ไป๋เยี่ยนหลงก้มมองใบหน้างามที่ยังคงงอง้ำ คำว่าแปดร้อยปีหนึ่งพันปีมันช่างทิ่มแทงเข้าไปในจิตใจของเขายิ่งนักในตอนนี้ความรู้สึกของเขาเหมือนตนกำลังหลอกให้เด็กมาแต่งงานด้วย
มองย้อนกลับมาที่ตนเองแล้ว เขาช่างดูเหมือนตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เข้าไปทุกที
"ถ้ารวมกับตอนนี้อายุของเจ้าก็เกือบๆ หกร้อยปี"
ไป๋เยี่ยนหลงรีบเอ่ยแก้สถานการณ์ตรงหน้าก่อนที่เขาจะเป็นเฒ่าหลอกเด็กไปจริงๆ ซินเยว่ที่เสียความรู้สึกอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองบุรุษผมสีเงินที่นั่งอยู่ข้างกาย
"จริงหรือข้าอายุหกร้อยปีเชียวหรือ ว้าว!!อเมซิ่งจริงๆ เลย"
ซินเยว่เผลอพูดภาษาของโลกเก่าออกมาไป๋เยี่ยนหลงได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทางจริงจังของนาง ซินเยว่หรี่ตามองเขาอย่างเจ้าเล่ห์
"แต่ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ยังเป็นเฒ่าพันปีอยู่ดี"
(╥﹏╥) !! สีหน้าของบุรุษทั้งสามคน
พวกเขาทั้งสี่คุยกันเรื่องอายุจนลืมไปแล้วว่ายังมีผู้คนนับร้อยที่ยืนอยู่ด้านล่างรอให้ไป๋เยี่ยนหลงสั่งการ การเดินทางมาที่แผ่นดินไป๋หลงในครั้งนี้ก็ไม่ได้แย่นักในความรู้สึกของซินเยว่ เพราะตอนนี้มันทำให้นางรู้สึกสนุกจนบอกไม่ถูก
หลังจากที่ไป๋เยี่ยนหลง 'สร้างทอล์คออฟเดอะทาวน์ 'ให้กับผู้คนที่แผ่นดินไป๋หลงได้มีเรื่องให้ซุบซิบกันไปอีกนาน เขาก็พาซินเยว่มาที่ตำหนักหลวงที่ที่นางเคยอาศัยอยู่เมื่อครั้งในอดีต ซินเยว่มองการตกแต่งของตำหนักหลวงแห่งนี้ด้วยสายตาตื่นตะลึงที่นี่ไม่ต่างจากสวรรค์เลยสักนิดเดียว
ดอกไม้หลากหลายชนิดถูกปลูกไว้อย่างเป็นระเบียบผลิดอกส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล เมื่อเข้ามาด้านในตำหนักยิ่งทำให้ซินเยว่ตื่นตะลึงมากกว่าเดิม ของใช้ทุกชิ้นที่วางอยู่ถูกทำขึ้นจากหยกสีขาวเนื้อละเอียดเมื่อสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกเย็นสบาย ของประดับทั้งตำหนักถูกตกแต่งด้วยคริสตัลและอัญมณีเขาคงร่ำรวยมากสินะ
ซินเยว่หันไปมองไป๋เยี่ยนหลงด้วยสายตาที่รู้สึกทึ่งปนสงสัยว่าเหตุใดเขาจึงรักไซซีและทำเพื่อนางมากมายขนาดนี้ เมื่อเห็นสิ่งของเหล่านี้ซินเยว่ก็รู้สึกหึงตัวเองในอดีตที่ไป๋เยี่ยนหลงนั้นทำให้นาง ถึงแม้ว่าไซซีจะตายไปแล้วเขาก็ยังคงรักนางเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง
"เจ้าคงรักนางมากสินะถึงได้ทำให้นางมากมายถึงเพียงนี้ดูสิ่งของเหล่านี้สิมิใช่ว่าคนธรรมดาจะหามาได้ข้ารู้สึกอิจฉานางจริงๆ นางคงจะมีความสุขที่ได้อยู่กับเจ้า ถ้าหากนางยังไม่ตายข้าคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้"
ซินเยว่ก้มหน้างุดเท้าเขี่ยพื้นไปมาเอ่ยกับไป๋เยี่ยนหลงคล้ายกับน้อยใจในสิ่งที่เขาทำให้ไซซี บุรุษผมสีเงินเดินเข้ามาทางด้านหลังของซินเยว่แล้วโอบกอดนางเอาไว้อย่างทะนุถนอม
"เหตุใดต้องหึงหวง นางก็คือเจ้าในอดีต เจ้ากำลังหึงตนเองหรือเจ้าตัวโง่งม"
ไป๋เยี่ยนหลงเอ่ยเย้าซินเยว่อย่างอารมณ์ดี เขาจับร่างเล็กที่ยังคงยืนก้มหน้าอยู่ในอ้อมแขนให้หมุนตัวมาหาเขาพลางใช้มือเรียวแตะปลายคางของนางให้ยกขึ้น
"มองตาข้า ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ในร่างใดรูปลักษณ์หาได้สำคัญ เพราะจิตวิญญาณที่อยู่ด้านในก็ยังคงเป็นเจ้าและข้าไป๋เยี่ยนหลงไม่เคยหยุดรักเจ้าต่อให้กาลเวลาผ่านไปหลายร้อยหลายพันปี"
กล่าวจบไป๋เยี่ยนหลงก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าหาร่างเล็กในอ้อมเเขนริมฝีปากของเขาแตะริมฝีปากของซินเยว่อย่างแผ่วเบา เหล่านางกำนัลที่ตามรับใช้เมื่อเห็นท่านจ้าวผู้ครองนครแสดงความรักต่อสตรีที่ท่านพามาก็รีบก้มหน้าถอยฉากหลบออกไปรอรับคำสั่งอยู่ด้านนอก
ไป๋เยี่ยนหลงยังคงสัมผัสอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากของซินเยว่โดยไม่สนใจนางกำนัลพวกนั้น ซินเยว่หลับตาลงเผยอปากขึ้นน้อยๆ ตอบรับจูบของเขาอย่างเต็มใจ ปลายลิ้นของนางถูกเขาเกี่ยวกระหวัดเข้าหาราวกับมีแรงดึงดูดมหาศาล มือข้างหนึ่งของไป๋เยี่ยนหลงกอดเอวนางแน่นมืออีกข้างจับท้ายทอยของนางให้ขยับมุมตามริมฝีปากของเขา
ซินเยว่เรียนรู้วิธีการจูบอย่างช่ำชองของไป๋เยี่ยนหลงนางทำใจกล้ารุกจูบเขาอย่างเก้ๆ กังๆ ไป๋เยี่ยนหลงส่งเสียงครางฮือในลำคออย่างพึงพอใจ เขาจงใจงับริมฝีปากล่างของนางอย่างแรงจากนั้นจึงเลื่อนริมฝีปากมาสัมผัสและพรมจูบไปทั่วใบหน้าของนางอย่างโหยหาและมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากของนางอีกครั้ง ปากของเขายังคงคลอเคลียอยู่ที่ริมฝีปากของซินเยว่ไม่ยอมห่าง ความรู้สึกบางอย่างถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้งเขาปล่อยให้มันเกิดขึ้นตอนนี้ไม่ได้
ก่อนที่เขาจะควบคุมตนเองไว้ไม่ให้รังแกร่างเล็กในอ้อมแขนไป๋เยี่ยนหลงจึงจำใจผละออกจากซินเยว่อย่างแสนเสียดาย เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงรอมานานตั้งสามร้อยปีรออีกสักหน่อยจะเป็นไรไป 'อีกไม่นานอดทนอีกหน่อยรออีกไม่นาน' ไป๋เยี่ยนหลงปลอบตนเองในใจ
ไป๋เยี่ยนหลงอุ้มซินเยว่ที่ตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงเพราะถูกเขาสูบพลังไปจนหมดเข้าไปในตำหนักกลางที่เป็นส่วนของห้องนอน เขาให้นางกำนัลดูแลความสะอาดให้อยู่ในสภาพเดิมเช่นเมื่อสามร้อยปีก่อน เขาวางนางลงบนเตียงกว้างที่นุ่มราวกับนอนบนปุยเมฆอย่างเบามือ ตัวเขาก็ล้มตัวลงนอนเคียงข้างนางและกอดนางเอาไว้อย่างทะนุถนอม
"หิวหรือไม่เจ้าอยากทานสิ่งใดเป็นพิเศษจงสั่งนางกำนัลพวกนางสามารถจัดหาให้เจ้าได้ทุกอย่าง"
ไป๋เยี่ยนหลงเอ่ยเอาใจคนตัวเล็กที่ยังอยู่ในอ้อมแขนเขา ใบหน้าของไป๋เยี่ยนหลงยังคงคลอเคลียอยู่บริเวณข้างใบหูของซินเยว่ไม่ยอมห่างทำให้ขนอ่อนบนกายนางพร้อมใจกันลุกชูชันขึ้นมาทันที ซินเยว่ไม่ได้ขัดขืนหรือผลักไสเขาออกนางชอบทุกครั้งที่ไป๋เยี่ยนหลงคลอเคลียอยู่ข้างกายนางมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้ต่อให้เขาต้องการมากกว่านี้นางก็เต็มใจ
ยอมให้เขาทั้งกายและใจของนางหากจะบอกว่านางยังเด็กอายุเพียงสิบห้าปีก็ไม่ถูกนักก็ไป๋เยี่ยนหลงบอกเองว่านางอายุห้าร้อยกว่าปีแล้วนี่นา ทั้งสองนอนคลอเคลียกันอยู่บนเตียงนุ่มอย่างลืมโลกภายนอก ไป๋เยี่ยนหลงเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับแผ่นดินไป๋หลงให้ซินเยว่ฟังร่างเล็กในอ้อมแขนก็นอนฟังอย่างตั้งใจ และยังไม่ลืมอธิบายเกี่ยวกับอายุของเขานั่นก็คือไป๋เยี่ยน หลงเป็นคนของแผ่นดินไป๋หลงโดยกำเนิดมิได้ใช้วิธีเพิ่มพลังปราณจนถึงขั้นบำเพ็ญตบะแล้วขึ้นมาอยู่ที่ไป๋หลง
หากซินเยว่สังเกตจะเห็นว่าผู้คนของแผ่นดินไป๋หลงจะไม่ค่อยมีคนแก่เพราะผู้คนส่วนใหญ่ถือกำเนิดที่นี่เมื่ออายุครบยี่สิบห้าปีใบหน้าและอายุของทุกคนก็จะไม่เปลี่ยนไป จะมีเพียงผู้คนที่จากแผ่นดินด้านล่างที่พลังปราณจนถึงขั้นสร้างฐานรากแล้วจึงจะสามารถขึ้นมาอยู่บนนี้ได้ พวกเขาจะถูกคัดเลือกในทุกๆ หนึ่งร้อยปีให้ขึ้นมาอยู่บนแผ่นดินไป๋หลง
"ชายแก่ที่เจ้าบอกว่าอายุมากกว่าข้าเขาอายุเพียงห้าร้อยปีเท่านั้น เพราะกว่าจะผ่านการบำเพ็ญขั้นสูงมาได้เขาก็แก่ตัวไปมากแล้วดังนั้นใบหน้าของเขาจึงหยุดอยู่ที่อายุสุดท้ายก่อนที่เขาจะบรรลุขั้น"
ซินเยว่พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วทำสายตาเจ้าเล่ห์
"แปลว่าผู้คนบนแผ่นดินไป๋หลงเป็นอมตะสินะถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็สามารถมีลูกเมียได้เรื่อยๆ อย่างนั้นสิเพราะว่าพวกเจ้าไม่มีวันตาย"
ไป๋เยี่ยนหลงส่ายหน้าให้กับความคิดของเจ้าตัวโง่งมน้อย
เมื่อไป๋เยี่ยนหลงได้สติกลับมาเขาหันมองสตรีที่เขารักจับมือของตนเขาก็วางมือของตัวเองไว้บนมือของนาง บุรุษทั้งสามที่คุกเข่าอยู่ต่างก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกันอย่างโล่งอกภายในใจก็รู้สึกขอบคุณซินเยว่ที่ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้"เอ่อ...คือ''จงหู่ลังเล่ที่จะรายงานเรื่องต่อไปแก่ไป๋เยี่ยนหลงเพราะเขากลัวว่าถ้าหากรายงานเรื่องนี้ไปนายท่านก็จะมีโทสะขึ้นมาอีกชีวิตนี้ของเขาคงต้องเอามาทิ้งไว้ที่นี่เสียแล้ว เขายังมิทันได้เเต่งงานเลยนะจงหู่โอดครวญในใจ ถ้าหากไป๋เยี่ยนหลงได้ยินความคิดของจงหู่เขาคงจะส่งราชเลขาคนนี้ไปสำนึกตนที่หุบเขาทมิฬเป็นแน่"รายงาน"ไป๋เยี่ยนหลงที่เห็นจงหู่ทำท่าลังเลจึงเอ่ยเตือนเขาเสียงเรียบแต่ใบหน้านั้นไม่เเสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา"จับตัวเซียนอักขระตี้ซางได้ที่แคว้นหานตานพ่ะย่ะค่ะ สามตระกูลใหญ่และขุมอำนาจแห่งไป๋หลงร่วมประชุมและลงมติว่าอีกห้าวันจะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองการกลับมาของท่านจ้าวผู้ครองนครและเปิดตัวว่าที่พระชายาพ่ะย่ะค่ะ"ไป๋เยี่ยนหลงใช้นิ้วชี้เคาะไปที่โต๊ะช้าๆ เป็นจังหวะ หัวใจของบุรุษทั้งสามต่างก็เต้นเป็นจังหวะตามเสียงเคาะนิ้วของเขา ชีพจรของพวกเขาตอนนี้เต้นระรัวแทบจะทะลุผิวหนังออกมาแล้วถ้
"มิใช่เช่นนั้นพวกเราอายุยืนก็จริงแต่ก็สามารถตายได้ เช่นถูกพิษ ถูกทำร้ายก็บาดเจ็บมีเลือดออกหรือถูกฆ่าก็ตายได้เช่นกัน เจ้าจำที่ข้าเล่าให้ฟังได้หรือไม่ เจ้าช่วยชีวิตหญิงท้องแก่กำลังคลอดแต่นางเสียชีวิตพร้อมเด็กทารกในครรภ์ นั่นก็เป็นอีกตัวอย่างทุกคนที่นี่สามารถตายได้เพียงแต่อายุจะหยุดลงที่ยี่สิบห้าปีและการถือกำเนิดของเจ้ามันคล้ายกับว่าเจ้าเป็นยาอายุวัฒนะ พวกที่มีอำนาจมืดในแผ่นดินไป๋หลงจึงต้องการตัวเจ้า หากตอนนี้พวกมันรู้ว่าเจ้าคือไซซีเมื่อสามร้อยปีก่อนและข้าคิดว่าพวกมันคงจะรู้แล้ว อีกไม่นานพวกมันคงจะหาทางมาเอาตัวเจ้าไปแน่"ไป๋เยี่ยนหลงอธิบายให้สตรีขี้หึงในอ้อมแขนของเขาฟังอย่างใจเย็นและทำท่านึกบางอย่างขึ้นมาได้"ข้ายังมีบางสิ่งที่ยังไม่ได้บอกเจ้า"ซินเยว่เลิกคิ้วขึ้นมองไป๋เยี่ยนหลงอย่างสงสัย บุรุษผมสีเงินยังคงอมพะนำมิยอมเอ่ยปาก เขาลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปให้ซินเยว่ นางมองมือเขาอย่างงงๆ แต่ก็ยังยื่นมือให้เขาและลุกขึ้นเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย ไป๋เยี่ยนหลงเดินเข้าไปด้านในสุดของห้องนอนเขายกมือขึ้นวาดอักขระที่ซินเยว่มองแล้วทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจว่าไป๋เยี่ยนหลงกำลังทำสิ่งใดเสียงคลืน!!ดังขึ้นคล้าย
ไป๋เยี่ยนหลงก้มมองใบหน้างามที่ยังคงงอง้ำ คำว่าแปดร้อยปีหนึ่งพันปีมันช่างทิ่มแทงเข้าไปในจิตใจของเขายิ่งนักในตอนนี้ความรู้สึกของเขาเหมือนตนกำลังหลอกให้เด็กมาแต่งงานด้วยมองย้อนกลับมาที่ตนเองแล้ว เขาช่างดูเหมือนตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เข้าไปทุกที"ถ้ารวมกับตอนนี้อายุของเจ้าก็เกือบๆ หกร้อยปี"ไป๋เยี่ยนหลงรีบเอ่ยแก้สถานการณ์ตรงหน้าก่อนที่เขาจะเป็นเฒ่าหลอกเด็กไปจริงๆ ซินเยว่ที่เสียความรู้สึกอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองบุรุษผมสีเงินที่นั่งอยู่ข้างกาย"จริงหรือข้าอายุหกร้อยปีเชียวหรือ ว้าว!!อเมซิ่งจริงๆ เลย"ซินเยว่เผลอพูดภาษาของโลกเก่าออกมาไป๋เยี่ยนหลงได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทางจริงจังของนาง ซินเยว่หรี่ตามองเขาอย่างเจ้าเล่ห์"แต่ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ยังเป็นเฒ่าพันปีอยู่ดี"(╥﹏╥) !! สีหน้าของบุรุษทั้งสามคนพวกเขาทั้งสี่คุยกันเรื่องอายุจนลืมไปแล้วว่ายังมีผู้คนนับร้อยที่ยืนอยู่ด้านล่างรอให้ไป๋เยี่ยนหลงสั่งการ การเดินทางมาที่แผ่นดินไป๋หลงในครั้งนี้ก็ไม่ได้แย่นักในความรู้สึกของซินเยว่ เพราะตอนนี้มันทำให้นางรู้สึกสนุกจนบอกไม่ถูกหลังจากที่ไป๋เยี่ยนหลง 'สร้างทอล์คออฟเดอะทาวน์ 'ให้กับผู้คนที่แผ่นดินไป๋หลงได้มีเรื่องให้ซ
ก่อนที่ซินเยว่จะทันได้สำรวจนครเทียนจิ่งและผู้คนให้ทั่วก็ปรากฏว่าเรือลอยฟ้าลำยักษ์ได้หยุดลงแล้ว ไป๋เยี่ยนหลงกวักมือเรียกซินเยว่ให้เดินไปหาเขาจากนั้นไป๋เยี่ยนหลงก็จูงมือนางเดินเข้าไปในปราสาทพร้อมๆ กันผู้คนที่มารอต้อนรับท่านจ้าวผู้ครองนครก็มายืนรวมตัวกันแล้วทำความเคารพไป๋เยี่ยนหลงอย่างพร้อมเพรียงแลดูยิ่งใหญ่อลังการยิ่งนัก และอีกคนที่พวกเขาให้ความสนใจเป็นจุดเดียวคือสตรีร่างเล็กที่ได้รับเกียรติเดินเคียงคู่มากับท่านจ้าวผู้ครองนครของพวกเขาซินเยว่ไม่ได้รู้สึกประหม่าแต่อย่างใดที่ถูกจับจ้องจากผู้คนมากมายเพราะนางชินเสียแล้วที่ถูกใครต่อใครจ้องมองไม่ว่าจะชื่นชมอิจฉาหรือรังเกียจมันเป็นเรื่องที่ธรรมดามากสำหรับมนุษย์ที่จะมีความรู้สึกเช่นนั้น ถ้าพวกเขาเห็นใครเหนือกว่าตนเองไป๋เยี่ยนหลงหยุดยืนอยู่กลางท้องพระโรงที่ถูกตกแต่งด้วยโคมระย้าอันใหญ่สวยงามไม่ต่างจากด้านนอก เขาจูงมือของซินเยว่ให้เดินขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์สีทอง ซินเยว่ยืนอยู่อย่างลังเลว่าจะนั่งลงดีหรือไม่เเต่ไป๋เยี่ยนหลงนั่งลงแล้วดึงซินเยว่ให้นั่งลงข้างเขา ผู้คนที่ตามเข้ามาด้านในถึงกับตะลึงต่างตกใจว่าเหตุใดนางถึงได้รับเกียรติอันสูงสุดนั่งเคียงคู่
เพราะความแตกต่างจึงทำให้ทั้งสองเข้ากันได้อย่างดี จากนั้นจึงบังเกิดเป็นความรักไป๋เยี่ยนหลงได้มอบลูกสัตว์อสูรสีดำแก่ไซซีเป็นของแทนใจและตั้งชื่อให้มันว่าเจ้าดำตามสีขนของมัน เวลาผ่านไปห้าสิบปีท่านจ้าวผู้ครองนครเทียนจิ่งได้คิดสละราชบัลลังก์เพื่อออกไปใช้ชีวิตอิสระ แต่เนื่องด้วยไม่มีบุตรและธิดาจึงได้แต่งตั้งให้ไป๋เยี่ยนหลงเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ตระกูลใหญ่และผู้มีอำนาจแห่งนครเทียนจิ่งต่างคัดค้านแต่ท่านจ้าวผู้ครองนครเทียนจิ่งได้ตัดสินใจแล้วพวกเขาจึงไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ทำได้เพียงคอยหาทางเล่นงานไป๋เยี่ยนหลงอยู่ในเงามืดไป๋เยี่ยนหลงหลังจากขึ้นครองบัลลังก์เขาก็ได้แต่งงานกับไซซีครองคู่กันอย่างมีความสุขเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อองครักษ์มารายงานว่าทางทิศเหนือถูกโจมตีด้วยสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ไป๋เยี่ยนหลงจึงต้องรีบออกไปเพื่อกำราบมัน หลังจากที่เขากลับมากลับพบว่าไซซีได้ถูกสังหารที่ผาจันทราแล้ว เรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าผ่านท่านจ้าวผู้ครองนครเทียนจิ่งมาที่ไป๋เยี่ยนหลงและเขานำมาเล่าให้ซินเยว่ฟังอีกทีตลอดเวลาของการเล่าเรื่องราวซินเยว่นั่งเงียบและฟังอย่างเดียวโดยไม่ออกความเห็นใดๆ แต่ในใจของนางลึกๆ กลับรู้สึกเจ็บ
ฮุ่ยหลิงพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว จิ่งเม่ยจึงรีบสั่งการนางกำนัลให้ไปขนเสื้อผ้าสัมภาระของฮุ่ยหลิงมาไว้ที่ตำหนักของตนก่อนที่นางจะเปลี่ยนใจกลับไปที่แคว้นฉิงอีกครั้งฉิงอิงหลางเมื่อได้รับรายงานจากคนสนิทของตนว่า หยางหลันฮวาต่อสู้กับซินเยว่จนทำให้งานชุมนุมประลองยุทธพังลงไม่เป็นท่าก็รู้สึกโมโหยิ่งนัก สตรีนางนี้สร้างแต่ปัญหาถ้าหากว่าไม่เห็นแก่หน้าแม่ทัพหยางเขาไม่มีทางที่จะพานางมาที่แคว้นจิ่งด้วยเป็นเเน่ สตรีที่มีดีแค่เพียงรูปกายภายนอกเช่นหยางหลันฮวาไม่เหมาะที่จะเป็นพระชายาของเขา ต้องสตรีที่งดงามและเก่งกล้าอย่างหยางซินเยว่เท่านั้นจึงจะเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายา"แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ใด"ฉิงอิงหลางเอ่ยถามคนสนิทที่กำลังยืนรายงานข้อมูล"นางอยู่ในมือของคนแผ่นดินไป๋หลงพ่ะย่ะค่ะ สายลับที่เราส่งไปรายงานว่าคนของแผ่นดินไป๋หลงได้พาตัวนางกลับไปด้วย""แล้วหยางซินเยว่ล่ะตอนนี้นางอยู่ที่ไหน"คนสนิทของฉิงอิงหลางมีท่าทีร้อนรนสายตาหลุกหลิกเมื่อผู้เป็นนายถามหาสตรีอีกคนก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก"อะ...เออนางก็ถูกพากลับไปด้วยพร้อมกับผู้คนแผ่นดินไป๋หลงพ่ะย่ะค่ะ"ฉิงอิงหลางตบโต๊ะเสียงดังสนั่นจนโต๊ะไม้เนื้อดีหั