรสาวของตน
"เยว่เอ๋อ เจ้า...."
"ข้าตอนนี้เป็นเพียงหยางซินเยว่ที่ไม่มีตระกูล ต้องขออภัยท่านแม่ทัพหยางและองค์ชายสามตอนนี้คนของข้ารอข้านานแล้ว ต้องขอตัวลา”
พูดจบนางก็เดินขึ้นรถม้าไปกับไป๋เยี่ยนหลงไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง คล้อยหลังองค์ชายสามฉิงอิงหลางและหยางจิ่งเทียนซินเยว่นั่งหน้าตูมอยู่ในรถม้านางใช้แขนเท้าคางกับขอบหน้าต่างท่าทางครุ่นคิด
นางจะทำอย่างไรดีไม่คิดเลยว่าจะเจอหยางจิ่งเทียนที่นี่ เจ้าองค์ชายสามนั่นอีกช่างเป็นตัววุ่นวายยิ่งนัก ทำไมนางจะมองไม่ออกว่าสายตาที่เจ้านั่นมองมาที่นางเขาต้องการสิ่งใด อีกไม่นานด้วยอำนาจของราชวงศ์พวกเขาคงรู้แน่ว่านางอยู่ที่ไหนหากให้เดาเจ้านั่นต้องใช้วิธีการบังคับนางให้ยอมสิโรราบแน่นอน จะทำไงดีตอนนี้พลังของนางยังไม่แกร่งพอที่จะต่อกรกับพวกเขาทั้งหมด หรือจะย้ายเข้าไปอยู่ในป่ามืดสายหมอกดี ไม่ได้ที่นั่นอันตรายเกินไปหรือจะย้ายไปอยู่ที่แคว้นอื่น
ตอนนี้นางมีเงินมากมายไม่ต้องกังวลว่าจะลำบากหากจะต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่นางชอบที่นี่นี่นาทำไมชีวิตนางถึงหนีไม่พ้นเรื่องพวกนี้สักทีนะ ไป๋เยี่ยนหลงมองใบหน้าของซินเยว่ที่เดี๋ยวโมโหเดี๋ยวบูดบึ้งเดี๋ยวคิดหนักเดี๋ยวพยักหน้าคนเดียว นางช่างเป็นมนุษย์สตรีที่มีหลากหลายอารมณ์เสียจริง
คิดสิ่งใดก็ออกมาทางสีหน้าหมด ไป๋เยี่ยนหลงรวบตัวซินเยว่ขึ้นมานั่งบนตักของเขาอีกครั้ง เขาใช้คางเกยบนไหล่มนและเอ่ยกับนางเบาๆ ท่าทางสบายๆ ต่างจากปกติที่ชอบทำตัวเฉยชากับทุกสิ่งบนโลกใบนี้
"คิดมาไปไยเป็นคนของข้ามีสิ่งใดต้องกลัว"
เสียงทุ้มที่แสนนุ่มนวลของเขากล่าวอย่างวางอำนาจดังอยู่ข้างหู ของซินเยว่ เขาไม่เคยจะเอ่ยเสียงเช่นนี้กับใครซินเยว่ไม่ดิ้นหนีหรือโวยวายเหมือนเช่นทุกครั้ง นางมีความรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขาเเละนางเชื่อว่าเขาจะปกป้องนางได้จริงดั่งที่เอ่ย
แต่ เอ๊ะ!!! นางหันขวับไปมองเขา
"คนของท่านอันใดกันข้าก็เป็นของข้าจะเป็นของท่านได้อย่างไร"
นางเถียงเขาคอเป็นเอ็น ไป๋เยี่ยนหลงมองสบตาซินเยว่ใช้นิ้วเรียวยาวเกี่ยวเอาเส้นผมที่ระลงมาข้างแก้มขึ้นทัดที่ใบหูเล็กน่ารัก
"ไม่ว่าจะอย่างไรเจ้าก็เป็นของข้า ต่อให้เจ้าต้องตายตกนรกข้าก็จะลงนรกไปพาเจ้ากลับมาเจ้าไม่มีวันหนีข้าพ้น"
ไป๋เยี่ยนหลงสะบัดมือกางม่านพลังกั้นเสียงภายในรถม้าพร้อมทั้งทาบริมฝีปากลงไปทันที ริมฝีปากร้อนดูดดึงริมฝีปากนุ่มที่เเดงเรื่อ อย่างลึกซึ้ง เรียวลิ้นแทรกเข้าไปในปากน้อยดุจลูกอิงเถาซอกซอนไปทั่วอย่างอุกอาจเอาแต่ใจทิ้งร่องรอยกลิ่นอายของเขาเอาไว้
ท่อนแขนแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้ารั้งเอวของนางให้เข้ามาแนบชิดกับอ้อมกอดของเขา ซินเยว่ถูกไป๋เยี่ยนหลงจุมพิตอย่างไม่ทันตั้งตัว พอคิดจะต่อต้านก็ไร้เรี่ยวแรงและไม่มีโอกาสเสียแล้ว
เสี่ยวเป่าโผล่หัวออกมาจากอกเสื้อของซินเยว่ ดวงตาน้อยๆ มองไป๋เยี่ยนหลงจากนั้นมองไปที่ซินเยว่ มันรีบยกอุ้งเท้าน้อยๆ ขึ้นมาปิดดวงตาทั้งสองข้างท่าทางดูจริงจังเพียงแต่ดวงตาที่มองลอดช่องนิ้วออกมาเผยท่าทางสนุกสนาน
หลังจากจุมพิตจนพอใจแล้วไป๋เยี่ยนหลงก็ปล่อยให้ซินเยว่ได้สูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่ ท่าทางของนางคล้ายกำลังจะขาดอากาศหายใจ เขาคลอเคลียอยู่ที่บริเวณใบหูของนางแขนแกร่งยังคงกอดกระชับร่างเล็กอยู่อย่างนั้น
"ไป๋เยี่ยนหลงเป็นบ้าอะไรของท่าน"
ซินเยว่ตวาดเขาด้วยความโกรธ
"ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าเจ้าเป็นของข้า"
เป็นคำประกาศอย่างเผด็จการและเอาแต่ใจที่สุด ซินเยว่มองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าอมเขียวของเขา ดวงตาคู่นี้ยิ่งมองเท่าใดยิ่งชวนให้รู้สึกหวั่นไหวเขาไม่เคยทำแบบนี้กับนาง เหตุใดวันนี้ถึงได้เกิดคลั่งขึ้นมา "ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะท่านอยากให้ข้าเกลียดท่านหรือย่างไร"
นางตวาดเขาอีกครั้งเสียงดังลั่น ดวงตาของไป๋เยี่ยนหลงดำมืดรังสีอำมหิตลอยวนอยู่ในอากาศเขาเค้นเสียงรอดไรฟันออกมา
"เจ้าคิดจะเกลียดข้า"
น่าแปลกที่คำพูดทุกคำและการกระทำของซินเยว่มีผลต่อไป๋เยี่ยนหลงอย่างน่าประหลาด เพียงแค่นางพูดว่าเกลียดเขาหัวใจของไป๋เยี่ยนหลงก็เหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นบีบรัดทำให้รู้สึกเจ็บปวด
"พูดจาเหลวไหลออันใดท่านไม่ได้ชอบข้า ทั้งที่ไม่ได้รักข้าถือดีอย่างไรมาทำกับข้าเช่นนี้"
ซินเยว่จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ไป๋เยี่ยนหลงได้ยินคำพูดของนางกลับไม่ได้บันดาลโทสะผิดจากที่คาด เขาเอ่ยเสียงขรึม
"ซ่งเว่ยหลงข้าขอถาม ท่านจะรับเซวี่ยฟังเฟยเป็นฮูหยินไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจนท่านยังจะกุมมือเซวี่ยฟังเฟยไม่ทอดทิ้ง จะซื่อสัตย์ต่อนาง จะรักและดูแลนางตลอดไปจนชั่วชีวิตหรือไม่ ""ข้ายอมรับ"ซ่งเว่ยหลงเอ่ยเสียงทุ้มกังวานหนักแน่น เสียงของเขาดังสะท้อนอยู่ในใจของเซวี่ยฟังเฟยซ้ำๆ"เซวี่ยฟังเฟย ท่านจะรับซ่งเว่ยหลง เป็นสามีไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจนท่านยังจะกุมมือซ่งเว่ยหลงไม่ทอดทิ้ง จะซื่อสัตย์ต่อกัน จะรักและดูแลกันตลอดไปชั่วชีวิตหรือไม่ ""ข้ายอมรับ"เซวี่ยฟังเฟยเอ่ยเสียงใสกังวาน เมื่อกล่าวจบทั้งสองก็กุมมือของกันและกันแน่น บนแท่นพิธีซินเยว่เมื่อได้ยินคำตอบรับของคนทั้งสองบนใบหน้างามก็ผุดรอยยิ้มขึ้นจางๆ"ถ้าเช่นนั้นข้าขอประกาศให้ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้"จบคำของซินเยว่ คนในงานส่งเสียงฮือฮากันใหญ่"อะเเฮ่ม เอ่อ อันหลังสุดเอาไว้ทำกันสองคนก็ได้"ซินเยว่เอ่ยขึ้นเบาๆ ให้ได้ยินเพียงเเค่สามคนซ่งเว่ยหลง กระตุกยิ้มร้ายที่มุมปากก้มลงอุ้มเซวี่ยฟังเฟยทะยานหายออกจากงานไปทันทีซินเยว่ได้แต่ยิ้มให้คนสำคัญทั้งสองที่เล่นใหญ่กว่าที่นางวางแผนเอาไว
ช่างทำให้คนรู้สึกว้าเหว่ยิ่งนักเสียงในใจของนางดังขึ้นนานแค่ไหนแล้วนะที่นางมาเกิดใหม่ในแผ่นดินนี้ เเต่มันช่างเหมือนกับว่านางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยกี่แล้วเดือนที่เขามาอยู่ที่บ้านของนางและนางก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยบางทีเขาอาจแต่งงานแล้วเขาอาจจะมีครอบครัวอยู่ที่อื่น แล้วเขามาอยู่กับนางทำไมเขาทำดีกับนางทำไมพูดทำไมว่านางเป็นของเขาคำถามมากมายพรั่งพรูออกมาจากความคิดของซินเยว่พร้อมหยดน้ำตาเอ่อคลอไหลจากดวงตาสีรัตติกาลไม่ขาดสายก้อนสะอื้นตีขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอนางไม่สามารถกลั้นมันเอาไว้ได้อีกแล้ว อยากทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยากลืมภาพของเขากับสตรีนางนั้น อยากให้เขานั่งอยู่ตรงนี้คอยปลอบใจนางเหมือนที่ผ่านมาเสียงร้องไห้ดังออกมาอย่างขมขื่นใจโดยที่นางไม่เคยรู้ตัวเลยว่านางชอบเขาถึงเพียงนี้ แค่เพียงเห็นเขาตระกองกอดหญิงอื่นถึงได้รู้ตัวว่านางรู้สึกเจ็บปวดเพียงใด เกิดมาสองครั้งแต่ไม่เคยมีความรักนางจึงไม่รู้วิธีรับมือกับมันเสี่ยวเป่าเมื่อเห็นซินเยวนั่งกอดเข่าร้องไห้ใบหน้างามเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา เหตุใดนางร้องไห้มันก็ไม่เข้าใจเพียงแต่รู้สึกเจ็บปวดไปด้วยเท่านั้น และมันก็ไม่รู้ว่านี่คือค
ซินเยว่เอ่ยเย้ามารดาเล็กน้อยแล้ว หันมาสั่งเจ้าก้อนขนให้ไปกับนาง เซวี่ยฟังเฟยไม่รู้ว่าซินเยว่จะทำอะไรนางได้แต่มองตามไปด้วยความสงสัยหลายวันแล้วที่ซินเยว่ไม่เห็นหน้าของไป๋เยี่ยนหลงเขาหายไปโดยไม่ได้บอกว่าจะไปที่ใด เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงานแต่งงานของมารดาจึงลืมนึกถึงเขาไป ตอนนี้นางคิดเพียงว่าเขาอาจจะออกไปทำธุระเช่นครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมาจึงมิได้สนใจซินเยว่พาเสี่ยวเป่าทะยานออกจากเรือนริมเขาด้วยวิชาทะยานเมฆาที่นางชำนาญ วันนี้นางจะจัดการเรื่องของหม่าชิวหนิงให้เรียบร้อยแล้วไปรับชุดเจ้าสาวและเครื่องประดับที่ร้านขายผ้าในเมืองเยว่กว่างซินเยว่แต่งตัวด้วยชุดสีขาวปักลายดอกโบตั๋นสีชมพูใช้ผ้าโปร่งสีขาวปิดหน้าครึ่งล่างเอาไว้ นางแต่งตัวคล้ายคุณหนูในจวนสกุลใหญ่ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านๆ มานางมักแต่งตัวด้วยชุดคล่องตัวและจะรวบผมขึ้นเฉกเช่นบุรุษเมื่อถึงหน้าประตูเมืองเยว่กว่าง ซินเยว่ก็สังเกตเห็นรถม้าที่คุ้นเคยวิ่งไปทางหอประมูลจันทราด้วยความสงสัยนางจึงตามไปดู ซินเยว่ยืนอยู่หน้าร้านขายเครื่องประดับที่สั่งทำให้เซวี่ยฟังเฟย แต่อยู่ห่างจากหอประมูลจันทราไม่มาก รถม้าจอดลงด้านหน้าหอประมูลบุรุษที่นางคุ้นตาลงมาจากรถม้าด้
ชาวบ้านคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาเขากลัวว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะโกรธ จึงโยนความผิดทั้งหมดให้หม่าชิวหนิง ซ่งเว่ยหลงปกติเเล้วเขาจิตใจดีมีคุณธรรมแต่ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคน อื่นหากเขาออกหน้าให้สองแม่ลูกเช่นนี้แล้วหมายความว่าพวกนางย่อมสำคัญจริงๆ"ใช่ๆ"หญิงวัยกลางคนที่เคยนินทาเซวี่ยฟังเฟยกับหม่าชิวหนิงกล่าวเสริมเพื่อเอาตัวรอด"นางหลงรักท่านหัวหน้าหมู่บ้านเลยมายุยงพวกเราให้เกลียดชังสองแม่ลูก หวังว่าจะได้แต่งให้ท่านพวกข้าแค่หูเบาไปเท่านั้นท่านหัวหน้าหมู่บ้านได้โปรดอย่าถือโทษเราเลย"ชาวบ้านก้มหน้าไม่กล้าสู้หน้าซ่งเว่ยหลง หม่าชิวหนิงได้แต่กัดฟันด้วยความโกรธที่นางถูกชาวบ้านหักหลัง"พวกเจ้าขอโทษผิดคนแล้วที่เจ้าต้องขอโทษคือพวกนางถึงจะถูก"ซ่งเว่ยหลงชี้ไปที่เซวี่ยฟังเฟยและซินเยว่ ชาวบ้านจึงหันไปกล่าวขออภัยทั้งสองคนเสียงอ่อย"ช่างเถอะข้าไม่โทษพวกเจ้า แค่ต่อไปนี้อย่ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่อีก "พูดจบซินเยว่ก็โบกมือทำท่าไล่ให้พวกเขากลับไป เมื่อชาวบ้านเห็นว่าได้โอกาสจึงรีบจากไปทันที ซ่งเว่ยหลงหันมาหาตัวการที่สร้างเรื่องขึ้นในวันนี้"หม่าชิวหนิงข้ามิเคยรักหรือมีใจให้เจ้าข้ามิเคยให้ความหวังอันใดแก่เจ้า อย่าได้คิดไปเ
หม่าชิวหนิงหน้าดำคร่ำเครียดกวาดตามองไปรอบๆ ทุกคนต่างมีสีหน้าประหลาดใจไม่แพ้กัน นางปลดปล่อยพลังสีเหลืองออกมากางเป็นม่านพลังแต่ใครจะรู้ พลังอันไร้ตัวตนฝ่าทะลวงม่านพลังของหม่าชิว หนิงเข้ามาแล้วลงมือตบอีกสองฉาดเพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!ร่างของหม่าชิวหนิงโงนเงนเสียหลักลงไปกองกับพื้นนางกระอักเลือดออกมาคำโต ในนั้นมีฟันสีขาวสองซี่หลุดปนออกมาด้วย นางกรีดร้องเสียงดังถูกตบไปหลายทีแต่ไม่สามารถมองเห็นว่าผู้ใดทำร้ายนาง"ใครมันกล้าทำร้ายข้า"หม่าชิวหนิงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว"ต้องเป็นเจ้าแน่นางเด็กปีศาจเจ้าต้องใช้วิชามารบางอย่างทำร้ายข้า"หม่าชิวหนิงชี้หน้าซินเยว่ชาวบ้านต่างหันมามองนางเป็นตาเดียว"อ้าวๆ ท่านป้าเหตุใดใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ชาวบ้านทุกคนก็เห็นว่าข้ายืนอยู่กับที่ตลอดเวลามิได้ขยับไปที่ใด ข้าว่าอาจเป็นเพราะปากท่านเหม็นก็เป็นได้สวรรค์จึงได้ลงโทษ พวกเจ้าก็ระวังตัวเอาไว้ด้วยเล่าพูดเรื่องที่ไม่เป็นความจริงระวังสวรรค์จะลงโทษเหมือนนาง"ซินเยว่หัวเราะออกมาท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อนกับท่าทางเกรี้ยวกราดของหม่าชิวหนิงและนางยังทำเหมือนเรื่องที่ชาวบ้านมาชุมนุมที่หน้าเรือนของนางไม่ใช่เรื่องของนาง"นี่แล้วพวกเจ้าทุกค
หยางจิ่งเทียนตะโกนถามออกไปอย่างยากเย็นเพราะในโพรงปากของเขาเต็มไปด้วยเลือดที่กระอักออกมา ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าฉิงอิงหลางจะหาเสียงของตนเจอทุกอย่างก็จบลงไปแล้ว"พลังสีน้ำเงินนั่น หรือว่าท่านคือ......"ซ่งเว่ยหลงหันมาทางฉิงอิงหลางประสานมือทำท่าคารวะ"ขออภัยที่กระหม่อมมิได้เปิดเผยตัวกระหม่อมคืออดีตหัวหน้าองครักษ์ของฝ่าบาท นามว่าซ่งเว่ยหลง"ฉิงอิงหลางตาโตเขาเคยได้ยินมาว่าเมื่อหลายปีก่อนเคยมีองครักษ์ที่มีพรสวรรค์อยู่ผู้หนึ่ง เขามีพลังปราณสีน้ำเงินตั้งแต่อายุยังน้อยฝีมือเก่งกาจมิอาจหาผู้ใดเทียบได้ เเต่ไม่รู้ด้วยเพราะเหตุใดเขาได้ลาออกจากการเป็นองครักษ์ในวังหลวงและหายตัวไปไม่เคยทราบข่าวคราวจนกระทั่งตอนนี้ ฉิงอิงหลางรู้แล้วว่าองครักษ์คนนั้นคือบุรุษร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้"หามิได้ข้าเพียงแปลกใจที่ท่านลาออกจากการเป็นหัวหน้าองครักษ์หลวงแต่มาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ริมชายเเดนเช่นนี้"ฉิงอิงหลางตอบซ่งเว่ยหลงด้วยความยำเกรงขึ้นหลายส่วน ซ่งเว่ยหลงมิได้ตอบอันใดเขาเดินไปประจันหน้ากับหยางจิ่งเทียนที่นอนกุมบาดแผลอยู่ที่พื้นยังไม่สามารถลุกขึ้นมาได้"เจ้ายังคิดอยากจะสู้กับข้าอีกหรือไม่ ข้าไม