"มิใช่เช่นนั้นพวกเราอายุยืนก็จริงแต่ก็สามารถตายได้ เช่นถูกพิษ ถูกทำร้ายก็บาดเจ็บมีเลือดออกหรือถูกฆ่าก็ตายได้เช่นกัน เจ้าจำที่ข้าเล่าให้ฟังได้หรือไม่ เจ้าช่วยชีวิตหญิงท้องแก่กำลังคลอดแต่นางเสียชีวิตพร้อมเด็กทารกในครรภ์ นั่นก็เป็นอีกตัวอย่างทุกคนที่นี่สามารถตายได้เพียงแต่อายุจะหยุดลงที่ยี่สิบห้าปีและการถือกำเนิดของเจ้ามันคล้ายกับว่าเจ้าเป็นยาอายุวัฒนะ พวกที่มีอำนาจมืดในแผ่นดินไป๋หลงจึงต้องการตัวเจ้า หากตอนนี้พวกมันรู้ว่าเจ้าคือไซซีเมื่อสามร้อยปีก่อนและข้าคิดว่าพวกมันคงจะรู้แล้ว อีกไม่นานพวกมันคงจะหาทางมาเอาตัวเจ้าไปแน่"
ไป๋เยี่ยนหลงอธิบายให้สตรีขี้หึงในอ้อมแขนของเขาฟังอย่างใจเย็นและทำท่านึกบางอย่างขึ้นมาได้
"ข้ายังมีบางสิ่งที่ยังไม่ได้บอกเจ้า"
ซินเยว่เลิกคิ้วขึ้นมองไป๋เยี่ยนหลงอย่างสงสัย บุรุษผมสีเงินยังคงอมพะนำมิยอมเอ่ยปาก เขาลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปให้ซินเยว่ นางมองมือเขาอย่างงงๆ แต่ก็ยังยื่นมือให้เขาและลุกขึ้นเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย ไป๋เยี่ยนหลงเดินเข้าไปด้านในสุดของห้องนอนเขายกมือขึ้นวาดอักขระที่ซินเยว่มองแล้วทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจว่าไป๋เยี่ยนหลงกำลังทำสิ่งใด
เสียงคลืน!!ดังขึ้นคล้ายกับมีของหนักบางอย่างขยับ ซินเยว่หันมองตามเสียงผนังหยกชั้นดีสีขาวค่อยๆ แยกออกจากกันไป๋เยี่ยนหลงพยักหน้าให้ซินเยว่เป็นเชิงบอกว่าให้นางตามเขามา ทั้งสองคนเดินผ่านประตูบานนั้นไปแล้วประตูหยกก็ปิดลงเช่นเดิมไม่มีแม้ร่องรอยให้เห็นว่าเคยมีประตูอยู่ตรงนี้ ซินเยว่รู้สึกทึ่งกับวิทยาการของแผ่นดินไป๋หลงยิ่งนักไม่ต้องมีปุ่มกดหรือรหัสเพียงแค่วาดอักขระก็สามารถเปิดประตูได้ ปลอดภัยกว่าตู้เซฟที่ดีที่สุดของโลกเก่านางเสียอีก ไม่มีปุ่มกดไม่มีรูกุญแจไม่ต้องสแกนนิ้วมือไม่ต้องสแกนม่านตาใช้เพียงอักขระที่อยู่ในหัวถึงจะเปิดประตูได้
ซินเยว่ยังคงมองสำรวจห้องลับที่ไป๋เยี่ยนหลงพานางเข้ามา ด้านในนี้เป็นห้องสี่เหลี่ยมสีขาวว่างเปล่ามีเพียงแท่นหยกสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่คล้ายเตียงเท่านั้นวางอยู่ ไป๋เยี่ยนหลงเดินตรงไปที่แท่นหยกที่วางเด่นอยู่ตรงกลางห้อง เขาวาดมือเบาๆ อักขระบางอย่างก็ปรากฏขึ้นเขาใช้เวลาราวครึ่งก้านธูปในการวาดอักขระ ซินเยว่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำให้ซับซ้อนถึงขนาดนั้นเพราะนางคิดว่าการจะเข้ามาในห้องนี้ก็ยากมากพออยู่แล้วยังต้องสร้างอักขระป้องกันอีกหลายชั้นเอาไว้ภายในห้องนี้ทำไมกัน
หลังจากที่อักษรอักขระทั้งหลายที่ไป๋เยี่ยนหลงเขียนขึ้นสลายไป พลันปรากฏร่างของสตรีชุดสีขาวนอนอยู่บนแท่นหยกใบหน้าของนางคล้ายว่ากับกำลังนอนหลับอยู่
ซินเยว่มองใบหน้าของสตรีที่นอนอยู่บนแท่นหยกอย่างตกตะลึงนางรู้สึกคุ้นเคยกับสตรีนางนี้ยิ่งนัก นางช่างเป็นสตรีที่งดงามหากจะบอกว่าหยางซินเยว่งดงามมที่สุดบนแผ่นดินชิวหลิงยังเทียบไม่ได้กับสตรีที่นอนอยู่บนแท่นหยกนี้ ซินเยว่ไม่สามารถจะบรรยายความงดงามของนางออกมาได้ ใบหน้าของนางจะบอกว่าเหมือนคนยุโรปหรือเอเชียผสมกันก็มิใช่นัก เส้นผมสีดำที่แผ่สยายยาวจนถึงบั้นเอวส่งเสริมให้ร่างงามที่นอนอยู่ดูโดดเด่นแม้ว่านางจะไม่ได้ลืมตา แต่คิ้วจมูกและปากของนางทำให้ใบหน้างามของนางดูโดดเด่นผิวของนางขาวราวกับหยกชั้นดีที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก แม้แต่ซินเยว่ที่เป็นผู้หญิงยังรู้สึกชื่นชมและมิอาจละสายตาไปจากนางได้ ซินเยว่ยอมแพ้อย่างราบคาบหากจะต้องประชันความงามกับนาง
ไป๋เยี่ยนหลงยืนมองซินเยว่ที่ยังคงชื่นชมความงามของสตรีที่นอนอยู่ เขามิได้เอ่ยปากอันใดรอให้ซินเยว่หายจากอาการตกตะลึงเสียก่อน นางในตอนนี้มิได้ต่างจากเขาที่เห็นไซซีในครั้งแรกตอนที่ท่านจ้าวผู้ครองนครคนก่อนพานางมา
"นางเป็นใคร"
ซินเยว่เอ่ยถามไป๋เยี่ยนหลงเสียงเบาคล้ายไม่ต้องการรบกวนการนอนของสตรีผู้งดงามนางนี้ แม้ยามหลับนางยังงดงามถึงเพียงนี้แล้วถ้าหากนางลืมตาตื่นขึ้นมาไม่ใช่ว่านางคือผู้ที่พิฆาตสตรีทั่วทั้งแผ่นดินนี้หรือ
"ไซซี"
เมื่อได้ยินชื่อนั้นออกจากปากไป๋เยี่ยนหลงซินเยว่หันไปมองบุรุษผมสีเงินทันที
"เจ้าบอกข้าว่านางตายไปแล้วมิใช่หรือ"
ไป๋เยี่ยนหลงพยักหน้าตอบรับแล้วเขาก็ยกมือขึ้นสะบัดเบาๆ คริสตัลสีใสรูปทรงหยดน้ำขนาดเท่ากำปั้นปรากฏขึ้นบนร่างของไซซี
ซินเยว่มองไปที่ไป๋เยี่ยนหลงด้วยสายตามีคำถาม
"น้ำแข็งหมื่นปีข้าได้มาจากหุบเขาเหมันต์มันช่วยรักษาร่างของเจ้ามิให้สูญสลายตามกาลเวลาและรวมกับเลือดของข้าแล้วทำให้ร่างยังคงสภาพไว้เช่นเดิมคล้ายคนนอนหลับไปเพียงเท่านั้น"
"แต่นางตายแล้วใช่หรือไม่"
ซินเยว่เอ่ยถามไป๋เยี่ยนหลงอย่างเศร้าสร้อย บุรุษผมสีเงินเพียงพยักหน้าเท่านั้นมิได้เอ่ยสิ่งใดออกมา เขาไม่อยากเอ่ยคำว่าตายกับนางอีกแล้ว
"แล้วเจ้าพาข้าเข้ามาที่นี่ทำไม"
ไป๋เยี่ยนหลงจับมือของซินเยว่ขึ้นมากุมไว้หลวมๆ แล้วใช้สายตามองนางอย่างรักใคร่
"อีกเพียงไม่นานเจ้าจะได้รู้"
หลังจากที่ออกมาจากห้องลับซินเยว่ก็เอาแต่นั่งเงียบใช้ความคิดอยู่ในภวังค์ของตน ไป๋เยี่ยนหลงก็มิได้กล่าวอันใดออกมาทำเพียงเฝ้ามองนางอยู่ห่างๆ เสียงรายงานของเยี่ยเฉิงก็ดังขึ้นจากด้านนอกเรียกให้ทั้งสองคนที่จมอยู่ในความคิดของตนเองกลับมาสู่ปัจจุบัน
"ขออภัยท่าจ้าวผู้ครองนคร ท่านราชเลขาจงหู่ขออนุญาตเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ"
"อนุญาต"
เสียงไป๋เยี่ยนหลงดังออกมาจากในห้อง เยี่ยเฉิงทำหน้าที่เปิดประตูให้จงหู่เข้าไปด้านในตามมาด้วยเยี่ยจื่อด้านหลัง เมื่อเขาเข้าไปด้านในก็พบไป๋เยี่ยนหลงนั่งจิบชาอยู่กับซินเยว่ จงหู่และเยี่ยจื่อคุกเข่าลงยกกำปั้นขวาขึ้นทาบหน้าอกทำความเคารพ จงหู่แอบเหลือบตามองซินเยว่ที่นั่งเคียงข้าอยู่กับไป๋เยี่ยนหลง
"คารวะท่านจ้าวผู้ครองนครและเอ่อ..."
จงหู่ไม่ทราบว่าสตรีที่นั่งอยู่ด้านข้างนายท่านของเขาชื่ออะไรได้แต่พูดติดอ่างอยู่อย่างนั้น พลันความรู้สึกหนาวสั่นเสียวสันหลังเพราะแรงกดดันจากนายท่านที่ส่งมาที่เขาก็เกิดขึ้น เยี่ยจื่อเห็นดังนั้นก็รีบเข้าแก้สถานการณ์กระซิบบอกจงหู่เสียงเบา
"คุณหนูหยางซินเยว่"
จงหู่ลอบปาดเหงื่อที่หน้าผากของตนเอง ช่างน่าตายนักเขาน่าจะถามข้อมูลจากเยี่ยจื่อก่อนที่จะเข้ามารายงานกับนายท่านไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ จงหู่สบถด่าทอตนเองอยู่ในใจ
"ค ...คุณหนูหยาง"
ไป๋เยี่ยนหลงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ซินเยว่ได้แต่กลอกตาให้กับความเอาแต่ใจและอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของบุรุษผมสีเงินที่อยากจะรับมือขึ้นทุกวัน หนักยิ่งกว่านางร้ายในละครเสียอีก เยี่ยจื่อและเยี่ยเฉิงที่อยู่ในห้องก็ลอบถอนหายใจออกมาอย่าง โล่งอก จงหู่ไม่รีรอให้โทสะของนายท่านปะทุขึ้นมาอีกครั้งจึงรีบรายงานข้อมูลต่างๆ ที่ไป๋เยี่ยนหลงสั่งให้เขาจัดการก่อนที่จะไปเยือนแผ่นดินชิวหลิง
" เรียนท่าเจ้าผู้ครองนคร หลังจากที่ท่านเดินทางไปเยือนแผ่นดินชิวหลิง ข้าน้อยได้จับตาดูสามตระกูลใหญ่และขุมอำนาจในไป๋หลง เเต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เพียงแต่สัตว์อสูรเทวะภายในหุบเขาทมิฬเกิดอาการคลุ้มคลั่งเมื่อสามวันก่อนหน้าที่นายท่านจะกลับมา เหตุการณ์นี้คล้ายกับเมื่อสามร้อยปีที่แล้วที่มีสัตว์อสูรเทวะออกมาอาละวาดพ่ะย่ะค่ะ"
ไป๋เยี่ยนหลงมีสีหน้าดำมืดกําหมัดแน่นจนข้อนิ้วมือที่โผล่พ้นเเขนเสื้อออกมาเป็นสีขาว หัวคิ้วขอวเขาขมวดเข้าหากันไป๋เยี่ยนหลงกัดฟันจนสันกรามนูนขึ้นอย่างข่มอารมณ์
จงหู่เยี่ยจื่อและเยี่ยเฉิงทรุดลงกับพื้นแทบกระอักเลือดออกมาเพราะถูกพลังปราณของไป๋เยี่ยนหลงคุกคาม ความโกรธแค้นปะทุขึ้นทันทีจนแทบควบคุมตนเองไว้ไม่ได้เมื่อได้ยินรายงานจากจงหู่ ซินเยว่รีบจับมือของไป๋เยี่ยนหลงเพื่อเรียกสติของเขาก่อนที่บุรุษทั้งสามจะตายเสียก่อน
เมื่อไป๋เยี่ยนหลงได้สติกลับมาเขาหันมองสตรีที่เขารักจับมือของตนเขาก็วางมือของตัวเองไว้บนมือของนาง บุรุษทั้งสามที่คุกเข่าอยู่ต่างก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกันอย่างโล่งอกภายในใจก็รู้สึกขอบคุณซินเยว่ที่ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้"เอ่อ...คือ''จงหู่ลังเล่ที่จะรายงานเรื่องต่อไปแก่ไป๋เยี่ยนหลงเพราะเขากลัวว่าถ้าหากรายงานเรื่องนี้ไปนายท่านก็จะมีโทสะขึ้นมาอีกชีวิตนี้ของเขาคงต้องเอามาทิ้งไว้ที่นี่เสียแล้ว เขายังมิทันได้เเต่งงานเลยนะจงหู่โอดครวญในใจ ถ้าหากไป๋เยี่ยนหลงได้ยินความคิดของจงหู่เขาคงจะส่งราชเลขาคนนี้ไปสำนึกตนที่หุบเขาทมิฬเป็นแน่"รายงาน"ไป๋เยี่ยนหลงที่เห็นจงหู่ทำท่าลังเลจึงเอ่ยเตือนเขาเสียงเรียบแต่ใบหน้านั้นไม่เเสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา"จับตัวเซียนอักขระตี้ซางได้ที่แคว้นหานตานพ่ะย่ะค่ะ สามตระกูลใหญ่และขุมอำนาจแห่งไป๋หลงร่วมประชุมและลงมติว่าอีกห้าวันจะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองการกลับมาของท่านจ้าวผู้ครองนครและเปิดตัวว่าที่พระชายาพ่ะย่ะค่ะ"ไป๋เยี่ยนหลงใช้นิ้วชี้เคาะไปที่โต๊ะช้าๆ เป็นจังหวะ หัวใจของบุรุษทั้งสามต่างก็เต้นเป็นจังหวะตามเสียงเคาะนิ้วของเขา ชีพจรของพวกเขาตอนนี้เต้นระรัวแทบจะทะลุผิวหนังออกมาแล้วถ้
"มิใช่เช่นนั้นพวกเราอายุยืนก็จริงแต่ก็สามารถตายได้ เช่นถูกพิษ ถูกทำร้ายก็บาดเจ็บมีเลือดออกหรือถูกฆ่าก็ตายได้เช่นกัน เจ้าจำที่ข้าเล่าให้ฟังได้หรือไม่ เจ้าช่วยชีวิตหญิงท้องแก่กำลังคลอดแต่นางเสียชีวิตพร้อมเด็กทารกในครรภ์ นั่นก็เป็นอีกตัวอย่างทุกคนที่นี่สามารถตายได้เพียงแต่อายุจะหยุดลงที่ยี่สิบห้าปีและการถือกำเนิดของเจ้ามันคล้ายกับว่าเจ้าเป็นยาอายุวัฒนะ พวกที่มีอำนาจมืดในแผ่นดินไป๋หลงจึงต้องการตัวเจ้า หากตอนนี้พวกมันรู้ว่าเจ้าคือไซซีเมื่อสามร้อยปีก่อนและข้าคิดว่าพวกมันคงจะรู้แล้ว อีกไม่นานพวกมันคงจะหาทางมาเอาตัวเจ้าไปแน่"ไป๋เยี่ยนหลงอธิบายให้สตรีขี้หึงในอ้อมแขนของเขาฟังอย่างใจเย็นและทำท่านึกบางอย่างขึ้นมาได้"ข้ายังมีบางสิ่งที่ยังไม่ได้บอกเจ้า"ซินเยว่เลิกคิ้วขึ้นมองไป๋เยี่ยนหลงอย่างสงสัย บุรุษผมสีเงินยังคงอมพะนำมิยอมเอ่ยปาก เขาลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปให้ซินเยว่ นางมองมือเขาอย่างงงๆ แต่ก็ยังยื่นมือให้เขาและลุกขึ้นเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย ไป๋เยี่ยนหลงเดินเข้าไปด้านในสุดของห้องนอนเขายกมือขึ้นวาดอักขระที่ซินเยว่มองแล้วทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจว่าไป๋เยี่ยนหลงกำลังทำสิ่งใดเสียงคลืน!!ดังขึ้นคล้าย
ไป๋เยี่ยนหลงก้มมองใบหน้างามที่ยังคงงอง้ำ คำว่าแปดร้อยปีหนึ่งพันปีมันช่างทิ่มแทงเข้าไปในจิตใจของเขายิ่งนักในตอนนี้ความรู้สึกของเขาเหมือนตนกำลังหลอกให้เด็กมาแต่งงานด้วยมองย้อนกลับมาที่ตนเองแล้ว เขาช่างดูเหมือนตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เข้าไปทุกที"ถ้ารวมกับตอนนี้อายุของเจ้าก็เกือบๆ หกร้อยปี"ไป๋เยี่ยนหลงรีบเอ่ยแก้สถานการณ์ตรงหน้าก่อนที่เขาจะเป็นเฒ่าหลอกเด็กไปจริงๆ ซินเยว่ที่เสียความรู้สึกอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองบุรุษผมสีเงินที่นั่งอยู่ข้างกาย"จริงหรือข้าอายุหกร้อยปีเชียวหรือ ว้าว!!อเมซิ่งจริงๆ เลย"ซินเยว่เผลอพูดภาษาของโลกเก่าออกมาไป๋เยี่ยนหลงได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทางจริงจังของนาง ซินเยว่หรี่ตามองเขาอย่างเจ้าเล่ห์"แต่ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ยังเป็นเฒ่าพันปีอยู่ดี"(╥﹏╥) !! สีหน้าของบุรุษทั้งสามคนพวกเขาทั้งสี่คุยกันเรื่องอายุจนลืมไปแล้วว่ายังมีผู้คนนับร้อยที่ยืนอยู่ด้านล่างรอให้ไป๋เยี่ยนหลงสั่งการ การเดินทางมาที่แผ่นดินไป๋หลงในครั้งนี้ก็ไม่ได้แย่นักในความรู้สึกของซินเยว่ เพราะตอนนี้มันทำให้นางรู้สึกสนุกจนบอกไม่ถูกหลังจากที่ไป๋เยี่ยนหลง 'สร้างทอล์คออฟเดอะทาวน์ 'ให้กับผู้คนที่แผ่นดินไป๋หลงได้มีเรื่องให้ซ
ก่อนที่ซินเยว่จะทันได้สำรวจนครเทียนจิ่งและผู้คนให้ทั่วก็ปรากฏว่าเรือลอยฟ้าลำยักษ์ได้หยุดลงแล้ว ไป๋เยี่ยนหลงกวักมือเรียกซินเยว่ให้เดินไปหาเขาจากนั้นไป๋เยี่ยนหลงก็จูงมือนางเดินเข้าไปในปราสาทพร้อมๆ กันผู้คนที่มารอต้อนรับท่านจ้าวผู้ครองนครก็มายืนรวมตัวกันแล้วทำความเคารพไป๋เยี่ยนหลงอย่างพร้อมเพรียงแลดูยิ่งใหญ่อลังการยิ่งนัก และอีกคนที่พวกเขาให้ความสนใจเป็นจุดเดียวคือสตรีร่างเล็กที่ได้รับเกียรติเดินเคียงคู่มากับท่านจ้าวผู้ครองนครของพวกเขาซินเยว่ไม่ได้รู้สึกประหม่าแต่อย่างใดที่ถูกจับจ้องจากผู้คนมากมายเพราะนางชินเสียแล้วที่ถูกใครต่อใครจ้องมองไม่ว่าจะชื่นชมอิจฉาหรือรังเกียจมันเป็นเรื่องที่ธรรมดามากสำหรับมนุษย์ที่จะมีความรู้สึกเช่นนั้น ถ้าพวกเขาเห็นใครเหนือกว่าตนเองไป๋เยี่ยนหลงหยุดยืนอยู่กลางท้องพระโรงที่ถูกตกแต่งด้วยโคมระย้าอันใหญ่สวยงามไม่ต่างจากด้านนอก เขาจูงมือของซินเยว่ให้เดินขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์สีทอง ซินเยว่ยืนอยู่อย่างลังเลว่าจะนั่งลงดีหรือไม่เเต่ไป๋เยี่ยนหลงนั่งลงแล้วดึงซินเยว่ให้นั่งลงข้างเขา ผู้คนที่ตามเข้ามาด้านในถึงกับตะลึงต่างตกใจว่าเหตุใดนางถึงได้รับเกียรติอันสูงสุดนั่งเคียงคู่
เพราะความแตกต่างจึงทำให้ทั้งสองเข้ากันได้อย่างดี จากนั้นจึงบังเกิดเป็นความรักไป๋เยี่ยนหลงได้มอบลูกสัตว์อสูรสีดำแก่ไซซีเป็นของแทนใจและตั้งชื่อให้มันว่าเจ้าดำตามสีขนของมัน เวลาผ่านไปห้าสิบปีท่านจ้าวผู้ครองนครเทียนจิ่งได้คิดสละราชบัลลังก์เพื่อออกไปใช้ชีวิตอิสระ แต่เนื่องด้วยไม่มีบุตรและธิดาจึงได้แต่งตั้งให้ไป๋เยี่ยนหลงเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ตระกูลใหญ่และผู้มีอำนาจแห่งนครเทียนจิ่งต่างคัดค้านแต่ท่านจ้าวผู้ครองนครเทียนจิ่งได้ตัดสินใจแล้วพวกเขาจึงไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ทำได้เพียงคอยหาทางเล่นงานไป๋เยี่ยนหลงอยู่ในเงามืดไป๋เยี่ยนหลงหลังจากขึ้นครองบัลลังก์เขาก็ได้แต่งงานกับไซซีครองคู่กันอย่างมีความสุขเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อองครักษ์มารายงานว่าทางทิศเหนือถูกโจมตีด้วยสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ไป๋เยี่ยนหลงจึงต้องรีบออกไปเพื่อกำราบมัน หลังจากที่เขากลับมากลับพบว่าไซซีได้ถูกสังหารที่ผาจันทราแล้ว เรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าผ่านท่านจ้าวผู้ครองนครเทียนจิ่งมาที่ไป๋เยี่ยนหลงและเขานำมาเล่าให้ซินเยว่ฟังอีกทีตลอดเวลาของการเล่าเรื่องราวซินเยว่นั่งเงียบและฟังอย่างเดียวโดยไม่ออกความเห็นใดๆ แต่ในใจของนางลึกๆ กลับรู้สึกเจ็บ
ฮุ่ยหลิงพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว จิ่งเม่ยจึงรีบสั่งการนางกำนัลให้ไปขนเสื้อผ้าสัมภาระของฮุ่ยหลิงมาไว้ที่ตำหนักของตนก่อนที่นางจะเปลี่ยนใจกลับไปที่แคว้นฉิงอีกครั้งฉิงอิงหลางเมื่อได้รับรายงานจากคนสนิทของตนว่า หยางหลันฮวาต่อสู้กับซินเยว่จนทำให้งานชุมนุมประลองยุทธพังลงไม่เป็นท่าก็รู้สึกโมโหยิ่งนัก สตรีนางนี้สร้างแต่ปัญหาถ้าหากว่าไม่เห็นแก่หน้าแม่ทัพหยางเขาไม่มีทางที่จะพานางมาที่แคว้นจิ่งด้วยเป็นเเน่ สตรีที่มีดีแค่เพียงรูปกายภายนอกเช่นหยางหลันฮวาไม่เหมาะที่จะเป็นพระชายาของเขา ต้องสตรีที่งดงามและเก่งกล้าอย่างหยางซินเยว่เท่านั้นจึงจะเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายา"แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ใด"ฉิงอิงหลางเอ่ยถามคนสนิทที่กำลังยืนรายงานข้อมูล"นางอยู่ในมือของคนแผ่นดินไป๋หลงพ่ะย่ะค่ะ สายลับที่เราส่งไปรายงานว่าคนของแผ่นดินไป๋หลงได้พาตัวนางกลับไปด้วย""แล้วหยางซินเยว่ล่ะตอนนี้นางอยู่ที่ไหน"คนสนิทของฉิงอิงหลางมีท่าทีร้อนรนสายตาหลุกหลิกเมื่อผู้เป็นนายถามหาสตรีอีกคนก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก"อะ...เออนางก็ถูกพากลับไปด้วยพร้อมกับผู้คนแผ่นดินไป๋หลงพ่ะย่ะค่ะ"ฉิงอิงหลางตบโต๊ะเสียงดังสนั่นจนโต๊ะไม้เนื้อดีหั