"แม่จะไปรู้จักพวกเขาได้อย่างไรเขาบอกว่าเป็นสหายของลูกที่กำลังออกท่องเที่ยวผ่านมาทางนี้เลยแวะมาเยี่ยมเจ้า"
ซินเยว่กลอกตาท่าทางหงุดหงิด ท่านแม่ท่าทางพวกเขาดูเหมือนเป็นสหายของข้าหรือท่านถูกคนพวกนั้นหลอกแล้ว
ซินเยว่เค้นสมองคิดหาทางไล่สามคนนั้นกลับไป นางไม่อยากให้มารดารู้เรื่องที่นางเป็นตีนแมวย่องเข้าเรือนผู้อื่น ตอนนี้นางมีชนักติดหลังอยู่จึงโวยวายมากไม่ได้ อีกอย่างนางสู้พวกนั้นไม่ได้อย่างเเน่นอนหากสู้กันเรือนของนางคงพังไม่เหลือชิ้นดี และท่านแม่กับฮุ่ยหลิงอาจเป็นอันตรายได้ ซินเยว่ได้แต่ตอบรับไปส่งๆ เอาไว้ค่อยหาวิธีขับไล่พวกเขาไปทีหลัง
"ชะ......ใช่ๆ ข้าลืมไปได้อย่างไรพวกเขาเป็นสหายของข้าเอง "
ซินเยว่กัดฟันพูดนางลอบปาดเหงื่อบนหน้าผาก ได้แต่คาดโทษพวกเขาเอาไว้ในใจ
"เช่นนั้นเราเข้าไปด้านในกันเถอะ”
ซินเยว่ดันหลังมารดาเข้าไปก่อน เจ้าพวกนี้ทำให้อายุขัยของนางลดลงไปหลายปีเลยทีเดียว
"คารวะคุณชาย..........."
ซินเยว่ทำท่าประสานมือค้อมตัวแล้วมองหน้าบุรุษผมสีเงินสลับกับบุรุษทั้งสองที่อยู่ด้านหลัง เยี่ยจื่อเข้าใจสายตาที่ส่งมาเป็นคำถามของนางทันที
" ข้าคือองครักษ์นามว่าเยี่ยจื่อและเยี่ยเฉิงส่วนท่านนี้คือคุณชายของข้าแซ่ไป๋เรารู้จักกับแม่นางหยางที่โรงเตี๊ยมในเมืองหลวง ตอนนี้ออกเดินทางท่องเที่ยวผ่านมาทางนี้เลยแวะเยี่ยมเยียน เห็นว่าที่นี่ร่มรื่นเงียบสงบคุณชายเลยอยากขอพักที่นี่คงไม่เป็นการรบกวนท่านกระมัง"
เยี่ยจื่อแนะนำตัวแก่มารดาของซินเยว่และมัดมือชกบอกจุดประสงค์ความต้องการที่ไม่ให้นางสามารถปฏิเสธได้ ซินเยว่ได้แต่กำหมัดแน่น เจ้าพวกน่าตายพวกนี้บังอาจข่มขู่นางถ้าหากว่านางไม่ให้พวกเขาเข้าพักที่นี่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะก่อเรื่องอะไรอีก
" เชิญคุณชายทั้งสามตามสบายอยากจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหนตามใจพวกท่านเลย"
ซินเยว่กัดฟันพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางอยากชักดาบออกมาฟันเจ้าสามคนนี้ให้หัวแบะจริงๆ เลยหน้าหนาหน้าทนคนหนึ่งก็หน้าตายคนหนึ่งก็หน้าด้านอยากอยู่ก็อยู่ไปนางหาที่อยู่ใหม่ได้เมื่อไหร่จะหายเข้ากลีบเมฆเลยคอยดู ซินเยว่ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอนาคตชีวิตของนางนับจากนี้ไม่มีทางที่จะหลีกหนีจากเขาพ้น
หลายวันต่อมาซ่งเว่ยหลงได้ยินชาวบ้านพูดกันว่ามีบุรุษรูปงามเข้าพักที่เรือนของเซวี่ยฟังเฟย เขาก็รู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมากรีบมาดูให้เห็นกับตาว่าเป็นอย่างที่ได้ยินมาหรือไม่ เมื่อซ่งเว่ยหลงมาถึงหน้าเรือนของเซวี่ยฟังเฟยเขามองเข้าไปด้านใน มีบุรุษรูปงามผมสีเงินนั่งจิบชาที่โต๊ะหน้าระเบียง ซินเยว่เห็นว่าตรงนี้ร่มรืนดีมีต้นไม้ด้านข้างทำให้ระเบียงด้านนี้ไม่โดนแดดจึงเอาโต๊ะเก้าอี้มาวางไว้นั่งเล่นแต่ตอนนี้เป็นที่ประจำของคุณชายไป๋ไปเสียแล้ว ซ่งเว่ยหลงเดินตัวปลิวเข้ามาหาบุรุษทั้งสองที่นั่งอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน
"ข้าได้ยินว่ามีบุรุษเข้ามาพักที่เรือนของเเม่นางเซวี่ย ข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านของที่นี่ไม่ทราบว่าท่านเป็นอะไรกับนาง"
ไป๋เยี่ยนหลงเพียงปรายตามองเขาเท่านั้นแต่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอันใดออกมา เยี่ยจื่อยิ่งไม่ต้องพูดถึงปกติก็เป็นคนที่ปากหนักอยู่แล้วหากไม่ถามเขาทั้งวันก็ไม่ปริปากออกมา เซวี่ยฟังเฟยถือจานขนมที่นางพึ่งทำเสร็จเดินเข้ามาพอดี
"อ้าวท่านหัวหน้าหมู่บ้านมีธุระอันใดหรือเจ้าคะ"
เซวี่ยฟังเฟยมองไปที่ซ่งเว่ยหลงด้วยความสงสัยเพราะตั้งแต่ที่ซินเยว่พูดกับเขาวันนั้นซ่งเว่ยหลงก็หายหน้าไป พึ่งจะได้พบกันวันนี้เอง
"คือ ข้าได้ยินชาวบ้านพูดกันว่ามีชายแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านและพวกเขาเข้าพักที่เรือนของเจ้า ข้าเลยแวะมาดูสักหน่อยเรือนของพวกเจ้าอยู่กันมีเพียงสตรีข้าเกรงว่าจะเกิดอันตรายพวกเจ้าจะให้ใครเข้าพักควรดูให้ดี"
ซ่งเว่ยหลงปรายตามองตัวต้นเหตุ และคิดหาเหตุผลมากล่าวอ้างกับเซวี่ยฟังเฟย
"อ่อ ท่านนี้คือคุณชายไป๋เป็นสหายของเยว่เอ๋อเจ้าค่ะ พวกเขาผ่านมาทางนี้เลยแวะมาเยี่ยม เห็นว่าที่นี่งดงามจึงอยู่หลายวัน"
ชายที่ถูกกล่าวถึงตั้งแต่แรกจนกระทั่งตอนนี้ยังไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาเเม้เพียงครึ่งคำ เขานั่งจิบชามองออกไปด้านนอกระเบียงที่มีร่างระหงกำลังก้มๆ เงยๆ ปลูกดอกไม้ป่าที่นางได้มาเมื่อตอนเช้า พร้อมกับเสี่ยวเป่าตัวน้อยที่คอยช่วยนางอยู่ข้างๆ ไป่เยี่ยนหลงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินทอดน่องไปทางซินเยว่อย่างช้าๆ นางกำลังง่วนอยู่กับการขุดดินจึงไม่ทันสังเกตเห็น
"เจ้ากำลังทำอันใด"
ซินเยว่เงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ ใบหน้าของนางเลอะไปด้วยเศษดินชุดที่ใส่ก็มีคราบสกปรกผมเผ้ายุ่งเหยิงหน้าผากมีเหงื่อผุดเต็มไรผม ช่างดูมอมแมมไม่สมกับเป็นสตรีเอาเสียเลย
แต่ในสายตาของเขานางกลับดูงดงามเป็นธรรมชาติไม่ต้องปรุงแต่งเหมือนสตรีอื่นที่ชอบใช้มารยาเสแสร้ง แสดงท่าทางอ่อนหวานให้เขาพึงพอใจ นางไม่เคยพยายามเข้าหาเขาเลยสักครั้งมีแต่จะพยายามหลบเลี่ยง ไม่ว่านางอยู่ในชุดแบบไหนก็ไม่สามารถปิดบังรัศมีความงดงามของนางได้
"ทำไม"
ซินเยว่ถามกลับเสียงแข็งมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ตั้งแต่เจ้าหน้าตายนี่เข้ามาอยู่ที่บ้านของนาง เขาก็ทำเหมือนที่นี่เป็นบ้านของตนเองใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ที่เยี่ยจื่อทำร้ายนางก่อนหน้านี้เขาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่านแม่ก็ดูจะชอบเจ้าคุณชายหน้าตายนี่เหลือเกิน
เหอะเอาขนมของนางไปให้เจ้าพวกนั้นกินทำไมกันนั่นขนมที่นางชอบเลยนะขนมที่ท่านแม่ทำขึ้นด้วยตัวเอง ซินเยว่นึกอย่างหงุดหงิดนางสะบัดหน้าหนีเขาอย่างแง่งอน
"อยากอยู่ที่นี่ข้าก็ให้ท่านอยู่ แล้วยังจะต้องการอะไรจากข้าอีก คุณ ชาย ไป๋"
ซินเยว่เอ่ยชื่อเขาเน้นทีละคำออกมาอย่างโกรธกรุ่น นางอดทนมาหลายวันแล้วพยายามไม่ยุ่งกับเขา ตอนนี้นางไม่อาละวาดก็ดีเท่าไหร่ ไป๋เยี่ยนหลงยังคงเงียบไม่เอ่ยอะไร เขายกมือขึ้นใช้นิ้วโป้งเช็ดคราบดินที่ข้างแก้มของนางแผ่วเบา ซินเยว่ชะงักไปทันทีนางไม่ได้ปัดมือของเขาออก เเต่ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อว่าเจ้ามนุษย์หน้าตายผู้นี่จะรู้จักนุ่มนวลเป็นกับเขาด้วย ปกติเห็นแต่ทำหน้านิ่งๆ อยากได้อะไรก็ใช้เพียงสายตาเวลาตอบรับก็เพียงพยักหน้า ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่นางไม่เคยได้ยินเขาพูดเกินสิบประโยค
"เยี่ยนหลง......"
ซินเยว่ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร
"เรียกข้าว่าเยี่ยนหลง"
"ทะ.. ทำไมข้าต้องเรียกท่านว่าเยี่ยนหลง ระ... เรียกคุณชายไป๋ก็ดีอยู่แล้ว"
ซินเยว่พูดตะกุกตะกัก นางไม่คิดว่าเขาจะมาไม้นี้ทำให้นางรับมือเขาไม่ถูกแล้ว ปกติก็เป็นคนไม่ค่อยจะพูดแต่พออ้าปากก็หาเรื่องทำให้คนประหลาดใจได้ทุกที เขาช่างเป็นบุรุษที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่นางเคยพบมาเลย
"เรียก........"
ไป๋เยี่ยนหลงใช้สายตามองกดดันมาที่นาง ซินเยว่ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ แค่เรียกชื่อก็พอแล้วใช่หรือไม่เขาจะได้เลิกมาตอแยนางสักที
"ดะ....ได้ ได้ เรียกแล้วข้าเรียกแล้ว ยะ...."
เห็นเขามองหน้านางอยู่นานแต่ไม่ยอมพูดอะไรสักที"เจ้ามีสิ่งใดที่ต้องการหรือไม่เขาถามซินเยว่เบาๆ นางส่ายหน้าไปมาทำสีหน้าเบื่อหน่าย"ท่านลากข้ามาจากบ้านเพื่อที่จะมาดูอะไรที่น่าเบื่อแบบนี้เนี่ยนะ ช่างเสียเวลาของข้าซะจริงท่านจะรับผิดชอบอย่างไร"ซินเยว่ทำหน้างอง้ำ พานางมาทั้งที่นางไม่เต็มใจแถมยังต้องมาเจอกับคนที่ไม่อยากเจอที่สุด"ข้าคิดว่ามีบางสิ่งที่เจ้าต้องการ"หลังจากที่ไป๋เยี่ยนหลงพูดจบด้านล่างก็บังเกิดเสียงฮือฮาของผู้คนดังขึ้น"เกิดอะไรขึ้นหรือ"ซินเยว่หันไปให้ความสนใจด้านล่าง ผู้ดูแลหอประมูลจันทราที่ก่อนหน้านี้เข้ามาทำความเคารพไป๋เยี่ยนหลงยืนอยู่กลางลานเวทีประมูลด้านข้างมีสาวงามชุดสีแดง ยืนถือถาดสีทองตรงกลางมีกล่องกำมะหยี่สีดำวางอยู่"สิ่งนี้คือของประมูลชิ้นสุดท้ายของวันนี้ บางท่านคงจะทราบดีอยู่แล้วว่าของที่อยู่ในกล่องนี้คือสิ่งใด"ผู้ดูแลกล่าวเสียงดังชัดเจน เขารับกล่องกำมะหยี่จากสาวงามมาวางไว้บนเเท่นศิลาสีดำกลางลานประมูล"สิ่งนี้ก็คือโอสถเพิ่มพลังปราณความบริสุทธิ์เต็มสิบส่วน ซึ่งยังไม่มีผู้ใดเคยมีในครอบครองมาก่อน ผู้ที่กินโอสถนี้เข้าไปสามารถเลื่อนระดับพลังได้ถึงสามขั้นย่อยหนึ่งขั้นให
ตอนนี้ซินเยว่เขินจนต้องมุดหน้าหลบที่ซอกคอของไป๋เยี่ยนหลงนางตัวสั่นน้อยๆ ด้วยความตกใจระคนขัดเขิน ถึงแม้นางจะเคยเกิดมาแล้วสองรอบแต่นี่เป็นจูบแรกของนางเลยนะ จูบแรกของนาง ใบหน้าเล็กแดงก่ำทำปากบ่นขมุบขมิบคนเดียวหลังจากที่ซินเยว่ได้สติคืนมานางไม่กล้าดื้อที่จะลงจากตักของไป๋เยี่ยนหลงอีกนางกลัวว่าจะถูกเขาทำโทษอีกครั้ง ซินเยว่ได้แต่บ่นในใจเจ้าคนหน้าหนาทำโทษอะไรกันเอาเปรียบนางชัดๆ คอยดูเถอะนางจะวางยาถ่ายในอาหารของเขาซินเยว่ได้เเต่บ่นในใจคนเดียวไม่กล้าเอ่ยออกมาแม้เพียงครึ่งคำกลัวเขาจะเอาคืนมากกว่าเดิม รถม้าออกจากเรือนของซินเยว่วิ่งตามถนนผ่านหมู่บ้านต้งเถียนไปอย่างช้าๆ หม่าชิวหนิงมองตามจนลับสายตาจากนั้นจึงหันมาพูดกับหญิงวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปี"รถม้านั่นวิ่งมาจากบ้านของหญิงหม้ายแซ่เซวี่ยนี่นา........ หญิงเเพศยาไม่มีสามีแต่กลับพาบุรุษเข้ามาอยู่ในบ้าน"หม่าชิวหนิงบิดปากพูดออกไปด้วยความริศยา หวังให้หญิงวัยกลางคนเห็นด้วยกับตน ตั้งแต่ได้ยินชาวบ้านเล่าลือว่ามีหญิงหม้ายใบหน้างดงามมาอาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านกับบุตรสาว นางก็บังเกิดความรู้สึกเกลียดชังทั้งๆ ที่นางไม่เคยพบหน้าเซวี่ยฟังเฟยเลยสักครั้ง ยิ่งมีคนเล
ซินเยว่พูดไม่ออกนางได้แต่ยกมือขึ้นโบกไปมาพลางพยักหน้า"เยี่ยนหลง"นางเอ่ยเสียงแผ่วเบาเเต่ชัดเจนในโสตของเขา ซินเยว่เงยหน้าขึ้นสบสายตาที่กำลังมองมาที่นาง ใบหน้าของไป๋เยี่ยนหลงยังคงเรียบเฉยเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงมีเพียงใบหูเท่านั้นที่เเดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด แต่ซินเยว่สังเกตเห็นมันได้นี่เขาอายหรือ ซินเยว่รู้สึกประหลาดใจเพียงแค่นางเอ่ยชื่อเขาเนี่ยนะ ซินเยว่มองหน้าไป๋เยี่ยนหลงตาปริบๆ ตอนนี้นางทำตัวไม่ถูกแล้วเสี่ยวเป่าที่เล่นดินอยู่ที่พื้นนอนกลิ้งไปมาส่งเสียง จิ๊ จ๊ะ คล้ายไม่พอใจที่พวกเขาไม่สนใจมัน"นายท่าน"เยี่ยเฉิงเดินเข้ามาคุกเข่ายกกำปั้นขวาขึ้นแนบอกด้านซ้ายทำท่าคารวะ เขาโบกมือหนึ่งทีให้เยี่ยเฉิงลุกขึ้น ซินเยว่เห็นว่าเยี่ยเฉิงมีเรื่องสำคัญจะคุยกับไป๋เยี่ยนหลงนางจึงอุ้มเสี่ยวเป่าเดินมาหามารดาที่นั่งคุยกับซ่งเว่ยหลงที่ระเบียงหน้าบ้าน คล้อยหลังซินเยว่เยี่ยเฉิงกางม่านพลังป้องกันเสียง"นายท่านมีการปะทะกันของสองกลุ่มทำให้เทพโอสถหนีไปได้ข้าน้อยไร้ความสามารถขอนายท่านโปรดลงโทษ "ไป๋เยี่ยนหลงยังคงเงียบเหม่อมองออกไปที่ซินเยว่"ตามต่อไป"พูดเพียงเท่านั้นไป๋เยี่ยนหลงก็เดินตรงไปหาซินเยว่ที่ระเบียงหน้าบ
"แม่จะไปรู้จักพวกเขาได้อย่างไรเขาบอกว่าเป็นสหายของลูกที่กำลังออกท่องเที่ยวผ่านมาทางนี้เลยแวะมาเยี่ยมเจ้า"ซินเยว่กลอกตาท่าทางหงุดหงิด ท่านแม่ท่าทางพวกเขาดูเหมือนเป็นสหายของข้าหรือท่านถูกคนพวกนั้นหลอกแล้วซินเยว่เค้นสมองคิดหาทางไล่สามคนนั้นกลับไป นางไม่อยากให้มารดารู้เรื่องที่นางเป็นตีนแมวย่องเข้าเรือนผู้อื่น ตอนนี้นางมีชนักติดหลังอยู่จึงโวยวายมากไม่ได้ อีกอย่างนางสู้พวกนั้นไม่ได้อย่างเเน่นอนหากสู้กันเรือนของนางคงพังไม่เหลือชิ้นดี และท่านแม่กับฮุ่ยหลิงอาจเป็นอันตรายได้ ซินเยว่ได้แต่ตอบรับไปส่งๆ เอาไว้ค่อยหาวิธีขับไล่พวกเขาไปทีหลัง"ชะ......ใช่ๆ ข้าลืมไปได้อย่างไรพวกเขาเป็นสหายของข้าเอง "ซินเยว่กัดฟันพูดนางลอบปาดเหงื่อบนหน้าผาก ได้แต่คาดโทษพวกเขาเอาไว้ในใจ"เช่นนั้นเราเข้าไปด้านในกันเถอะ”ซินเยว่ดันหลังมารดาเข้าไปก่อน เจ้าพวกนี้ทำให้อายุขัยของนางลดลงไปหลายปีเลยทีเดียว"คารวะคุณชาย..........."ซินเยว่ทำท่าประสานมือค้อมตัวแล้วมองหน้าบุรุษผมสีเงินสลับกับบุรุษทั้งสองที่อยู่ด้านหลัง เยี่ยจื่อเข้าใจสายตาที่ส่งมาเป็นคำถามของนางทันที" ข้าคือองครักษ์นามว่าเยี่ยจื่อและเยี่ยเฉิงส่วนท่านนี้คือคุณ
"นี่ นี่!!!......"คู่มือการใช้มิติจิตซินเยว่ถึงกับคิ้วกระตุกอะไรจะสะดวกขนาดนั้นอย่างกับซื้อของออนไลน์แล้วแถมคู่มือการใช้งานแบบนั้นเลย ซินเยว่อ่านวิธีใช้มิติจิตของนางคร่าว ๆ คือถ้าพลังเพิ่มในนี้ก็อุดมสมบูรณ์ เข้าออกโดยการใช้จิตควบคุม น้ำในบ่อ คือน้ำทิพย์มรกตใช้ดื่มเพื่อเพิ่มพลังปราณ ใช้ปรุงโอสถจะทำให้เม็ดยาที่หลอมขึ้นมามีคุณภาพมากกว่าเดิมห้าเท่าขวดที่วางบนชั้นคือโอสถหายากที่แผ่นดินชิวหลิงนี้ที่เคยบันทึกเอาไว้ในตำราโบราณ แต่ไม่เคยมีใครสามารถหลอมมันขึ้นมาได้มาก่อนตำราบนชั้นคือตำราสมุนไพรปราณธรรมดาหาง่ายไปจนถึงสมุนไพรปราณในตำนาน ถ้ารู้ว่าที่นี่มีตำราสมุนไพรตั้งแต่แรกนางคงไม่ต้องไปเสี่ยงตายที่ร้านตาเฒ่าคนนั้น และตำราฝึกพลังจิตหืม!!!"พลังจิตหรือ"ซินเยว่ให้ความสนใจตำราเล่มนี้เป็นพิเศษนางใช้เวลาในกระท่อมไปนานเท่าใดไม่รู้จนกระทั่งรู้สึกถึงเจ้าก้อนขนที่ตอนนี้ ใช้อุ้งเท้าหน้าเขี่ยๆ ที่ขาของนาง"ว่าอย่างไรเจ้าตัวน้อย ......ไม่สิเจ้ามีชื่อหรือไม่"ซินเยว่ถามมัน เจ้าก้อนขนส่ายหน้าทำตาปริบๆ"เช่นนั้นให้ข้าตั้งชื่อให้เจ้าดีหรือไม่ ชื่ออะไรดีนะที่ฟังดูแล้วไพเราะและจำได้ง่าย”ซินเยว่นิ่งคิดเล็กน
ยามห้าย (21.00-22.59) ท้องนภากระจ่างใสไร้เมฆหมอกดวงดารานับล้านกระจายเกลื่อนทั่วท้องฟ้า เสียงหวีดหวิวเป็นท่วงทำนองคล้ายเพลงพิณแว่วมาตามสายลมมองขึ้นไปไร้ที่สิ้นสุด ดวงตาสีดำสนิททอประกายแวววาวไม่ต่างจากสีของท้องนภาในยามนี้กะพริบขึ้นลงทำให้ขนตางอนยาวของนางกระพือตาม มองดูคล้ายปีกผีเสื้อสีดำกำลังโบยบิน ดวงหน้างามเด่นขาวราวหยกเหมันต์ชั้นดีตัดกับความมืดยามราตรีเห็นเด่นชัดซินเยว่ในชุดสีดำรวบผมตึงด้วยผ้าผูกผมสีแดงยืนอยู่หน้าร้านขายตำราร้านเล็กท้ายตลาดในเมืองเยว่กว่าง นางยกผ้าสีดำขึ้นมาปิดใบหน้าครึ่งล่างเห็นเพียงดวงตาดำขลับ ซินเยว่กระตุกยิ้มร้ายเมื่อนึกถึงสีหน้าตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ในวันพรุ่งนี้ซินเยว่ทะยานตัวขึ้นไปบนหลังคาของร้านหนังสือ ไต่ไปตามแนวหลังคากระโดดลงไปในสวนที่น่าจะเป็นด้านหลังของร้านหนังสือ ไฟในห้องหลังร้านหนังสือดับลงไปนานแล้ว เพื่อความไม่ประมาทซินเยว่ได้จุดกำยานยาสลบโยนเข้าไปให้ห้องอีกที"หึหึ รับรองหลับยันเช้าแน่"ซินเยว่หัวเราะเบาๆ แล้วค้นหาตำรารายชื่อสมุนไพรปราณเล่มเก่าที่นางหมายตาทันที นางจำได้ว่าตาเฒ่าหยิบตำรามาจากตรงนี้นี่นา ซินเยว่มองไปที่ชั้นตำรารอบๆ ตัวนาง ตอนนี้ซินเยว่ไม่จำเ